ตอนที่ 83 โอกาสของบริษัทรักษาความปลอดภัย
ฮาร์ดี้คอยปกป้องเทย์เลอร์ไว้ภายใต้ร่างกายของเขา
พร้อมกับเสียงของกระสุนปืนและระเบิดที่ดังอยู่ข้างนอกตลอดเวลา
แต่เทย์เลอร์ก็พบว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
เธอซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนฮาร์ดี้…
เธอรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยอย่างที่เธอไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหนมาก่อน ราวกับว่าเธอไม่ต้องรู้สึกกังวลกับเรื่องราวใดๆ เมื่อเธอได้ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา…
เทย์เลอร์หันไปมองด้านนอก
การปล้นจบลงแล้ว และพวกโจรก็หนีไปแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากมุมตึก
ทั้งสองก็เห็นแต่ความวุ่นวายบนถนน
ผู้คนที่กำลังเดินไปมาถูกฆ่า
บางคนก็ได้รับบาดเจ็บและนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น
ส่วนธนาคารยิ่งแย่กว่า กระจกทั้งหมดโดนแรงระเบิดและภายในก็เละเทะเป็นอย่างมาก
ฮาร์ดี้มองขึ้นไปที่ป้ายชื่อธนาคาร ‘ธนาคารแห่งอเมริกาสาขาลอสแองเจลิส’
ฮาร์ดี้รู้จักธนาคารนี้
ไม่สิ ต้องบอกว่าคนรุ่นหลังจะรู้จักธนาคารนี้แน่นอน
มันเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ที่มีสาขาอยู่เต็มไปหมด
แม้แต่ในปีนี้ 1946 ธนาคารแห่งนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำในแคลิฟอร์เนียเช่นกัน
เขายังรู้อีกว่าธนาคารนี้เป็นที่แรกที่คิดค้นบัตรเครดิตขึ้นมาใน ปี 1959
…
ฮาร์ดี้สงสัยว่าแก๊งไหนที่ทำการโจรกรรมครั้งนี้
แน่นอนว่า ต้องไม่ใช่แก๊งของบิล
ฮาร์ดี้ได้ออกคำสั่งที่เข้มงวดกับเขาไว้แล้ว
แก๊งของบิลจะทำแต่ธุรกิจสีเทาเท่านั้น
พวกค้ายาเสพติด การโจรกรรม ฮาร์ดี้จะไม่ให้พวกเขาทำ
เพราะแค่สล็อตแมชชีนก็ทำเงินได้มากมายแล้ว
แก๊งยิวเหรอ?
ไม่น่าใช่
พวกมันปล้นได้บ้าคลั่งเกินไป
ขว้างระเบิดระหว่างการปล้น ยิงกราดไปทั่วโดยไม่สนใจอะไร
สิ่งนี้เป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้ายเกินไป
และในตอนสุดท้ายหลังจากขนเงินเสร็จ พวกมันยังทำการขว้างระเบิดเข้าไปในธนาคารอีก
ซึ่งการกระทำเหล่านี้บ่งบอกได้ว่า พวกมันเป็นคนที่ชั่วช้ากลุ่มหนึ่ง
และมันก็ไม่ใช่สไตล์ของแก๊งยิวแน่นอน
ไอริชหรือเม็กซิกันหรือว่าพวกหิวโหยจากที่อื่น?
ฮาร์ดี้เดาไม่ออกจริงๆ
…
เขาจูงมือเทย์เลอร์ออกมาจากที่ที่วุ่นวายและขี่มอเตอร์ไซร์ไปส่งเธอที่บ้าน
ที่หน้าประตูบ้าน
เทย์เลอร์มองไปที่ฮาร์ดี้และถามว่า “คุณฮาร์ดี้…คุณจะสอนฉันอีกใช่ไหมค่ะ?”
ฮาร์ดี้ลูบหัวของเธอ “เดียวทีมงานจะส่งบทภาพยนตร์มาให้เธอในอีกสองวัน ระหว่างนี้พยายามฝึกฝนตัวเองให้มากๆ ฉันจะมาเมื่อมีเวลา ถ้าเธอไม่เข้าใจอะไรก็ให้โทรมาถามฉันได้”
เทย์เลอร์พยักหน้าอย่างจริงจัง
หลังจากบอกลาเทย์เลอร์ เขาก็กลับไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยเพื่อไปพบกับแลนสเตอร์ “เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว มีการปล้นธนาคารที่ถนนเมรี่แมน ซึ่งฉันอยู่ตรงนั้นพอดีด้วย”
“มีโจรทั้งหมด 6 คน พร้อมกับมีระเบิดและปืนกลหนักอยู่ด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนรอบๆ รถขนเงิน 8 คนถูกฆ่าตาย และมีผู้บริสุทธิ์หลายคนที่โดนลูกหลงในเหตุการณ์ปล้นครั้งนี้ ซึ่งก่อนที่พวกมันจะจากไป พวกมันได้ขว้างระเบิด 2 ลูกเข้าไปในธนาคารอีกด้วย”
“กล่องเก็บเงินมี 4 กล่องก็โดนเอาไปหมด และฉันคิดว่าความเสียหายครั้งนี้น่าจะมากกว่าหนึ่งแสนดอลลาร์ แลนสเตอร์คุณคิดว่าตำรวจจะจับพวกโจรนี้ได้ไหม?”
แลนสเตอร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและก็ส่ายหัว “ตราบใดที่พวกเขาเป็นชาวอเมริกัน จะไม่มีใครเชื่อมั่นในตำรวจเลยสักนิด นายรู้ไหม? ฉันกำลังตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับการปล้นพวกนี้ แค่เฉพาะปีที่แล้วก็มีการปล้นในลักษณะนี้จำนวน 12 ครั้ง! การสูญเสียรวมๆ แล้วเป็นล้านดอลลาร์ ส่วนการแก้ไขคดีนะเหรอ? ฉันรู้ว่าไขคดีได้แค่คดีเดียวเท่านั้นเอง ส่วนคดีอื่นๆ นะจมหายไปหมดแล้ว”
“แลนสเตอร์ ฉันคิดว่าโอกาสของเรามาถึงแล้ว” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“โอ้ นายคิดอะไรออกเหรอ?” แลนสเตอร์ถามด้วยความสงสัย
ฮาร์ดี้จุดบุหรี่ ยกขึ้นมาดูดและค่อยๆ อธิบาย “นายลองคิดดูสิ…ถ้าเราหาพวกโจรเจอแล้วนำเงินกลับไปได้ พวกเขาจะคิดอย่างไร?”
แลนสเตอร์หยุดคิดและพูดว่า “ถึงธนาคารจะถูกปล้น แต่พวกเขาก็มีประกัน ทำให้ธนาคารไม่ขาดทุนอะไรเลยด้วยซ้ำ และถ้าเอาเงินคืนกลับไปได้ มันก็จะดีต่อชื่อเสียงของธนาคารอีกใช่ไหม?”
“พวกเขาสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ได้! ว่าธนาคารของพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนและสามารถยืนยันว่าจะปกป้องทรัพย์สินของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธนาคาร”
ฮาร์ดี้ตบมือ
“ใช่แล้ว! มันคือชื่อเสียงนี้แหละ ชื่อเสียงของธนาคาร ที่จุดๆ นี้เราสามารถเข้าไปแทรกแซงได้!”
ฮาร์ดี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาบิล
“บิล มีการปล้นธนาคารที่ถนนเมรี่แมนเมื่อตอนบ่าย มีโจรทั้งหมดหกคน ฉันอยากให้ไปตรวจสอบและค้นหาเบาะแสของโจรเหล่านี้มาให้หน่อย”
“ครับบอส!”
บิลตกลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากวางสายจากบิล ฮาร์ดี้ก็โทรเฟร็ด หัวหน้าของแก๊งยิว เพื่อบอกเขาเกี่ยวกับปล้นครั้งนี้
เฟร็ดขมวดคิ้วอย่างหนัก
เพราะถนนเมรี่แมนถือเป็นเขตของแก๊งยิว
“เฟร็ด ฉันหวังว่าแก๊งยิวจะช่วยค้นหาเบาะแสและที่อยู่ของโจรพวกนี้ได้” ฮาร์ดี้กล่าว
“นายจะทำอะไร ฮาร์ดี้?”
“ผมแค่จะทำธุรกิจอะไรนิดหน่อยกับโจรพวกนั้น”
“จะโขมยเงินพวกมันเหรอ?”
“ไม่! แค่จะช่วยให้ธนาคารได้เงินคืนเท่านั้น”
หลังจากวางสายของเฟร็ด ฮาร์ดี้ก็พูดกับแลนสเตอร์ว่า “ส่งคนจากบริษัทรักความปลอดภัยออกไป ให้พวกเขาลองหาเบาะแสและดูว่าพวกเขาจะหาอะไรได้บ้าง”
“ตกลง ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย” แลนสเตอร์ตอบ
หลังจากฮาร์ดี้โทรศัพท์แค่ไม่กี่ครั้ง
กองกำลังใต้ดินในลอสแองเจลิสก็เริ่มค้นหาที่อยู่ของโจรทันที
วันต่อมา
พาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ทั้งรายใหญ่และรายย่อยในลอสแองเจลิสต่างก็เป็นหัวข้อเกี่ยวกับการปล้นธนาคาร
และฮาร์ดี้ก็อ่านข่าวขณะกินอาหารเช้าอยู่
ลอสแอนเจลิสไทมส์
‘เมื่อวานได้มีเหตุการณ์ปล้นธนาคารที่ถนน เมรี่แมนซึ่งรถบรรทุกขนเงินของธนาคารแห่งอเมริกาสาขาลอสแองเจลิสกำลังขนเงินกันอยู่ และได้มีรถสีดำจำนวน 4 คัน พร้อมกับกลุ่มชายที่สวมหมวกปิดใบหน้า มีอาวุธครบมือไม่ว่าจะเป็นปืนกลหนักและระเบิดมือ ได้ทำการโจรกรรมอย่างอุกอาจ ทำให้มีการสูญเสียทั้งหมดแปดคนและจำนวนเงิน 1.28 ล้านดอลลาร์’
‘ระหว่างการปล้น โจรคนหนึ่งได้ใช้ระเบิดและปืนกลยิงกราดไปทั่ว ทำให้ผู้บริสุทธิ์ที่กำลังเดินอยู่ข้างถนนได้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย’
‘ก่อนที่พวกโจรจะจากไป หนึ่งในนั้นได้ขว้างระเบิด 2 ลูกเข้าไปในธนาคาร ทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวน 2 คน และบาดเจ็บ 11 คน’
‘เหตุการณ์นี้เป็นการปล้นที่อุกอาจอย่างยิ่ง พวกโจรเหล่านี้ไร้มนุษย์ธรรมและกราดยิงสังหารแม้กระทั่งผู้บริสุทธิ์ ทำให้ยอดเสียชีวิตทั้งหมด 13 คน และบาดเจ็บอีก 16 คน ทางเราขอประณามพฤติกรรมนี้ และขอให้กรมตรวจลอสแองเจลิสเร่งดำเนินการจับกุมให้ได้โดยเร็ว’
หนังสือพิมพ์มาพร้อมภาพถ่ายที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งธนาคารได้โดนระเบิดจนจำแทบไม่ได้ และมีผู้บริสุทธิ์เดินออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนเลือด
มีคนหนึ่งที่อธิบายขั้นตอนการโจรกรรม เขาพูดว่า “ลอสแองเจลิสมีการปล้นธนาคารมากกว่าหนึ่งโหลในทุกปี ทำให้ธนาคารและประชาชนสูญเสียอย่างมหาศาล และมีบางคนถึงกับเรียกลอสแองเจลิสว่า ‘เมืองหลวงแห่งอาชญากรของโลก ’เลยด้วยซ้ำ!”
“แต่กรมตำรวจลอสแองเจลิสก็ไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเขาปล่อยให้ผู้คนหวาดกลัวอยู่ทุกวันนี้ และในฐานะที่เป็นเมืองใหญ่อันดับสองในสหรัฐอเมริกา เป็นที่ตั้งของฮอลีวูด แต่ความปลอดภัยแบบนี้จะทำให้เมืองพัฒนาต่อไปได้อย่างไร เงินที่ประชาชนเสียภาษีไปอยู่ที่ไหน?”
หนังสือพิมพ์รวมๆ แล้วกว่าสิบฉบับ นอกจากจะรายงานข่าวเกี่ยวกับการปล้นแล้ว
ยังวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอีกว่าไม่ทำงานและตำรวจก็ไร้ความสามารถ
ที่ศาลากลาง
นายกเทศมนตรีเรียก ผู้บัญชาการตำรวจเอ็ดมาดุด่าอย่างรุนแรง
พร้อมกับบอกว่าให้เร่งแก้ไขคดีให้ไว้ที่สุด
ซึ่งเอ็ดได้แต่ก้มหน้าลงต่ำ
“เจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารแห่งอเมริกาได้โทรหาฉันและบอกว่า นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ธนาคารสาขาลอสแองเจลิสได้ถูกปล้นในรอบ 5 ปี ซึ่งมันส่งผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของธนาคาร ซึ่งพวกเขาก็ต้องการคำอธิบาย”
“เอ็ด ฉันไม่สนว่าคุณจะใช้วิธีไหนในการจับเจ้าพวกบ้านี้! ไม่ว่าจะจับเป็นหรือตาย! ฉันก็อยากจะเห็นผลลัพธ์สักอย่าง”
กลับมาที่สถานีตำรวจ
เอ็ดได้กระจายความโกรธทั้งหมดไปที่ลูกน้องของเขา
และในขณะที่สาปแช่งพวกขยะ เขาก็ไล่ลูกน้องให้ออกไปจับโจรให้ได้อย่างน้อยสักคน
หลังจากที่พวกลูกน้องจากไป เอ็ดก็นั่งบนเก้าอี้แล้วถอนหายใจ
อันที่จริงเขารู้ดีอยู่แก่ใจ
ความเป็นไปได้ในการจับพวกโจรได้นั้นมีน้อยมาก
อย่างในการปล้นครั้งนี้ มันก็มีจุดเชื่อมกันอย่างน่าประหลาด
บางทีอาจจะมีหนอนอยู่ภายในนี้ก็ได้
และในเวลาสั้นๆ ยังไงก็หาอะไรไม่เจอหรอก
เพราะพวกโจรลงมือได้เป็นระเบียบเกินไป
แต่ยังไงซะ
แค่รอสักครู่
ปล่อยให้ผ่านไปสักสองสามวัน
เดียวผู้คนก็ค่อยๆ ลืมมันไป
มันก็แค่ผ่านไปเฉยๆ
ทว่าจู่ๆ ในวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวด่วนขึ้นมาในหนังสือพิมพ์ โดยธนาคารแห่งอเมริกาได้แสดงความโกรธและให้รางวัลนำจับถึง 20,000 ดอลลาร์
พวกเขาต้องการให้โจรได้มารับโทษ
…
หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้พิมพ์ซ้ำมาระยะหนึ่งแล้ว
นายกเทศมนตรีได้เรียกเอ็ดมาต่อว่าอีกครั้ง และบอกให้เขาคลี่คลายคดีให้ได้ภายในครึ่งเดือน
ถ้าเขาแก้คดีไม่ได้ เขาจะถูกถอดออกจะตำแหน่งไป
เอ็ดเรียกรองผู้บังคับบัญชามาถามว่ามีเบาะแสอะไรบ้างไหม
เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
เอ็ดชี้ไปที่สองสามคนและด่าพวกเขา
“ถ้าคดียังคลี่คลายไม่ได้ภายใน 15 วัน ฉันจะโดนไล่ออก! แต่พวกนายวางใจได้ ฉันจะไล่พวกนายออกไปก่อนที่ฉันจะไปอย่างแน่นอน! แล้วตอนนี้ก็ระดมพลออกไปค้นหาเบาะแสได้แล้ว!”
พวกเขาหลายคนรีบวิ่งออกไป
ห้าวันผ่านไปในพริบตา
ดูเหมือนพวกโจรจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ตำรวจไม่พบเบาะแสใดๆ เลยสักนิด
ทำให้ตอนนี้เอ็ดรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ณ สำนักงานของฮาร์ดี้ที่บริษัทรักษาความปลอดภัย
ฮาร์ดี้และแลนสเตอร์กำลังกางแผนที่ของลอสแองเจลิสขณะที่แลนสเตอร์กำลังวาดวงกลมสีแดงลงไป
“พวกโจรอยู่ที่นี่ ในโรงงานรีไซเคิล”
ฮาร์ดี้ยิ้มอย่างช้าๆ “อยู่ในเขตของไอริช? ดีจริงๆ!”
เพื่อหาตำแหน่งที่กบดานของโจรเหล่านี้ ฮาร์ดี้ได้ใช้ความพยายามอย่างมาก
เขาระดมคนในมือทั้งหมดเพื่อหาเบาะแสที่สามารถเป็นประโยชน์สำหรับงานนี้
และในร้านขายรถมือสองชายคนหนึ่งได้แจ้งเบาะแสมาว่า มีคนกลุ่มหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเขาขับรถสีดำที่คล้ายกับพวกโจรใช้ในการปล้น
ฮาร์ดี้จำได้ดีถึงยี่ห้อรถพวกนั้น
แต่นี่ก็ไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่สำคัญคือชายคนที่ขายรถมือสองบอกว่า รถของพวกเขานั้นเพียงพอที่จะใส่กล่องเงินสดได้เป็นโหลๆ
ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้สนใจ แต่หลังจากที่ให้คนจากบริษัทตรวจสอบแล้ว
เขาก็คิดว่าเบาะแสนี้ตรงกับที่พวกเขาต้องการ
เพราะผู้ชายคนนี้บรรยายลักษณะของคนที่ขับรถพวกนี้ได้
ซึ่งในการปล้นวันนั้น โจรเหล่านี้ได้สวมหน้ากากทำให้ไม่มีใครรู้ว่าโจรเหล่านี้เป็นใคร
และหลังจากที่หาเบาะแสไปเรื่อยๆ และมากขึ้น มากขึ้นไปอีก
ในที่สุดพวกโจรก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้
ที่โรงงานขยะแห่งหนึ่ง ได้มีการขโมยของเกิดขึ้นซึ่งเป็นบุคคลที่บิลกำลังมองหาอยู่พอดี
ในวันเดียวกันแลนสเตอร์ก็ได้ส่งทีมสอบสวนออกไปสำรวจผู้ชายคนนี้ และก็พบว่าเขาอาศัยอยู่ในโรงงานรีไซเคิลพร้อมกับรถสีดำที่จอดอยู่
…
หากคุณกำลังมองหาใครสักคน
ชาวแก๊งเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากกว่าตำรวจเป็น 10,000 เท่าๆ
แลนสเตอร์มองไปที่ฮาร์ดี้แล้วถามว่า “นายจะทำอะไรต่อไป? เข้าไปจับกุมเลยไหม?”
ฮาร์ดี้ยิ้ม
“ไม่ต้องรีบ ให้คนของเราจับตามองพวกโจรเหล่านี้ก่อน ไม่ต้องทำอะไร ถ้าพวกมันยังไม่หนี”
“แล้วพรุ่งนี้ ให้นายไปที่ธนาคารแห่งอเมริกา ไปคุยกับเขาสักหน่อย เพราะบางที่เขาอาจจะเป็นลูกค้ารายแรกของเรา”
“แล้วฉันจะไปคุยกับเอ็ดเอง ฉันได้ยินมาว่านายกเทศมนตรีออกคำสั่งชี้ชะตาให้เขาแล้ว ถ้าเขาไม่คลี่คลายคดีให้ได้ภายในครึ่งเดือน เขาจะโดนดีดออกอย่างแน่นอน และฉันคิดว่าบริษัทเอชดีของเราสามารถเป็นพันธมิตรกับตำรวจได้”
“มีหลายสิ่งที่เราสามารถทำได้ในตอนนี้ และพวกเราต้องทำมันให้เต็มที่!”
จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งคุยรายละเอียดกันเพิ่ม