อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 225 ขายทรัพย์สินหลังสงคราม

ตอนที่ 225 ขายทรัพย์สินหลังสงคราม

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงมีนาคม

งานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำประจำปีก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว และในครั้งนี้ฮาร์ดี้ก็พาผู้หญิงมามากถึงสามคน คือ เอวา การ์ดเนอร์ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ และไฮดี้ รามา

ซึ่งเอลิซาเบธ เทย์เลอร์กับไฮดี้ รามานั้นได้รับเลือกให้เข้าชิงในปีนี้ จากภาพยนต์ทั้ง 2 เรื่องคือลีออง เพชฌฆาตมหากาฬและวิญญาณ ความรัก ความรู้สึก โดยทั้งคู่นั้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

แล้วปีนี้ก็ยังมีภาพยนตร์ดีๆ มากมายที่ได้รับเสนอชื่อ มันก็เลยทำให้การแข่งขันดุเดือดขึ้นไปอีก หลังจากงานเริ่มไม่นานในท้ายที่สุดเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ก็ได้รับรางวัลโลกลูงทองคำสำหรับนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมไปครอง แน่นอนว่าเป็นผลมาจากภาพยนตร์ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ

เด็กหญิงตัวน้อยถือถ้วยรางวัลและอดใจที่จะจูบมันไม่ไหว มันเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดในชีวิตและยังเป็นครั้งแรกของเธอด้วย

ส่วนภาพยนตร์อีกสองเรื่องของเอชดีพิคเจอร์นั้นก็ยังได้รับรางวัลอีกหลายรางวัล หลังจากงานจบลงฮาร์ดี้ก็ไปส่งเทย์เลอร์กลับบ้าน

แต่เมื่อใกล้ถึงบ้านของเทย์เลอร์ เธอก็บอกให้ฮาร์ดี้หยุดรถแถวข้างทางก่อน พร้อมกับที่รถบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังฮาร์ดี้ก็หยุดห่างออกไป

แล้วทันทีที่ฮาร์ดี้หยุดรถเทย์เลอร์ก็กระโจนใส่ฮาร์ดี้พร้อมกับจูบเขาอย่างดุเดือด

สุดท้ายเธอก็ทำลงไปจนได้…

“ฮ่า~~~”

ไม่นานทั้งสองก็แยกออกจากกันและเทย์เลอร์ก็อ้าปากค้างเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ฮาร์ดี้ด้วยดวงตากลมโต “มันเป็นรางวัลแรกในชีวิตของหนูเลย หนูตื่นเต้นมากและก็ขอบคุณฮาร์ดี้มากๆ ด้วย”

“เธอทำมันด้วยตัวเองทั้งหมดแหละ” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เลย เป็นคุณต่างหากที่สอนหนู มันทำให้หนูได้เรียนรู้เกี่ยวการแสดงมากมายในปีนี้และยังได้ดูการแสดงของคนอื่นๆ อีก ซึ่งมันก็ทำให้หนูคิดว่าความสามารถของตัวเองยังด้อยกว่ามาก ถ้าหากไม่ได้รับการสอนโดยคุณเองหนูก็คงไม่ได้รับรางวัลอย่างแน่นอน” เทย์เลอร์กล่าว

“ฮ่าๆ ตราบใดที่เธอยังมีความตั้งใจ และรู้ข้อบกพร่องของตัวเองเธอก็ยังสามารถปรับปรุงมันได้ ดังนั้นในอนาคตรางวัลออสการ์ก็จะอยู่ไม่ไกล” ฮาร์ดี้กล่าว

“งั้นแสดงว่าตอนนี้หนูยังไม่มีโอกาสใช่ไหมค่ะ?” เทย์เลอร์ถาม

เจ้าหนูตัวน้อยนี้ฉลาดจริงๆ เธอเข้าใจสิ่งที่ฮาร์ดี้พูดได้เร็วมาก

‘มันไม่มีการเสนอชื่อเข้าชิง’

เทย์เลอร์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ปรับอารมณ์ทันทีก่อนจะยิ้มและพูดว่า “มันก็ยากอยู่แล้วที่จะได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์…”

หลังจากเธอพูดจบ เธอก็มองไปที่ฮาร์ดี้ก่อนจะพูดว่า “คุณฮาร์ดี้หนูอยากได้รางวัล…”

“หือ รางวัลอะไรที่อยากได้ล่ะ?”

เทย์เลอร์หลับตาลงอีกครั้ง

ฮาร์ดี้ก็จูบเธอทันที

ในความเร่าร้อนที่เกิดขึ้น ฮาร์ดี้ก็ยื่นมืออกไปโดยไม่รู้ตัวและมันก็ทำให้เทย์เลอรืตัวสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่หยุดพร้อมกับตอบสนองรุนแรงมากขึ้นอีก

วันนี้พ่อแม่ของเทย์เลอร์ก็ได้รับเชิญเข้าร่วมงานกาล่าลูกโลกทองคำด้วยเหมือนกัน และแน่นอนว่าตั๋วนั้นได้มาจากความสัมพัมธ์ของลูกสาวกับฮาร์ดี้ ซึ่งตอนท้ายของงานพวกเขาก็ออกไปดื่มกับเพื่อนๆ นิดหน่อย แล้วเมื่อทั้งสองกำลังขับรถกลับบ้านไฟหน้ารถก็ส่องไปที่ถนน พร้อมกับส่องไปที่รถที่กำลังจอดอยู่ข้างทาง

ซึ่งมันต้องบอกก่อนว่าที่เบเวอร์ลี่นั้นเป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ มันจะมีถนนกว้างและแทบจะไม่มีที่จอดรถทั้งสองด้าน ดังนั้นรถที่จอดอยู่ทั้งสองข้างทางก็จะเห็นเด่นชัดมาก

“นั้นไม่ใช่รถของคุณฮาร์ดี้เหรอ??” ไอชารู้สึกประหลาดใจเมื่อมองไปที่หมายเลขทะเบียนรถ

แล้วทันใดนั้นแสงไฟจากหน้ารถก็ส่องไปที่รถคันนั้นก่อนจะเผยให้เห็นชายหนุ่มกับหญิงสาวกำลังจูบกัน ไอชารู้ทันทีว่าทั้งสองเป็นใคร เธอขับรถถึงบ้านของเธออย่างรวดเร็ว และหันไปมองรถที่กำลังจอดอยู่ห่างออกไปไม่ไกล

ก่อนจะหันกลับเดินเข้าไปในบ้าน

ยังไงลูกสาวของเธอก็โตแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่ลูกสาวของเธอนั้นจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง

แถมเมื่อตอนที่เธอนั้นอายุเท่ากับลูกสาวเธอก็มีแฟนเรียบร้อยแล้วและแน่นอนว่าก็ต้องรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชายและหญิง ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรเยอะเลยเกี่ยวกับคุณฮาร์ดี้

หลังจากรออีกครึ่งชั่วโมงในที่สุดเทย์เลอร์ก็กลับบ้านพร้อมกับถือถ้วยรางวัลลูกโลกทองคำไว้ในมือด้วยท่าทางมีความสุข ไอชาที่เห็นว่าลิปสติกของลูกสาวหายไปหมดแล้ว เธอก็รู้แน่ชัดทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

สิบวันต่อมา

พิธีมอบรางวัลออสการ์ประจำปีก็เริ่มขึ้นแล้ว

ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งนี้สถานีโทรทัศน์เอบีซีได้ซื้อลิขสิทธิ์ออกอากาศไปทั่วประเทศ คนดังนับไม่ถ้วนกำลังเข้าร่วมงานและอิริน่าก็กลายเป็นหนึ่งในพิธีกรไปแล้ว

ฮาร์ดี้พาสาวๆ ของเขามาเข้าร่วมงานพร้อมกันอีกครั้ง

ซึ่งเอชดีพิคเจอร์นั้นได้รับผลประโยชน์มากมายในปีนี้ เพราะมันมีภาพยนตร์สองเรื่องที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 12 ครั้ง แล้วยังมีเทย์เลอร์ที่ได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัล ‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ’ ขณะที่ไฮดี้ รามาได้เข้าชิงสาขานักแสดงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง ‘วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก’ 

โดยหลังจากที่ไฮดี้รามาอยู่บนเวทีเพื่อไปรับรางวัลดวงตาของเธอก็เป็นสีแดงก่อนจะกล่าวว่า “ฉันต้องขอขอบคุณฮาร์ดี้มากจริงๆ ที่คิดบทภาพยนตร์วิญญาณ ความรัก ความรู้สึกออกมาและยังเชิญตัวฉันเข้าไปเล่นบทของผีตนนี้ด้วย ซึ่งเพลงประกอบภาพยนตร์ก็เป็นตัวเขาที่คิดออกมาเช่นกัน ดังนั้นฉันจะบอกตรงนี้เลยว่าคุณฮาร์ดี้เป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอมาเลย”

โว้ว!! ว้าวว!

เสียงปรบมือดังขึ้นทันทีหลังจากไฮดี้พูดจบ

รางวัลต่อไปก็ยังเป็นของ ‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ’ กับ ‘วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก (Ghost)’ อยู่เหมือนกันโดยทั้งสองได้รับรางวัลเพิ่มก็คือรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม รางวัลการตัดต่อยอดเยี่ยม ต้นฉบับยอดเยี่ยม รางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม

ครั้งนี้เป็นฮาร์ดี้ที่เดินขึ้นไปรับรางวัล และก่อนที่เขาจะได้พูดมันก็มีเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นดังขึ้นมา

ต้องบอกก่อนว่าเวลานี้เขานั้นเป็นเจ้าของฮาร์ดี้กรุ๊ปที่มีทรัพย์สินอยู่หลายร้อยล้านดอลลาร์ เป็นเศรษฐีคนหนึ่ง เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ และยังเป็นประธานของสหภาพนักแสดงที่มีอำนาจควบคุมฮอลลีวูดอีก

โดยหลังจากที่ฮาร์ดี้ได้เป็นประธานของสหภาพนักสแดงเขาก็ได้ลงมือเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างเช่น ทำให้บรรยากาศในฮอลลีวูดดูดีขึ้น ช่วยเหลือเหล่านักแสดงสำหรับผลประโยชน์ของตัวเองและอีกมายมาย

เมเยอร์ที่นั่งอยู่มองลงไปที่ฮาร์ดี้พร้อมกับถอนหายใจ เพราะตอนนี้อิทธิพลของฮาร์ดี้ในฮอลลีวูดเหนือกว่าเขาไปเล็กน้อย

แถมตัวเขาก็เพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ได้แค่ปีกว่าๆ เท่านั้น

ผิดกับตัวฉันที่ต้องทำงานหนักอยู่ตั้งหลายปี

ฮาร์ดี้รับถ้วยรางวัลพร้อมกับเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นดังขึ้นอีกครั้ง เขาขึ้นไปยืนอยู่บนโพเดียมและวางถ้วยรางวัลไว้ข้างๆ ก่อนจะมองไปรอบๆ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมขึ้นมารับรางวัลและขอไม่พูดอะไรเกี่ยวกับรางวัลได้ไหม?”

ใครบางคนหัวเราะหรือบางคนก็ปรบมืออีกครั้ง

“อย่าไปสนใจเกี่ยวกับรางวัลเลย เพลงเหล่านั้นผมแต่งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจบางอย่าง โชคดีไปที่ทุกคนชอบเพลงนั้น”

ประโยคนี้ดูผ่อนคลายมาก

“ถ้าอยากให้ผมพูดออกมา ผมก็จะพูดเกี่ยวกับความคิดของผมเองว่า ภาพยนตร์นั้นก็เปรียบเหมือนกับศิลปะ และศิลปะนี้ก็เป็นศิลปะที่ใช้ทรัพยากรหลายอย่างมารวมกัน เช่น นักแสดง ผู้กำกับ คนเขียนบท ช่างไฟ อุปกรณ์ประกอบฉาก เป็นทั้งหมดนี้ที่ร่วมมือช่วยกันสร้างขึ้นมา”

“ซึ่งทุกคนก็ทำงานกันอย่างหนักเพื่อสร้างผลงานศิลปะให้ออกมาดี ดังนั้นอย่าสนใจเอาใจใส่แค่นักแสดง เราต้องใส่ใจคนเบื้องหลังกันด้วย ดังนั้นในอนาคตสหภาพนักแสดงขอรับรองว่าเอาใจใส่กับการพัฒนาของ ‘ทุกคน’ เพื่อผลิตศิลปะภาพยนตร์ให้ออกมาดียิ่งกว่า”

โว้ว!! ว้าวว!

มีเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นจากผู้ชม

หลังจากงานประกาศรางวัลปาตี้ก็เริ่มขึ้นและไฮดี้รามาก็ดื่มไปเยอะมากในคืนนี้ เพราะคืนนี้เป็นคืนที่เติมเต็มความปรารถนาอันยาวนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ และเมื่อกำลังจะออกจากงานเธอก็เดินไปเกาะแขนของฮาร์ดี้

ไฮดี้รามานั่งอยู่ในรถและมองไปที่ฮาร์ดี้ด้วยดวงตาที่สวยงาม “ส่งฉันกลับหน่อยสิ… แล้วคืนนี้ฉันมีความสุขมากเลยและก็ไม่อยากนอนคนเดียวด้วย…”

เมื่อไปถึงบ้านของไฮดี้ ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับที่เสื้อผ้าของพวกเขากระจายไปกันคนละทิศละทาง และไปฟัดกันอย่างดุเดือดบนโซฟาอีกที…

เวลาผ่านไปนาน

ไฮดี้ รามากอดชายคนนั้นพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

“ขอบคุณนะฮาร์ดี้”

หลังจากงานจบไปแล้ว ฮาร์ดี้ก็กลับไปจัดการงานและหยิบเอกสารออกมาอ่าน ‘ฮาร์ดี้กรุ๊ปวางแผนที่จะจัดตั้งบริษัทโลจิสติกส์และซูเปอร์มาร์เก็ตที่คล้ายกับคลังสินค้าขนาดใหญ่’

มันเป็นธุรกิจที่เขาชื่นชอบมานานและมันก็ถึงเวลาแล้ว

แต่การจัดตั้งบริษัทโลจิสติกส์และซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากสำหรับการซื้อที่ดิน พร้อมกับสร้างจุดรับส่งสินค้าขนาดใหญ่ และสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ด้วย แน่นอนว่ามันต้องใช้กำลังคนอีกเยอะมากด้วย

แต่เขาก็มีลูกน้องอยู่เยอะ และคนที่เขานึกถึงทันทีก็คือนายพลวิลเลี่ยมส์ เขามีหน้าที่ดูแลเหล่าทหารผ่านศึก ในทุกปีจะมีทหารและนายทหารเกษียนออกมา ซึ่งคนเหล่านี้คือคนที่น่าปวดหัวกับคนอื่นๆ แต่สำหรับฮาร์ดี้พวกเขาคือสิ่งที่ฮาร์ดี้ต้องการมากที่สุด

เมื่อครุ่นคิดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์โทรหานายพลวิลเลียมส์ทันที เสียงรอสายดังขึ้นสองสามครั้ง เป็นเลขาของนายพลวิลเลียมส์ที่รับสาย ก่อนที่จะฮาร์ดี้จะแจ้งชื่อเขาไป ไม่นานหลังจากนั้นนายพลวิลเลียมส์ก็รับสายของเขา

“ฮาร์ดี้นายไม่ได้ติดต่อฉันมานานมากแล้วนะ” นายพลวิลเลียมส์กล่าวด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกันแล้วและก็พูดคุยกันอย่างสบายๆ ด้วย

“ผมรู้มาว่าท่านนายพลยุ่งมากในช่วงนี้” ฮาร์ดี้ยิ้ม

“นายหาปัญหาให้ฉันจริงๆ ช่วงนี้ฉันก็ยุ่งจริงๆ ล่ะ ยุ่งกับการต้องขายของอยู่ทุกวันนะสิ จนตอนนี้จะกลายเป็นร้านขายของชำไปแล้ว” นายพลวิลเลียมส์พูดหยอกล้อ

“ว่าแต่ ฮาร์ดี้นายโทรหาฉันเพื่อให้ช่วยอะไรเหรอ?”

“เร็วๆ นี้ผมวางแผนที่จะจัดตั้งบริษัทโลจิสติกส์ขึ้น และบริษัทโลจิสติกส์ก็ต้องการกำลังคนจำนวนมาก แล้วผมก็ยังวางแผนที่จะสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ด้วย มันก็ต้องใช้กำลังคนจำนวนมากด้วยเหมือนกัน ผมเลยโทรหาคุณเผื่อจะหาใครให้ได้บ้าง ซึ่งผมก็คิดว่าปีนี้น่าจะมีทหารผ่านศึกเกษียนออกมาถึงสองสามพันคน” ฮาร์ดี้พูดสิ่งที่เขาต้องการออกมาเลย

“อ่า เรื่องนี้มันเป็นข่าวดีสำหรับฉันเลย มันได้แก้ปัญหาเกี่ยวกับพวกเขาเยอะมากเลยล่ะ และฉันก็อยากขอบคุณนายด้วยฮาร์ดี้ ดังนั้นไม่ต้องกังวัลอะไรเดี๋ยวฉันหาคนให้ตามที่นายต้องการได้เลย” นายพลวิลเลียมส์กล่าว

“เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นเจ้าของร้านขายของชำมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ฮาร์ดี้ถามอย่างสบายๆ หลังจากที่เจรจาธุรกิจเสร็จสิ้น

นายพลวิลเลี่ยมส์ก็บ่นว่า “ก็ในช่วงสงครามนะสิ มันมีการผลิตเครื่องบิน รถถัง เรือ ปืนและอาหารสำหรับสงครามจำนวนมาก ซึ่งเวลานี้สงครามจบลงแล้ว ไอ้พวกสิ่งเหล่านั้นมันก็เลยเหลือทิ้งกองอยู่ในโกดังคล้ายๆ กับเครื่องบินที่นายซื้อจากฉันไปนี้แหละ”

“แน่นอนว่าของเหล่านี้ยังคุณภาพดีที่จะนำออกมาขายได้ แต่ช่วงนี้มันก็ขายออกยากหน่อยอ่ะนะ และการที่พวกมันถูกทิ้งไว้ มันจะมีพวกค่าบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายแฝงเต็มไปหมด”

“เห็นว่าเมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะกำจัดพวกมันทิ้งให้หมด พวกเขาก็เลยให้ฉันเป็นผู้รับผิดชอบ ‘แผนกจัดการทรัพย์สินสงคราม’ และก็ให้ฉันดูแลมันนี้แหละ ซึ่งนายรู้ไหมว่าไอ้พวกเนี้ยมันมี เท่าไหร่? คิดดูสิว่าตอนนี้มีโกดังเก็บของอยู่ 181 แห่งอยู่ทั่วประเทศ”

“ส่วนที่ฉันขายได้ดีก็จะเป็นพวก เครื่องบินขนส่ง รถยนตร์นี้แหละ พวกนั้นอ่ะเป็นที่นิยมมาก แต่รถถังล่ะ? เครื่องบินด้วยใครจะอยากได้มัน และยังมีอีกอย่างก็คือเรือรบที่จอดค้างอยู่ท่าเรือ”

“ฉันก็เลยจะลองติดต่อไปประเทศอื่นๆ เช่น อาร์เจนตินา เม็กซิโก เปรูเผื่อว่าพวกเขาจะสนใจที่จะซื้อเรือรบไปใช้บ้าง ซึ่งบางทีพวกเขาอาจจะสนใจเรือสักลำสองลำ แล้วถ้าขายไม่ได้ฉันก็ทำได้แค่รื้อเป็นเศษเหล็กเท่านั้น”

ฮาร์ดี้รู้ดีว่ากองทัพสหรัฐนั้นมีอำนาจและร่ำรวยมากแค่ไหน โดยครึ่งหนึ่งของผู้ผลิตรายใหญ่ของประเทศนั้นได้ผลิตสินค้าให้กองทัพสหรัฐซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพวกเขานั้นทำเงินโดยการส่งสินค้าให้กับกองทัพ แน่นอนว่าการที่จะทำเงินกับการขายของให้กับกองทัพสหรัฐนั้น ต้องไม่ใช่การดีลธุรกิจขนาดเล็กๆ

ฮาร์ดี้เมื่อได้กลิ่นของเงินเขาก็เห็นหนทางธุรกิจเพิ่มทันที “นายพลวิลเลียมส์ ผมกำลังจัดตั้งทีมขาย ซึ่งบางทีมันอาจช่วยขายของเหล่านั้นออกไปได้”

“โอ้ นายมีความคิดดีๆ อย่างนั้นเหรอ?”

“ผมคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าจะให้ทีมมืออาชีพมาขายแทน เพราะถ้าต้องติดต่อไปประเทศอื่นๆ ยังไงมันก็ต้องใช้ทรัพยากรมากอยู่แล้ว และธุรกิจนี้มันสามารถจ้างให้คนมาทำแทนได้อย่างถูกต้อง คุณไม่จำเป็นต้องลงมาทำเองเลย แค่ถ้ามีเหตุการสำคัญคุณก็แค่มาเข้าร่วมประชุมสำหรับการตัดสินใจเท่านั้น แน่นอนว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก” ฮาร์ดี้กล่าว

“ก็เป็นความคิดที่ดีนะฮาร์ดี้ งั้นทำไมนายไม่มาอยู่ข้างฉันล่ะเรามานั่งคุยกันดีๆ สักหน่อยดีกว่า” นายพลวิลเลียมส์กล่าว

“ตกลง ผมจะไปตอนนี้” ฮาร์ดี้กล่าว

Leave a Comment

ไม่ดี!