อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 198 เบเกอร์แมคเคนซี

สามวันผ่านไปในพริบตาจอร์จและเรแกนก็มารายงานสถานการณ์ของสหภาพนักแสดงให้กับฮาร์ดี้

“สหภาพนักแสดงยังมีเงินทุนอยู่อีกราวๆ 450,000 ดอลลาร์ และปีที่แล้วพวกเขาก็เก็บค่าธรรมเนียมได้ทั้งหมด 1.35 ล้าน แต่ในปีนี้น่าจะเยอะกว่านี้” จอร์จกล่าว

เรแกนรายงานต่ออีกว่า “ผมได้คัดแยกข้อร้องเรียนของสหภาพแรงงาน มาได้ทั้งหมด 700 กว่ารายการที่อยู่ในมือ และยังมีหลากหลายประเภทมากอีกด้วย โดยนักแสดงบางคนได้รายงานมาว่าเงินเดือนตอนนี้ต่ำเกินไปกับมีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นและก็การทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม การบังคับขู่เข็ญ…”

“และจดหมายสองฉบับล่าสุดที่ได้รับเมื่อวานนี้ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่อลูน่า ซึ่งเธอนั้นบอกว่าเพื่อนของเธอกับตัวเธอนั้นได้เซ็นสัญญากับบริษัทนายหน้าแห่งหนึ่ง และบริษัทนายหน้าก็บังคับให้พวกเธอนั้นร่วมหลับนอนกับพวกเขา โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะติดสัญญา” 

“อีกรายงานก็คือมีผู้หญิงคนหนึ่งที่แจ้งความว่าถูกผู้กำกับทำร้ายและข่มขืน ซึ่งผู้กำกับคนนี้นั้นเป็นผู้กำกับที่ทำสัญญากับสถานีโทรทัศน์โคลัมเบียและยังเคยสร้างภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย”

“หญิงสาวเขียนมาว่าเธอนั้นมีส่วนร่วมในการถ่ายทำภาพยนตร์สำหรับบทบาทตัวประกอบ และมีครั้งหนึ่งผู้กำกับได้ทุบตีเธอต่อหน้าทีมงานทั้งหมด ก่อนจะตบเธออีกหลายครั้งและเปลี่ยนฉากนั้นให้นักแสดงชายที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเข้ามาแทน”

“พอกลับถึงโรงแรม ผู้กำกับก็เรียกเธอไปที่ห้องและบอกกับเธอว่าถ้าเธอไม่เชื่อฟัง เขายังมีอีกหลายทางที่จะจัดการกับเธอหรือเขาจะไล่เธอออกพร้อมกับที่เขาจะบอกกับโลกภายนอกว่าฝีมือการแสดงของเธอนั้นแย่ ไม่เหมาะกับบทใดๆ เพื่อไม่ให้ใครกลับมาจ้างเธออีก”

“จากภายใต้การคุกคามของผู้กำกับ หญิงสาวก็เลยไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นที่จะต้องนอนกับผู้กำกับและเธอยังบอกอีกว่าในระหว่างการถ่ายทำก็มีเรื่องเกิดอีก 4 ครั้ง โดยในจดหมายเธอยังบอกด้วยว่าผู้กำกับคนนี้นั้นไม่มีความสามารถ เขาใช้เธอเป็นเครื่องมืออารมณ์ทุบตีเธอจนเป็นรอยฟกช้ำนับไม่ถ้วน”

ฮาร์ดี้พยักหน้าและก็นั่งคิดเกี่ยวกับมันก่อนจะพูดว่า

“สำหรับบริษัทภาพยนตร์ที่ค้างค่าจ้างให้ส่งจดหมายไปหาพวกเขาพร้อมกับกำหนดเวลาจ่ายมา แล้วถ้าหากไม่ได้รับเงินเดือนภายในเวลาที่กำหนด…สหภาพแรงงานจะดำเนินการให้”

“ในกรณีของการเซ็นสัญญากับบริษัทนายหน้าไม่เป็นธรรม ให้ไปจ้างเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเอชดีซีเคียวริตี้เพื่อไปสืบข้อมูลนายหน้าพวกนี้ว่ามีพฤติกรรมบังคับผู้หญิงไหม ถ้ามีก็ถ่ายรูปเก็บเป็นหลักฐานและจับพวกมันยัดเข้าคุกไป”

“แล้วตอนที่กำลังสืบสวนก็ให้ถ่ายวีดิโอไว้ให้มากที่สุด ยังไงพวกเราก็สามารถเอามันมาทำสารคดีและยังเอามาออกข่าวได้อีก ซึ่งฉันก็เชื่อว่านี่จะเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดีสำหรับสหภาพนักแสดง” ฮาร์ดี้กล่าว

เพราะยังไงสหภาพก็ร่ำรวยอยู่แล้ว และเพื่อช่วยนักแสดงแก้ปัญหาของพวกเขา มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะจ้างเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเอชดีซีเคียวริตี้สำหรับการสืบสวนใช่ไหมล่ะ?

อะไร? 

ทั้งๆ ที่เป็นบริษัทของตัวเองแต่ยังต้องจ่ายเงินให้งั้นเหรอ?

ยังไงในสังคมกลุ่มบริษัทมันก็มีความแตกต่างกันอยู่แล้วและทุกอย่างก็แยกออกจากกันอย่างชัดเจน 

ซึ่งธุรกิจอื่นๆ ของฮาร์ดี้…เขาก็ยังต้องใช้เงินจ้างบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้มารักษาความปลอดภัยเลย

ส่วนที่ให้ถ่ายวีดิโอก็เพื่อที่จะเอามันมาใช้ประโยชน์สำหรับการโปรโมทให้สหภาพนี้แหละ 

แถมมันยังทำให้สถานีโทรทัศน์เอบีซีมีรายการดีๆ ฉายอีกด้วย

“ส่วนผู้กำกับคนนั้นที่มาจากบริษัทภาพยนตร์โคลัมเบียที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์…บริษัทโคลัมเบียนี้มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เราก็แค่ต้องทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โตขึ้นไปอีก เดี๋ยวฉันจะหาทนายส่งไปให้หญิงสาวสำหรับการฟ้องร้องพวกเขา แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานฉันก็โยนผู้กำกับคนนี้ไปขึ้นศาลให้ได้”

ถ้าเป็นคนอื่นที่แตะต้องคนใน 8 บริษัทยักษ์ใหญ่ คนคนนั้นอาจจะต้องโดนตอบโต้กลับ 

แต่สำหรับฮาร์ดี้นั้น…

เขาไม่ได้กลัวอะไรเลยและเขาก็จะโจมตีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 8 แห่งนี้ก่อนเพื่อที่มันจะได้ส่งผลไปยังบริษัทอื่นๆ

ซึ่งคนอื่นอาจจะฆ่าไก่ให้ลิงกลัว แต่สำหรับฮาร์ดี้นั้นจะฆ่าวัวเพื่อทำให้ลิงและไก่กลัวแทน

“และอย่าลืมว่าสหภาพนักแสดงนั้นยืดหยัดเพื่อนักแสดง มันคือคติของเรา” ฮาร์ดี้ยิ้ม

ฮาร์ดี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาแอนดี้เพื่อที่จะให้เขาส่งทนายความฝีมือดีไป 

แต่หลังจากได้ยินเรื่องนี้ แอนดี้ก็พูดว่า “บอส ตอนนี้ผมมีทนายอยู่ในมือ 2 คน และพวกเขาก็มาบอกผมว่าอยากจะสร้างทีมของตัวเอง ซึ่งพวกเขาอยากได้เงินลงทุนพร้อมกับอยากปรึกษาเรื่องการเปิดบริษัทด้วย”

“โอ้ ฉันชอบความคิดนี้นะ แล้วความมืออาชีพของพวกเขาอยู่ในระดับไหนละ?” ฮาร์ดี้ถาม

“ฝีมือของพวกเขาดีมาก และทั้งหมดก็จบจากมหาวิทยาลัยเยลที่เกี่ยวกับกฎหมาย พวกเขาถือว่าเป็นกลุ่มที่ดีที่สุดในแวดวงธุรกิจนี้ ซึ่งผมก็จ้างพวกเขาด้วยเงินเดือนที่สูงมาก และคดีทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็เป็นพวกเขาที่รับผิดชอบ แถมคดีทั้งหมดก็สำเร็จไปด้วยดี”

“งั้นให้พวกเขามาหาฉันก่อน เดี๋ยวฉันขอคุยอะไรหน่อย” ฮาร์ดี้กล่าว

ตอนบ่าย

ห้องทำงานของฮาร์ดี้

รอสเบเกอร์และจอห์นแมคเคนซีกำลังเดินเข้าไปในห้องทำงานของฮาร์ดี้ 

ทั้งสองนั้นอายุ 30 ปี แต่งกายด้วยชุดสูทที่ดูเรียบๆ ไม่หรูหรา 

ซึ่งฮาร์ดี้ก็เคยเจอทั้งสองแล้ว เขาจึงพยักหน้าและทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

“สวัสดีครับคุณฮาร์ดี้” ทั้งสองทักทายฮาร์ดี้กลับ

“นั่งลงสิ แล้วจะเอาเครื่องดื่มอะไรไหม?”

“ขอกาแฟก็ได้ครับ” ทั้งสองพูดอย่างระมัดระวังเล็กน้อย

ฮาร์ดี้จึงบอกเลขาให้ไปชงกาแฟมาให้พวกเขา

“ฉันได้ยินมาจากแอนดี้ว่าพวกคุณนั้นต้องการที่จะจัดตั้งบริษัทกฎหมายและอยากให้ผมเป็นผู้ออกทุนให้ใช่ไหม?” ฮาร์ดี้ถามด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ครับ โดยเรานั้นทำงานด้านนี้มาหลายปีแล้ว เลยอยากตั้งบริษัทกฎหมายของตัวเองขึ้นมาให้เหมือนกับบริษัทนายหน้าและบริษัทการเงินของคุณแอนดี้” รอสเบเกอร์อธิบาย

ถ้าหากพวกเขาสามารถจัดตั้งบริษัทของตัวเองขึ้นมาได้ พวกเขาก็จะไม่ใช่ลูกน้องของใครอีก 

แต่เป็นเจ้านายของตัวเอง

ซึ่งในอนาคตพวกเขานั้นสามารถสร้างรายได้เยอะขึ้นไปอีก และก็ค่อยๆ เติบโตจากประสบการณ์ทำงาน

“แล้วต้องการเท่าไหร่?” ฮาร์ดี้ถาม

“เราจะให้คุณฮาร์ดี้ลงทุนที่ 500,000 ดอลลาร์และคุณก็จะได้เป็นผู้ถือหุ้นของสำนักงานกฎหมายที่ 40% ของหุ้นทั้งหมด” ทนายความอีกคนหนึ่งชื่อจอห์นแมคเคนซีกล่าว

ฮาร์ดี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฉันจะให้พวกคุณทั้งสองคนที่ 1 ล้านดอลลาร์ แต่ผมต้องการหุ้น 60%”

เบเกอร์และแมคเคนซีไม่ได้คาดหวังว่าฮาร์ดี้จะตอบตกลงเร็วเช่นนี้

แถมจำนวนหุ้นที่ฮาร์ดี้ต้องการนั้นก็เกินความคาดหมายของพวกเขาด้วยเหมือนกัน 

เพราะตอนแรกพวกเขาคิดว่าฮาร์ดี้จะต่อรองขึ้นมาที่ 50% พวกเขาก็เลยบอกไปแค่ 40% เท่านั้น

แต่ฮาร์ดี้ก็ให้เงินกับพวกเขาเพิ่มอีกตั้ง 500,000 ดอลลาร์ 

ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาทั้งสองถูกล่อลวงด้วยจำนวนเงินนี้จริงๆ 

ยังไงถ้าได้เงินทุนมากขึ้น พวกเขาก็สามารถสร้างบริษัทที่ใหญ่โตขึ้นได้ทันทีและยังรับสมัครทนายความเข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อที่จะได้เติบโตได้เร็วขึ้นไปอีก

แต่อันที่จริงพวกเขานั้นสามารถไปเริ่มต้นด้วยตัวเองก็ได้ แต่ในแวดวงธุรกิจนี้จะมีส่วนสำคัญอยู่ 2 อันก็คือทนายความที่มีความสามารถและธุรกิจที่ไปได้ดี

ซึ่งฮาร์ดี้ก็มีธุรกิจที่ทำเงินได้มากมายอยู่ในมือและพวกเขาทั้งสองก็สามารถเกาะติดกับธุรกิจของนายฮาร์ดี้เพื่อที่จะพัฒนาให้ตัวเองเติบโตขึ้นไปได้

แถมฮาร์ดี้ก็ไม่ใช่คนที่จะหยุดหาเงิน ตราบใดที่ยังมีช่องทางเขาก็จะมุ่งหน้าไปทำเงินกับมันตลอดเวลา

แล้วในความเป็นจริงธุรกิจกฎหมายนี้ก็ยังทำเงินได้ดีอีกด้วย

ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้ง และแมคเคนซีก็พยักหน้าให้เพื่อนของเขา 

ซึ่งเบเกอร์ก็เข้าใจว่าเพื่อนของเขาหมายถึงอะไร เขาจึงพูดว่า “คุณฮาร์ดี้ เรายอมรับแผนการนี้ โดยคุณลงทุนที่ 1 ล้านดอลลาร์แลกกับครอบครองหุ้น 60%”

ฮาร์ดี้ก็ยิ้มออกมาและพยักหน้าตกลง

ต้องบอกว่าเขาไม่ได้สนใจเงิน 1 ล้านดอลลาร์นั้นเลย แต่ถ้าเขามีบริษัทกฎหมายเป็นของตัวเองในอนาคตเขาก็อาจจะทำหลายสิ่งหลายอย่างได้สะดวกขึ้นไปอีก

“ว่าแต่พวกคุณคิดชื่อกันไว้แล้วหรือยัง?” ฮาร์ดี้ถาม

ทั้งสองยิ้ม “ฮ่าๆ เราเคยคิดชื่อออกมาบ้างไว้แล้ว โดยจะใช้ชื่อของเราทั้งสองรวมกันออกมาเป็นชื่อสำนักงานกฎหมายว่า ‘บริษัทกฎหมายเบเกอร์แมคเคนซี’ แล้วผมก็อยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับชื่อนี้?”

เมื่อฮาร์ดี้ได้ยินชื่อเขาก็ตกตะลึงไปทันที

‘เบเกอร์แมคเคนซี’

ให้ตายเถอะ!

มันคงไม่ใช่บริษัทเบเกอร์แมคเคนซีที่เป็นที่รู้จักในฐานะ ‘บริษัทกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ เหรอ?!

ในชีวิตก่อนหน้านี้เขาได้เชิญทนายความจากสำนักงานกฎหมายแห่งนี้มาต่อสู้คดีให้ธุรกิจของเขา 

แล้วว่ากันว่าในเวลานั้นจำนวนทนายความในสำนักงานกฎหมายแห่งนี้มีมากกว่า 2,700 คน

โดยมีสำนักงานอยู่ 50 ประเทศทั่วโลกและเป็นสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แถมความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังติดอันดับหนึ่งในสามของโลกและมีกำไรหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปี

ถ้าหากเป็นพวกเขาจริงๆ การลงทุนครั้งนี้ก็จะไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน 

แต่มันจะได้กำไรก้อนโตกลับมาด้วยซ้ำ!

“แล้วพวกคุณวางแผนที่จะจ้างคนกี่คน?” ฮาร์ดี้ถาม

“ตอนนี้เรามีพันธมิตรอยู่สิบสองคนแล้ว” เบเกอร์กล่าว

“แสดงว่าถ้าฉันไม่ลงทุนด้วย พวกคุณก็จะออกไปตั้งสำนักงานกฎหมายด้วยตัวเองใช่ไหม?” ฮาร์ดี้ถาม

จอห์นแมคเคนซียิ้ม “พูดตามตรงนะคุณฮาร์ดี้ พวกเราคิดไว้แบบนั้นจริงๆ แต่ถ้าไม่มีการลงทุนของคุณฮาร์ดี้เราก็อาจจะเริ่มต้นได้ช้าหน่อยและอาจใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปีสำหรับการหาบริษัทร่วมมือเพื่อทำให้ธุรกิจของเราเติบโตขึ้นไปอีก”

“ซึ่งตอนนี้ด้วยการลงทุนของคุณฮาร์ดี้เราสามารถรับสมัครทนายความได้ 40 ถึง 50 คน และสามารถกระโดดเข้าสู่ตลาดบริษัทกฎหมายระดับกลางได้ทันที แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นธุรกิจที่คุณฮาร์ดี้ครอบครองอยู่ เพราะมันจะช่วยให้เราพัฒนาได้อย่างรวดเร็วมาก อย่างน้อยที่ผมคิดไว้ก็ประมาณสามปีที่เราจะกลายเป็นสำนักงานกฎหมายขนาดใหญ่”

จอห์นแมคเคนซีคนนี้แสดงความคิดของเขาออกมาอย่างเรียบง่าย

ฮาร์ดี้ก็สามารถมองเห็นได้ว่าทั้งสองคนนี้รอสเบเกอร์นั้นเป็นคนประเภทวางแผนก่อนทำอะไร 

ในขณะที่จอห์นแมคเคนซีนั้นเป็นคนประเภททำอะไรก็ต้องเด็ดขาดไว้ก่อน

มันเลยทำให้ทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและมีบุคลิกเสริมกัน 

มันเลยไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาสามารถพัฒนาสำนักงานกฎหมายจนโด่งดังทั่วประเทศขนาดนั้น

“ถ้าพวกคุณต้องการธุรกิจสำหรับการพึ่งพาอาศัย พวกคุณไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอกเพราะเวลานี้แอนดี้กำลังช่วยผมก่อตั้งฮาร์ดี้กรุ๊ปขึ้นมาอยู่” ฮาร์ดี้กล่าว

“ผมรู้ เพราะพวกเราสองคนก็อยู่ในทีมนั้นด้วย” แมคเคนซีกล่าว

“เมื่อฮาร์ดี้กรุ๊ปก่อตั้งขึ้น เบเกอร์แมคเคนซีจะเป็นสำนักงานกฎหมายหลักของผม ซึ่งผมก็เชื่อว่าในเวลานั้นคุณจะมีงานให้ทำนับไม่ถ้วน และก็คิดว่าคนของคุณจะไม่พออย่างแน่นอน ดังนั้นพวกคุณรีบไปจ้างคนเพิ่มดีกว่านะ” ฮาร์ดี้ยิ้ม

หลังจากได้ยินแบบนั้นทั้งสองก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาจนเกือบจะซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้เลยทีเดียว

เพราะพวกเขารู้ว่าฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน

บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ บริษัทเอชดีฟิล์ม บริษัทนายหน้าเอชดี บริษัทเหมืองแร่วอลช์  โรงงานผลิตโทรทัศน์มิโบ บริษัทน้ำแร่ร็อคกี้เมาเท่น บริษัทประมูล โรงงานของเล่นเอชดี เอสเตลอเดอร์ เพลย์บอย โรงเก็บไวน์สองที่ เอชดีแอร์ไลน์ ฮาร์ดี้โฮเทลคาสิโน สถานีโทรทัศน์เอบีซี บริษัทการเงินแอนดี้

///เยอะฉิบหาย

ทั้งหมดนั้นเป็นธุรกิจของฮาร์ดี้และทั้งหมดนี้ก็ต้องการทนายความเป็นที่ปรึกษา ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วสำหรับการหล่อเลี้ยงบริษัทกฎหมายขนาดใหญ่

“คุณฮาร์ดี้ไม่ต้องกังวล เพราะเราจะทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาและให้บริการด้านกฎหมายอย่างมืออาชีพมากที่สุดสำหรับฮาร์ดี้กรุ๊ป” โรสเบเกอร์พูดอย่างตื่นเต้น

ฮาร์ดี้ก็มีความสุขมากเช่นกัน และต้องบอกก่อนว่าเบเกอร์แมคเคนซีนั้นเป็นบริษัทกฎหมายที่แข็งแกร่งที่สุดในอนาคต 

มันก็เลยเปรียบเสมือนเขาได้รับประกันความปลอดภัยทางกฎหมายมากที่สุดแล้ว

“สำหรับการจัดตั้งสำนักงานกฎหมาย ฉันจะเซ็นสัญญาให้หลังจากที่คุณทำเอกสารเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้ผมมีคดีให้พวกคุณทั้งสองทำและมันก็เป็นธุรกิจแรกที่พวกคุณจะได้แสดงฝีมือกับสร้างชื่อเสียง” ฮาร์ดี้กล่าว

“คดีอะไรเหรอครับ?” ทั้งสองถามอย่างอยากรู้อยากเห็น 

ฮาร์ดี้หยิบจดหมายที่เขียนว่าผู้กำกับคนหนึ่งได้กดขี่และข่มขู่หญิงสาวในระหว่างการถ่ายทำ ส่งให้พวกเขา 

ทั้งสองก็มองไปที่มันและกล่าวว่า “อืม… มันผ่านมามากกว่าครึ่งปีแล้ว ผมคิดว่าหลักฐานน่าจะถูกลบออกหมดแล้วละ มันอาจจะเป็นเรื่องยากมากที่จะส่งผู้กำกับคนนี้เข้าคุกโดยไม่ใช่กำลัง”

ฮาร์ดี้หัวเราะเบาๆ “คุณไม่จำเป็นต้องส่งเขาเข้าคุกหรอก แต่แค่ทำให้ผู้คนรู้ว่าคนคนนี้ทำอะไรลงไป และพวกคุณก็แค่ไปหาคนแจ้งเบาะแสเพื่อช่วยเธอทำคดีนี้ ส่วนจะมีหลักฐานหรือไม่มีก็ไม่เป็นไร แค่แสดงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องคนของสหภาพนักแสดงออกมาก็พอ”

“ซึ่งฉันก็เดาว่าถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยในที่สาธารณะ เขาก็จะไม่ปรากฏตัวในฮอลลีวูดอีกแน่นอน”

“ถ้าทำแค่นั้นมันก็ง่ายมาก เพราะคดีล่วงละเมิดทางเพศ ผู้หญิงคนนี้มีสิทธิ์ฟ้องเขาได้เต็มที่เลยละ และหลังจากที่ศาลยอมรับคดี เราก็เข้าไปช่วยเหลือเธอแม้ว่าเราจะไม่สามารถปิดคดีได้เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ถ้าเราจะกั้นไม่ให้เขาเข้ามาในฮอลลีวูดมันก็ไม่มีปัญหาอะไร” แมคเคนซีกล่าว

“แค่นั้นก็พอแล้ว และงานนี้ก็เป็นของสหภาพนักแสดง ดังนั้นเงินที่ได้ก็จะไม่น้อยเลย” 

ฮาร์ดี้ยิ้มและทั้งสองก็หัวเราะออกมาด้วยเหมือนกัน

ยังไงฮาร์ดี้ก็เป็นหัวหน้าใหญ่ที่นี่และเขาก็ยังได้เงินได้หน้ากลับไปด้วย

1 thought on “อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 198 เบเกอร์แมคเคนซี”

Leave a Comment

ไม่ดี!