ตอนที่ 68 หัวหน้าแก๊งคนใหม่
หลังจากเข้ายึดแก๊งสเปนฮาร์ดี้ก็มีความคิดใหม่ ซึ่งเขาเข้าร่วมแก๊งเพื่อยกระดับตัวเอง แต่ตอนนี้เป้าหมายของเขาไม่จบแค่หัวหน้าแก๊งในลอสแองเจลิสเท่านั้น
อายุสามสิบถึงห้าสิบปีเป็นวัยที่เหมาะสมกับการทำงานในแก๊ง
แต่ในอีกหลายสิบปีต่อจากนี้รัฐบาลได้เพิ่มการปราบปรามอันธพาลในหลายพื้นที่ อำนาจและอิทธิพลของแก๊งถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จะพัฒนาให้ตัวเองกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
ส่งผลให้มาเฟียแต่ละตระกูลก็ถูกทำลายลงเรื่อยๆ
พวกเขาไม่สามารถดึงตระกูลตัวเองให้กลับมาเข้าสู่กระแสอำนาจหลักของสังคมได้ด้วยซ้ำ
นิตยสารฉบับหนึ่งเคยจัดอันดับรายชื่อกลุ่มมหาอำนาจที่มีหัวหน้าแก๊งที่แข็งแกร่งที่สุด 50 คนในสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตามหลายทศวรรษต่อมาบุคคล 50 คนที่อยู่ในรายชื่อส่วนใหญ่ถูกส่งเข้าคุก บางคนเสียชีวิต มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิต
ฮาร์ดี้ไม่ต้องการมีช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์แล้วจบลงอย่างสูญเปล่าแบบนั้น
ในฐานะผู้ก้าวข้ามมิติกาลเวลา เขาเข้าใจการพัฒนาต่างๆ ในสังคมและการเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นหลังเป็นอย่างดี
เขารู้วิธีการทำเงินที่ถูกกฎหมายมากมาย เขาจะไม่ยอมเดินทางไปพบจุดจบทางโลกใต้ดินเด็ดขาด
ทุกวันนี้เขาให้บิลเข้าควบคุมกิจการของแก๊งและปล่อยให้บิลทำทุกอย่าง เพื่อปลูกฝังความสามารถในการจัดการคนให้บิล
และฮาร์ดี้เตรียมที่จะซ่อนตัวตนในโลกใต้ดินของเขาให้หายไป
อย่างน้อยต้องทำให้คนทั่วไปไม่มีวันรู้ว่าเขาเป็นอันธพาล
ซีเกลมองฮาร์ดี้อยู่นานจนในที่สุดก็ถามบางอย่าง “นายอยากจะอยู่เบื้องหลังเหมือนฉันงั้นเหรอ”
“คล้ายๆ แบบนั้น”
“นายเชื่อใจพี่น้องที่นายปล่อยให้จัดการแก๊งหรือเปล่า?”
“เชื่อใจ!”
ซีเกลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ก็ได้ทำในสิ่งที่นายอยากทำเถอะ!”
“ฉันจะโทรหาเฟร็ดและบอกเขาเกี่ยวกับการตัดสินใจของนาย มันจะช่วยให้นายสามารถร่วมมือกับเฟร็ดได้ในอนาคต”
“ขอบคุณครับคุณซีเกล”
“อย่าขอบคุณฉันเลย ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการทำงานอย่างหนักของนาย เอาล่ะ! มากับฉันสิฉันจะพาไปดูรอบๆ ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปแล้วบ้าง” ซีเกลลุกขึ้นและพาฮาร์ดี้เข้าไปในคาสิโน
ทั้งสองคุยกันตลอดทางซีเกลพรรณนาให้ฮาร์ดี้ฟังไม่หยุดว่าในอนาคตที่นี้จะสวยงามขนาดไหน แถมซีเกลยังทำทุกอย่างตามแผนการของเขา
แค่การวางกระเบื้องเขายังคอยเช็คแล้วเช็คอีก เขาปฏิบัติต่อที่นี้เหมือนกำลังสร้างงานศิลปะชิ้นหนึ่ง และตอนนี้มีการขุดแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ด้านหลังคาสิโน ทั้งสองยืนอยู่ริมแม่น้ำ สูบบุหรี่และพูดคุยกัน
“ปัญหาใหญ่ที่ฉันกำลังเผชิญอยู่คือเงินก่อสร้างไม่เพียงพอ ฉันลงทุนไป 1.3 ล้านดอลลาร์แล้ว และผู้ถือหุ้นอีกสี่รายลงทุน 2.4 ล้านดอลลาร์ ฉันรู้ว่าเงินเท่านี้ไม่เพียงพอแน่นอน ตอนนี้ฉันใช้จ่ายไปแล้วกว่า 3 ล้านดอลลาร์ และที่เหลืออีกหลายโครงการที่ต้องสร้างต่อ อย่างน้อยต้องมีเงินลงทุนอีก 4 ล้าน แต่ผู้ถือหุ้นที่เหลือคงไม่ยอมให้เงินฉันแล้ว”
ซีเกลบ่นเล็กน้อย
“คุณซีเกลหลังจากที่เข้าครอบครองแก๊งสเปน ผมปล่อยให้ลูกน้องจัดการเรื่องธุรกิจด้วยตัวเอง แต่ไม่นับธุรกิจยาเสพติด ตอนนี้ทำให้มีกำไรต่อปีประมาณ 450,000 ดอลลาร์” ฮาร์ดี้กล่าว
ซีเกลคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
450,000 ดอลลาร์
เขาจะได้ส่วนแบ่ง 30% นั่นเป็นเพียง 135,000 ดอลลาร์เท่านั้น
ถึงจะได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย
เขารู้ว่ารายได้หลักของแก๊งสเปนมาจากผงโคเคน แต่ซีเกลไม่เห็นด้วยกับธุรกิจยาเสพติด ทำให้รายได้ที่เหลือก็มีเพียงธุรกิจใต้ดินทั่วไป
ฮาร์ดี้พูดต่อ
“เมื่อเร็วๆ นี้ผมมีอีกธุรกิจหนึ่งคือการวางเครื่องสล็อตแมชชีนและเครื่องพินบอลในบาร์ ช่างทำผม และร้านสะดวกซื้อ จากการคำนวณคาดว่ารายได้ต่อปีจะสูงถึง 600,000 ถึง 800,000 ดอลลาร์ ซึ่งมันเป็นธุรกิจที่มีรายได้ค่อนข้างยั่งยืน”
ผลจากการคำนวณครั้งก่อนของบิลคือเขาสามารถทำเงินได้ประมาณ 1.6 ล้านดอลลาร์ต่อปี แต่นั่นไม่ใช่ผลกำไรเลยทีเดียว เพราะเงินเดือนของสมาชิกแก๊ง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมไปถึงการติดสินบนผู้บัญชาการเอ็ดอีก
ด้วยการประเมินจากการหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้กำไรประจำปีจะได้ประมาณ 600,000 ถึง 800,000 ดอลลาร์
ถ้าแบ่งส่วนให้ซีเกลก็จะเหลือประมาณ 180,000 ถึง 240,000 ดอลลาร์
เมื่อซีเกลได้ยิน เขาจึงคิดคำนวณอีกครั้ง ถ้าเขาเพิ่มธุรกิจนี้เข้าไปเขาจะได้ส่วนแบ่งเพิ่มอีกเฉลี่ย 210,000 ดอลลาร์ต่อปี
รวมธุรกิจก่อนหน้านี้กลายเป็น 345,000 ดอลลาร์
เงินเท่านี้ค่อนข้างโอเค
พอๆ กับส่วนแบ่งที่แก๊งยิวให้เขาทุกปี
“การวางเครื่องสล็อตแมชชีนและเครื่องพินบอลอาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องตำรวจ ฉันจะโทรหาเพื่อนสนิทสองสามคนและขอให้พวกเขาดูแลธุรกิจนี้เป็นพิเศษ” ซีเกลกล่าว
“เยี่ยมไปเลยครับ”
แม้ว่าบิลจะได้ตัวผู้บัญชาการตำรวจมาแล้ว แต่อาจมีผู้ทรงอำนาจคนอื่นเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เป็นเรื่องดีมากที่ซีเกลจะหาคนมาช่วยเหลือเพิ่มอีก
จากนั้นทั้งสองไปที่ร้านอาหาร
ระหว่างที่ทานอาหารก็ยังพูดคุยกันไม่หยุด
ซีเกลผู้ที่มีความรู้ในหลายแขนงกับฮาร์ดี้ผู้มาจากยุคที่ข้อมูลล้วนสืบค้นได้ง่าย
ทั้งสองพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่หลากหลาย ยิ่งคุยกันก็ยิ่งมีความสุข
พวกเขาออกจากร้านอาหารไปที่บาร์และพูดคุยกันต่อ
ซีเกลจิบไวน์แล้วพูดขึ้นหลังจากที่เริ่มเมาเล็กน้อย “ฉันไม่มีวันคุยกับเฟร็ดเหมือนที่คุยกับนายแบบนี้ได้แน่ และมีแค่เวอร์จิเนียเท่านั้นที่คุยกับฉันได้แบบนี้”
ฮาร์ดี้นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้เจอเวอร์จิเนีย ฮิลล์ คนรักของซีเกลในครั้งนี้ “แล้วคุณเวอร์จิเนียไม่ได้อยู่ในลาสเวกัสด้วยเหรอ?”
“เธอไปนิวยอร์กเพื่อเข้าร่วมงานเดินแบบ เธอเบื่อที่จะอยู่ที่นี่นานๆ เธอบอกฉันว่าผิวของเธอดำขึ้นเพราะแสงแดดที่นี่ จากนั้นเราก็ทะเลาะกันแล้วเธอก็หนีขึ้นเครื่องบินจากไป”
ซีเกลทำอะไรไม่ถูก
ฮาร์ดี้พักอยู่ในลาสเวกัสต่ออีกสองวัน ระหว่างนั้นซีเกลโทรหานายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาสองคนให้จัดการเรื่องฮาร์ดี้ แล้วจึงโทรหาเฟร็ดต่อ
ฮาร์ดี้บอกลาซีเกล
เขากลับมายังลอสแองเจลิสและไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยเพื่อเรียกประชุมกับทุกคน
บิลมองไปที่ฮาร์ดี้ “บอส มีข่าวดีใช่ไหม”
ฮาร์ดี้ยิ้ม “ใช่! เรามีข่าวดี ตอนนี้ฉันจะตั้งแก๊งอย่างเป็นทางการได้แล้ว”
“เยี่ยมไปเลย!”
บิล เฮนรี่ แมทธิว และคนอื่นๆ ร่วมส่งเสียงยินดี
ฮาร์ดี้โบกมือของเขาให้ทุกคนเงียบก่อน
“แต่ฉันจะไม่เป็นหัวหน้าแก๊ง ฉันตั้งใจจะให้บิลรับตำแหน่งนี้แทน” ฮาร์ดี้กล่าว
เฮนรี่และคนอื่นๆ ตกตะลึง
บิลก็ตกตะลึงเช่นกัน
“บอส คุณเป็นคนเริ่มแผนการทั้งหมด ทำไมคุณถึงปล่อยให้ฉันเป็นหัวหน้าแก๊งแทนล่ะ?” บิลแปลกใจ
เขาพอใจมากกับฐานะรองหัวหน้า
เขาไม่เคยมีความคิดที่จะแย่งตำแหน่งของฮาร์ดี้เลยสักนิด
ฮาร์ดี้ยิ้ม
“ฉันวางแผนที่จะแบ่งธุรกิจออกเป็นธุรกิจปกติและธุรกิจของแก๊ง เช่น บริษัทรักษาความปลอดภัย บริษัทภาพยนตร์ บริษัทนายหน้า และธุรกิจอื่นๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นธุรกรรมที่เป็นทางการทั้งหมด และฉันต้องการตัวตนที่ถูกกฎหมายเพื่อดำเนินการ”
“ดังนั้นธุรกิจแก๊ง ฉันวางแผนที่จะให้บิลดำเนินการแทนทั้งหมด”
บิลเข้าใจทุกอย่างแล้ว
เขารู้สึกโล่งใจ
“มันเหมือนกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณซีเกลกับคุณเฟร็ดใช่ไหม? ฉันคอยอยู่เบื้องหน้าเป็นหัวหน้าแก๊ง ส่วนฮาร์ดี้อยู่เบื้องหลังแก๊งและคอยจัดการธุรกิจปกติ” บิลกล่าวว่า
“ใช่! นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากให้เป็น” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
ฮาร์ดี้ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาจะใช้โอกาสนี้สร้างแก๊งให้บิลเป็นหัวหน้า และเขาจะได้ความแข็งแกร่งของแก๊งหนุนหลังโดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับแก๊งอื่นเลย
แลนสเตอร์เห็นด้วยกับการตัดสินใจของฮาร์ดี้
“ด้วยวิธีนี้ฮาร์ดี้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของแก๊งอย่างสมบูรณ์ เขาจะสามารถเข้าสู่กระแสอำนาจหลักของสังคมที่เป็นทางการได้เลย และสามารถนำพาทุกคนไปสู่การพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในอนาคตต่อได้”
“ตอนนี้เราต้องหารือเกี่ยวกับลูกน้องของบิล ฉันจะให้กำลังคนครึ่งหนึ่งกับนาย รวมไปถึงอีวาน ฉันจะให้แก๊งอีวานเข้าร่วมแก๊งของนายด้วยเพื่อให้มีกำลังคนเพียงพอ ถ้ารวมทั้งหมดนี้แล้วยังมีไม่พอนายก็หาจ้างเองก็แล้วกัน”
“สำหรับบริษัทรักษาความปลอดภัย ผู้อำนวยการแลนสเตอร์ คุณสามารถไปรับงานที่เป็นทางการได้เลย เช่น ธนาคารหรือบริษัทขนาดใหญ่ ให้บริการจัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่พวกเขา”
“ในอนาคต ธุรกิจแก๊งและธุรกิจปกติจะพัฒนาแยกกัน จะไม่มีการเชื่อมโยงกันหากไม่มีสถานการณ์พิเศษเกิดขึ้น”
ไม่กี่วันต่อมา
มีข่าวในโลกใต้ดินของลอสแองเจลิสว่าแก๊ง ‘เรดแดนี่’ ซึ่งเป็นอันดับสามรองจากแก๊งยิวและแก๊งไอริช ได้มีการเปลี่ยนหัวหน้าแก๊งเกิดขึ้น ว่ากันว่าหัวหน้าแก๊งคนใหม่คือหลานชายของแดนี่ ชื่อบิล
ชื่อแก๊งจึงถูกเปลี่ยนใหม่เป็น ‘เรดบิล’
บิลกลายเป็นผู้นำแก๊งที่ยิ่งใหญ่
ลูกน้องทั้งหมดของเขาได้รับตำแหน่งใหม่ทั้งหมด
ฌอนรับผิดชอบด้านการเงินของแก๊ง
ไซมอนรับผิดชอบบริษัทเงินกู้
ไรเดอร์และอีวานก็มีแผนกงานของตัวเองเช่นกัน
ส่วนริชาร์ด นีล เฮนรี่ แมทธิว ลีโอ และเคอรี่ ฮาร์ดี้ไม่ได้ให้พวกเขาเข้าไปทำงานกับแก๊ง แต่ให้คอยช่วยเหลือในนามของบริษัทรักษาความปลอดภัย
มีบริษัทรักษาความปลอดภัยคอยคุ้มกันอยู่เบื้องหลัง ไม่มีใครสามารถเข้ามาตอแยกับเรดบิลได้ง่ายๆ
ส่วนธุรกิจอื่นๆ ล้วนดำเนินไปตามปกติ แต่ธุรกิจสล็อตแมชชีนและพินบอลกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเต็มกำลัง
ช่วงนี้บิลจึงทุ่มเทอย่างมากให้กับธุรกิจนี้
และธุรกิจนี้กำลังดำเนินไปได้ด้วยดีและสามารถกลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มากที่สุดสำหรับแก๊งในอนาคต
วันถัดมา
ฮาร์ดี้มาหาบิล “ไปพบหัวหน้าเฟร็ดกับฉัน เราต้องพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันสักหน่อย”