อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 209 ธุรกิจก็คือธุรกิจ

ตอนที่ 209 ธุรกิจก็คือธุรกิจ

เมื่อวิคเตอร์พูดจบมันก็ถึงเวลาที่ปาร์ตี้ค็อกเทลจะเข้าสู่ช่วงการพูดคุย

ซึ่งเดิมทีวิคเตอร์นั้นก็เป็นคนดูดีคนหนึ่งอยู่แล้ว และเขานั้นยังชอบพูดคุยกับคนอื่น 

มันก็เลยเป็นเรื่องง่ายที่เขานั้นจะหลอกลวงคน แถมที่นี่เขาจะทำอะไรก็ทำได้

มันก็เลยทำให้เขารู้สึกดีมากจริงๆ

เขาถือแก้วไวน์ก่อนจะเดินไปคุยกับเลขาของผู้ว่าราชการ จากนั้นก็ไปคุยกับหัวหน้าสถานีตำรวจก่อนจะไปเริ่มคุยกับประธานและตัวแทนบริษัทต่างๆ ที่มางานนี้

ซึ่งปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้ครอบครองอุตสาหกรรมการผลิตเกือบทั้งหมดของฮ่องกง ตั้งแต่ไฟฟ้าไปจนถึงน้ำประปา เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และการขนส่ง 

โดยพวกเขานั้นกังวลว่าธุรกิจที่ฮาร์ดี้กรุ๊ปจะเข้ามาลงทุนนั้นจะกระทบกับธุรกิจของตัวเองหรือไม่

“คุณวิคเตอร์ครับ ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าธุรกิจที่ฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นจะเข้ามาลงทุนที่นี่นั้นเป็นธุรกิจอะไร ผมขอถามได้ไหม?” ประธานของจาร์ดีนแมธสันถาม

คนอื่นๆ ก็มองมายังวิคเตอร์เพื่อรอฟังคำตอบจากเขา

วิคเตอร์ยิ้ม “บอกตามตรงว่าผมก็เพิ่งมาฮ่องกงได้ไม่ถึงเดือนเลยและก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่มากนัก แต่ผมนั้นต้องการเปิดบริษัทประมูลและบริษัทรับซื้อขายของโบราณ ส่วนสิ่งที่จะทำต่อไปนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าฮ่องกงเวลานี้ขาดอะไร”

“และฮาร์ดี้กรุ๊ปเองก็มีบริษัทลูกอยู่ในมือมากมาย พร้อมกับบริษัทของสมาคมแคลิฟอร์เนียที่อยู่เบื้องหลังเราอีก ซึ่งถ้านับรวมทั้งหมดธุรกิจของเราก็จะครอบคลุมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น บริษัทการเงิน บริษัทน้ำมัน ไปจนถึง โรงงานโลหะ บริษัทรับเหมา โรงงานรถยนต์หรือแม้แต่เครื่องบินและปืนใหญ่…”

“นอกจากนี้เรายังมีธุรกิจที่เกี่ยวกับการขนส่ง อสังหาริมทรัพย์ บริษัทสื่อ สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หนังสือพิมพ์กับนิตยสาร”

“แล้วถ้าหากคุณต้องการเครื่องบิน รถถังหรือแม้แต่เรือบรรทุกเครื่องบินผมก็สามารถหาให้พวกคุณได้ และถ้าที่นี่ขาดยากับหมากฝรั่งผมก็สามารถหามาให้คุณได้เหมือนกัน”

สิ่งที่วิคเตอร์พูดไปนั้นเขาไม่ได้โม้เลยสักนิด เพราะถ้ามีคนกล้าซื้อเครื่องบิน รถถัง เรือ เขาก็สามารถเอามันมาได้จริงๆ

ประธานของบริษัทเหล่านี้ต่างตั้งใจฟังที่วิคเตอร์พูดและพวกเขาก็คิดว่าฮาร์ดี้กรุ๊ปช่างเป็นฉลามตัวใหญ่จริงๆ 

เพราะมันไม่มีใครรู้เลยว่าเขานั้นจะไปกัดใครในอนาคต

แต่แน่นอนมันอย่างมีหนทางอื่นๆ อีกเช่น ทำความร่วมมือ

ยังไงธุรกิจจะเกิดขึ้นได้มันก็ต้องมีความร่วมมือไม่ใช่เหรอ?

ผลตอบรับของงานปาร์ตี้นี้ให้ผลดีมาก โดยวิคเตอร์นั้นใช้เวลาที่สั้นที่สุดและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดเพื่อให้วงการธุรกิจในฮ่องกงได้รู้จักฮาร์ดี้กรุ๊ป พร้อมกับที่เขานั้นก็ได้ยกย่องตัวเองให้เป็นตัวแทนของฮาร์ดี้กรุ๊ปในฮ่องกงได้แล้ว

วันนี้วิคเตอร์ได้รับนามบัตรกองใหญ่มากจริงๆ

แต่มันก็ไม่เป็นไรเพราะเขานั้นสามารถใช้ได้ในอนาคต ซึ่งเขานั้นอาจจะไปเยี่ยมชมบริษัทเหล่านี้หรือติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลได้โดยตรงเลยก็ได้

ปาร์ตี้ค็อกเทลจบลงในวันถัดไป

วิคเตอร์ก็เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแปดคนที่มากับเขาให้มาคุยกัน เพราะงานตอนนี้ของพวกเขานั้นไม่ใช่บอดี้การ์ดแล้ว และวิคเตอร์ก็ไม่อยากให้ความสามารถของพวกเขาเสียไปเปล่าๆ 

โดยตอนนี้ตัวตนของพวกเขาทั้งหมดจะเป็นผู้จัดการของสาขาฮ่องกง

วิคเตอร์แบ่งพวกเขาออกเป็นสี่กลุ่มและส่งพวกเขาออกไปติดต่อโรงพยาบาลใหญ่ๆ ในฮ่องกง

โรงพยาบาลควีนแมรี่ฮ่องกง

คนของบริษัทฮาร์ดี้สองคนเดินเข้าไปขอพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลและพูดกับเขาว่าพวกเรานั้นมีเพนิซิลลินมาขาย ซึ่งสีหน้าของผู้อำนวยการนั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อสิ่งที่ทั้งสองพูด และถ้าพวกเขาทั้งสองนั้นไม่ใช่คนอเมริกันเขาก็คงคิดว่าพวกเขาโกหกจริงๆ

“พวกคุณมีเพนิซิลลินอยู่ในมืองั้นเหรอ?” ผู้อำนวยการถาม

หนึ่งในนั้นหยิบกล่องเพนิซิลลินออกมาจากกระเป๋าแล้วเอาไปวางบนโต๊ะ และเมื่อผู้อำนวยการเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นมีเพนิซิลลินออกมาจริงๆ เขาก็ตกใจมาก

มีจริงเหรอเนี่ย?

เขารีบหยิบกล่องขึ้นมาดูทันที และก็ได้เห็นฉลากที่มีวันที่ติดอยู่ ‘ผลิตเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว’ ผู้ผลิตคือบริษัทอเมริกันเมอร์ซี่ฟาร์มาซูติคอล

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเมอร์ซี่ฟาร์มาซูติคอลเป็นผู้ผลิตเพนิซิลลินรายใหญ่เป็นอันดับสองรองจากไฟเซอร์

ดังนั้นเพนิซิลลินของเมอร์ซี่ก็ถือว่าไว้ใจได้

เมื่อเห็นว่ายาเป็นของจริงผู้อำนวยการก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

“พวกคุณได้มายังไง? ลักลอบเหรอ? แล้วพวกคุณมีเท่าไหร่และราคามันล่ะ?” ผู้อำนวยการถามอย่างตื่นเต้น

ทีมรักษาความปลอดภัยเลียริมฝีปากของเขา “พวกเราได้มาจากช่องทางปกติและยาในมือของเราก็มีเยอะมาก  ดังนั้นพวกเราก็ไม่ใช่แอบซื้อมาแค่สองสามขวดเหมือนพวกลักลอบนำเข้าเหมือนหนูตัวหนึ่ง”

“ซึ่งเราสามารถขายให้คุณได้ 5,000 ขวด แล้วคุณยินดีที่จะจ่ายเท่าไหร่?”

5,000 ขวด?

ผู้อำนวยการถูมือของเขาด้วยความตื่นเต้น

ต้องบอกก่อนว่ายาตัวนี้นั้นสามารถช่วยชีวิตคนได้เยอะจริงๆ

โดยในการรักษาคนในปัจจุบันนั้นสาเหตุที่ทำให้คนเสียชีวิตมากที่สุดก็คือการติดเชื้อ และเพนิซิลลินก็มีผลรักษาอาการติดเชื้อให้หายอย่างน่าอัศจรรย์

“งั้นคิดยังไงถ้าอันละ 6 ดอลลาร์ล่ะ?” ผู้อำนวยการถาม

ซึ่งทีมรักษาความปลอดภัยก็กำลังเอื้อมมือเอากล่องยากลับไปทันที มันก็เลยทำให้ผู้อำนวยการรู้สึกกังวลมากจึงรีบคว้ากล่องและถามอย่างรีบร้อนว่า “พวกเรามาคุยกันอีกครั้งดีกว่านะ มาคุยกันก่อน”

“เวลานี้ตลาดมืดขายยาอยู่ขวดละ 25 หรือ 30 ดอลลาร์ และราคาที่เจ้านายของเราบอกมาก็คือ 15 ดอลลาร์ ซึ่งมันก็ต่ำกว่าในตลาดมืดมากแล้ว”

อันที่จริงราคา 30 ดอลลาร์นั้นมันไม่จริงเลย เพราะราคาในตลาดมืดตอนนี้จะอยู่ที่ 16-18 ดอลลาร์และในบางครั้งเมื่อสินค้าหมดสต๊อกราคามันก็จะเพิ่มเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง

ผู้อำนวยการเอากล่องมาถือไว้แล้วส่ายหัวอย่างไว “มันแพงเกินไป แพงมากจริงๆ และยาชนิดนี้ที่โรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกานั้นแค่ 3 ดอลลาร์เท่านั้น ส่วน 15 ดอลลาร์นั้นแพงเกินไปมาก มันจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จ่ายได้ แล้วลองคิดดูว่าใครจะมาซื้อ? ถูกไหม?”

“เมื่อกี้คุณพูดว่ามันอยู่ในสหรัฐอเมริกาใช่ไหม? เวลานี้ที่นั่นก็ยังหายากเลย และการขนส่งมาที่นี่ระยะทางมันก็ไกลเป็นพันๆ ไมล์ คุณคิดว่ามันไม่มีความเสี่ยงเหรอ? อย่าลืมว่าเราก็ต้องได้กำไรเหมือนกัน!”

“และเราก็เป็นนักธุรกิจด้วย”

หลังจากโต้เถียงกันอยู่สักพักราคาสุดท้ายก็ตั้งไว้ที่ 11 ดอลลาร์และผู้อำนวยการก็กัดฟันซื้อทั้ง 5000 ขวดไว้อย่างไม่เต็มใจ

ซึ่งตอนนี้โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในฮ่องกงก็คือโรงพยาบาลที่ได้รับเงินลงทุนจากประเทศอังกฤษ เช่น โรงพยาบาลควีนแมรี โรงพยาบาลเอลิซาเบธ โรงพยาบาลปรินซ์ออฟเวลส์ โรงพยาบาลเซนต์เทเรซา โรงพยาบาลอินเวสชั่น สุดท้ายคือโรงพยาบาลที่ได้รับทุนจากจีน

โรงพยาบาลเหล่านี้ก็มีเพนิซิลลินอยู่ในมือพร้อมกับที่พวกเขาอยากได้เท่าไหร่ก็ได้ เพราะยังไงพวกเขาก็มีช่องทางของตัวเอง 

แต่เพนิซิลลินก็ยังถือว่าขาดแคลนอยู่ในขณะนี้ 

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เข้าไปขายให้โรงพยาบาลเหล่านี้พวกเขาก็ยังถือว่าทำเงินได้ 

โดยในเวลานี้วิคเตอร์ขายออกไปแล้วถึง 50,000 ขวด อย่างรวดเร็ว และราคาที่ถูกที่สุดก็อยู่ที่ 10 ดอลลาร์ส่วนแพงสุดก็คือ 12 ดอลลาร์ ทำให้เวลานี้พวกเขามีรายได้รวมมากกว่า 500,000 ดอลลาร์

ซึ่งยาในมือของเขาตอนนี้เหลือแค่ 40,000 ขวดเท่านั้น และวิคเตอร์ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรด้วย

เมื่อเร็วนี้ๆ ได้มีข่าวลือว่าฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นมีเพนิซิลลินขาย มันก็เลยทำให้พวกเขานั้นเป็นที่รู้จักกันในฮ่องกงทันทีโดยเฉพาะในหมู่บุคคลระดับสูง

ซึ่งวิคเตอร์นั้นเคยพูดในตอนแรกที่พบกับพวกเขาไว้ว่าบริษัทนั้นขายทุกอย่าง และสิ่งแรกที่พวกเขาขายนั้นก็คือเพนิซิลลินที่กำลังขาดตลาดอยู่ในเวลานี้

แน่นอนว่าหลายคนก็รู้ว่าการส่งออกเพนิซิลลินจากสหรัฐอเมริกานั้นถูกจำกัดอยู่ ถึงแม้มันจะไม่ได้รับการตรวจสอบแต่มันก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถหายาตัวนี้จากโรงงานผลิตยาได้ และแน่นอนว่าสินค้าลักลอบนำเข้าบางรายการก็จะมีราคาสูงมากๆ โดยพวกเขานั้นต้องแอบซื้อทีละกล่องสองกล่องเพื่อนำมาฮ่องกง

แต่เวลานี้ฮาร์ดี้กรุ๊ปกลับนำออกมาขายอย่างเปิดเผย

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนในสหรัฐอเมริกา

แล้วตอนนี้ก็ยังมีสำนักงานอยู่ที่ฮ่องกงอีก ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็จะแพร่กระจายออกไปในไม่ช้า 

ซึ่งเวลานี้มันก็คือปี 1948 และสถานการณ์ต่างๆ มันก็ยังไม่ปกติสักเท่าไหร่ 

มันยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสนามรบเป็นจำนวนมากและต้องใช้ยาเฉพาะอย่างเพนิซิลลินเพื่อช่วยยื้อชีวิตไว้

แน่นอนว่าเมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป พวกเขาก็ส่งคนไปที่ฮ่องกงเพื่อทำการขอซื้อทันที

วิคเตอร์กำลังทานอาหารอยู่ในร้านแห่งหนึ่ง ในขณะนั้นชายวัยกลางคนในชุดสูทก็เดินเข้าไปหาวิคเตอร์

ฟืบ!

ชายที่ดูแข็งแรงสองคนที่นั่งข้างๆ คนหนึ่งยืนขึ้นแล้วสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อจ่อไปที่ข้างหลังของชายวัยกลางคนทันที

“อย่าเข้าใจผมผิด ผมแค่ต้องการมาคุยธุรกิจกับคุณวิคเตอร์เท่านั้น” ชายวัยกลางคนพูดโดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ บนใบหน้าของเขา

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองมองไปที่วิคเตอร์และวิคเตอร์ก็พยักหน้าให้ 

เมื่อเห็นดังนี้ชายวัยกลางคนก็เดินไปที่โต๊ะอาหารของวิคเตอร์อีกครั้ง

“สวัสดีครับคุณวิคเตอร์ ผม…”

ทันใดนั้นวิคเตอร์ก็เอื้อมมือออกไปเพื่อขัดจังหวะอีกฝ่าย “ผมไม่อยากรู้ว่าคุณชื่ออะไร มาจากไหนหรือจะอยู่ฝ่ายสังกัดพรรคการเมืองอะไร เพราะยังไงเรื่องพวกนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผม ผมเป็นแค่นักธุรกิจเท่านั้น”

ชายวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่ง

เขาหยุดคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า

“อ่า ตรงนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เราจะพูดคุยเกี่ยวธุรกิจ แต่ผมก็อิ่มแล้วพอดีงั้นทำไมเราไปคุยกันที่บริษัทของผมกันละ? นั่งดื่มชาสักถ้วยเพื่อที่เราจะได้นั่งคุยกันอย่างสบายใจ” วิคเตอร์พูดพร้อมกับเช็ดปากของเขา

“ได้เลย!” ชายวัยกลางคนกล่าว

เมื่อทั้งสองออกไปจากร้านอาหารและเดินไปที่รถคนขับก็เปิดประตูให้พวกเขาก่อนที่วิคเตอร์จะเข้าไปในรถพร้อมกับชายวัยกลางคน 

ซึ่งเวลานี้รถกำลังจะขับไปที่บริษัทประมูลฮาร์ดี้

เมื่อชายวัยกลางคนลงจากรถเขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองที่แผ่นป้าย

‘บริษัทประมูลฮาร์ดี้’

บริษัทประมูลฮาร์ดี้งั้นเหรอ?

ต้องบอกว่าชั้นแรกนั้นเป็นบริษัทประมูลก็จริงแต่ถ้าให้พูดตรงๆ มันเหมือนบริษัทรับซื้อของโบราณมากกว่า 

เพราะเวลานี้ไม่มีการประมูลอะไรเลยมีแต่ซื้อเข้าและไม่ขาย

ซึ่งที่นี่ก็มีห้องนั่งเล่นอยู่ชั้นสอง และวิคเตอร์กับคนของเขาก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย 

เมื่อขึ้นมาวิคเตอร์ก็บอกให้เขานั่งลง “ผมไม่รู้ว่าคุณผู้ชายอยากจะให้ผมช่วยอะไร หรือคุณจะเอาของโบราณมาขาย?”

วิคเตอร์ถามอย่างอยากรู้

“ไม่ ผมต้องการซื้อยาเพนิซิลลิน” อีกฝ่ายพูดอย่างตรงไปตรงมา

“แน่นอนตราบใดที่ราคาเหมาะสมผมก็ขายให้คุณได้ แล้วคุณอยากซื้อเท่าไหร่?” วิคเตอร์ถาม

“ราคาที่พวกคุณขายล่ะ?” ชายวัยกลางคนถาม

วิคเตอร์ยิ้ม “15 ดอลลาร์ต่อขวดไม่มีการต่อรองราคาอะไรทั้งนั้น”

ชายวัยกลางคนตกตะลึง “ไม่ใช่ว่าแพงกว่าราคาของโรงพยาบาลอีกงั้นเหรอ?”

“ที่โรงพยาบาลนั้นมันถือว่าเป็นการซื้อขายปกติ แต่กับคุณนั้นมันไม่ใช่และราคาที่เราขายให้กับโรงพยาบาลมันก็เพื่อที่จะเอาไว้ช่วยเหลือมนุษย์ ง่ายๆ ก็คือเพื่อมนุษย์ธรรมพร้อมกับได้ทำการซื้อขายและยังได้ทำดียังไงละ” วิคเตอร์พูดล่อลวงอย่างชำนาญ

“ขอให้ราคามันถูกกว่านี่ได้ไหม ตอนนี้มันแพงเกินไปจริงๆ” ชายวัยกลางคนส่ายหัว

“อ่า แล้วคุณรู้ไหมว่าราคาของเพนิซิลลินในตลาดมืดนั้นราคาเท่าไหร่? ตอนนี้ราคาของมันนะอยู่ระหว่าง 16 ถึง 18 ดอลลาร์และยังมีปริมาณน้อยมากด้วย ซึ่งในเวลาที่หายากราคาของมันก็พุ่งขึ้นไปสูงถึง 30 ดอลลาร์เลยทีเดียว ดังนั้นราคาที่ 15 ดอลลาร์ของผมนั้นก็เป็นราคาที่ดีมากแล้ว “วิคเตอร์กล่าว

“คุณวิคเตอร์ ผมต้องการซื้อยาพวกนี้ไปช่วยคนจากสนามรบ”

วิคเตอร์ยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อขัดจังหวะอีกฝ่าย

“สุภาพบุรุษผมบอกไปแล้วว่านี่คือธุรกิจมันก็ต้องคุยแค่เรื่องธุรกิจ ไม่ต้องบอกเรื่องอื่นกับผมหรอก ถ้าพูดมากไปอาจส่งผลเสียต่อการซื้อขายได้คุณคิดว่ายังไง?” วิคเตอร์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

เมื่อได้ยินชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทันที

“คุณวิคเตอร์พอจะลดราคาให้ถูกกว่านี้ได้ไหม เพราะผมต้องการมันเยอะมากจริงๆ” ชายวัยกลางคนถามอย่างกังวล

“เท่าไหร่?”

“ทั้งหมดที่คุณมีตอนนี้” ชายวัยกลางคนกล่าว

วิคเตอร์คิดอยู่พักหนึ่งก่อนพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ 13 ดอลลาร์ ไม่มีราคาน้อยกว่านี้แล้วนี่แหละราคาสุดท้าย”

ชายวัยกลางรู้ว่านี่คือราคาที่พวกเขาให้ได้แล้ว “ก็ได้แค่ 13 ดอลลาร์เท่านั้นนะ แล้วคุณวิคเตอร์อยากได้การชำระเงินแบบไหนหรือครับ?”

“อะไรก็ได้แต่ต้องเป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย”

“เงินดอลลาร์ ปอนด์ สเตอร์ลิง ทอง ทั้งหมดนี้ล้วนใช้ได้หมด แต่ถ้าพวกคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้พวกเราก็ยินดีที่รับซื้อของโบราณทุกประเภทเช่นกัน…ยังไงที่นี่ก็เป็นบริษัทประมูล ผมสามารถประเมินราคาให้คุณได้เลย” วิคเตอร์กล่าว

“เวลานี้ผมมียาทั้งหมดที่ 46,000 ขวด ส่วนราคาก็ 600,000 ดอลลาร์ตกลงไหม?”

“ตกลง แล้วคุณพอให้เวลาผมหาเงินสักสองสามวันได้ไหม?” ชายวัยกลางคนถามด้วยความเคารพ

“ไม่มีปัญหา แต่ผมก็หวังว่าพวกคุณนั้นจะรีบมาหน่อย ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆ อาจจะมาซื้อไปก่อน และผมก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ให้คุณ” วิคเตอร์พูดด้วยสีหน้านักธุรกิจ

ชายวัยกลางคนเม้มริมฝีปากแล้วก็ลุกขึ้นยืนพยักหน้าให้กับวิคเตอร์ก่อนเดินจากไป

1 thought on “อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 209 ธุรกิจก็คือธุรกิจ”

Leave a Comment

ไม่ดี!