อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 206 ขออีกได้ไหม?

ตอนที่ 206 ขออีกได้ไหม?

ล็อกฮีดปัจจุบันนั้นไม่ใช่ล็อกฮีดมาร์ตินแบบในอนาคตที่เป็นพ่อค้าอาวุธอันดับหนึ่งของโลก แม้ว่าจะได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากในช่วงสงคราม แต่มันก็ยังมีช่องว่างที่แตกต่างกับในอนาคตอยู่มาก

ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองล็อกฮีดได้ทำเงินไปมากมายและยังผลิตเครื่องบินออกมาถึง 20,000 ลำสำหรับให้กองทัพไปใช้ โดยมันรวมเครื่องบินขับไล่ P-38 Lighning ไปด้วยแล้ว

เมื่อตอนที่เขายังเด็กฮาร์ดี้ก็ยังเคยเล่นเกมยิงเครื่องบินที่เรียกว่า 1945 ซึ่งมี P-38 Lighing อยู่ในนั้นด้วย

โดยหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลงกองทัพสหรัฐอเมริกาก็ปลดทหารออกเป็นจำนวนมากเพื่อลดค่าใช้จ่าย มันจึงเป็นเหตุให้เครื่องบินจำนวนมากถูกกำจัดทิ้ง และคำสั่งซื้อเครื่องบินของล็อกฮีดก็ลดลง ซึ่งพวกเขานั้นก็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และคิดที่จะทำเครื่องบินสำหรับพลเรือนเพื่อหากำไรเข้าบริษัท

โดยพวกเขานั้นเลือกที่จะผลิตเครื่องบินซีรีส์ชุดกลุ่มดาวขึ้นมา แต่ทว่าพวกเขาก็ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองเช่นโบอิ้ง B-377 และดักลาส DC-6B 

ซึ่งในเวลาแค่สองปีเครื่องบิน DC-6B ของดักลาสก็ถูกสั่งซื้อไปมากกว่า 100 ลำ ในขณะที่เครื่องบินกลุ่มดาวของล็อกฮีดนั้นมียอดสั่งซื้อแค่ 17 ลำ

และเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดสำหรับการแข่งขันที่โหดร้าย ล็อกฮีดก็เลยเปิดตัวโปรโมชั่นสำหรับพนักงาน โดยถ้าพวกเขาสามารถขายได้บริษัทก็จะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ 10% หรือ 20% ของราคารวมของเครื่องบินที่หักต้นทุนแล้ว

แต่แน่นอนว่ามันก็ยังขายไม่ได้สักเท่าไหร่…

โรเบิร์ตกรอสรู้สึกกังวลมาก และเมื่อวันนี้เขาเห็นฮาร์ดี้แล้วก็รู้มาว่าเขามีสายการบินเป็นของตัวเอง 

เขาจึงริเริ่มถามฮาร์ดี้ว่าอยากได้เครื่องบินไหม

แต่มันก็ต้องบอกก่อนว่าฮาร์ดี้นั้นกำหนดแนวทางสายการบินของตัวเองไว้แล้ว และตราบใดที่เขายังได้เครื่องบินราคาถูกมาอยู่ในมือ เขาก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม

เพราะถ้าเขาต้องการซื้อเครื่องบินเขาก็จะไปซื้อของดักลาสที่ค่อนข้างถูกกว่าทนทานกว่า

ซึ่งสิ่งที่ล็อกฮีดนั้นยึดมั่นก็คือของแพงต้องเป็นของดีและไม่ต้องไปสนใจสิ่งอื่นๆ 

แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นมันมีทั้งดีและไม่ดี เช่น ค่าใช้จ่ายสำหรับการบำรุงรักษาที่สูงมาก 

แถมราคาเครื่องบินก็เกือบๆ หนึ่งล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาอาจจะใช้เวลามากกว่าสิบปีสำหรับการหาทุนคืน 

มันก็เลยเป็นเหตุให้การลงทุนนี้ไร้ความหมายจนเกินไป

ในประวัติศาสตร์

เนื่องจากธุรกิจสายการบินนี้ไปไม่รอดร็อกซี่จึงละทิ้งธุรกิจสายการบินไปเลย และเขาก็หันไปวิจัยเกี่ยวกับเครื่องบินสำหรับทหารเท่านั้น

ฮาร์ดี้คิดในใจว่าเขานั้นไม่ได้ต้องการเครื่องบิน แต่ถ้าคุณต้องการจะขายหุ้น เขาก็จะเก็บไว้พิจารณา

แต่ถ้าเป็นเครื่องบินตอนนี้เขาไม่ได้รีบร้อนใช้อะไร เพราะยังไงในอนาคตล็อกฮีดก็จะมีเวลาที่ตกต่ำลง และเขาแค่รออีกสองสามปีมันก็ไม่สายเกินไปถ้าเขาจะซื้อมัน

โรเบิร์ตกรอสพูดกับฮาร์ดี้อีกสองสามคำก่อนจะไปสนทนากับคนอื่น

ใกล้ถึงเวลาแล้วทุกคนพร้อมที่จะแยกย้ายออกไปกันแล้ว และเมื่อฮาร์ดี้เดินไปที่ลานบ้านประธานของบริษัทเป๊ปซี่หรือประธานวอลเตอร์ไมค์ก็เดินมาจับมือกับฮาร์ดี้ “คุณฮาร์ดี้ คุณคิดว่าเราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาเป๊ปซี่ตอนไหนดีครับ?”

“งั้นทำไมเราไม่ไปหาที่นั่งคุยกันเลยล่ะ?” ฮาร์ดี้กล่าว

“ตกลงครับ!”

วอลเตอร์ไมค์เข้าไปในรถของฮาร์ดี้ทันที ซึ่งวอลเตอร์นั้นมีคฤหาสน์เป็นของตัวเองที่ซานฟรานซิสโก 

เขาก็เลยเชิญฮาร์ดี้กับแอนดี้ไปนั่งคุยที่คฤหาสน์ของเขา

ในระหว่างทาง

ฮาร์ดี้ก็ได้เห็นป้ายโฆษณาของโคคาโคล่ากับเป๊ปซี่ และเขาก็บอกให้หยุดรถทันที

ฮาร์ดี้ชี้ไปที่แผ่นป้ายและถามวอลเตอร์ไมค์ว่า “คุณรู้สึกถึงความผิดปกติอะไรกับมันไหม?”

วอลเตอร์มองไปที่ป้ายโฆษณา “อืม…มันก็เป็นป้ายโฆษณาที่ทำโดยบริษัทมืออาชีพ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไรนะครับ?”

ฮาร์ดี้ส่ายหัว

“ผมไม่เห็นความพิเศษอะไรออกมาจากป้ายโฆษณาเลย และการที่เป๊ปซี่พยายามไล่ตามหลังโคคาโคล่าแต่หลังจากผ่านมาหลายปีพวกคุณก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วพวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่ามีอะไรผิดปกติกับทิศทางของบริษัทหรือเปล่า?”

วอลเตอร์คิดสักพักและพูดว่า “มันเป็นความจริงอย่างที่คุณฮาร์ดี้พูดเลยครับ พวกเรานั้นพยายามเลียนแบบโคคาโคล่าให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะยังไงโคคาโคล่าก็มีส่วนแบ่งในตลาดสูง และตราบใดที่เราสร้างภาพลวงตาว่าเป๊ปซี่กำลังแข่งขันกับโคคาโคล่า เราก็สามารถดึงส่วนแบ่งในตลาดมาให้เป๊ปซี่ได้เยอะมาก “

ฮาร์ดี้เข้าใจ

พูดง่ายๆ ก็คือการลอกเลียนแบบนั่นแหละ

แน่นอนว่าแนวทางแบบนี้หลายๆ บริษัทก็ใช้กัน แต่ฮาร์ดี้คิดว่าวิธีนี้มันออกจะดูเหมือนคนขี้เกียจมากไปหน่อย และถึงมันจะใช้ได้ผลในระยะแรก แต่ผลที่ตามมาในภายหลังมันก็ไม่ดีต่อแบรนด์ตัวเองเท่าไหร่

“ผมคิดว่าเป๊ปซี่ต้องมีทิศทางเป็นของตัวเองและต้องสร้างความแตกต่างจากโคคาโคล่าให้ได้” ฮาร์ดี้กล่าว

“แต่รสชาติเป๊ปซี่กับโคคาโคล่าแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยนะครับ และตลาดนี่มันก็ทับกันโดยอย่างสมบูรณ์แล้ว” วอลเตอร์กล่าว

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ทำการตลาดแยกออกมาสิ เราอาจจะโฆษณาออกไปว่าเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ดื่มที่ไหนก็ได้ พร้อมกับได้เจอกับความสุข สัมผัสรสชาติแปลกใหม่”

ซึ่งในภายหลังการที่เป๊ปซี่นั้นเปลี่ยนทิศทางใหม่ยอดขายของพวกเขาก็จะค่อยๆ สูงขึ้น

วอลเตอร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์ดี้

และฮาร์ดี้ก็พูดกับเฮนรี่ว่า “ไปหาร้านขายของชำและซื้อเป๊ปซี่ให้ฉันสักสองหลังสิ”

เฮนรี่พาคนลงจากรถทันที และผ่านไปสักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มสองลัง และทีมก็ขับรถต่อไปยังคฤหาสน์ของวอลเตอร์

เมื่อไปถึงคฤหาสน์พนักงานต้อนรับก็ออกมารับฮาร์ดี้อย่างสุภาพก่อนจะให้คนออกไปนำชามาเสิร์ฟ ซึ่งฮาร์ดี้และวอลเตอร์ก็ยังคงสนทนากันต่อไป

“ประธานไมค์กลยุทธ์ที่ผมเพิ่งบอกคุณไปเกี่ยวกับการสร้างความแตกต่างในการโฆษณาและการสร้างแนวทางใหม่ของเป๊ปซี่นั้นเป็นแผนการประชาสัมพันธ์ระยะยาว ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะเกิดผลส่วนวิธีต่อไปที่ผมจะพูดถึงนั้นสามารถเอาไปใช้กับการขายเป๊ปซี่ได้เลย” ฮาร์ดี้กล่าว

วอลเตอร์ไมค์ตกใจและถามอย่างตื่นเต้นว่า “วิธีไหนหรือครับคุณฮาร์ดี้?”

“วิธีแรกคือกระป๋อง”

“กระป๋อง? กระป๋องอะไรหรือครับ?” วอลเตอร์ถามอย่างงงๆ

ฮาร์ดี้ขอให้คนนำกระดาษและปากมาให้เขา ก่อนจะวาดรูปทรงกระป๋องออกมาอย่างเรียบง่ายแล้วชี้ไปที่รูปวาด “กระป๋องใบนี้ผลิตจากอะลูมิเนียม สิ่งสำคัญที่สุดคือกระป๋องจะมีวงแหวนที่ดึงเปิดง่าย มันจะสามารถเปิดได้ด้วยการดึงเพียงครั้งเดียว แล้วก็สามารถนำไปดื่มได้ทุกที่”

วอลเตอร์เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการออกแบบนี้ ซึ่งเขาก็รู้สึกแปลกใหม่มาก “แล้วผมจะหาซื้อมันได้จากที่ไหนหรือครับ?”

ฮาร์ดี้ส่ายหัว “ไม่มีหรอก แต่คุณสามารถเอามันไปใช้ได้ในอนาคตและเป๊ปซี่ก็จะต้องศึกษามันด้วยตัวเอง แล้วหลังจากเราทำการวิจัยเสร็จสมบูรณ์เราก็จะขอยื่นจดสิทธิบัตรเลย ผมเชื่อว่าโคคาโคล่าจะขอร้องให้เราขายสิทธิ์ให้กับพวกเขาด้วย”

“แสดงว่ามันยังไม่สามารถเอามาใช้ได้ในเวลานี้” วอลเตอร์กล่าว

ฮาร์ดี้หยิบขวดเป๊ปซี่ออกมาจากกล่องแล้วยื่นให้วอลเตอร์ “ช่วยเปิดให้ผมหน่อยสิ”

วอลเตอร์ไม่มีที่เปิดขวดอยู่ข้างๆ เขาเลยรีบเรียกให้คนเอามาให้ พ่อบ้านใช้เวลาสักพักก่อนจะไปหยิบที่เปิดขวดจากห้องครัวและมาเปิดฝาขวดให้ฮาร์ดี้

“คุณเห็นปัญหามันหรือยัง? มันลำบากมากที่เราจะเปิดฝาขวดในแต่ละครั้ง แต่ถ้าเราออกแบบให้เป็นแบบวงแหวนที่สามารถดึงออกง่าย ซึ่งสามารถเปิดออกด้วยการดึงเบาๆ เท่านั้น คิดดูว่ามันสะดวกแค่ไหน?” ฮาร์ดี้กล่าว

“แต่ในความเป็นจริงหลายคนก็ชอบใช้ไฟแช็กและมุมโต๊ะเพื่อเปิดฝาขวดอยู่แล้วนะครับ” วอลเตอร์กล่าว

“ไม่เห็นไปอะไรเลย ด้วยการดึงวงแหวนที่ง่ายๆ แบบนี้ผู้คนจะตกหลุมรักมันอย่างแน่นอน และการดึงเบาๆ ก็จะมีลมเย็นๆ ออกมาจากขวด ซึ่งมันก็จะเจ๋งมากและผู้คนก็จะต้องชอบความรู้สึกนั้น”

“แล้วเมื่อฝาขวดใหม่ของเป๊ปซี่ออกสู่ตลาด คุณก็สามารถนำมันมาถ่ายโฆษณาทางโทรทัศน์และออกอากาศกับสถานีโทรทัศน์เอบีซีได้ เช่นบางคนจะใช้ฟันของเขาเปิดฝาขวด ฟันของเขาก็อาจจะแตกหรืออาจจะเผลอกลืนฝาเข้าไปในลำคอ บางคนก็อาจจะใช้ไฟแช็กเปิดฝาขวดจนมันระเบิดก็มี แน่นอนว่าบางคนก็อาจจะใช้มุมโต๊ะเปิดฝาขวดจนทำให้โต๊ะถล่มลงไปก็มี เห็นไหมว่ามันจะมีอุบัติเหตุต่างๆ เกิดขึ้นเสมอ แล้วเมื่อถึงช่วงสุดท้ายก็หาผู้หญิงคนหนึ่งมาเปิดฝาขวดที่เราออกแบบใหม่ก่อนจะให้เธอดื่มโชว์เหล่าผู้ชายที่เกิดอุบัติเหตุ แค่นี้เราก็จะได้ฉากโฆษณาดีๆ แล้ว”

“แน่นอนว่าภาพอุบัติเหตุนั้นจะมาจากโคคาโคล่า” ฮาร์ดี้กล่าว

ต้องบอกว่าฮาร์ดี้นั้นเป็นปรมาจารย์เรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

วอลเตอร์รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้นและเขาก็พยักหน้า “ผมจะให้แผนกผลิตภัณฑ์ทำฝาขวดที่เปิดง่ายเมื่อผมกลับไปแล้ว และมันก็ดูไม่น่าจะยากสักเท่าไหร่”

“แล้วมันจะมีอะไรที่สามารถทำได้อีกหรือครับคุณฮาร์ดี้?”

ฮาร์ดี้หยิบฝาขวดในมือของเขาขึ้นมา และมันก็มีโลโก้เป๊ปซี่อยู่ด้านบนฝา 

เขาพลิกฝาให้เห็นด้านที่มียางอยู่ข้างใน พร้อมกับพูดว่า “วิธีที่สองคือการสุ่มรางวัล”

ซึ่งวอลเตอร์ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี “คุณฮาร์ดี้ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ?”

ฮาร์ดี้เลยบอกให้เขาเปิดขวดเป๊ปซี่มาอีก 12 ขวด พร้อมกับฉีกแผ่นยางออกและเขียนข้อความขอบคุณสำหรับการซื้อ ส่วนขวดที่เหลือก็จะเขียนเป็นเงินรางวัลเช่น 10 เซ็นต์ 25 เซ็นต์ 50 เซ็นต์ 1 ดอลลาร์และรางวัลใหญ่ที่สุดก็คือ 100 ดอลลาร์

จากนั้นเขาก็ใส่แผ่นยางกลับไปที่ฝาก่อนจะมองไปที่วอลเตอร์ถามเขาว่า “คุณเข้าใจไหมว่าผมหมายถึงอะไร?”

วอลเตอร์นั้นทำงานกับเป๊ปซี่มานานหลายปี ซึ่งเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าฮาร์ดี้หมายถึงอะไร และเขาก็รู้ได้ทันทีว่าในอนาคตจะต้องมีคนมากมายมาซื้อเป๊ปซี่เพื่อโอกาสในการได้จับฉลากอย่างแน่นอน

วอลเตอร์หยิบขวดขึ้นมาจากโต๊ะและแกล้งทำเปิดขวดด้วยท่าทางดึงฝาออก พร้อมกับทำเสียง ‘ป๊อป’ ในปากก่อนจะพลิกฝามาดูด้วยท่าทางตื่นเต้น

“วันนี้ฉันจะโชคดีไหมนะ?”

หลังจากพูดจบเขาก็ฉีกแผ่นยางออกและก็ได้เห็นว่าเขาได้รับรางวัล 50 เซ็นต์ “ว้าว! ฉันถูกรางวัลตั้ง 50 เซ็นต์ ถ้างั้นฉันก็สามารถซื้อเป๊ปซี่ได้อีก 10 ขวดสินะ?!”

วอลเตอร์ตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ นี่เป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ และจะดึงดูดลูกค้าได้จำนวนมากอย่างแน่นอน

เขาจินตนาการได้เลยว่าในอนาคตเป๊ปซี่จะต้องขายดีมากอย่างแน่นอน และผู้คนจะรีบวิ่งเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเพื่อที่จะหยิบเป๊ปซี่มาดื่มอย่างไม่ลังเล

ฮาร์ดี้บีบฝาขวดก่อนจะพูดว่า “ฝาขวดวงแหวนกับการสุ่มรางวัลนี้เราต้องจดสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ให้ชัดเจน หากโคคาโคล่าหรือแม้กระทั่งบริษัทเบียร์อื่นๆ ต้องการเลียนแบบเราในอนาคต เราก็สามารถทำการฟ้องร้องได้เลยสำหรับการที่พวกเขาละเมิดลิขสิทธิ์เรา”

วอลเตอร์พยักหน้าให้ฮาร์ดี้ “ใช่ต้องยื่นจดสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์เพื่อไม่ให้คนอื่นลอกเลียนแบบเราได้ คุณฮาร์ดี้ความคิดของคุณนี่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!”

วอลเตอร์กำลังชื่นชมฮาร์ดี้อย่างมาก เขานั้นเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริงๆ สมกับที่คิดลอตเตอรี่ออกโทรทัศน์ขึ้นมาได้

แอนดี้นั่งอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความคิดของบอสอยู่ในใจ 

เขามั่นใจว่าเป๊ปซี่ที่ใช้ความคิดของบอส ในอนาคตมันจะขายดีอย่างแน่นอน

และการที่เป๊ปซี่ขายได้มากในอนาคต แสดงว่าราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก 

แล้วการที่แอนดี้คิดอย่างนี้มันก็เพราะเขานั้นกำลังใช้ประโยชน์ตอนที่หุ้นของเป๊ปซี่กำลังตกต่ำ 

ซึ่งเขาคิดว่าในหนึ่งปีเขาน่าจะทำกำไรกับมันได้มากถึง 30%

ขณะเดียวกันฮาร์ดี้ก็พูดกับวอลเตอร์ว่า “ประธานไมค์เราไปเดินเล่นกันหน่อยไหม? ผมอยากเห็นสวนของคุณสักหน่อย”

วอลเตอร์หยุดชะงักและเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มทันที “คุณฮาร์ดี้ แม้ว่าคฤหาสน์ของผมจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่คุณเจนภรรยาของผมก็ชอบตกแต่งพวกมันมาก ดังนั้นมันก็อาจจะดูโดดเด่นนิดหน่อย”

ทั้งสองเดินไปด้วยกันในสวน

และมีแค่แอนดี้คนเดียวที่เดินตามมา คนของวอลเตอร์และบอดี้การ์ดของฮาร์ดี้อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร ฮาร์ดี้มองไปที่วอลเตอร์และพูดว่า “ผมคิดว่าเราต้องวางแผนส่วนแบ่งของเป๊ปซี่ใหม่อีกครั้ง”

วอลเตอร์แปลกใจเล็กน้อย หรือว่าฮาร์ดี้จะขอซื้อหุ้นของเขา?

“คุณฮาร์ดี้หมายความว่าอะไรหรือครับ?” วอลเตอร์ถาม

“หุ้นที่อยู่ในมือของคุณตอนนี้คือ 21% ใช่ไหมประธานไมค์?” ฮาร์ดี้ถาม

“ใช่ครับ”

“ตอนนี้ผมมีหุ้นอยู่ 23% ที่อยู่ในมือของผม และผมก็คิดว่ามันยังน้อยเกินไป ซึ่งผมก็กล้าพูดเลยว่าไอเดียทั้งสองของผมนั้นจะทำให้เป๊ปซี่ได้ส่วนแบ่งจากตลาดมาเยอะมาก แน่นอนว่าราคาหุ้นก็จะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติหรือมันอาจจะระเบิดตูมเลยด้วยซ้ำ”

“แต่ในเวลานี้หุ้นของเป๊ปซี่ยังมีราคาตกต่ำอยู่ ผมคิดว่าเรายังสามารถทำอะไรกับมันเพื่อซื้อหุ้นเพิ่มได้ คุณคิดยังไงประธานไมค์?”

วอลเตอร์ไมค์รู้สึกแปลกใจ

เขาเข้าใจว่าฮาร์ดี้หมายถึงอะไร

ฮาร์ดี้ต้องการหุ้นที่เหลืออย่างลับๆ และเขาก็จะทำการปั่นหุ้นเพื่อที่ตัวเองจะได้ซื้อหุ้นมาในราคาถูก

แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้นั้นผิดกฎหมาย

และถ้ามันถูกพบ CSRC จะสร้างปัญหาให้กับเขา

แต่อย่างไรก็ตาม

ถ้ามีการประสานงานที่ดี มันก็แทบจะไม่มีทางถูกค้นพบได้เลย 

เพราะทุกอย่างก็ยังทำงานได้ตามปกติโดยที่ไม่ได้มีอะไรถูกสงสัย

แอนดี้ที่เดินตามฮาร์ดี้เมื่อได้ยินสิ่งที่บอสพูด เขาก็คิดว่าบอสก็ยังเป็นบอสของเขาจริงๆ และเขาก็คิดว่าจะกลับไปซื้อหุ้นของเป๊ปซี่รอทันที 

เพราะมันกำลังสร้างโชคลาภให้เขาอย่างมหาศาล

วอลเตอร์เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เป๊ปซี่จะรายงานเรื่องรายได้ในไตรมาสที่สี่เร็วๆ นี้ โดยเราจะบอกว่าในไตรมาสที่สี่นี้รายได้ของมันน้อยกว่ารายได้ไตรมาสที่สามมาก”

ซึ่งเมื่อวอลเตอร์ตามคำพูดของฮาร์ดี้ได้มันก็แสดงว่าเขาเริ่มที่จะตามฮาร์ดี้ทันแล้ว

ฮาร์ดี้ยิ้มเบาๆ “หลังจากปีใหญ่มันก็เกิดอุบัติเหตุที่โรงงานเป๊ปซี่ โดยมีการระเบิดของท่อทำให้การผลิตหยุดชะงักเป็นเวลาสองวันและมูลค่าการสูญเสียก็อยู่ที่หลายหมื่นดอลลาร์”

“อีกไม่กี่วันจะมีข่าวว่าตัวแทนของฮาร์ดี้กรุ๊ปซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเป๊ปซี่จะตั้งคำถามถึงความสามารถในการจัดการของประธานและก็สร้างปัญหาให้กับคณะกรรมการ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเหตุให้เป๊ปซี่มีการเปลี่ยนแปลงบุคลากรครั้งใหญ่”

“และในไม่กี่วันต่อมาก็จะมีหนังสือพิมพ์รายงานเกี่ยวกับเป๊ปซี่ว่ามันกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤตและอาจจะต้องออกจากตลาดในอนาคต”

วอลเตอร์อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เพราะฮาร์ดี้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว 

ถ้าเขาดำเนินงานตามนี้เขาก็คิดได้เลยว่าราคาหุ้นของเป๊ปซี่จะต้องลดลงครึ่งหนึ่งอย่างแน่นอน

ซึ่งเขาก็กลัวว่าแม้แต่ผู้ถือหุ้นของคณะกรรมการก็คงจะไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้

หรือบางคนก็อาจถูกล่อลวงจนขายหุ้นเป๊ปซี่ทิ้ง

แน่นอนว่าใบหน้าของแอนดี้นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เพราะการดำเนินงานที่ฮาร์ดี้พูดมานั้นพวกเขาเคยทำมันมาหมดแล้ว

และมันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา

ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้มกับวอลเตอร์ว่า “คริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว เดี๋ยวเราค่อยมาหารือเรื่องนี้กันอีกครั้งหลังจากผ่านปีใหม่ไป”

“ได้ครับ เดี๋ยวเราค่อยมาหารือกันอีกครั้ง”

“สำหรับสิ่งที่ผมบอกคุณไปเช่น กระป๋อง ฝาขวด การสุ่มรางวัล ผมจะให้ทนายของฮาร์ดี้กรุ๊ปมาเจรจาเรื่องการวางแผนเกี่ยวกับเงินปันผลในภายหลัง” ฮาร์ดี้กล่าว

วอลเตอร์อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

มันไม่แปลกใจเลยที่ฮาร์ดี้คนนี้จะประสบความสำเร็จได้ภายในสองปี เพราะทุกอย่างมีเหตุและก็มีผลตามมา

Leave a Comment

ไม่ดี!