ตอนที่ 208 สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือการได้หลอกคน
หลังจากผ่านไป 10 วันเรือบรรทุกสินค้าที่ออกจากสหรัฐอเมริกาไปยังฮ่องกงก็เข้าเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว
วิคเตอร์ก็ให้คนของเขาขับรถบรรทุกไปที่ท่าเรือเพื่อรับสินค้ามาทันที
ซึ่งฮาร์ดี้นั้นได้บอกกับวิคเตอร์ว่าสินค้าชุดนี้เป็นยาชนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าสินค้าชนิดนี้เป็นยาอะไร
ทว่าสินค้าชุดนี้นั้นได้รับการยกเว้นการตรวจสอบและวิคเตอร์ก็นำมันกลับไปที่บริษัทได้เรียบร้อยแล้ว
แล้วเมื่อเขาเปิดกล่องสินค้าออก เขาก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“พระเจ้า! มันคือเพนิซิลลิน ทั้งหมดเป็นเพนิซิลลินจริงๆ!”
เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบอสถึงไม่พูดกับเขาตอนที่โทรเลขอยู่ เพราะมันมีความเป็นไปได้ที่การโทรครั้งนี้จะรั่วไหลออกไปและก็ทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง
หลังจากวิคเตอร์ทำการนับสินค้าทั้งหมดแล้วเขาก็เห็นว่ามันมีถึง 100,000 ขวด!
เมื่อเขาคิดในใจเขาก็คิดว่าสินค้าชุดนี้ถ้าขายในตลาดมืดพวกมันก็จะมีมูลค่ามากถึง 1 ล้านดอลลาร์
เขายืนคิดสักพักก่อนจะรีบวิ่งไปที่สำนักงานเพื่อโทรเลขไปรายงานฮาร์ดี้ ‘บอสผมได้รับสินค้าแล้วครับ แล้วบอสมีคำสั่งอะไรเป็นพิเศษไหม?’
หลังจากส่งโทรเลขเสร็จวิคเตอร์ก็ไม่ได้ออกไปไหนและยืนรออยู่ที่สำนักงานโทรเลขที่เดิม
สองชั่วโมงต่อมาวิคเตอร์ก็ได้รับการตอบกลับมาว่า ‘ยาตอนนี้อยู่กับนายแล้ว นายสามารถจัดการมันได้ตามสบายเลย และจากนี้ไปสินค้าจะส่งไปที่นั่นอีกมากมายทุกเดือน ส่วนเงินที่ได้จากการขายยาให้เก็บไว้ในบัญชีเพื่อใช้ซื้อของเก่ากับที่ดิน’
‘แล้วในปีนี้กลุ่มของเราและบริษัทเมอร์ซี่ฟาร์มาซูติคอลได้ทำความร่วมมือกันเพื่อเปิดโรงงานผลิตยาที่ฮ่องกง ฉันอยากจะให้นายหาสถานที่ไว้ล่วงหน้าหรือไปหาซื้อโรงงานผลิตยามาปรับปรุงเอาก็ได้ พอผ่านปีนี้ไปแล้ว มันจะมีคนถูกส่งไปที่ฮ่องกงและนายจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการทั้งหมด’
เมื่อวิคเตอร์ได้รับโทรเลขมันก็ทำให้มือของเขาสั่นด้วยความตื่นเต้น
เพนิซิลลิน 100,000 ขวดทุกเดือน?
นี่มันคือทองคำชัดๆ แถมยังจะมีการเปิดโรงงานผลิตยาที่นี่อีก
มันแสดงให้เห็นเลยว่าบอสของเขาให้ความสำคัญกับธุรกิจของตะวันออกเป็นอย่างมาก
…
เวลานี้บริษัทประมูลที่ฮ่องกงก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ ‘บริษัทประมูลฮาร์ดี้’ ตั้งอยู่ที่ถนนควีนใจกลางเมือง โดยวิคเตอร์นั้นก็ให้ความสำคัญสำหรับการหาเช่าอาคารสำนักงานสไตล์ตะวันตกมากที่สุด
ซึ่งเดิมทีที่นี่นั้นเป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีสามชั้น แต่เขาก็ได้ทำการต่อเติมออกไปและห้องนิรภัยเก่าก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เป็นที่จัดเก็บของโบราณ
แล้วในฮ่องกงที่นี่ก็มีร้านขายของโบราณมากมาย วิคเตอร์ก็เลยต้องจ้างนักประเมินหลายคนด้วยเงินเดือนสูงๆ พร้อมกับหาคนมากกว่าหนึ่งโหลเพื่อที่จะได้เปิดบริษัทประมูล
ฮ่องกงตอนนี้ก็มีผู้คนมากกว่าหนึ่งล้านคนมารวมตัวกัน ซึ่งมันเป็นเพราะรอบๆ ที่แห่งนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นภูเขาอยู่ ดังนั้นความหนาแน่นของผู้คนในเมืองจึงเยอะมากเป็นพิเศษ และเนื่องจากสภาวะสงครามฮ่องกงก็เลยเต็มไปด้วยหนุ่มสาวและแรงงานที่ใช้งานได้จำนวนมาก
ทำให้เวลานี้ยังไม่มีการขาดแคลนกำลังคนที่นี่ วิคเตอร์ก็เลยไม่ห่วงเรื่องบริษัทประมูลเลยสักนิด เขาก็เลยมุ่งเน้นไปที่การขายยาเพนิซิลลินมากกว่า
ซึ่งในความเป็นจริงเขานั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าจะขายไม่ออก แต่เขานั้นไม่ต้องการทำผิดพลาดอะไรและต้องการทำกำไรให้มากที่สุดเท่านั้นเอง
เขาก็ยังคิดว่าจะไปจดทะเบียนบริษัทให้เป็นแบบการค้า เพื่อที่จะเอายาออกไปขายได้และถ้าเขาถูกจับได้เขาก็จะได้มีข้อแก้ตัว
เมื่อคิดได้อย่างนี้เขาก็ส่งคนไปจดทะเบียนบริษัทการค้าทันที
แล้วจะทำอะไรต่อไปงั้นเหรอ?
วิคเตอร์ก็มีวิธีของเขาแล้วเหมือนกัน เพราะยังไงเขานั้นก็เป็นมือหนึ่งในด้านการต้มตุ๋นมาก่อน วิคเตอร์ก็เลยบอกให้คนขับรถขับไปที่ถนนหมายเลข 9 ไอร์เฟคตอรี่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกงสุลสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในฮ่องกง
…
ตอนนี้วิคเตอร์ได้ยื่นนามบัตรให้เจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันตัวเอง
“สวัสดีครับ ผมเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกาและผมชื่อวิคเตอร์เป็นตัวแทนของบริษัทฮาร์ดี้กรุ๊ปในฮ่องกง ผมต้องการที่จะเข้าไปเยี่ยมคุณจิมโรดส์ท่านกงสุลใหญ่ รบกวนช่วยแจ้งให้เขาทราบหน่อยได้ไหมครับ?”
ตำแหน่งตัวแทนของฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นวิคเตอร์ได้ทำการแต่งตั้งมันขึ้นมาเอง โดยที่เขานั้นสั่งพิมพ์นามบัตรมาพร้อมกันเรียบร้อย
แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่เห็นชาวต่างชาติเข้ามาที่นี่ เขาก็ไม่กล้าชักช้าและรีบเข้าไปแจ้งตามที่วิคเตอร์พูดพร้อมกับนามบัตรในมือ
โรดส์หยิบนามบัตรขึ้นมาดูและเขาก็มองไปที่มันซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ฮาร์ดี้กรุ๊ปงั้นเหรอ? ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อเลย?”
แต่อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายนั้นเป็นพลเมืองของสหรัฐแถมยังเป็นคนของกลุ่มบริษัทอีก ซึ่งในสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นบริษัทอะไรที่กล้าเรียกตัวเองว่ากลุ่มบริษัทนั้นก็แสดงว่าธุรกิจที่พวกเขาทำจะไม่ใช่ขนาดเล็กๆ แน่นอน แถมหลายคนก็มีความสัมพันธ์กับวุฒิสมาชิกและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวอชิงตันด้วย
ตัวเขาที่เป็นเพียงเจ้าหน้าที่กงสุลเล็กๆ เขาก็ไม่สามารถทำให้คนเหล่านี้ขุ่นเคืองใจได้
“ไปเชิญคุณวิคเตอร์เข้ามาได้!” โรดส์สั่ง
เมื่อวิคเตอร์เดินเข้าไปในสำนักงานกงสุล จิมโรดส์ก็ได้เห็นท่าทางของวิคเตอร์เขาก็คิดว่าคนคนนี้อาจจะมีอำนาจอยู่เบื้องหลังมากแน่ๆ
ซึ่งหลังจากจับมือกันแล้ววิคเตอร์ก็เริ่มแนะนำตัวเอง เขาบอกว่าเขานั้นเป็นตัวแทนของฮาร์ดี้กรุ๊ปและมาที่ฮ่องกงเพื่อทำธุรกิจบางอย่างที่นี่ โดยฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นกำลังวางแผนที่จะลงทุนทำอะไรหลายๆ อย่างในฮ่องกง และพวกเขาก็ได้จัดตั้งบริษัทประมูลกับบริษัทจดทะเบียนการค้าเรียบร้อยแล้ว
เวลานี้เขานั้นต้องการจัดงานปาร์ตี้ค็อกเทลที่ยิ่งใหญ่พร้อมกับชวนคนดังในฮ่องกงมาร่วมงาน
“คุณโรดส์ผมนั้นเพิ่งมาที่นี่และก็ไม่ค่อยจะคุ้นเคยสภาพแวดล้อมในฮ่องกงสักเท่าไหร่ ผมก็เลยอยากให้คุณช่วยเชิญข้าราชการระดับสูง คนในวงการธุรกิจ และคนชั้นสูงในฮ่องกงมาร่วมงานของผม”
จิมโรดส์ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า “ยังไงเราทุกคนที่นี่ก็เป็นชาวอเมริกัน มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผมจะต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว แน่นอนว่าผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ชาวต่างชาตินั้นเข้ามาลงทุนในฮ่องกง”
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมจะกลับไปจองโรงแรมให้พร้อมและผมจะมาหาคุณอีกครั้งหลังจากทำธุระเสร็จหมดแล้ว” วิคเตอร์พูดก่อนจะลุกขึ้นยืนและกล่าวอำลาเขา
เขาจับมือกงสุลโรดส์อีกครั้ง และก่อนที่เขาจะออกไปเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณโรดส์ ฮาร์ดี้กรุ๊ปจะจดจำความช่วยเหลือของคุณในครั้งนี้ไว้”
หลังจากพูดจบเขาก็ออกไป
อันที่จริงโรดส์นั้นยังคงอยู่ในความสับสนอยู่เลย และการที่เขานั้นสัญญากับวิคเตอร์ไปมันก็เป็นแค่สัญญาลวกๆ เพื่อที่จะดูว่าฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นมีความแข็งแกร่งแค่ไหนและมีอยู่จริงหรือไม่
หากฮาร์ดี้กรุ๊ปเป็นบริษัทที่ไม่มีโดดเด่นอะไรครั้งต่อไปที่วิคเตอร์คนนี้มาเขาก็สามารถปฏิเสธได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ
แต่เขาจะถามข้อมูลพวกนี้จากไหนละ?
เวลานี้การส่งโทรเลขไปยังประเทศอื่นนั้นก็ยังมีข้อจำกัดเยอะมาก…
แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้คนหนึ่งนั้นก็คือคาร์ลสันผู้จัดการของธนาคารซิตี้แบงก์สาขาฮ่องกง เขานั้นน่าจะมีข้อมูลการเงินเกี่ยวกับบริษัทนี้อยู่มากไม่น้อย และคาร์ลสันก็น่าจะรู้รายละเอียดของฮาร์ดี้กรุ๊ปอยู่บ้างแหละ
เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาคาร์ลสันทันที หลังจากนั้นไม่นานสายก็ถูกเชื่อมต่อ “คาร์ลสันนี่จิม”
“เจ้าหน้าที่ของกงสุลต้องการออกคำสั่งอะไรเหรอครับ?” คาร์ลสันหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม
ซึ่งทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนเก่าพวกเขาก็เลยใช้น้ำเสียงที่ดูน่าตลกเล็กน้อย
“ฉันอยากจะถามรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทหนึ่งนะ”
“หือ? บริษัทอะไร”
“ฮาร์ดี้กรุ๊ปนายเคยได้ยินมันไหม?”
คาร์ลสันชะงักเล็กน้อย “ฮาร์ดี้กรุ๊ปงั้นเหรอ? แน่นอนว่าฉันรู้จักอยู่บ้าง แต่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
“โอ้ กลุ่มนี้มีอยู่จริงด้วยงั้นเหรอ ทำไมฉันถึงไม่รู้เลย”
คาร์ลสันยิ้ม “จิมนายไม่ได้กลับไปอเมริกาเกือบสองปีแล้วใช่ไหม?”
“อ่า มันก็ใช่”
“งั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่นายไม่รู้จักฮาร์ดี้กรุ๊ปที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งปรากฏตัวไม่นานนี้ ซึ่งมันมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ลอสแอนเจลิสรัฐแคลิฟอร์เนียและเจ้าของก็คือทอมฮาร์ดี้…แล้วเมื่อไม่นานนี้ธนาคารก็ได้ประกาศออกมาว่าทอมฮาร์ดี้คนนี้นั้นมีทรัพย์สินทั้งหมดเกือบๆ 400 ล้านดอลลาร์พร้อมกับยังเป็นสมาชิกของสมาคมแคลิฟอร์เนียด้วย”
คาร์ลสันนั้นรู้เกี่ยวกับฮาร์ดี้กรุ๊ปดี
เมื่อจิมโรดส์ได้ยินว่ามีทรัพย์สินมากถึง 400 ล้านดอลลาร์ เขาก็คิดว่านี่มันเป็นตัวเลขที่เยอะมากจริงๆ และมันก็เป็นความมั่งคั่งที่เขาไม่เคยคาดฝันว่าจะได้ยินเลย
แถมด้วยจำนวนเงินมากขนาดนี้เขาก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐสภากี่คนที่จะก้มหัวให้เขา
ซึ่งคนอย่างเขาที่เป็นกงสุลใหญ่ก็ยังเป็นแค่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็คิดอะไรบางอย่างออกมาได้
โดยเวลานี้บริษัทที่สหรัฐอเมริกานั้นมาลงทุนที่ฮ่องกงน้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษซะมากกว่าและฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นก็เป็นบริษัทแรกที่สนใจจะลงทุนในฮ่องกง มันก็เลยเป็นเหตุที่พวกเขาจะไม่มีเส้นสายอะไรเลยในที่นี่
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมาขอให้เขาช่วยติดต่อผู้คนระดับสูงทำไม?
จิมโรดส์เกิดในแคลิฟอร์เนียและบ้านเกิดของเขาอยู่ในแซคราเมนโต ถ้าหากเขาช่วยเหลือในครั้งนี้ เขาก็อาจจะสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับบริษัทนี้ได้ และเมื่อกลับไปยังประเทศจีนเขาก็อาจจะได้รับแรงสนับสนุนบางอย่างด้วย
มันอาจทำให้เขาก้าวหน้าไปอีกขั้นเลยก็ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของจิมโรดส์ก็กระตือรือร้นขึ้นมา
แต่เขาก็ยังต้องตรวจสอบก่อนว่าวิคเตอร์นั้นเป็นคนหลอกลวงหรือไม่ ไม่อย่างนั้นถ้าเขาช่วยเหลือคนโกหกที่ใช้ชื่อของฮาร์ดี้กรุ๊ปสำหรับการติดต่อไปยังคนอื่นๆ เขาก็อาจจะเป็นคนที่ซวยเองก็ได้และท้ายที่สุดเขาก็จะถูกลงโทษจนอนาคตของเขาไม่มีอีกต่อไป
“คาร์ลสันนายรู้ไหมว่าฮาร์ดี้กรุ๊ปมีแผนจะลงทุนอะไรในฮ่องกง?” กงสุลโรดส์ถาม
“นายได้เจอวิคเตอร์หรือยัง?” คาร์ลสันถาม
เมื่อคาร์ลสันเอ่ยชื่อวิคเตอร์ กงสุลโรดส์ก็รู้สึกโล่งใจแล้ว
“นายรู้จักเขาเหรอ?”
“ฉันเคยเจอเขาครั้งหนึ่งตอนที่นายวิคเตอร์คนนี้นั้นมาฮ่องกงเพื่อที่จะเอาเงินจากฮาร์ดี้กรุ๊ปโอนผ่านธนาคารซิตี้แบงก์มา และวิคเตอร์คนนี้ก็มีเงินจำนวนมากฉันก็เลยจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองนะ”
ต้องบอกก่อนว่าในปัจจุบันเงิน 500,000 เหรียญสหรัฐนั้นเป็นเงินก้อนใหญ่มาก แม้แต่ในฮ่องกงหรือแม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาก็ตาม และถึงแม้คาร์ลสันจะไม่ได้บอกจำนวนเงินออกมา แต่แค่บอกว่าเป็นเงินจำนวนมากมันก็เป็นข้ออธิบายได้แล้ว
“วิคเตอร์ต้องการให้นายทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?” คาร์ลสันถาม
“อ่า เขามาฉันเพื่อที่จะให้เชิญคนสำหรับงานปาร์ตี้นะ” กงสุลโรดส์กล่าว
คาร์ลสันพูดทันทีว่า “จิม นายต้องชวนชั้นด้วยนะ”
“แน่นอนไม่มีปัญหา”
เขาวางโทรศัพท์ลงเมื่อรู้ว่าวิคเตอร์นั้นไม่ได้เป็นคนหลอกลวงจริงๆ และเขาก็คิดว่านี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับฮาร์ดี้กรุ๊ปเข้าไปอีก
ดังนั้นเขาต้องทำเรื่องที่ได้รับมาให้เต็มที่
…
ในช่วงบ่ายวิคเตอร์ก็กลับมาอีกครั้ง แน่นอนว่ากงสุลโรดส์นั้นมีความกระตือรือร้นมากกว่าตอนเช้าเยอะมาก
เขาเชิญคนมาชงกาแฟและสั่งให้พนักงานหารายชื่อคนที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในฮ่องกงมาให้วิคเตอร์เลยทันที
ซึ่งในรายชื่อนี้จะรวมผู้ว่าราชการของฮ่องกงชื่อเกรกอรี่ ผู้บัญชาการตำรวจ บริษัทต่างประเทศรายใหญ่ 4 แห่งในฮ่องกงเช่น จาร์ดีนอินเตอร์เนชั่นแนล สไวร์อินเตอร์เนชั่นแนล ฮัทชิสันอินเตอร์เนชั่นแนล วีล็อค รวมถึงคนในตระกูลคาดูรีหรือครอบครัวโฮฉี่ตงและอีกมากมายที่ทั้งหมดนั้นเกือบจะเป็นชาวยุโรป
แน่นอนว่าชาวจีนนั้นไม่ได้มาโดดเด่นที่ฮ่องกงจนถึงในอนาคตมันก็ยังไม่มีแม้แต่เงา
“ผมได้ส่งคำเชิญไปยังคนเหล่านั้นแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตอบรับคำเชิญหรือเปล่านะครับ” กงสุลโรดส์กล่าว
วิคเตอร์คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “แล้วคุณสามารถส่งคำเชิญในชื่อของฮาร์ดี้กรุ๊ปกับสถานกงสุลพร้อมกันได้ไหม?”
ซึ่งในความเป็นจริงคำขอนี้ค่อนข้างผิดกฎหมาย แต่โรดส์ก็คิดอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าให้
มันก็เลยทำให้วิคเตอร์มีความสุขมาก “งานปาร์ตี้จะจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูมโรงแรมเพนนินซูล่า แล้วคุณคิดว่าเวลาไหนที่เหมาะสมงั้นเหรอ?”
“ผมคิดว่าน่าจะสักสิบวัน เพราะผมต้องใช้เวลาสักหน่อยสำหรับการส่งคำเชิญ”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะเตรียมการล่วงหน้าไว้ให้”
ไม่กี่วันต่อมาทั้งสำนักงานผู้ว่าการ กรมตำรวจ บริษัทต่างชาติรายใหญ่ และครอบครัวต่างๆ ได้รับคำเชิญกันหมด พร้อมกับที่ใบเชิญชวนนั้นจะมีชื่อสถานกงสุลสหรัฐในฮ่องกงและบริษัทฮาร์ดี้กรุ๊ปรวมอยู่ด้วย
แล้วที่มาของฮาร์ดี้กรุ๊ปละ?
ทำไมแม้แต่สถานกงสุลสหรัฐยังอยู่เบื้องหลังให้?
ผู้คนจำนวนมากต่างก็ออกค้นหาว่าฮาร์ดี้กรุ๊ปคือใคร ซึ่งเดิมทีพวกเขาก็คิดว่ามันเป็นแค่บริษัทขี้โม้เท่านั้น แต่หลังจากหาข้อมูลเจอ พวกเขาก็พบว่ามันเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เพิ่งผงาดมาไม่นานและมีสินทรัพย์มากกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์
มันทำให้พวกเขานั้นมีความคิดอื่นทันทีเช่นบริษัทนี้จะเข้าสู่ตลาดฮ่องกงในด้านไหน?
ธุรกิจอะไรที่พวกเขานั้นทำและพวกเขานั้นจะนำการเปลี่ยนแปลงอะไรมาสู่ฮ่องกง?
หลายคนก็เลยรู้สึกว่าจะต้องเข้าร่วมปาร์ตี้ค็อกเทลนี้เพื่อสำรวจความจริงให้ได้
สิบวันมันผ่านไปเร็วมาก
เวลานี้มีรถเล็กหลายคันมาจอดที่หน้าโรงแรมเพนนินซูล่า พร้อมกับคนใหญ่คนโตหลายคนเดินเข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยงพร้อมกับที่วิคเตอร์และกงสุลโรดส์ได้ทักทายพวกเขาด้วยกัน
ไม่นานหลังจากผ่านไปสักพักก็มีกลุ่มคนราวๆ สี่สิบหรือห้าสิบคนมารวมตัวกันที่นี่
แน่นอนว่าคนใหญ่คนโตอย่างแท้จริงนั้นไม่ได้มาด้วยตัวเอง พวกเขานั้นเป็นแค่เลขาเท่านั้นที่มา
แล้วเมื่อมีการพูดคุย เรื่องทุกอย่างนั้นก็จะเกี่ยวข้องกับฮาร์ดี้กรุ๊ปโดยตรง เพราะยังไงพวกเขาก็ไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวนี้จะนำการเปลี่ยนแปลงอะไรมาสู่ฮ่องกงและกลุ่มทุนขนาดใหญ่แบบนี้จะมีผลกระทบอย่างไรต่อสถานการณ์ฮ่องกงในปัจจุบันด้วย
แล้วการที่พวกเขาจะได้รู้ มันก็มีแค่วิคเตอร์คนนี้เท่านั้น
ซึ่งฮาร์ดี้ได้บอกกับเขาไว้ว่าจะทำอะไรก็ทำได้เลย
แล้วแต่ก่อนเขาทำอะไรมาละ? นอกจากการต้มตุ๋น!
เขานั้นรู้วิธีที่จะหลอกลวงคนอื่นอยู่แล้วและมันก็เป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุดด้วย
แถมเวลานี้เขายังได้รับการสนับสนุนจากฮาร์ดี้ ดังนั้นเขาจะทำมันให้ดีที่สุดเพื่อบอสของเขา
วิคเตอร์มองไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮ่องกงและนักธุรกิจที่ร่ำรวยเหล่านี้ พร้อมกับคิดว่าเขานั้นจะหลอกลวงพวกเขายังไงดี?
แค่คิดมันก็ทำให้เขานั้นตื่นเต้นมากจริงๆ
…
กงสุลใหญ่โรดส์และวิคเตอร์เดินขึ้นไปที่เวทีด้วยกัน มันก็ทำให้ผู้คนหันมามองเขาทั้งสองทันทีพร้อมกับที่งานปาร์ตี้ค่อยๆ เงียบเสียงลง
กงสุลใหญ่โรดส์แนะนำวิคเตอร์ว่าเป็นตัวแทนของฮาร์ดี้กรุ๊ปที่จะมาลงทุนในฮ่องกง และฝูงชนก็ปรบมือเบาๆ เพื่อแสดงการต้อนรับ
วิคเตอร์หยิบไมโครโฟนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้าของเขา
“เอาล่ะ ผมขอแนะนำฮาร์ดี้กรุ๊ปกันก่อน เพราะที่นี่อาจจะมีบางคนที่ไม่รู้จักฮาร์ดี้กรุ๊ปสักเท่าไหร่ ซึ่งกลุ่มของเรานั้นเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน แต่มันก็มีความแข็งแกร่งอย่างมาก”
“ฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นมีธนาคารอยู่ในเครือชื่อเวลส์ฟาร์โกที่พวกเขานั้นบริหารเงินทุนของเรามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์และมันยังเป็นธนาคารส่วนตัวของเจ้านายของเราทอมฮาร์ดี้ด้วย”
1 พันล้านดอลลาร์?
ในปัจจุบันมันเป็นตัวเลขที่ทำให้ทุกคนตกใจอย่างแน่นอน
โดยหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สหราชอาณาจักรนั้นต้องการฟื้นฟูตัวเอง พวกเขาก็เลยจำเป็นต้องกู้เงินเป็นจำนวน 4.3 พันล้านดอลลาร์จากประเทศอังกฤษ
ซึ่งมันก็คือการกู้ยืมเงินจากอีกประเทศหนึ่งมายังอีกประเทศหนึ่ง
แต่เจ้านายของฮาร์ดี้กรุ๊ปกลับมีเงินส่วนตัวมากถึง 1 พันล้านดอลลาร์เหรอ?
วิคเตอร์ยังคงคุยโม้ต่อไป
“กลุ่มของเรานั้นมีสถานีโทรทัศน์เอบีซีที่เป็นสถานีวิทยุและโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วย โดยเวลานี้ความนิยมในสหรัฐอเมริกาของเรานั้นอยู่ที่ 80% มันก็เลยเป็นเหตุให้สถานีโทรทัศน์ที่เหลือสู้เราไม่ได้”
“และเรานั้นยังมีบริษัทรักความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาอีก ซึ่งพวกเขานั้นเป็นกองกำลังติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้ โดยพวกเรานั้นมีคนมากกว่า 5000 คนที่พร้อมไปด้วยอาวุธครบครัน แน่นอนว่าพวกเขานั้นเคยเป็นทหารผ่านศึกที่เคยฆ่าคนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว”
เมื่อได้ยินหลายคนก็ตกใจอย่างมาก เพราะกองกำลังนี้มันสามารถโค่นล้มอำนาจประเทศเล็กๆ ได้เลย
/// สนใจรับงานไหม?
อันที่จริงเรื่องนี้วิคเตอร์นั้นพูดเกินจริงไปหน่อย เพราะเวลานี้เอชดีซีเคียวริตี้ไม่ได้มีคนถึง 5,000 คนเลย และมีแค่ 3,000 คนเท่านั้น
แต่คนพวกนี้ก็คงไม่ไปนับหรอกจริงไหม?
“ฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นยังมีบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพร้อมกับบริษัทภาพยนตร์ที่ติดอันดับ 5 ในฮอลลีวูด และสายการบินเป็นของตัวเองกับธุรกิจโรงงานอีกหลายแห่งและบริษัทจดทะเบียนมากกว่าหนึ่งโหล”
“ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฮาร์ดี้กรุ๊ปได้เข้าร่วมสมาคมแคลิฟอร์เนียแล้ว ซึ่งมันมีบริษัทมากกว่า 100 แห่งภายในสมาคมที่ครอบคลุมเกือบทุกธุรกิจ แน่นอนว่ามันเป็นสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา”
เมื่อพูดจบวิคเตอร์ก็จงใจหยุดชั่วคราวและลดเสียงบางส่วนของเขาลงก่อนจะพูดในไมโครโฟนว่า “แล้วผมจะบอกอะไรกับพวกคุณสักอย่างว่าเจ้านายของเรากับคนของวอชิงตันนั้นสนิทกันมาก เขานั้นยังสามารถออกเสียงกับกองกำลังในวอชิงตันได้ด้วย”
“ซึ่งผมก็หวังว่าพวกคุณที่ได้ยินนั้นจะไม่เอาออกไปพูดข้างนอก” วิคเตอร์ยิ้ม
“ในครั้งนี้ผมได้รับการแต่งตั้งจากฮาร์ดี้กรุ๊ปให้มาที่ฮ่องกง เพียงเพื่อต้องการพัฒนาตลาดที่นี่และก็หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการ หน่วยงานรัฐบาล ซึ่งผมก็เห็นว่าที่นี่นั้นยังมีรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่ง ดังนั้นกลุ่มฮาร์ดี้ก็ยินดีที่จะดำเนินการแลกเปลี่ยนที่และทำความร่วมมือกับทุกคน”
ให้เขานั้นกักเก็บของโบราณสิ
อนุญาตให้ขายเพนิซิลลินด้วย
เขาพร้อมที่จะต่อสู้อยู่แล้ว!
ต้องบอกก่อนว่าเวลานี้นั้นมีแต่คนใหญ่คนโตมารวมตัวกัน และถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะไม่สามารถทำแบบวิคเตอร์ได้เลยสักนิด
แต่เขานั้นก็ไม่สนหรอก
เพราะยังไงคนโง่ก็คือคนที่พิเศษที่สุดสำหรับเขา