อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 220 เซอร์ไพรส์ครอบครัวมาเฟียซานฟรานซิสโก

ตอนที่ที่ 220 เซอร์ไพรส์ครอบครัวมาเฟียซานฟรานซิสโก

ฮาร์ดี้วางแก้ไวน์ลง เอวาก็เดินออกมาจากอีกห้องหนึ่งทันที โดยเธอนั้นเดินออกไปรับสายโทรศัพท์อยู่นานเกือบ 20 นาทีเต็ม

เธอนั้นเข้ามาหาฮาร์ดี้ ก่อนจะคุกเข่าลงบนพรมและวางศีรษะไว้ข้างๆ ฮาร์ดี้พร้อมกับหันขึ้นไปมองชายคนนี้ด้วยดวงตาโศกเศร้า

“เธอมีอะไรหรือเปล่าเอวา?”

ฮาร์ดี้สงสัยเล็กน้อย เพราะตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำอะไร และเขาก็เอื้อมมืออกไปลูบผมนุ่มยาวของเอวาเหมือนกับแมวน้อยตัวหนึ่ง

“ฮาร์ดี้ฉันรู้ว่าตัวฉันโชคดีมาก” เอวากล่าว

“ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” ฮาร์ดี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มีเกิดอะไรขึ้นกับเอวา? หลังจากรับสายโทรศัพท์งั้นเหรอ?

“ก็ลาน่าเทอร์เนอร์ เธอนะโทรมาร้องไห้กับฉันว่าถูกสวะคนหนึ่งมาพัวพันและเพิ่งโดนมันทุบตีเมื่อกี้นี้เอง”

ฮาร์ดี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เพราะเขานั้นก็รู้จักลาน่าเทอร์เนอร์ เธอเป็นนักแสดงที่อยู่ในสัญญาของเอ็มจีเอ็ม เธอเป็นหญิงสาวที่สวยงามคนหนึ่ง มีผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวเงางามคล้ายหยก ใบหน้ากลมมีเสน่ห์และขนาดที่ใหญ่โตคล้ายเอวา

ฮาร์ดี้นั้นเคยพาเอวาไปปาตี้ค็อกเทลที่เอ็มจีเอ็มและตอนนั้นน่าจะเป็นตอนที่ทั้งสองพบกัน ซึ่งทั้งสองนั้นมีอายุใกล้เคียงกันการสนทนาของพวกเธอก็เลยเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ภายหลังพวกเธอก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและในบางครั้งพวกเธอก็จะออกไปดื่มชา เดินช้อปปิ้งซื้อของด้วยกันเมื่อมีเวลา

“ตอนแรกชายคนนั้นบอกว่าเขาเป็นเจ้าของโรงงานยาสูบและเขาก็เต็มไปด้วยคำพูดหวานๆ กับเทอร์เนอร์แต่แล้วเทอร์เนอร์ก็พบว่าชายคนนั้นไม่เพียงแต่โกหกเธอเท่านั้น เขายังมีภูมิหลังที่ไม่ดีมากๆ อยู่ด้วย เห็นเขาลือกันว่าเขานั้นเป็นบอดี้การ์ดของหัวหน้าแก๊งคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เทอร์เนอร์อยากเลิกกับเขา ทว่าเธอกลับถูกชายคนนั้นทุบตีและยังขู่เธออีกว่าจะทำลายชีวิตของเธอถ้าเลิกกับเขา ตอนนี้เธอเสียใจมาก พร้อมกับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวมากด้วย”

หลังจากพูดจบเอวาก็มองไปที่ฮาร์ดี้ “ฮาร์ดี้…คุณพอจะช่วยอะไรเธอได้ไหม? เวลานี้เธอนั้นต้องการความช่วยแต่กลับไม่มีใครยอมช่วยเธอเลย”

“ผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร?” ฮาร์ดี้ขมวดคิ้วและถาม

“จอห์นนี่”

จอห์นนี่บอดี้การ์ดของหัวหน้าแก๊ง?

ฮาร์ดี้จำไม่ได้เลยว่ามีชื่อนี้อยู่

แต่เขาก็แตะไปที่ใบหน้าเอวาและบอกว่า “ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะช่วยเธอออกมาเอง”

เอวายิ้มออกมาทันทีก่อนที่เธอจะเอาใบหน้าของเธอนั้นลูบไล้ไปที่ต้นขาของฮาร์ดี้เหมือนแมวแสนรู้

ฮาร์ดี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปหาบิล

“บิล นายรู้จักผู้ชายที่ชื่อจอห์นนี่ที่ว่ากันว่าอยู่ภายใต้หัวหน้าแก๊งคนหนึ่งไหม?”

“จอห์นนี่? ไม่เห็นจำได้เลย เดี๋ยวไปถามให้”

หลังจากรอ 5 นาทีโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ในตอนนี้ฮาร์ดี้กำลังนอนอยู่บนตักของเอวาและเอวาก็กำลังแหย่หูให้เขา

เธอนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งไปที่หูของฮาร์ดี้ ซึ่งบิลก็บอกกับฮาร์ดี้ว่าจอห์นนี่นั้นเป็นสมาชิกของแก๊งมาเฟียเซลตันซานฟรานซิสโก ตอนนี้เขาได้ออกจากแก๊งและเข้ามาเร่รอนที่ฮอลลีวูดเมื่อปีที่แล้ว จากเบื้องหลังของเขากับคารม เขาก็สามารถหลอกผู้หญิงรวยๆ ให้เลี้ยงตัวเขาเองได้

กลับกลายเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่เคยอยู่ในแก๊งอันธพาลเหรอ?

“ฉันคิดว่าเขาน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวเซลตันมาบ้าง…ไปจับตัวเขามาและลองถามข้อมูลดูสิ บางที่ในอนาคตเราอาจได้ใช้” ฮาร์ดี้กล่าว

“ครับบอส!”

แล้วเขาก็วางสาย

“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?” เอวาถามพลางมองไปที่ฮาร์ดี้

“ฮ่าๆ บอกเพื่อนของเธอได้เลยว่าจอห์นนี่จะไม่ไปรบกวนเธออีกแล้ว” ฮาร์ดี้กล่าว

เมื่อได้ยินเอวาก็ก้มศีรษะลงไปจูบฮาร์ดี้อย่างรวดเร็ว

เธอนั้นมีความสุขมากจริงๆ ที่ได้อยู่กับชายคนนี้ก่อนที่เธอจะกระซิบข้างหูเขาว่า “ฮาร์ดี้เราไปว่ายน้ำกันไหม?”

สระว่ายน้ำที่คฤหาสน์นั้นมีฟังก์ชั่นทำความร้อน ซึ่งมันก็ช่วยรักษาอุณหภูมิให้สะดวกสบายที่สุดตลอดทั้งปี ทั้งสองลงไปว่ายน้ำกันอย่างมีความสุข พร้อมกับระลอกคลื่นซัดไปมา…

วันต่อมา

เอวาไปเยี่ยมลาน่าเทอร์เนอร์ และเอวาก็เห็นว่ามุมตาของเธอนั้นมีรอยฟกช้ำเหมือนกับที่แขนแล้วก็ร่างกายของเธอ ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าชายคนนั้นทารุณเธออย่างหนักโดยที่ไม่สนใจเลยว่าเธอคือดาราฮอลลีวูดคนหนึ่ง

เมื่อเทอร์เนอร์เห็นเอวา เธอก็เข้าไปกอดและร้องไห้ออกมา

“เอวาช่วยฉันด้วย จอห์นนี่มันเป็นไอ้สารเลว! ฉันอยากจะกำจัดเขามาก แต่เขาขู่ว่าจะฆ่าฉัน ฮือๆ”

เอวาลูบผมของเทอร์เนอร์ “ฉันบอกฮาร์ดี้ให้แล้วและฮาร์ดี้ก็รับปากว่าจะช่วยจัดการเรื่องนี้ให้”

“คุณฮาร์ดี้จะช่วยฉันงั้นเหรอ?”

“ใช่! ดังนั้นไม่ต้องกังวัลอะไรแล้วนะ”

หญิงสาวซบไปที่หน้าอกของเอวาและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

หลังจากวันนั้นลาน่าเทอร์เนอร์ก็ไม่เห็นจอห์นนี่อีกเลย และในหนึ่งสัปดาห์ เธอก็เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์บอกว่านั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปแล้ว เขานั้นโดนรถชนเข้าอย่างแรง

โดยหลังจากที่ตำรวจมาถึงจุดเกิดเหตุ คนขับก็สารภาพผิดออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลานั้นมันมืดมาก พร้อมกับที่ชายคนนี้ข้ามถนนมาพอดี ตัวเขาก็เลยเหยียบเบรกไม่ทัน

แน่นอนว่ามีพยานหลายคนบอกว่าคนขับนั้นพูดความจริง

และคนขับก็ไม่ได้ดื่มเหล้ากับขับรถเร็วด้วย แต่ยังไงเขาก็๋มีความผิดที่ชนคนข้ามถนน ในท้ายที่สุดคนขับก็ถูกตัดสินให้รับโทษที่ 70% โดยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 6,822.36 ดอลลาร์

เนื่องจากรถของเขานั้นมีประกัน ตัวเขาเองก็เลยไม่ต้องออกเงินมากนัก เขาจ่ายค่าปรับไปแค่ 1,000 ดอลลาร์เท่านั้น

เมื่อลาน่าเทอร์เนอร์เห็นข่าวเธอก็นึกถึงคุณฮาร์ดี้ทันที แต่ทว่าเธอก็สลัดความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะกัดฟันพูดว่า “ไอ้สารเลวนั้นตายไปก็ดีแล้ว! นี่มันคือการลงโทษของพระเจ้าสำหรับเขา!”

ส่วนสำหรับฮาร์ดี้เธอก็ขอบคุณเขาด้วยใจจริง

บิลเข้าไปหาฮาร์ดี้

“บอส จอห์นนี่บอกทุกอย่างเขารู้มาหมดเลย พวกเราได้ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวเซลตันมาเพียบ! เวลานี้พวกเรามั่นใจมากที่จะจัดการกับพวกเขา” บิลยิ้ม

ฮาร์ดี้พยักหน้า “ดูเหมือนมันจะถึงเวลาแล้วสินะ ได้เวลาแสดงละครแล้ว เดี๋ยวฉันจะบอกเฮนรี่ให้ส่งจดหมายลับไปให้เอฟบีไอหนึ่งฉบับ”

สองวันต่อมา

เอฟบีไอสาขาซานฟรานซิสโกได้รับจดหมายนิรนาม เจ้าหน้าก็เปิดจดหมายอ่านตามปกติ ทว่าหลังจากอ่านเนื้อหาไปเรื่อยๆ เขาก็ตกใจมาก

เขาไม่รอช้ารีบส่งไปให้ผู้อำนวยการของเอฟบีไอสาขาซานฟรานทันที

หลังจากผู้อำนวยการอ่านแล้ว เขาก็โทรหาสำนักงานใหญ่ของเอฟบีไอเพื่อรายงานสถานการณ์อย่างรวดเร็ซ “เราได้รับจดหมายนิรนามที่ระบุว่าหัวหน้าครอบครัวเซลตัน เลบเซลตันนั้นซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ลับที่ฟลอเรนซ์ครับ!”

“แต่หน่วยข่าวกรองบอกว่าเขานั้นซ่อนตัวอยู่ที่โคลัมเบียไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงอยู่ที่อิตาลีล่ะ?” ผู้บังคับบัญชาถาม

“รายงานบอกว่าเขาไม่คุ้นเคยกับอาหารโคลัมเบีย เขาก็เลยไปกบดานที่อิตาลีครับ! และฟลอเรนซ์ก็เป็นบ้านเกิดของเลบเซลตัน แล้วเนื้อหาในจดหมายก็มีที่อยู่ครบถ้วน พร้อมกับยังบอกอีกว่าคฤหาสน์นี้เขาแอบซื้อไว้ ” ผู้อำนวยการสาขาซานฟรานซิสโกกล่าว

ผู้บังคับบัญชาคิดอยู่พักหนึ่ง “งั้นก็แจ้งแตือนไปที่อิตาลี ให้พวกเขานำตำรวจท้องถิ่นมาช่วยจับผู้ร้ายหน่อย”

“แต่ถ้าตำรวจท้องถิ่นเป็นคนเข้าจับกุม ผมคิดว่าจับได้ไม่หมดนะครับ!”

“งั้นนายต้องการไปที่อิตาลีเพื่อจับกุมคนร้ายด้วยตัวเองไหมล่ะ? อย่าไปสนใจอะไรมาก แค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” หลังจากนั้น

เอฟบีไอก็แจ้งไปยังอิตาลีเกี่ยวกับสถานการณ์เบื้องต้น และเวลาก็ผ่านไปอีกสองวันตำรวจอิตาลีก็ได้ทำการบุกโจมตีคฤหาสน์ที่ได้รับจากหน่วยข่าวกรอง แต่พวกเขากลับพบแค่คนรับใช้บางคนเท่านั้น

แสดงว่าเลบเซลตันได้หนีไปแล้วในตอนนี้

ซึ่งเลบเซลตันนั้นได้ข่าวมาจากวงในว่าจะมีการเข้าจับกุม เขาก็เลยทำการพาลูกน้องทั้งหมดออกจากคฤหาสน์ในบ่ายวันนั้น และนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปที่บาฮามาส อาศัยอยู่ที่วิลล่าริมทะเลเล็กๆ

วิวที่นี่ดีมาก มันมีมีวิลลาเขาของเพียงหลังเดียวพร้อมกับอ่าวอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หากเกิดอาการเบื่อมันก็สามารถไปว่ายน้ำหรือตกปลาที่นั้นได้

ทว่าตอนนี้เซลตันนั้นไม่มีอารมณ์ที่จะทำอะไรทั้งนั้น เขาตบโต๊ะและคำรามออกมาด้วยความโกรธ

“ใครเป็นคนปล่อยข้อมูลของฉัน! เราต้องหาให้เจอให้ได้”

ซึ่งจากตรวจสอบครั้งล่าสุดพวกเขาก็ได้รู้ว่ามีใครบางคนนั้นส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปให้เอฟบีไอสาขาซานฟราน ส่วนใครเป็นคนส่งจดหมายนั้นไม่มีใครรู้

แต่วันต่อมา

ยูกะหัวหน้าทีมของครอบครัวเลบเซลตันที่กำลังออกไปข้างนอก จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งแล่นผ่านไปก่อนจะชักปืนออกมากลาดยิงใส่พวกเขาและมันก็ทำให้หัวหน้าคนนี้ตายในทันที

แน่นอนว่าเรื่องนี้มีสิ่งแปลกๆ อยู่เต็มไปหมด เพราะช่วงนี้เขานั้นไม่ได้ออกไปทำให้ใครขุ่นเคืองใจเลยนี่… ทำไมถึงมีคนส่งมาฆ่าเขา?

ต่อมาเลบเซลตันที่อยู่บาฮามาสก็ได้รับข่าว เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติและเขาก็เลยส่งคนสนิทออกไปตรวจสอบทันที ก่อนจะพบกล่องปริศนาที่บ้านหัวหน้าคนนี้

โดยหญิงสาวที่อยู่กับชายคนนี้บอกว่ามันอยู่กับเขาตั้งแต่เขามีชีวิตอยู่และเธอไม่เคยไปแตะต้องมันเลย

ในนั้นมีเงินสดอยู่ 25,000 ดอลลาร์ และก็จดหมายรัก พร้อมกับสมุดบันทึกซึ่งในส่วนท้ายของสมุดบันทึกนั้นเขียนไว้ว่า

‘ทตโตขอให้ฉันเขียนจดหมายส่งเอฟบีไอ และหากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ เขาสัญญากับผมว่าจะแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม’

ทตโตชื่อเต็มของเขาคือจอห์น ทตโตเป็นรองหัวหน้าของครอบครัวเซลตัน โดยหลังจากที่เลบเซลตันถูกประกาศจับและหลบหนีไป ธุรกิจของแก๊งทุกอย่างทตโตก็เป็นผู้ดูแลแทนอย่างสมบูรณ์

เมื่อเฮนรี่กับฮาร์ดี้เห็นรายงานเขาก็ยิ้มออกมา “ชายคนนี้นั้นมีนิสัยชอบจดบันทึกไดอารี่ ดังนั้นทุกเรื่องที่เขาจดจะต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”

ข่าวไปถึงเลบเซลตันอย่างรวดเร็ว เลบเซลตันคว่ำโต๊ะด้วยความโกรธ เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนของเขาที่แต่งตั้งด้วยตัวเองจะเป็นคนทรยศต่อตัวเขาให้กับเอฟบีไอและยังเตรียมตัวที่จะฆ่าเขาด้วยมีดพร้อมกับกลืนกินแก๊งของเขาอีก!

“ทตโต ทตโต! ฉันจะฆ่ามัน!”

หลังจากผ่านไปสองวันที่สำนักงานของแก๊งก็มีมือดีเข้าไปกลาดยิงทตโตอย่างโจ้งแจ้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฝีมือกากหรือเปล่า หลังจากยิงไปสามนัดกลับมีเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นที่เข้าเป้าและยังโดนแค่หัวไหล่ด้วย…

ไม่นานมือปืนก็ถูกบอดิ้การ์ดของรองหัวหน้าผลักล้มลง

ทุกคนตกใจมากว่าทำไมคนในแก๊งของเขาเองถึงกับจะฆ่าตัวเขา และทตโตก็ถือปืนไปจ่อที่หัวของชายคนนั้นเพื่อถาม “พูด! ใครส่งนายมาฆ่าฉัน”

แน่นอนว่ามือปืนก็กลัวตายอยู่แล้ว เมื่อเห็นหนทางรอดเขาก็บอกไปว่าหัวหน้าใหญ่เป็นคนส่งมา

เขาตะโกนใส่ทตโตว่า “บอสใหญ่เป็นคนบอกผมให้มาฆ่าคุณ! เพราะเขารู้แล้วคุณนั้นต้องการฆ่าบอส และคุณก็เป็นคนแอบส่งจดหมายให้เอฟบีไออย่างลับๆ ใช่ไหมล่ะ? “

ทตโตรู้สึกงงงวยมาก “ใครเป็นคนบอกว่าฉันส่งจดหมายให้กับเอฟบีไอ? อย่าพูดอะไรไร้สาระ!”

“ยูกะเป็นคนบอก”

“ยูกะถูกฆ่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? และเขาพูดว่าอะไร?” ทตโตตะโกนถาม

“ไม่ใช่ว่าคุณกลัวว่าเรื่องต่างๆ จะถูกเปิดโปง คุณก็เลยส่งคนไปห่าเขาไม่ใช่เหรอ!” มือปืนตะโกน

ให้ตายเถอะ!

เรื่องบ้าอะไรวะ!

หลังจากได้ยินสายตาของใครหลายคนในแก๊งก็เปลี่ยนไปทันที่ ก่อนที่พวกเขามองไปที่รองหัวหน้า… ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะอยู่ภายใต้ทตโต แต่คนส่วนที่นี่นั้นก็เคยอยู่กับเลบเซลตันมาก่อน

ดูเหมือนเรื่องราวจะยิ่งเลวร้ายขึ้นๆ เลยซะแล้ว

ทตโตกัดฟัน เขารู้ว่าตอนนี้คงจะฆ่ามือปืนคนนี้ไม่ได้แน่ๆ เขาสั่งคนของเขาให้จับไปขังไว้ก่อนและหันไปมองรอบๆ “มันต้องมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ จดหมายฉบับนั้นฉันไม่ได้เป็นคนเขียน! เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับคุณเลบเอง ตอนนี้พวกนายกลับไปก่อน และห้ามให้ใครเคลื่อนไหวอะไรหากฉันไม่ได้สั่ง!”

หลังจากพูดจบทตโตก็ถูกส่งไปโรงพยาบาล แน่นอนว่าในโรงพยาบาลนั้นก็มีการแบ่งกลุ่มด้วยเหมือนกัน แต่ตอนนี้ตัวเขานั้นเป็นคนสำคัญก็เลยยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ซึ่งหนทางรอดมันก็มีอยู่แค่สองทางเท่านั้น หนึ่งคือหลบหนีสองคือเข้าไปคุยตรงๆ

ตอนกลางคืน

มีเสียงปืนดังขึ้นอย่างดุเดือดระหว่างครอบครัวเซลตัน

ฝ่ายหนึ่งเข้าโจมตีและอีกฝ่ายหนึ่งก็เตรียมตั้งรับไว้เป็นอย่างดี และจำนวนของทั้งสองฝ่ายก็เกือบจะเท่ากัน ไม่นานหลายคนก็เสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว

ตำรวจซานฟรานซิสโกได้รับโทรศัพท์ว่า เอชดีซีเคียวริตี้ขับรถตำรวจมากกว่าสิบคันและนำอาวุธหนักมาปิดกั้นพื้นที่โดยรอบของสนามรบไว้แล้ว ส่วนจำนวนของผู้เสียชีวิตตอนนี้พวกเขาไม่สนใจหรอก เดี๋ยวพวกเขาค่อยเข้าไปหลังจากการต่อสู้สงบดีกว่า

ซึ่งนี่แหละเป็นวิธีที่ตำรวจสหรัฐใช้จัดการกับการต่อสู้ของแก๊ง…

ก็แหม่ยังไงพวกมันก็เป็นตัวเลวร้ายกันอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าไปสนใจเลยว่าพวกมันจะตายหรือไม่ตาย แล้วก็ถ้าเข้าไปก็จะเป็นอันตรายมากกว่าเดิมอีก แค่ล้อมพวกเขาเอาไว้และปล่อยให้มันสู้กันเองนี้แหละสบายสุดแล้ว เมื่อพวกมันหมดแรงกัน พวกเราก็ค่อยเข้าไปทำความสะอาดทีหลัง

โทรศัพท์ในห้องดังขึ้น

ฮาร์ดี้ลุกขึ้นไปรับสาย

เป็นเฮนรี่ที่โทรมา

“บอส เดิมที่พวกเราคิดว่าทั้งสองกลุ่มจะหลบซ่อนตัวไปสักพักหนึ่ง แต่ไม่คาดคิดพวกก็มีบางอย่างเกิดขึ้นกับทั้งกลุ่ม มันก็เลยเป็นเหตุให้พวกเขาโจมตีกันทันที และตอนนี้พวกเขาทั้งสองกลุ่มรวมตัวยิงกันอยู่ในบล็อกเดียวแถมการต่อสู้ก็ดุเดือนขึ้นเรื่อยๆ ด้วย “

ฮาร์ดี้คิดในว่าพากเขาทั้งสองกลุ่มน่าจะมีปัญหากันอยู่ภายในอยู่แล้ว มันอาจจะเป็นกันไม่ไว้ใจกันของทั้งสองกลุ่มแล้วเมื่อมีปัญหาเกิดถึงจะเล็กน้อย พวกเขาก็ไม่กลัวเลยที่จะเข้าปะทะกันตรงๆ

“บอกบิลได้เลยว่าให้ลงมือได้แล้ว”

“ครับบอส”

หลังจากวางสายฮาร์ดี้ก็กลับไปที่ห้อง ซึ่งที่เตียงนั้นมีเอวานอนอยู่โชว์สัดส่วนอันน่าหลงไหล และเขาก็ยกผ้านวมขึ้นพร้อมกับกอดเธอจากด้านหลังก่อนจะค่อยๆ ขยับอย่างช้าๆ

Leave a Comment

ไม่ดี!