ตอนที่ 203 เข้าซื้อเวลส์ฟาร์โก
ในที่สุดชายชราก็รู้ว่าฮาร์ดี้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร และท่าทางสุภาพของเขาก่อนหน้านี้ก็เป็นภาพลวงตาจริงๆ เพราะเลือดในกระดูกของเขาเข้มกว่าของนายทุนที่เขาเคยเจอมาอีก
อย่างไรก็ตามชายชรารู้ว่ามีเพียงคนเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถประสบความสำเร็จในสังคมนี้ได้
“การซื้อกิจการของเวลส์ฟาร์โกไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เวลส์ฟาร์โกมีทรัพย์สินมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ มันจะถือว่าเป็นการเข้าซื้อครั้งใหญ่จริงๆ”
“และครอบครัวฟาร์โกก็คือผู้ก่อตั้งเวลส์ฟาร์โก เวลานี้พวกเขาเป็นเจ้าของหุ้นแค่ 17% ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะทิ้งสิ่งทำเงินไป แถมเวลส์ฟาร์โกก็ยังมีผู้ถือหุ้นอีกหลายคนด้วย”
ฮาร์ดี้ยิ้ม “ผมเชื่อว่าถ้าธนาคารแห่งอเมริกาต้องการ มันก็คงจะไม่ยากเกินมือของคุณหรอก และถ้าหากคุณต้องการเงินสด ผมก็จะหาเงินมาให้คุณทีหลัง แต่ถ้าหากคุณไม่ต้องการเงินสด ผมก็สามารถเอาหุ้นธุรกิจของผมออกมาแลกได้เช่นหุ้นของฮาร์ดี้โฮเทล…”
ดวงตาของชายชราสว่างขึ้นทันที
“แลกเปลี่ยนกับหุ้นของคาสิโนงั้นเหรอ?”
“ใช่ แต่เรื่องราคาเราต้องมาตกลงกันก่อน เพราะความสามารถการทำเงินของฮาร์ดี้โฮเทลนั้นคุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว และถ้าเราเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ คุณคิดว่ามูลค่าของมันจะอยู่ที่เท่าไหร่กัน?” ฮาร์ดี้กล่าว
ฮาร์ดี้รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร เพราะยังไงเจียนนินีก็เป็นนายธนาคารที่ฉลาดคนหนึ่ง แต่ถึงเขาจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ฮาร์ดี้ถืออยู่ก็จริงเขาก็ไม่ได้จะใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สนับสนุนฮาร์ดี้หรอก
ชายชราครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะมองไปที่ฮาร์ดี้และพูดว่า “ฮาร์ดี้ ฉันจะจ่ายให้เธอ 60 ล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อหุ้นของฮาร์ดี้โฮเทล 30%”
‘อืม…เท่ากับว่าเขาตีมูลค่าของฮาร์ดี้คาสิโนไว้ที่ 200 ล้านดอลลาร์สินะ’
“แล้วฉันก็จะช่วยซื้อกิจการของเวลส์ฟาร์โกให้กับเธอก่อน โดยเงินที่ให้ยืมไปนั่นจะถูกดำเนินการโดยธนาคารแห่งอเมริกา”
ยังไงมันก็ไม่มีใครรู้อนาคตล่วงหน้าหรอกว่าคาสิโนที่จะร่วมมือด้วยนั้นจะเติบโตได้ดีแค่ไหน และการที่จะสร้างผลกำไรให้ได้มันก็อาจใช้เวลาถึงสองสามปีถึงจะเห็นผล
แต่เวลานี้ฮาร์ดี้โฮเทลก็เหมือนก้อนเนื้อชิ้นโตที่วางอยู่ตรงหน้า มันเริ่มทำเงินได้อย่างมหาศาลแล้ว ตัวเขาที่มีความโลภและอยากได้ฮาร์ดี้คาสิโนก็เล็งเห็นโอกาสนี้ดังนั้นเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร?
ฮาร์ดี้ส่ายหัว “ตอนนี้คาสิโนมีรายได้ถึง 40 ล้านดอลลาร์ต่อปีและผมก็เชื่อว่าในอนาคตมันจะมากขึ้นอีก ดังนั้นหุ้น 30% ผมขอ 100 ล้านดอลลาร์”
ชายชราคิดว่าราคานี้สูงเกินไป
“80 ล้านดอลลาร์คือที่ฉันให้ได้มากสุดแล้ว”
“90 ล้านดอลลาร์ และถ้าไม่ได้ราคานี้ผมมีหุ้นกี่ตัวผมก็จะไม่ขาย เพราะยังไงในสหรัฐอเมริกาก็มีธนาคารมากกว่า 13,000ที่ ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะซื้อไม่ได้สักที่” ฮาร์ดี้กล่าว
“เอาล่ะ ตกลง!”
ชายชรายอมฮาร์ดี้แล้ว
“จะว่าไปเมื่อกี้เธอบอกว่าอยากให้ฉันช่วยอะไรใช่ไหม?” เจียนนินีถาม
“ผมได้ยินมาว่าคุณมีหุ้นอยู่ในบริษัทเป๊ปซี่ใช่ไหม? ผมชอบเครื่องดื่มนี้มากจริงๆ และผมก็ไม่รู้ว่าคุณอยากจะขายหุ้นให้ผมเหรอเปล่า…” ฮาร์ดี้กล่าว
เจียนนินีไม่ได้คิดไว้เหมือนกันว่าฮาร์ดี้อยากจะซื้อเป๊ปซี่ เพราะสำหรับเขาเป๊ปซี่เป็นแค่เครื่องดื่มธรรมดาๆ เท่านั้น และผู้ที่ปกครองตลาดแท้จริงก็คือโคคาโคลา แถมเป๊ปซี่ก็มีส่วนแบ่งตลาดแค่เพียงหนึ่งในสิบของโคคาโคลาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่โคคาโคลานั้นได้เข้าร่วมเป็นซัพพลายเออร์ส่งเสบียงให้กับกองทัพสหรัฐจนทำให้ยอดขายพุ่งสูงถล่มทลาย และคู่แข่งอย่างแป๊ปซี่ก็ค่อยๆ ถูกกดดันให้จมลง
จนครั้งหนึ่งเกือบจะล้มละลายมาแล้ว
โดยต่อมาเป๊ปซี่ก็ใช้กลยุทธ์การเพิ่มปริมาณกับลดราคาสินค้าลง ซึ่งในราคาเดียวกันถ้าคุณซื้อเป๊ปซี่มันก็จะได้ถึง 2 ขวด ขณะที่โคคาโคล่าจะได้เพียงขวดเดียว เลยทำให้พวกเขาสามารถรักษาตลาดระดับล่างไว้ได้
และคนผิวดำจำนวนมากก็ชอบดื่มเป๊ปซี่ เพราะมันราคาถูก มันก็เลยถูกเรียกอีกชื่อว่าโคล่าดำ
“ฉันมีหุ้นเป๊ปซี่อยู่ที่ 23% และมูลค่าตลาดของเป๊ปซี่ตอนนี้ก็อยู่ที่ 16 ล้านดอลลาร์ แล้วเธออยากได้หุ้นตัวนี้งั้นเหรอ?” เจียนนินีถาม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Pepsi-Cola ไม่ได้ทำเงินเลยและราคาหุ้นก็ค่อยๆ ตกลง แต่ฮาร์ดี้ก็ยังยินดีที่จะซื้อตัวนี้โดยไม่ได้ต่อรองอะไรกับเจียนนินี
“ใช่ครับ ผมต้องการมัน” ฮาร์ดี้กล่าว
ซึ่งที่ฮาร์ดี้บอกว่าเขาอยากซื้อหุ้นเป๊ปซี่เพราะชอบเครื่องดื่มนั้นเจียนนินี่ก็ไม่ได้เชื่อเขาหรอก แต่ว่ามันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเหมือนกันยังไงเป๊ปซี่ก็เป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มเล็กๆ เท่านั้น
แถมยังมียักษ์ใหญ่อย่างโคคาโคล่าขวางทางไว้อีก
มันก็เลยเป็นเหตุให้การพัฒนาเป็นเรื่องยากและการขายให้ฮาร์ดี้มันก็ดีเหมือนกัน
“ได้ เดี๋ยวฉันขายให้เธอในราคาตลาดละกัน” เจียนนินีพูด
ฮาร์ดี้พยักหน้าและขอบคุณเขา
ซึ่งในเวลานี้ทั้งสองก็รู้สึกมีความสุขมาก เพราะทั้งสองนั้นบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ธนาคารแห่งอเมริกาสามารถเจาะลึกเข้าไปในคาสิโนลาสเวกัสเพื่อทำเงินและฮาร์ดี้ก็ได้คนซื้อหุ้นของธนาคารเวลส์ฟาร์โกให้กับยังได้หุ้นของเป๊ปซี่มาอีก
เจียนนินีอยู่กินข้าวเย็นกับฮาร์ดี้และทั้งสองก็คุยรายละเอียดกันมากมาย ฮาร์ดี้ไม่ได้ออกไปไหนจนเวลาล่วงเลยถึงสามทุ่มฮาร์ดี้ก็บอกลาเขา
ที่เอชดีซีเคียวริตี้ฮาร์ดี้ได้โทรหาเจ้าพ่อมาเฟีย เพราะยังไงคอร์เลโอเนก็เป็นเจ้าของหุ้นคาสิโนอยู่ 39%
โดยฮาร์ดี้ก็ควรแจ้งให้เขาทราบด้วยว่าทำอะไรไป
“สวัสดีครับคอร์เลโอเน ผมอยากจะบอกคุณว่าเวลานี้ ผมได้ระดมทุนและทำความร่วมมือกับธนาคารแห่งอเมริกาไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็ได้ทำการขายหุ้นคาสิโนให้พวกเขาไป 30% ดังนั้นตอนนี้มันจะมีสองทางเลือก หนึ่งคือผมจะขายหุ้นของผมคนเดียว 30% ให้กับธนาคารแห่งอเมริกาโดยตรงหรือผมกับคุณร่วมมือกันขายหุ้นให้กับพวกเขาโดยผม 20% และคุณคอร์เลโอเนออกช่วยผมอีก 10% ดังนั้นตอนนี้ผมจะเหลือหุ้นแค่ 41% กับคอร์เลโอเน 29% สุดท้ายคือธนาคารแห่งอเมริกาที่ได้หุ้นไป 30%” ฮาร์ดี้กล่าว
เมื่อเจ้าพ่อมาเฟียพูดถึงเรื่องความร่วมมือในการจ่ายหุ้น ตัวเขาก็ชอบวิธีนี้ทันทีและก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“ไม่มีปัญหา คอร์เลโอเนยินดีที่จะจ่ายช่วย 10%” เจ้าพ่อมาเฟียพูดอย่างมีความสุข
เพราะเจ้าพ่อมาเฟียรู้ดีว่าการที่ฮาร์ดี้คาสิโนนั้นโด่งดังและมีรายได้ขนาดทำให้ครอบครัวคอร์เลโอเนหลุดปัญหา มันก็เป็นเพราะฮาร์ดี้เป็นบริหารเอง
ฮาร์ดี้ยิ้ม “ขอบคุณคอร์เลโอเนสำหรับการสนับสนุนนี้ ส่วนเงินที่ขายหุ้นได้ 30 ล้านดอลลาร์เดี๋ยวผมจะหาทางโอนให้คุณเอง”
“ฮาร์ดี้ เวลานี้เธอต้องใช้เงินซื้อธนาคาร ดังนั้นเก็บเงินนี้ไว้กับเธอก่อนเถอะ และหากในอนาคตฮาร์ดี้กรุ๊ปมีการลงทุนใดๆ ก็อย่าลืมคอร์เลโอเนก็พอหรือนายจะเอาเงินนี้ไปลงทุนก่อนก็ได้ เธอคิดว่าดีไหม?” เจ้าพ่อมาเฟียกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจ้าพ่อมาเฟียพูดออกไปอย่างใจกว้างเพราะเขาเชื่อว่าฮาร์ดี้จะไม่ปล่อยให้ตัวเขานั้นทนทุกข์ทรมาน
“ไม่มีปัญหา ยังไงมันก็ยังมีธุรกิจอีกมากมายที่ทำกำไรได้ และผมก็จะคิดถึงคอร์เลโอเนแน่นอน” ฮาร์ดี้กล่าว
…
วันรุ่งขึ้นฮาร์ดี้ก็พาแอนดี้ไปที่ธนาคารแห่งอเมริกาและพบกับประธานของธนาคารแห่งอเมริกา
โดยวันนี้ทั้งสองฝ่ายได้นัดลงนามในข้อตกลงการซื้อขาย
ซึ่งธนาคารแห่งอเมริกาจะช่วยฮาร์ดี้ซื้อหุ้นทั้งหมดของเวลส์ฟาร์โก
ในขณะเดียวกันฮาร์ดี้ก็จะได้หุ้นของเป๊ปซี่ไปด้วย
มูลค่าการซื้อขายครั้งนี้อยู่ที่ 3.68 ล้านดอลลาร์
ส่วนเงินที่จะมาจ่าย…
ก็กู้ไปก่อน
ยังไงฮาร์ดี้ก็เป็นผู้กู้เงินรายใหญ่ของธนาคารแห่งอเมริกา แถมยังต้องใช้เงินจำนวนมากสำหรับการเข้าซื้อเวลส์ฟาร์โกดังนั้นเงินแค่ 3 ล้านดอลลาร์มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
เจียนนินีติดต่อไปหาเร็ตต์ฟาร์โกที่เป็นหัวหน้าครอบครัวฟาร์โกและชวนเขามากินข้าวที่คฤหาสน์
หลังจากทั้งสองนั่งลงเจียนนินีก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เร็ตต์ มีใครบางคนต้องการซื้อเวลส์ฟาร์โก”
เร็ตต์ฟาร์โกรู้สึกแปลกใจมาก “ใคร?”
“นายน่าจะเคยได้ยินชื่อนี้อยู่นะ ทอมฮาร์ดี้ไง”
“เขาเองเหรอ? อ่า ตอนที่ฉันเปิดการประชุมคณะกรรมครั้งที่แล้วฉันก็ได้รับการติดต่อจากประธานมาว่า ฮาร์ดี้กรุ๊ปในเวลานี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ของเวลส์ฟาร์โก โดยสายการบิน คาสิโน บริษัทนายหน้า โรงงานโทรทัศน์และกองทุนบางอย่างล้วนอยู่ในเวลส์ฟาร์โก”
“เขายังบอกกับฉันด้วยว่าธุรกิจส่วนใหญ่ของฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นอยู่ในเวลส์ฟาร์โก และถ้ายังเป็นแบบนี้ฉันก็คิดว่าผลประกอบการในปีนี้ของนายคงดีขึ้นมาสินะ” เจียนนินีพูด
“แต่เวลานี้เขากลับต้องการกลืนกินเวลส์ฟาร์โกเป็นของตัวเองเหรอ?” เร็ตต์ฟาร์โกพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย
“มันก็เป็นเรื่องปกติ ยังไงธุรกิจของเขาก็จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็อยากมีธนาคารเป็นของตัวเองเพื่อที่ในอนาคตจะทำอะไรได้สะดวกขึ้นอีก” เจียนนินีพูด
“เจียนนินีฉันหวังว่าคุณน่าจะหยุดเขาได้ เพราะครอบครัวฟาร์โกนั้นเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารเวลส์ฟาร์โกมาก่อน และเราก็ไม่ต้องการเสียรากฐานของเราไป” เร็ตต์ฟาร์โกพูดอย่างเป็นกังวล
เจียนนินีก็ส่ายหัวให้เขา “ฟาร์โกมันเป็นเรื่องยากที่จะหยุดเขาแล้วเวลานี้ แล้วลองคิดดูสิถ้าฮาร์ดี้ถอนธุรกิจทั้งหมดออกจากเวลส์ฟาร์โก พวกนายก็จะขาดทุนมหาศาลและราคาหุ้นก็จะดิ่งลง เมื่อถึงตอนนั้นผลประโยชน์อะไรนายก็อาจจะไม่ได้รับเลย”
“แล้วนายคิดว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยเหล่านั้นจะรับได้เหรอถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น แถมเมื่อเวลานั้นมาถึงฮาร์ดี้ก็แค่รอเก็บหุ้นที่หลุดออกมาก่อนจะเข้าไปบังคับซื้อกิจการของฟาร์โกเอาก็ได้” เจียนนินีพูด
เร็ตต์ฟาร์โกกระวนกระวายเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าคุณหยุดเขาได้ ช่วยฉันหน่อยสิ”
“มีธนาคารมากกว่า 13,000 แห่งในสหรัฐอเมริกา และอันดับของเวลส์ฟาร์โกก็อยู่กลางๆ เท่านั้น แม้แต่ในแคลิฟอร์เนียเวลส์ฟาร์โกก็เป็นเพียงแค่ธนาคารเล็กๆ ซึ่งฉันก็หวังว่านายจะเข้าใจเรื่องที่ฉันพูดไป” เจียนนินีพูดเรื่องนี้เบาๆ
“แล้วผลประกอบการของเวลส์ฟาร์โกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ดีนัก จนตอนนี้ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นก็ยังมีความไม่พอใจอยู่ ถ้าหากฮาร์ดี้ถอนกิจการออกไปจนหุ้นดิ่งลง นายคิดว่าผู้ถือหุ้นจะเลือกทำอะไร? ดังนั้นในเวลานี้นายก็ขายมันไปเถอะ”
“เพราะยังไงหุ้นของฉันก็ขายไปแล้ว”
“ส่วนผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ฉันก็ติดต่อกับพวกเขาและเสนอราคาที่สมเหตุสมผลไป แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่รอให้หุ้นเวลส์ฟาร์โกตกมาอยู่ที่ 80% ก่อนขายหรอก”
“เรตต์อย่าลืมว่านี่คือธุรกิจ และฉันก็ขอแนะนำว่าให้ขายแล้วเอาเงินไปลงทุนส่วนอื่นๆเถอะ เพราะยังไงธนาคารแห่งอเมริกาก็มีบริษัทที่ทำความร่วมมืออยู่มากมาย นายสามารถเลือกได้เลย”
เจียนนินีร่ายคำพูดออกมาอย่างยาว ซึ่งมันก็มีทั้งคำโน้มน้าวและข่มขู่อยู่ในนั้นด้วย
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจียนนินีพูดเรตต์ฟาร์โกก็รู้ได้ทันทีว่าข้อตกลงคงทำสำเร็จไปแล้ว และการที่โทรมาหาเขาในวันนี้ก็เพื่อที่จะแจ้งให้เขาทราบเท่านั้น
ต้องบอกว่าถึงจะมีปัญหาอะไรครอบครัวฟาร์โกก็ยังยืนอยู่ได้ แต่เขาก็เกรงว่ามันคงจะยากลำบากขึ้นกว่าเดิม
แล้วถ้าธนาคารแห่งอเมริกาต้องการล้างบางเวลส์ฟาร์โกมันก็เป็นแค่เรื่องง่ายๆ
เพราะธุรกิจของเวลส์ฟาร์โกทั้งหมดนั้นอยู่ในสมาคม ตราบใดที่ธนาคารแห่งอเมริกาถอนตัวออกไป เวลส์ฟาร์โกก็ไม่อาจจะรักษามันไว้ได้อย่างแน่นอน
“ก็ได้ แต่ฉันขอกลับไปคุยกับสมาชิกในครอบครัวสักหน่อย แล้วฉันจะให้คำตอบโดยเร็วที่สุด” เร็ตต์พูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
วันนี้
มีข่าวลือในตลาดหุ้นว่ามีคนกำลังเตรียมที่จะเข้าซื้อเวลส์ฟาร์โก และบางคนก็บอกว่าบริษัทขนาดใหญ่ได้ระงับความร่วมมือกับเวลส์ฟาร์โกหรืออีกข่าวลือก็คือธนาคารแห่งอเมริกาได้เข้าไปเจรจาซื้อหุ้นของเวลส์ฟาร์โก
ซึ่งมันก็มีแต่ข่าวลือเยอะมาก
แต่จะสรุปให้สั้นๆ
เวลานี้ผู้คนรู้สึกไม่มั่นใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของเวลส์ฟาร์โก พวกเขาเลยทำการขายหุ้นจนทำให้หุ้นของเวลส์ฟาร์โกตกลงเล็กน้อย ซึ่งมันก็ไม่สำคัญว่าจะตกลงแค่ไหน แค่เวลานี้มันกำลังลดลงอย่างต่อเนื่องจนผู้คนไม่มั่นใจกับอนาคตของเวลส์ฟาร์โกอีกต่อไป
โรงแรมในซานฟรานซิสโก
ฮาร์ดี้มีแขกในวันนี้
ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบเดินเข้ามาในโรงแรม ฮาร์ดี้ก็ยิ้มให้ก่อนจะจับมือเขา “สวัสดีจอห์น”
“สวัสดีครับ คุณฮาร์ดี้”
ซึ่งจอห์นสตันนั้นเป็นประธานคนปัจจุบันของธนาคารเวลส์ฟาร์โก และฮาร์ดี้ก็เคยติดต่อเรื่องธุรกิจกับเขามามากมาย
แล้วในมุมมองของฮาร์ดี้ จอห์นสตันนั้นเป็นนายธนาคารที่มีความสามารถในการจัดการธุรกิจสูง
โดยในช่วง 2 ปีก่อนที่เขาจะได้ดำรงตำแหน่งของประธานธนาคารเวลส์ฟาร์โก เขานั้นเคยเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ เท่านั้น
แต่หลังจากได้ฮาร์ดี้ทำความร่วมมือกับฮาร์ดี้กรุ๊ป เขาก็เติบโตและทำประโยชน์ให้กับธนาคารมากมาย
+1