ตอนที่ 201 พันธมิตรแห่งผลประโยชน์
“ทำไมจู่ๆ คุณถึงเพิ่มเงินลงทุนเข้ามาเยอะขนาดนี้ล่ะ?” ฮาร์ดี้ถาม
และในความเป็นจริงเขาก็มีการคาดเดาอยู่ในใจแล้ว
เมเยอร์อธิบายว่า
“หุ้นส่วนรายแรกของฉันคือเป๊ปซี่ต่อมาก็คือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรคร็อกเกอร์ และเมอร์ซี่ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งถ้ารวมเงินลงทุนทั้งหมดของนายกับฉันเข้าไปด้วย มันก็จะราวๆ 20 ล้านดอลลาร์”
“แต่หลังจากนั้นนายก็บอกว่าเพิ่มเป็น 50 ล้านดอลลาร์ ฉันก็เลยไปคุยเรื่องนี้กับหุ้นส่วน พวกเขาก็เลยเพิ่มนักลงทุนรายใหม่เข้ามาก็คือธนาคารแห่งอเมริกากับล็อกฮีด”
“หลังจากที่พวกเขารู้ว่านายกำลังจะสร้างคาสิโนแห่งใหม่และลงทุนกับมันถึง 100 ล้านดอลลาร์ ทุกคนก็ปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนกันใหม่และก็ได้ข้อสรุปว่าคาสิโนที่เรากำลังทำอยู่นั้นเล็กเกินไปพร้อมกับมันจะไม่มีช่องทางให้พัฒนาในอนาคต พวกเขาก็เลยสรุปกันว่าจะเพิ่มเงินลงทุนทั้งหมดที่ 100 ล้านดอลลาร์
“แต่ธนาคารแห่งอเมริกาก็ระบุเงื่อนไขมาว่าพวกเขาจะเอาหุ้นของนักลงทุนรายอื่นเมื่อเขาเลิกลงทุนแล้ว และจะรับประเงินที่เหลือให้เอง”
ฮาร์ดี้คิดในใจอีกครั้ง ‘ในที่สุดเมเยอร์ก็ควบคุมอะไรไม่ได้แล้วสินะ’
ในตอนแรกเขาสัญญาว่าจะให้เมเยอร์มาร่วมลงทุนสร้างคาสิโนที่ลาสเวกัส และในตอนแรกเอ็มจีเอ็มก็จะเป็นผู้ถือหุ้นรายที่ใหญ่สุดและเป็นเจ้าของคาสิโนที่แท้จริง
อย่างไรก็ตามด้วยเงินทุนที่เข้ามาจำนวนมาก เวลานี้เอ็มจีเอ็มได้ถูกผลักออกไปแล้ว
เพราะยังไงเอ็มจีเอ็มก็เทียบกับธนาคารแห่งอเมริกาไม่ได้หรอก
แถมธนาคารแห่งอเมริกาก็กำลังจับตามองก้อนไขมันก้อนนี้ โดยพวกเขาคงคิดว่านี่แหละหนทางที่จะพาพวกเขาเข้าไปสู่ลาสเวกัส
“แล้วมีแผนเรื่องการแบ่งหุ้นหรือยัง?” ฮาร์ดี้ถาม
“คุณอมาดิ เจียนนินี บอสใหญ่ของธนาคารแห่งอเมริกาต้องการที่จะเจอนายก่อนและค่อยคิดหาวิธีเกี่ยวกับการแบ่งหุ้น” เมเยอร์กล่าว
ฮาร์ดี้ก็คิดได้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้คิดที่จะลงทุนแค่คาสิโนอย่างเดียวแน่นอน เพราะเขานั้นยังเจาะจงมาตัวเขาเองอีกด้วย
“ไม่มีปัญหาคุณเมเยอร์ คุณติดต่อเขากลับไปได้เลยว่าผมยินดีที่จะได้พบกับคุณเจียนนินี” ฮาร์ดี้กล่าว
ใครควรจะมามันก็มาแล้วจริงๆ
ซึ่งฮาร์ดี้ก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าการที่เขานั้นพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ มันจะต้องตกเป็นเป้าหมายของผู้อื่นอย่างแน่นอน แต่อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะธุรกิจของเขานั้นอยู่ในแคลิฟอร์เนีย
มันก็เป็นปกติที่จะตกเป็นเป้าหมายของสมาคมแคลิฟอร์เนีย และยังไงไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะได้เจอกันอยู่ดี
เพียงแต่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
หรือนี่เป็นเพราะเขาพัฒนาเร็วเกินไปและมีสิ่งที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญ?
มันจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาติดต่อมาอย่างรวดเร็วหรือเปล่า?
…
หลังจากวางสาย ฮาร์ดี้โทรหาเฮนรี่ทันที “เฮนรี่ ช่วยฉันรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสมาคมแคลิฟอร์เนียหน่อยสิ และยิ่งละเอียดยิ่งดี”
“ไม่มีปัญหา บอส” เฮนรี่รับคำสั่งแล้ววางสายไป
…
เมเยอร์เวลานี้กำลังดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเขาก็โทรหาฮาร์ดี้ในวันรุ่งขึ้น เพื่อบอกกับฮาร์ดี้ว่าคุณเจียนนินีต้องการพบเขาให้เร็วที่สุด โดยสถานที่นัดพบจะอยู่ที่คฤหาสน์ของเจียนนินีในซานฟรานซิสโก และแน่นอนว่าฮาร์ดี้สามารถไปซานฟรานซิสโกได้ตลอดเวลา
‘ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็รีบร้อนเช่นกันสินะ’
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปที่นั่นและไปหาคุณเจียนนินี่อย่างเป็นทางการตอนบ่ายสาม” ฮาร์ดี้กล่าว
“เยี่ยม ฉันจะแจ้งคุณเจียนนินีให้” เมเยอร์กล่าว
วันต่อมา
ฮาร์ดี้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของเขาที่เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด B29 ซึ่งถูกปรับเปลี่ยนโฉมใหม่หมดแล้ว
เวลานี้มันไม่มีระเบิดอะไรอยู่ข้างใน และห้องโดยสารที่ถูกตกแต่งใหม่เป็นอย่างดี ยังมีที่นั่งนุ่มๆ อีก 12 ที่นั่ง พร้อมกับห้องที่มีเตียงขนาดใหญ่แยกไปอีกต่างหากด้านหลัง
รวมๆ ก็คือเครื่องบินดัดแปลงมีเสียงรบกวนน้อยลงและนั่งสบายขึ้น อุปกรณ์ระเบิดถูกรื้อถอนออกหมด
แต่ฮาร์ดี้ก็ให้เก็บปืนกลไว้ โดยมีปืนกล M2 ลำกล้องขนาด 12.7 มม.จำนวน 12 กระบอกกระจายอยู่ด้านบนและด้านข้างของเครื่องบิน พร้อมกับปืนกล M2 ขนาดลำกล้อง 20 มม. หนึ่งกระบอกถูกติดตั้งอยู่ท้ายหาง
…
เที่ยวบินครั้งของฮาร์ดี้ครั้งนี้คนที่ตามมาด้วยจะมีแค่เฮนรี่กับแอนดี้ และสำหรับการรักษาความปลอดภัย
บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้สาขาซานฟรานซิสโกจะเป็นคนรับช่วงต่อหลังจากเครื่องบินลงจอด
ในระหว่างการบินฮาร์ดี้อีกครั้งเอาออกข้อมูลสมาคมแคลิฟอร์เนียออกมาดู และเขาก็คิดว่าบรรพบุรุษของเขาน่าจะสอนหลักการ ‘รู้จักตัวเอง รู้จักศัตรู และจะไม่มีวันแพ้แม้จะผ่านไปร้อยปี’ ไว้ในสายเลือดของเขาแน่ๆ
โดยสมาคมแคลิฟอร์เนียจะมีธนาคารแห่งอเมริกาเป็นแกนนำและที่เหลือก็คือสมาชิกเช่น บริษัทการเงินเซฟแปซิฟิค กลุ่มเกษตรครอคเกอร์ กลุ่มซานฟรานซิสโก บริษัทเวลส์ฟาร์โก บริษัทล็อกฮีด ลิปตันอินดัสทรีส์ นอร์ธรอพกรูว์แมนน์ ฟิลโก้ โซเนียอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทซานฟรานซิสโกอิเล็กทริค พีอาซีกรุ๊ป บริษัทประกันภัยแคลิฟอร์เนีย บริษัทขนส่งแคลิฟอร์เนีย บริษัทน้ำมันแคลิฟอร์เนีย ธนาคารลอสแอนเจลิส บริษัทมาตินมาเล็ตต้า บริษัทมอเตอร์ไคเซอร์ บริษัทไคเซอร์สตีล บริษัทไคเซอร์อลูมิเนียมแอนเคมีคอล สุดท้ายคือไคเซอร์กรุ๊ป
ด้วยการถือหุ้นไขว้และข้อตกลงที่ทำไว้สินทรัพย์รวมของบริษัทภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งอเมริกาก็จะอยู่ที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์
ต้องบอกก่อนว่ากลุ่มสมาคมส่วนใหญ่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะเป็นของกลุ่มสมาคมแบบครอบครัว เช่น กลุ่มร็อกกี้เฟลเลอร์ กลุ่มมอร์แกน กลุ่มสมาคมดูปองต์ และกลุ่มสมาคมเมลลอน โดยจะมีครอบครัวหนึ่งเป็นแกนหลักสำหรับการพัฒนา และแม้แต่สมาคมคลีฟแลนด์ กลุ่มสมาคมชิคาโก กลุ่มสมาคมบอสตันก็ล้วนมีรากฐานมาจากการพัฒนาร่วมกันหลายครอบครัว
แต่สมาคมแคลิฟอร์เนียมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยมันจะเป็นแค่ธุรกิจที่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย และพัฒนาอย่างรวดเร็วจากสงครามโลกครั้งที่สอง พร้อมกับแกนหลักก็คือธนาคารแห่งอเมริกา แล้วรูปแบบการถือหุ้นก็จะเป็นการไขว้กันเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ธุรกิจอื่นๆ สนใจ
เมื่อเปรียบเทียบแล้วมันจะหลวมกว่าครอบครัวอื่นๆ แต่ความเร็วในการขยายตัวเร็วกว่า
ซึ่งสถานการณ์นี้ก็บอกได้คำเดียวว่ามันมีดีและไม่ดี
โดยมันเหมือนกับมีคนตั้งกลุ่มและคัดเลือกแต่คนที่มีความสามารถเข้ามาในกลุ่ม และรวมทรัพยากรสร้างรายได้ไปด้วยกัน
ข้อได้เปรียบคือการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ข้อเสียคือถ้าคุณแข่งขันกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่อื่นๆ มันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกทำลายจากภายในและในที่สุดก็แตกสลายไป
หลังจากอ่านข้อมูลแล้ว ฮาร์ดี้ก็มีความคิดบางอย่างและเขาก็วางข้อมูลไว้ข้างๆ ก่อนจะนั่งไตร่ตรองเรื่องที่ประธานแห่งธนาคารแห่งอเมริกาจะพูดกับเขา
แอนดี้เห็นฮาร์ดี้หลับตาพักสมอง เขาจึงหยิบข้อมูลขึ้นมาดูบ้าง
หลังจากได้เห็นข้อมูลเขาก็มีการคาดเดาของตัวเองแล้วเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นานฮาร์ดี้ก็ลืมตาขึ้นและมองไปที่แอนดี้ “แอนดี้ถ้ามีคนต้องการซื้อสินทรัพย์ของเขา นายคิดว่าเราจะปล่อยอะไรไปได้บ้าง?”
แอนดี้คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ผมคิดว่าให้ยกเว้นเอชดีซีเคียวริตี้ สถานีโทรทัศน์เอบีซีและฮาร์ดี้โฮเทลไว้ ส่วนทุกอย่างสามารถปล่อยไปได้เลย”
ฮาร์ดี้ยิ้มส่ายหัวและพูดว่า “แต่ฉันคิดว่าฮาร์ดี้โฮเทล น่าจะถูกแทนที่ด้วยโกลบอลไทมส์น่าจะดีกว่า”
แอนดี้แปลกใจเล็กน้อย “บอสยินดีที่จะปล่อยธุรกิจคาสิโนไปเหรอ?”
“นายต้องคิดแบบนี้สิแอนดี้ โดยนายสามารถเลิกทำธุรกิจที่ทำเพื่อเงินเพียงอย่างเดียวได้ตราบใดที่มันสามารถแลกเปลี่ยนกับธุรกิจที่ทำกำไรได้มากกว่าเดิม และแอนดี้นายคิดว่าตอนนี้เราขาดอะไรมากที่สุด?” ฮาร์ดี้ถามอีกครั้ง
ครั้งนี้แอนดี้ไม่ลังเลและพูดตรงๆ ว่า “เวลานี้เราไม่มีธนาคารเป็นของตัวเอง และบริษัททั้งหมดของเราก็จะเชื่อมกับธนาคารหลายแห่ง แต่ถ้าฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นมีธนาคารเป็นของตัวเอง พวกเราก็จะเหมือนนกอินทรีกางปีกบินขึ้นสูงเท่าที่จะไปได้”
ต้องบอกว่าแอนดี้นั้นเคยเป็นนายธนาคารกับรองประธานธนาคารมาก่อน
เขาเลยรู้บทบาทของธนาคารเป็นอย่างดีว่ามันจะช่วยเหลือธุรกิจได้อย่างไร
เพราะหากคุณมีธนาคารของคุณเองการเริ่มต้นสิ่งต่างๆ จะง่ายขึ้น เช่นการลงทุนในธุรกิจของคุณเอง การซื้อขายหุ้น การปั่นหุ้น การลงทุนกับบริษัทอื่นๆ การตั้งชำระเงินระหว่างบริษัท การจัดการกองทุนและอื่นๆ
เห็นไหมว่ามันมีประโยชน์อย่างมากมายแค่ไหน?
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะหาธนาคารมาร่วมมือ แต่เวลานี้มันอาจจะเป็นโอกาสของเราแล้วก็ได้” ฮาร์ดี้กล่าว
“งั้นแผนของบอสคืออะไรครับ?”
“มารอดูกัน เพราะฉันไม่รู้ว่าธนาคารแห่งอเมริกามีแผนจะร่วมมือกับเรายังไง และตอนนี้ทุกอย่างก็เป็นเพียงจินตนาการ” ฮาร์ดี้กล่าว
…
เครื่องบินลงจอดอย่างราบรื่นที่สนามบินซานฟรานซิสโก
หัวหน้าของเอชดีซีเคียวริตี้สาขาได้นำทีมของตัวเองมารอรับแล้ว
ฮาร์ดี้และแอนดี้ขึ้นรถพร้อมกับเฮนรี่จะรับช่วงต่อควบคุมทีมรักษาความปลอดภัยด้วยตัวเอง
ทั้งหมดกำลังขับรถไปที่คฤหาสน์เจียนนินี
…
ขบวนรถมาถึงทางเข้าคฤหาสน์ และมีคนกลุ่มหนึ่งรอต้อนรับพวกเขาอยู่แล้ว
พ่อบ้านมองเข้าไปในรถด้วยความเคารพก่อนจะถามว่า “คุณฮาร์ดี้ใช่ไหมครับ? นายใหญ่ของเราให้มารอทักทายกับนำทางคุณไป และเชิญเข้าไปได้เลยครับคุณฮาร์ดี้ นายใหญ่ของเรากำลังรออยู่ที่ห้องโถง”
ขบวนรถเข้าสู่คฤหาสน์
ก่อนที่รถจะไปจอดและฮาร์ดี้ก็ลงจากรถเดินเข้าไปตรงที่ประตูที่มีพนักงานเปิดไว้ให้เขาแล้ว ซึ่งเขาก็เห็นชายชราที่ดูร่าเริงคนหนึ่งยืนอยู่ในห้องโถง
ฮาร์ดี้ยิ้มและพูดว่า “คุณเจียนนินี ผมดีใจมากที่ได้พบคุณ และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่ได้มาเยี่ยมเยียนถึงที่นี่”
ฮาร์ดี้ได้อ่านข้อมูลของชายชราคนนี้มาแล้ว เขาอายุ 76 ปีในปีนี้ แต่ดูเหมือนว่าสภาพจิตใจของเขาจะดีมากและเขายังคงควบคุมดูแลธุรกิจของครอบครัวอีกด้วย
ชายชราเอื้อมมือไปจับกับฮาร์ดี้และพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าฉันจะรู้ว่าเธออายุแค่ 26 ปี ฉันก็ยังประหลาดใจไม่หายเมื่อได้เห็นเธอด้วยตาของตัวเอง เพราะชายหนุ่มอายุ 26 ปีสามารถสร้างบางอย่างที่ไม่มีใครสามารถทำสำเร็จได้ในเวลาเพียงสองปี เท่านั้น”
“มันเป็นคำชมที่มากเกินไปจริงๆ” ฮาร์ดี้พูดอย่างถ่อมตัว
“พ่อหนุ่ม มานั่งคุยกันเถอะ แล้วเธอจะดื่มอะไรดี?” เจียนนินีถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมขอชา”
ชายชราพยักหน้า “ฉันก็ชอบชาเหมือนกัน”
ทั้งสองนั่งลงข้างกันแต่คนรอบข้างทำได้เพียงยืนห่างออกไปรวมทั้งแอนดี้ที่ได้แต่นั่งห่างๆ เท่านั้น
“ฮาร์ดี้ฉันสนใจคาสิโนในลาสเวกัสมากจริงๆ เพราะมันไม่มีใครสามารถแทรกแซงธุรกิจลาสเวกัสได้ตามใจขนาดนี้หรอก และมันต้องขอบคุณเธอจริงๆ ที่ให้โอกาสกับฉัน” เจียนนินีพูด
“ผมคิดเสมอว่าเมื่อทุกคนทำเงินร่วมกันธุรกิจจะยิ่งเติบโตมากกว่าเดิม” ฮาร์ดี้ยิ้ม
“ความเข้าใจของเธอนั้นพบหาได้ยากจริงๆ รู้ไหมกว่าฉันจะตระหนักถึงความจริงนี้ อายุของฉันก็ 40 ปีเข้าไปแล้ว เพราะยังไงเมื่อทุกคนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะสามารถหาเงินได้เยอะขึ้น”
“แล้วฮาร์ดี้ เธอมีความคิดยังไงเกี่ยวกับการลงทุนในคาสิโนแห่งใหม่นี้?” ชายชราถาม
ฮาร์ดี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ในความคิดของผมก็คือต้องได้เป็นเจ้าของหุ้นที่ 20% แล้วถ้าผมได้รับอนุญาตให้บริหารด้วยผมก็จะพามันเติบโตไปให้สุดทาง แต่ถ้าผมไม่ได้บริหารมันด้วยตัวเองงั้นผมก็จะแค่รอรับเงินปันผลหุ้นเท่านั้น”
คำพูดของฮาร์ดี้ไม่ได้เห็นแก่ตัวมากนัก
และชายชราก็มองมาที่เขา พร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ฉันคิดว่ามันก็ดีแล้วที่เธอจะเป็นคนบริหาร ยังไงซะเธอก็คุ้นเคยกับมันมากที่สุด เพราะฮาร์ดี้โฮเทลก็เป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี ซึ่งฉันก็เชื่อมั่นในความสามารถของเธอด้วยเหมือนกัน”
“ถ้าคุณให้ผมบริหารด้วยตัวเอง งั้นผมก็มีแค่เงื่อนไขข้อเดียวเท่านั้น” ฮาร์ดี้กล่าว
“พูดมาเลย”
“ในช่วงเวลาที่ผมยังบริหารอยู่ ผมจะมีสิทธิ์จัดการทุกอย่างได้อย่างเต็มที่และไม่ถูกจำกัดโดยผู้ถือหุ้น แน่นอนว่าพวกคุณสามารถระบุเงื่อนไขเพิ่มเติมเข้ามาได้ เช่น หากการบริหารผิดพลาดจนทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง พวกคุณก็สามารถปลดผมออกไปได้เลย แล้วให้ผู้ถือหุ้นที่เหลือหาประธานคนใหม่เข้ามาแทน” ฮาร์ดี้กล่าว
ต้องบอกว่าเวลานี้คาสิโนแห่งใหม่ที่จะลงทุนนั้นเป็นของสมาคมแคลิฟอร์เนียกับเพื่อนๆ ของพวกเขาแล้ว
หากฮาร์ดี้ได้รับอนุญาตให้บริหารแต่กลับไม่มีอำนาจตัดสินใจอะไร…
งั้นถ้าอีกฝ่ายไม่ถูกใจเขา?
พวกเขาก็สามารถใช้สิทธิ์ออกเสียงสำหรับผู้ถือหุ้นเพื่อไล่เขาออกได้ตลอดเวลา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจว่าจะได้บริหารหรือไม่ แต่เขาก็แค่ไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนอื่นควบคุมแค่นั้นเอง
ในที่สุดเจียนนินีก็เห็นด้านที่ยังเด็กของฮาร์ดี้และก็คิดว่านี่ควรเป็นใบหน้าที่แท้จริงของฮาร์ดี้อีกด้วย
ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะสร้างสินทรัพย์หลายร้อยล้านดอลลาร์พร้อมกับกลายเป็นคนที่มีอำนาจในโลกใต้ดินของลอนแอนเจลิส ด้วยท่าทีที่เหมือนชายหนุ่มอ่อนโยนแบบเมื่อตอนที่เขากับฮาร์ดี้ได้พบกัน
//มันเหลี่ยมเยอะอ่ะลุง
ชายชราพยักหน้า “ฉันเห็นด้วยกับความคิดของเธอ และในนามของธนาคารแห่งอเมริกาฉันก็เห็นด้วยเหมือนกัน แล้วสำหรับเรื่องที่เหลือเช่นหุ้นส่วน การปันผลของหุ้นแต่ละบริษัทและหุ้นของผู้บริหาร เอาไว้เรามาหารือร่วมกันทีเดียวดีไหม?”
ฮาร์ดี้รู้ว่าตราบใดที่ชายชราเห็นด้วยกับเขา แสดงว่าเรื่องนี้ก็สามารถตกลงกันได้แล้ว
ชายชราหยิบถ้วยขึ้นมาจิบชา ก่อนจะวางถ้วยลงและถามฮาร์ดี้ว่า “ฮาร์ดี้ แล้วเธอคิดยังไงเกี่ยวกับธุรกิจในอนาคต?”
ฮาร์ดี้รู้ว่าเจียนนินีนั้นต้องการพูดคุยเกี่ยวกับตัวเขา ดังนั้นประโยคนี้ก็เหมือนกับคำพูดเปิดพิธีเท่านั้น
+1