ตอนที่ 211 แผนสามปี
ฮาร์ดี้กรุ๊ปได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว
และงานแรกของพวกเขาก็คือการสร้างโรงแรมที่มีคาสิโนอยู่คือ ‘ซีซาร์พาเลซ’ กับ ‘เวเนเชี่ยน’
เมื่อไม่นานบริษัทออกแบบที่ดีที่สุดทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาต่างก็เข้าร่วมงานเสนอราคาประมูลการออกแบบทั้งสองโรงแรม
ทำให้เวลานี้แบบร่างทั้งหมดก็เสร็จสิ้นแล้วพร้อมกับที่ผู้ถือหุ้นทำการอนุมัติ
โดยซีซาร์พาเลซนั้นจะเลียนแบบสถาปัตยกรรมของยุคโรมันที่บรรยากาศรอบๆ นั้นมีความสวยงามและภายในนั้นจะมีความยิ่งใหญ่อย่างมาก
มันจะประกอบไปด้วยน้ำพุขนาดใหญ่ด้านนอกที่เลียนแบบน้ำพุของเทรวีในกรุงโรม
ซึ่งน้ำพุเทรวีหรือที่รู้จักกันในนามน้ำพุของหญิงสาวหรืออีกชื่อหนึ่งว่า ‘น้ำพุแห่งความปรารถนา’ ที่เป็นผลงานชิ้นเอกของนักศิลปะและผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรก
มันเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในกรุงโรมพร้อมกับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงโรมด้วย พร้อมกับที่ภาพยนตร์ ‘โรมรำลึก’ ก็เคยถูกถ่ายทำที่นี่
ส่วน ‘โรงแรมเวเนเชี่ยน’ นั้นเลียนแบบเมืองในน้ำของเวนิส ซึ่งคล้ายกับภาพถ่าย PPT ที่ฮาร์ดี้เคยไปหลอกเอามาจากแก๊งอันธพาล
สำหรับการก่อสร้างคาสิโนทั้งสองแห่งนี้ โรงแรมซีซาร์พาเลซจะถูกส่งมอบให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหมยตง ส่วนโรงแรมเวเนเชี่ยนนั้นจะถูกมอบให้กับบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าการก่อสร้างสองแห่งนี้นั้นจะเริ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน
ในขณะเดียวกันอาคารสำนักงาน ‘ฮาร์ดี้’ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของฮาร์ดี้กรุ๊ปก็ถูกก่อสร้างไปพร้อมกันด้วย และการก่อสร้างนี้ก็อยู่ในการดูแลของบริษัทเหมยตง
แต่แนวคิดและการออกแบบทั้งหมดจะมาจากฮาร์ดี้
ซึ่งมันจะคล้ายๆ กับทรงของเหรียญที่จะหมายถึงตัวแทนของเงินจำนวนมาก
มันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าฮาร์ดี้นั้นชอบอะไรนั้นเอง
โดยเวลานี้พวกเขาจะมีสำนักงานชั่วคราวอยู่ที่ลอสแอนเจลิสและหลังจากอาคารฮาร์ดี้สร้างเสร็จ
มันก็จะย้ายทั้งหมดไปยังลาสเวกัสและอาคารลอสแอนเจลิสก็จะกลายเป็นอีกสาขาหนึ่งของสำนักงานใหญ่ฮาร์ดี้กรุ๊ปแทน
…
ที่ห้องของประธาน
ฮาร์ดี้กำลังโทรหาแอนดี้ “แอนดี้ฉันคิดว่าเราจะต้องจัดทำแผนพัฒนาสำหรับฮาร์ดี้กรุ๊ปในอนาคต นายคิดว่าไง?”
เพราะยังไงการที่เรานั้นมีเป้าหมายและทิศทางที่จะเดิน มันก็จะทำให้รู้สึกมีแรงจูงใจอะไรอยู่บ้าง
และไม่ว่าจะเป็นประเทศหรือจะเป็นรายบุคคล มันก็ต้องมีการวางแผนสำหรับอนาคตเพื่อกันไม่ให้มีความผิดพลาดต่างๆ ขึ้นมา
มันก็เหมือนกับแผนของจีนที่เป็นแผนห้าปีและเติบโตไปทีละขั้น
“บอสเดี๋ยวพวกเราไปหาคุณดีกว่า เวลานี้ผมกำลังทำแผนอะไรบางอย่างให้เสร็จและผมก็ยังต้องการขอคำแนะนำจากคุณในบางที่ เพราะสิ่งนี่เกี่ยวข้องกับทิศทางการพัฒนาของฮาร์ดี้กรุ๊ป” แอนดี้กล่าว
“ก็ดี เพราะฉันก็มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจเหมือนกัน ดังนั้นในวันนี้เรามาคุยเกี่ยวกับอนาคตกันเถอะ” ฮาร์ดี้กล่าว
ซึ่งในความคิดของฮาร์ดี้…อนาคตของฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นจะมีธุรกิจหลักอยู่หลายแห่ง
แต่ธุรกิจสื่อนั้นจะเป็นอันดับหนึ่ง
เพราะเวลานี้ธุรกิจสื่อของฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นมีบริษัทออกอากาศเอบีซี เอชดีฟิล์ม โกลบอลไทมส์ เพลย์บอย สถานีวิทยุ บริษัทเอชดีเรคคอร์ด และบริษัทนายหน้า
มันอาจกล่าวได้ว่าธุรกิจสื่อของเขานั้นครอบคลุมแทบทุกอย่างแล้ว
มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ฮาร์ดี้นั้นจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจสื่อก่อน ซึ่งแอนดี้ก็เคยบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว
แถมสิทธิการพูดนั้นก็สามารถแบ่งออกได้หลายอย่าง เช่นอำนาจวาทกรรมทางทหาร อำนาจวาทกรรมทางการเมือง อำนาจวาทกรรมทางเศรษฐกิจ อำนาจวาทกรรมทางวัฒนธรรม อำนาจวาทกรรมทางสื่อ และสุดท้ายคืออำนาจวาทกรรมทางการทูต
โดยธุรกิจสื่อนั้นสามารถควบคุมสิทธิในการพูดสาธารณะและสิทธิในการพูดของประชาชนได้
ดังนั้นมันก็คืออาวุธที่ทรงพลังมาก
เพราะลองคิดดูถ้าคุณสามารถควบคุมสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนได้ แล้วนักการเมืองจำนวนมากจะกลัวคุณแค่ไหน?
แน่นอนว่าการที่เรารับฟังความคิดเห็นของประชาชนมันก็ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ด้วยเหมือนกัน
“แผนของฉันคือการขยายจำนวนสถานีโทรทัศน์เอบีซีต่อไป แม้ตอนนี้มันจะครอบคลุมไปทั่วสหรัฐอเมริกาแต่ในพื้นที่ห่างไกลนั้นมันไม่มีเลยสักนิด และจำนวนสถานีปัจจุบันของเราก็คือ 118 สถานี ซึ่งฉันจะทำให้มันมีมากถึง 200 สถานีภายใน 5 ปี”
“เราต้องพยายามเปิดตลาดต่างประเทศเช่น แคนาดา เม็กซิโก พื้นที่รอบๆ ที่อยู่ใกล้เคียงและทำการก่อตั้งสถานีวิทยุกับสถานีโทรทัศน์ในที่เหล่านี้ให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันยังมีตลาดต่างประเทศเช่นฮ่องกงและญี่ปุ่นอยู่ด้วย แล้วถึงมันจะไม่สามารถถ่ายทอดสดได้มันก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเราก็สามารถนำรายการบางส่วนไปออกอากาศได้เหมือนกัน”
“สำหรับบริษัทโกลบอลไทมส์นั้นเราจะเพิ่มการสนับสนุนเข้าไปอีก เพื่อให้มันครอบคลุมไปทั่วโลกภายในเวลาสองปี และแน่นอนว่าจะมีบางที่ที่เราอาจจะส่งไปได้ไม่เยอะ แต่มันก็ยังดีที่เรานั้นมีช่องทางส่งเสียงไป”
“สำหรับนิตยสารตอนนี้เรานั้นมีแต่เพลย์บอย ซึ่งฉันคิดว่ามันยังเข้าถึงผู้ชมได้น้อยเกินไป ฉันก็เลยวางแผนที่จะสร้างนิตยสารเล่มใหม่ที่เลียนแบบรีดเดอร์สไดเจสท์ โดยมันจะเรียกว่า ‘รีดเดอร์ส’ หรืออีกชื่อ ‘ยูสไดเจสท์’ ส่วนราคาของมันก็จะไม่สูงจนเกินไป มันจะราคาเดียวกับรีดเดอร์สไดเจสท์ที่ 30 เซนต์ต่อเล่ม เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราก็คือการขยายกลุ่มเป้าหมาย”
“มาที่บริษัทภาพยนตร์กันบ้าง ซึ่งเวลานี้เรานั้นจะไม่ผลิตภาพยนตร์ให้เยอะมากเกินไป แต่เราจะเน้นไปที่คุณภาพของภาพยนตร์มากกว่า โดยเราจะมุ่งเน้นไปที่การผลิตละครโทรทัศน์กับรายการวาไรตี้ให้มากขึ้น “
สุดท้ายฮาร์ดี้ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนที่เขาจะไปพูดกับแอนดี้ “แอนดี้นายรู้จักคดีของ ‘พาราเมาท์’ ไหม?”
“บอสหมายถึงคดีเกี่ยวกับการต่อต้านการผูกขาดของแปดบริษัทภาพยนตร์รายใหญ่ที่ถูกระงับไปอย่างนั้นเหรอ?” แอนดี้ถามด้วยความประหลาดใจ
ฮาร์ดี้ส่ายหัว “ฉันพอมีข้อมูลภายในอยู่บ้าง และพระราชบัญญัติพาราเมาท์จะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ หากคำพิพากษาของศาลนั้นมีผลบังคับใช้ บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์รายใหญ่และโรงภาพยนตร์ของพวกเขาเหล่านี้จะต้องถูกแยกออกจากกัน แล้วนายคิดว่าตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?”
ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวภายในแต่มันเป็นความทรงจำในชีวิตที่ผ่านมาของฮาร์ดี้ และแอนดี้ก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามันมาจากไหน
แถมด้วยเวลาปัจจุบันนี้ฮาร์ดี้ก็บอกได้เลยว่าข่าวพวกนี้ถือเป็นข่าวระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถ้าอย่างนั้นเราก็สามารถเตรียมตัวชอร์ตหุ้นได้ล่วงหน้านะสิ?” แอนดี้กล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ถูกต้อง ดังนั้นนายก็จับตาดูเรื่องนี้และหาเวลาทำเงินในเวลาที่เหมาะสมให้ได้แล้วกัน” ฮาร์ดี้ยิ้ม
“แล้วบอสครับ คุณไม่ได้วางแผนที่จะซื้อบริษัทหรืออะไรบางอย่างเลยเหรอ?” แอนดี้ถาม
ฮาร์ดี้ยิ้มและส่ายหัว
“ลองดูเอชดีฟิล์มของฉันสิ ฉันไม่เคยให้มันมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์เลย เพราะฉันรู้ดีว่าจะมีเรื่องการต่อต้านการผูกขาดและฉันก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเลยสักนิด ซึ่งในอนาคตบทบาทที่สำคัญที่สุดของเอชดีฟิล์มนั้นจะเป็นฐานผลิตรายการให้สถานีโทรทัศน์แทน”
หลังจากพูดถึงธุรกิจสื่อแล้ว ฮาร์ดี้ก็พูดถึงเสาหลักที่สองของกลุ่ม
นั้นก็คือบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้
ถ้าหากธุรกิจสื่อนั้นเป็นลูกสาวของฮาร์ดี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยก็คือลูกชายของเขานั้นเอง
โดยตั้งแต่ต้นเริ่มต้นฮาร์ดี้นั้นไม่อนุญาตให้ใครหรือกองกำลังภายนอกเข้าร่วมกับบริษัทรักษาความปลอดภัยเลย
ส่วนพี่น้องสองสามคนในเวลานั้นอันที่จริงเขาสามารถให้ตำแหน่งที่สูงกับพวกเขาได้…
แต่ฮาร์ดี้ก็ไม่ทำแบบนั้นเพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นคนที่ไว้ใจได้สำหรับเขา
อย่าคิดว่าริชาร์ด เฮนรี่ แมทธิว นีล คนเหล่านี้เป็นแค่หัวหน้าทีมของบริษัทรักษาความปลอดภัย
เพราะพวกเขานั้นมีเงินเดือนที่สูงกว่าคนข้างนอกมากและยังมีกำไรจากเงินปันผลด้วย
แล้วอันที่จริงบริษัทรักษาความปลอดภัยฮาร์ดี้ก็ไม่เคยคาดหวังว่ามันจะทำเงินได้ แต่ตามธรรมชาติแล้วสิ่งที่ดีที่สุดนั้นก็คือการสนับสนุนตัวเองและพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะถึงแม้เขานั้นจะต้องสูญเสียเงิน ฮาร์ดี้ก็ยังเอาเงินส่วนอื่นมาบริหารกลุ่ม
ซึ่งการดำรงอยู่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นมันก็ช่วยรับประกันว่าบริษัทอื่นๆ ของฮาร์ดี้นั้นจะปลอดภัย
ฮาร์ดี้พูดกับแอนดี้
“ตอนนี้บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ได้ทำความร่วมมือกับลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก และสุดท้ายก็คือหน่วยงานตำรวจสถานีลาสเวกัส ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่าจะหยุดขยายไปยังเมืองอื่นๆ ชั่วคราวก่อน เพราะถ้ารัฐบาลรู้สึกว่าเราเป็นภัยคุกคามมันก็อาจจะมีปัญหาตามมา ตอนนี้ฉันคิดว่าเราต้องใช้เวลานี้คิดหาทางที่หยุดปัญหาที่จะเกิดขึ้นก่อน”
“สำหรับงานต่อไปที่ต้องทำก็คือการฝึกฝนคนเพื่อที่จัดตั้งแผนกรักษาความปลอดภัยสำหรับโรงงานขึ้นมา เพราะยังไงตอนนี้เราก็อยู่ในสมาคมแคลิฟอร์เนียที่มีกลุ่มบริษัทมากมายและเราก็สามารถสื่อสารกับพวกเขาได้”
“แล้วลองคิดดูถ้าเราสามารถรับงานรักษาความปลอดภัยกับพวกเขาได้มันจะเป็นธุรกิจใหญ่แค่ไหน?”
“นอกจากนี้ยังมีแผนกรักษาความปลอดภัยเหล่าดารา ที่มันจะให้ความปลอดภัยสำหรับเหล่าดาราคนดังภาพยนตร์หรือคนใหญ่คนโต แน่นอนว่าธุรกิจนี้จะต้องมีคนต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ”
“อีกงานก็คือการจัดตั้งแผนกขนส่ง เพราะฉันเพิ่งอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อไม่กี่วันก่อน มันบอกว่ามีโจรสลัดกำลังแพร่หลายในบางพื้นที่ของทะเล พร้อมกับถล่มเรือสินค้าของผู้ใช้เส้นทางแถวนั้น”
สำหรับธุรกิจที่สาม
ก็คือธนาคารเวลส์ฟาร์โกที่ถือว่าเป็นแกนหลักของธุรกิจหลายอย่างในกลุ่ม
โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเขามีความคิดที่จะพัฒนามันให้กลายเป็นธนาคารแห่งชาติที่มันจะมีสาขามากกว่าหนึ่งแห่งในแต่ละเมือง
ซึ่งแผนนี้ได้รับการคิดขึ้นหลังจากที่เขานั้นซื้อธนาคารเวลส์ฟาร์โก
ความคิดล่าสุดของฮาร์ดี้ก็คือการให้ธนาคารเวลส์ฟาร์โกจัดตั้งแผนกการลงทุนขึ้นมา
เพราะยังไงข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการมีความรู้เรื่องอนาคต แถมในตอนนี้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงหลายแห่งก็ยังไม่ปรากฏตัว
ลองคิดดูถ้าหากคุณก่อตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนขึ้นมา
บริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ ในอนาคตก็จะมาหาคุณและเลือกลงทุนในบริษัทเหล่านั้น
ซึ่งคุณจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นพันเท่าในอนาคต
แล้วฮาร์ดี้ก็ต้องการสร้างเวลส์ฟาร์โกให้เป็นเหมือนกับโกลด์แมนแซคส์
…
ธุรกิจหลักที่สี่
ธุรกิจการพนัน
มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่าเวลานี้ลาสเวกัสนั้นเป็นสิ่งสำคัญแค่ไหน ที่นั่นมีฮาร์ดี้โฮเทลตั้งอยู่รวมทั้ง ‘ซีซาร์พาเลซ’ และ ‘เวเนเชี่ยน’ ที่กำลังก่อสร้างอยู่หลายแห่ง
ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ทำเงินได้ไม่ยากด้วย
แต่ยังไงก็ตามระยะเวลาก่อสร้างนั้นกินเวลามากถึงสองปี ดังนั้นกิจกรรมอื่นๆ จะต้องรอไปก่อน
เวลานี้สิ่งที่ควรให้ความสำคัญก็คือการส่งคนไปดูสถานการณ์เกี่ยวกับการก่อสร้าง
สำหรับธุรกิจที่ห้าก็คือ
“ธุรกิจในเครือของฮาร์ดี้ซูเปอร์มาร์เก็ต”
มันทำให้แอนดี้แปลกใจ เพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าบอสนั้นจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าปลีก
“บอสคุณต้องการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างนั้นเหรอ?” แอนดี้ถาม
“ในอนาคตมันคือยุคของการบริโภค และผู้คนก็จะให้ความสนใจกับการบริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นธุรกิจเกี่ยวกับการค้าปลีกมันก็จะเติบโตได้ง่าย นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกก็ยังมีข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่งก็คือ ‘คลังเงินสด’ ซึ่งแผนของฉันก็คือการสร้างเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองใหญ่ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาแล้วเลือกสักที่ที่อยู่ในใจกลางเมืองติดอยู่กับย่านผู้คนพลุกพล่าน”
“ฉันจะทำการซื้อที่ดินและสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตสไตล์คลังสินค้าหรืออาจจะเอาสินค้าของเราเองเข้าสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตแทนก็ได้ และมันก็จะเป็นการดึงดูดคนอื่นๆ ให้มาสนใจด้วยเหมือนกัน ซึ่งในอนาคตจะเป็นการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมือง มันก็อาจจะทำให้ทีดินนั้นมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นด้วย”
แอนดี้คิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “บอสถ้าซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมากถูกสร้างขึ้น และที่ผมลองคิดดูมันก็จะมีหมวดหมู่สินค้ามากกว่า 10,000 ชิ้น เมื่อถึงตอนนั้นผมเกรงว่าจำนวนเงินของเราน่าจะไม่พอ”
ฮาร์ดี้ส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่หรอก ฉันจะไม่ให้เงินกับพวกเขา แต่พวกเขาจะเอาเงินมาให้ฉันต่างหาก ถ้าจะให้พูดก็คือซูเปอร์มาร์เก็ตของฉันนั้นไม่ได้จะซื้อสินค้าจากพวกเขา แต่มันจะเป็นสถานที่สำหรับพ่อค้ามาขายของ”
“ง่ายๆ ถ้ามีคนมาขายสินค้ากับเรา มันก็ถือว่าเรานั้นได้ทำเงินแล้ว เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือลงนามความร่วมมือกับบริษัทเพื่อเก็บค่าคอมมิชชั่น ดังนั้นซูเปอร์มาร์เก็ตของฉันก็จะไม่มีแรงกดดันด้านเงินใดๆ”
แอนดี้มองไปที่ฮาร์ดี้ด้วยความประหลาดใจ “มันทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”
“ทำไมมันจะทำไม่ได้ล่ะ? เพราะเราก็ยังรับผิดชอบต่อการขายสินค้าผ่านทางทีวีช้อปปิ้งอยู่แล้ว และเราก็ยังได้ส่วนแบ่งจากขายด้วยไม่ใช่เหรอ? แล้วมันจะแตกต่างกันยังไงระหว่างวางสินค้าเหล่านั้นไว้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต? แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้พ่อค้าเหล่านั้นมาวางขายสินค้ากับเรา แต่อย่าลืมว่าเรานั้นมีสถานีโทรทัศน์เอบีซีที่เป็นเครื่องมือโฆษณาอันทรงพลัง ดังนั้นพ่อค้าที่มาวางขายกับซูเปอร์มาร์เก็ตก็จะสามารถใช้สิทธิผลประโยชน์จากทีวีช้อปปิ้งได้”
“อ่า เมื่อถึงตอนนั้นมันยังมีเวลาเพียงพอสำหรับทีวีช้อปปิ้งอยู่ใช่ไหม?”
“ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเปิดช่องทั่วประเทศกันเถอะ เรามาทำให้ช่องนี้มีสินค้าโฆษณาทุกวันและเราก็จะเอาโปรโมชั่นจากห้างซูเปอร์มาร์เก็ตมาโชว์ด้วย พร้อมกับแนะนำสินค้า วิธีการใช้งาน และอื่นๆ เข้าไปอีก”
“ส่วนชื่อของมันก็คือ ‘ช้อปปิ้งสตรีท’ ดีไหม?”
แอนดี้ชื่นชมความคิดของบอสมากจริงๆ ต้องบอกเลยว่าความคิดบอสนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่แน่นอนว่าแนวคิดเหล่านี้ก็ต้องการสนับสนุนจากธุรกิจอื่นๆ เช่นกัน
ไม่อย่างนั้นฮาร์ดี้คงไม่เอาธุรกิจสื่อเป็นแกนนำสำหรับฮาร์ดี้กรุ๊ปหรอก
อัพกี่วันครั้งครับ
กำลังกลับมาอัพวันละ 2 ตอนนะครับ