อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 56 หน่วยสนับสนุนการต่อสู้

ตอนที่ 56 หน่วยสนับสนุนการต่อสู้ 

เรื่องลูกสาวสองคนได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว แลนสเตอร์ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงอีก ตอนนี้เขาและฮาร์ดี้กำลังคุยกันในห้องประชุมของบริษัทรักษาความปลอดภัย

“แลนสเตอร์ ผมวางแผนที่จะให้คุณเป็นผู้อำนวยการของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ ซึ่งจะมีหน้าที่ในการดูแลสิ่งต่างๆ ที่นี่” ฮาร์ดี้กล่าว

แลนสเตอร์ไม่ปฏิเสธ

“ไม่ต้องห่วงฮาร์ดี้ ฉันจะดูแลบริษัทนี้ให้ดีที่สุด”

“ตอนนี้เป้าหมายของเราคือการจัดการแก๊งสเปน คุณมีข้อเสนอแนะนำอะไรไหม” ฮาร์ดี้ถามหลังจากพ่นควันบุหรี่

“ข้อแนะนำของฉันเหรอ? ถ้างั้นฉันขอเสนอให้จัดตั้ง ‘หน่วยสนับสนุนการต่อสู้’ พวกเขาจะมีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองทั้งหมดเกี่ยวกับแก๊งสเปน ทำความเข้าใจธุรกิจที่แก๊งนี้กำลังทำอยู่ ระดับการต่อสู้ของอีกฝ่าย ข้อมูลของสมาชิกแก๊งทั้งหมด ข้อมูลกิจวัตรของแก๊งนี้ ฯลฯ และข้อมูลทั้งหมดที่ได้มา เราจะเอามาทำการกำหนดยุทธวิธีการรบที่สมบูรณ์แบบ”

“ตอนนี้บริษัทรักษาความปลอดภัยมีพนักงานมากกว่า 20 คนแล้ว คนเหล่านี้ทั้งหมดล้วนมีทักษะการต่อสู้ที่ดี แต่ยังมีทักษะบางอย่างที่พวกเขาต้องเรียนรู้ ซึ่งทักษะการรวบรวมข้อมูลจะเป็นบทเรียนแรกของพวกเขาที่ต้องเรียนรู้ ฉันจำได้ว่าในหมู่ทหารเกณฑ์ พวกเขาต้องเรียนรู้ทักษะการสื่อสารและติดตามเป้าหมาย ซึ่งสามารถช่วย…”

แลนสเตอร์พูดถึงแผนของเขา

ฮาร์ดี้ฟังอย่างตั้งใจ 

สักพักเขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ บางอย่างในใจ

จะใช้หน่วยสนับสนุนการต่อสู้ของกองทัพเพื่อเตรียมต่อสู้กับแก๊งอันธพาล? 

แล้วมันจะมีพวกอันธพาลสักกี่คนบนโลกที่สามารถต่อกรได้…

ระดับมันจะต่างกันเกินไปหรือเปล่า!

แต่ฮาร์ดี้กลับถูกใจ

“ผมเห็นด้วยกับคำแนะนำของคุณ ผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณก็แล้วกัน” ฮาร์ดี้ยิ้ม

ทันใดนั้นเฮนรี่ก็เข้ามาในห้อง เมื่อเห็นฮาร์ดี้เขาก็พูดขึ้นทันที “บอส! ผมกำลังจะติดต่อคุณอยู่พอดี ไม่นึกว่าคุณจะมาที่นี่ด้วย”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เราจัดการแก๊งโปแลนด์เรียบร้อยแล้ว มันค่อนข้างสบายไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก และเราพบบางอย่างในบ้านหัวหน้าแก๊งโปแลนด์ ผมว่าคุณต้องไปดู” เฮนรี่ยิ้ม

“เจออะไรงั้นเหรอ?” ฮาร์ดี้เริ่มสนใจ

“พวกงานศิลปะและโบราณวัตถุ ซึ่งแต่ละชิ้นก็ดูสวยและสมบูรณ์ดี แต่เราไม่รู้มูลค่าของมันดีนักผมเลยอยากให้คุณลองไปดู” เฮนรี่กล่าว

“ถ้างั้นก็ไปดูกันเถอะ”

เฮนรี่ขับรถพาฮาร์ดี้ไปแถบเซาท์ดาวน์ทาวน์ และหยุดที่หน้าอาคารอิฐสีแดงขนาดเล็กสองชั้น ซึ่งอาคารแถวนี้มีสภาพค่อนข้างทรุดโทรม สิ่งเดียวที่เห็นจากภายนอกคือมีหน้าต่างเพียงไม่กี่บาน และทุกบานถูกปิดอย่างแน่นหนา

มีรถสามคันจอดอยู่ข้างๆ อาคารและมีคนสวมชุดสูทสามคนยืนอยู่ เมื่อเห็นฮาร์ดี้ลงมาทุกคนต่างทักทายเขา 

คนพวกนี้ก็คือพนักงานบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ที่เฝ้าด้านนอกนั้นเอง

“อาคารหลังนี้เป็นบ้านส่วนตัวของโนวาคอฟสกี้ หัวหน้าแก๊งโปแลนด์ หลังจากที่พวกเราฆ่าเขา เราก็เริ่มค้นหาของมีค่าในสถานที่ที่แก๊งโปแลนด์เป็นเจ้าของ ไม่นึกเลยว่าบ้านหลังนี้จะมีห้องใต้ดินขนาดใหญ่ที่เก็บของเก่ามากมายในนั้น”

“ต่อมาเราได้สืบประวัติในอดีตของโนวาคอฟสกี้ จึงได้รู้ว่าเขาเป็นขโมยมาก่อน และธุรกิจของแก๊งโปแลนด์ก็เกี่ยวข้องกับการโจรกรรม ขโมยเงิน ขโมยรถ ของมีค่าต่างๆ ด้วย จากนั้นพวกเขาจะนำของที่ขโมยมาไปขายต่อ แต่ก็ยกเว้นพวกระดับบนในแก๊ง ส่วนสมาชิกที่เหลือทั้งหมดล้วนเป็นขโมยทั้งสิ้น”

ฮาร์ดี้เดินเข้าไปในอาคาร

แมทธิวและลูกน้องอีกสองคนอยู่ข้างใน เมื่อเห็นฮาร์ดี้เดินเข้ามา แมทธิวพูดพร้อมรอยยิ้ม “หัวหน้า เราเจอถ้ำที่มีสมบัติจำนวนมากอยู่ในนั้น”

ทางเข้าชั้นใต้ดินถูกซ่อนอยู่หลังชั้นวางหนังสือ

ซึ่งทางเดินตรงลงไปยังชั้นล่าง 

ตอนนี้ประตูเหล็กที่ชั้นล่างถูกเปิดออกเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับที่เฮนรี่และคนอื่นๆ เดินตามลงมาด้านหลัง

ฮาร์ดี้เดินเข้าไป และเขาก็ตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพข้างใน

ชั้นใต้ดินทั้งหมดมีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร มีชั้นวางสามชั้นบนผนัง และสิ่งของที่อยู่บนนั้นก็ละลานตาอย่างมาก 

เรียกได้ว่ามีครบทุกอย่าง

เชิงเทียนเงิน จานเงิน ช้อนเงิน โคมไฟตั้งโต๊ะ นาฬิกาตั้งโต๊ะ ไวโอลิน รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ แผ่นแกะสลักสำริด ภาพพิมพ์และภาพเขียนสีน้ำมันที่ผนังด้านหลัง

ฮาร์ดี้เดินไปดูภาพเขียนสีน้ำมัน เขาไม่ค่อยเข้าใจคุณค่าของภาพเหล่านี้มากนัก เพราะเขามีความรู้ด้านศิลปะยุโรปน้อยมาก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีผลงานที่มีชื่อเสียงอยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า

เขาจึงเปลี่ยนไปดูของอย่างอื่นที่รู้จักแทน

นี่ควรเป็นขวดกุหลาบตระกูลเฉียนหลง

เขามองดูลวดลายบนขวดอีกครั้ง มีการเคลือบฟันที่ปากขวด ฮาร์ดี้เดาว่าขวดนี้น่าจะเป็นของจริง และคาดว่ามันจะขายได้ประมาณ 10 ถึง 20 ล้านดอลลาร์ในอนาคต

เขาวางขวดลงแล้วหยิบจานหย่งเจิ้งใบใหญ่ข้างๆ 

ขวดเคลือบคังซีสีแดง

ชามต้าหมิงหงจือสีเหลืองเล็กๆ ชั้นล่าง 

ของโบราณจากหลากหลายยุครวมอยู่ที่นี่

ที่ชั้นวางมีขวด จาน และชามประมาณ 40 ถึง 50 ชิ้นในขนาดต่างๆ ถ้าพวกนี้ทั้งหมดเป็นของแท้ มันจะมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในไม่กี่ทศวรรษ

แล้วเครื่องเคลือบเหล่านี้แพร่กระจายมายังสหรัฐอเมริกาได้ยังไง?

ฮาร์ดี้ลองเดา

น่าจะเป็นชาวยิวจำนวนมากเดินทางมายังสหรัฐอเมริกาจากเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังมีผู้คนจากฝรั่งเศสและอังกฤษอีกจำนวนมากที่มาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกา

คนเหล่านี้น่าจะนำของเก่าติดตัวมาด้วย

เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งของที่คนเหล่านี้นำมา ได้ถูกขโมยจากแก๊งโปแลนด์ และผนวกกับหัวหน้าแก๊งโปแลนด์ที่เป็นนักสะสมอีกด้วย 

ดังนั้นเขาจึงซ่อนมันทั้งหมดไว้ที่นี่

แต่ช่างมันเถอะ สุดท้ายของในนี้ทั้งหมดก็เป็นของฉัน

“บอส คุณคิดว่าของพวกนี้มีค่ามากไหม” แมทธิวถาม

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ฉันไม่ใช่นักประเมินของโบราณ” ฮาร์ดี้ส่ายหัว

“แล้วจะเอายังไงต่อดีล่ะ?” เฮนรี่ถาม

ฮาร์ดี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ย้ายของในนี้ทั้งหมดไปยังบริษัทรักษาความปลอดภัย หาห้องว่างๆ ในอาคารสำนักงานเก็บไว้ก่อน และระวังเวลาขนย้ายด้วย อย่าทำให้เป็นรอยหรือแตก ให้ห่อมันด้วยกระดาษแล้วใส่ลงในกล่อง”

“แล้วค่อยหานักเก็บสะสมของโบราณวัตถุมาประเมิน เพื่อดูว่ามันมีค่ามากแค่ไหนและหาวิธีขายมัน เพราะตอนนี้เราค่อนข้างขาดเงินแล้ว”

“รับทราบบอส ผมจะหาคนมาจัดการ” เฮนรี่ตอบกลับ

ฮาร์ดี้ลองสแกนภาพเขียนสีน้ำมันที่แขวนอยู่บนผนัง เขานับได้ประมาณสามสิบถึงสี่สิบภาพ 

ของเก่ายุโรปอื่นๆ ไม่น่าจะมีมูลค่ามากนัก ที่ต้องสนใจเป็นพิเศษคืองานศิลปะเหล่านี้ เพราะคุณค่าของภาพเหล่านี้ยิ่งผ่านไปยิ่งมีมาก เช่นภาพของศิลปินที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงในอดีต อาจถูกขายด้วยราคาหลายร้อยล้านดอลลาร์ในทศวรรษต่อมา

ฉันต้องตรวจสอบภาพวาดสีน้ำมันเหล่านี้ให้ดี บางทีผลงานที่มีชื่อเสียงอาจซ่อนอยู่

“เฮนรี่ เครื่องเคลือบจีน ภาพเขียนสีน้ำมัน และภาพแกะสลักเหล่านี้เก็บไว้ก่อน ส่วนของอย่างอื่นเอาไปขายได้เลย” ฮาร์ดี้บอกเฮนรี่อีกครั้ง

ของเหล่านั้นถูกส่งไปยังบริษัทรักษาความปลอดภัยเพื่อจัดเก็บ มันปลอดภัยกว่าที่อื่นแน่นอน เพราะคงไม่มีโจรคนไหนกล้าไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยและขโมยของต่อหน้าอดีตทหารหลายสิบคนหรอก…

สองวันต่อมา

เฮนรี่รายงานต่อฮาร์ดี้

“หัวหน้า เครื่องเคลือบจีน ภาพเขียนสีน้ำมัน และภาพแกะสลักทั้งหมดที่คุณต้องการอยู่ในบริษัทรักษาความปลอดภัยแล้ว ส่วนของที่เหลือฌอนได้โทรไปหาสมาชิกแก๊งยิวคนหนึ่ง เขาเป็นนักเก็บสะสม เขายินดีซื้อทั้งหมดด้วยราคา 45,000 ดอลลาร์ คุณคิดยังไงกับราคานี้?”

เป็นสมาชิกแก๊งยิว ฮาร์ดี้แน่ใจได้ระดับหนึ่งว่าอีกฝ่ายไม่น่าหลอกลวง

“ขายมันเลย ในราคานี้แหละ”

เขาพอใจมาก

แค่ฆ่าแก๊งโปแลนด์กลุ่มเล็กๆ พร้อมกับได้พื้นที่มา 

แถมยังได้เครื่องเคลือบและภาพวาดหลายสิบชิ้น ซึ่งทำเงินได้เงินมากกว่า 45,000 ดอลลาร์อีก

ฮาร์ดี้พอใจกับผลลัพธ์นี้มาก

Leave a Comment

ไม่ดี!