ตอนที่ 197 บุกเบิกฮ่องกง
ฮาร์ดี้มาที่สำนักงานสหภาพนักแสดงซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในฮอลลีวูด ดังนั้นมันจึงสะดวกมากสำหรับเขาที่จะเดินทางมา
ซึ่งที่นี่นั้นมีอาคารสำนักงานทั้งหมด 6 ชั้น และตำแหน่งประธานตอนนี้ก็กำลังว่างอยู่
ฮาร์ดี้เลยบอกให้คนเข้าไปทำความสะอาดก่อนจะย้ายเข้าไปทีหลัง
แน่นอนว่าผู้บริหารที่นี่ได้เตรียมการไว้หมดแล้ว และทั้งหมดก็กำลังนั่งรออยู่ในห้องประชุม พร้อมกับพนักงานที่เคยทำงานที่นี่ทั้งหมด 60 คน
ซึ่งมันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งหมดได้มานั่งประชุมด้วยกัน
แต่การประชุมก็ไม่ได้มีอะไรมาก ฮาร์ดี้เพียงแค่แนะนำตัวเขาเองสั้นๆ เท่านั้น และพนักงานที่นี่ก็เคยได้ยินชื่อของเขามาแล้ว พวกเขาเลยมีความเคารพอยู่ในระดับหนึ่ง
หลังจากการประชุมจบ ฮาร์ดี้ก็ให้จอร์จกับเรแกนเข้ามาทำงานแทน
โดยเขาจะไม่สนใจรายละเอียดงานอะไรเลย และจะรับรู้แค่เหตุการณ์ๆ สำคัญเท่านั้น
…
หลังจากออกจากสหภาพนักแสดงเขาก็ตรงไปที่บริษัทประมูล แต่ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยฮาร์ดี้เลยต้องมีบอดี้การ์ดติดตัวไปตลอดเมื่อออกไปไหน
ซึ่งมันจะมีคนขับ ผู้ช่วย และรถอีกคันที่มีคนอยู่อีก 4 คน
แน่นอนว่าด้วยบอดี้การ์ดทั้ง 6 คนนี้บวกกับฮาร์ดี้ที่มีฝีมือในการเอาตัวรอด
เขาก็เชื่อว่าถ้าไม่โดนโจมตีหนักๆ หลายสิบคน เขาก็สามารถล่าถอยโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
เมื่อมาถึงสำนักงานของฮันเยจินเลขาของเธอก็ยืนขึ้นต้อนรับเขา
ฮาร์ดี้ยิ้มให้เธอก่อนจะบอกให้เธอนั่งลง ซึ่งเธอก็นั่งลงอย่างเชื่อฟังและฮาร์ดี้ก็พาอิริน่าเดินไปต่อ
‘คงเป็นเลขาคนใหม่ของฮันเยจินมั้ง?’
เขาคิดขณะที่เปิดประตูเข้าไป และฮันเยจินก็เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับที่ฮาร์ดี้ยิ้มให้เธอก่อนจะมอบช่อดอกไม้ให้หญิงสาว
“ฉันไม่ได้ไปแสดงความยินดีที่คุณได้เป็นประธานของสหภาพนักแสดงเลย”
ฮันเยจินนั้นไม่ได้ไปงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ เพราะคนที่ไปงานล้วนมาจากวงการบันเทิงทั้งสิ้น
เธอที่ไม่ชอบอะไรแบบนั้นก็เลยเลือกที่จะไม่ไปดีกว่า
“ไม่เป็นไร มันก็แค่เรื่องเล็กๆ แล้วเร็วๆ นี้เธอเจออะไรดีๆ บ้างไหม?” ฮาร์ดี้ถาม
“มีสิ! ฉันได้ของโบราณจากจีนมาจำนวนมากเมื่อไม่นานมานี้ และพวกมันล้วนมีคุณภาพสูง งั้นมาเถอะเดี๋ยวฉันพาคุณไปดูดีกว่า” ฮันเยจินเอาดอกไปใส่ในแจกันก่อนจะพูดออกมา
ทั้งสองเดินเข้าไปในโกดังเก็บสมบัติที่มีของโบราณมากมายวางอยู่บนชั้นวาง “ภาพวาดเหล่านี้ล้วนเป็นภาพเขียนโบราณสมัยราชวงศ์ซ่ง โดยอาจารย์หยวนได้ประเมินพวกมันแล้วและเขาก็บอกว่ามันเป็นของแท้อย่างไม่ต้องสงสัย”
เมื่อเธอพูดจบฮันเยจินก็แนะนำภาพวาดเหล่านี้ให้ฮาร์ดี้ฟังทีละอันเช่น มี่ฟู จ้าวเมิ่งเจียน จูรุย กั่วซี หลิวซ่งเหนียน ไฉ่จิง ซึ่งบางชื่อที่ฮันเยจินนั้นพูดออกมาฮาร์ดี้ก็รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง
แต่เนื่องจากมันเป็นของโบราณจากราชวงศ์ซ่ง ยังไงมันก็ต้องคุ้มค่าอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปสักพัก…
ฮาร์ดี้ก็เดินเข้าไปใกล้หญิงสาวคนนี้ก่อนจะจับมือของเธอไว้ ซึ่งฮันเยจินก็ตัวแข็งไปเล็กน้อยและไม่ได้มองมาที่ฮาร์ดี้กับไม่ได้ดึงมือของเธอออกไป
เธอเพียงแค่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับไปพูดเกี่ยวกับของโบราณเหล่านี้ต่อ
เมื่อฮาร์ดี้มองไปที่ฮันเยจินอีกครั้ง เขาก็เห็นว่าผิวที่ขาวเหมือนหยกของซูเอ็ตตอนนี้กำลังถูกย้อมด้วยชั้นของสีแดง…ฮาร์ดี้อมยิ้มขึ้นในใจและเขาก็คิดว่า ‘ถ้าไม่ปฏิเสธก็แสดงว่าเห็นด้วยสินะ’ เขาเลยจับมือเธอแน่นขึ้นไปอีก
เพราะยังไงมันก็มีแค่คนสองคนเท่านั้นที่อยู่ในโกดังนี้ พวกเขาก็เลยจับมือกันและเดินดูของเก่าต่อไป
…
หลังจากดูภาพว่าโบราณเสร็จแล้วพวกเขาก็ไปดูเครื่องลายครามต่อ และมันต้องบอกว่าเวลานี้มีเครื่องลายครามจำนวนมากที่วางอยู่ที่นี่ ซึ่งเธอนั้นซื้อมามากมายมากกว่า 100 ชิ้น และทุกชิ้นก็มีคุณภาพสูง
แถมนอกเหนือจากนั้นยังมีหยกทองสัมฤทธิ์และอื่นๆ อีกมากมายด้วย
“ทำไมคราวนี้ถึงมีของดีมากมายเลยล่ะ?” ฮาร์ดี้ถาม
ฮันเยจินถอนหายใจเบาๆ “บางทีมันอาจเป็นเพราะสงครามที่เกิดขึ้นในประเทศ…ฉันได้ยินจากอาจารย์หยวนมาว่าคนร่ำรวยจากที่นั่นกำลังหนีมาที่สหรัฐอเมริกาพร้อมกับนำของที่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ติดตัวมาด้วย…แล้วพอเงินพวกเขาเริ่มหมด พวกเขาก็เลยเอาของพวกนี้ออกมาขาย”
ฮาร์ดี้นึกวันเวลาก่อนที่เขาจะจำได้ว่าเดือนนี้คือเดือนพฤศจิกายนปี 1947 ที่เวลานี้หลายประเทศกำลังเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
ทำให้หลายคนจึงเลือกออกเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเป็นคนร่ำรวยซะมากกว่า ซึ่งพวกเขาก็จะเอาแต่ของดีๆ ติดตัวมา
เมื่อถึงตอนนี้ฮันเยจินก็มองไปที่ฮาร์ดี้ “ฉันอยากส่งคนไปฮ่องกง เพราะฉันได้ยินมาว่าผู้หลบหนีส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่นั่นและผู้ที่หนีเข้ามาในสหรัฐอเมริกานั้นเป็นเพียงส่วนน้อยกว่าผู้หนีไปยังฮ่องกงเยอะมาก หากคุณได้ไปเปิดบริษัทประมูลขึ้นที่นั่น…ฉันก็เชื่อว่าคุณจะได้รับสิ่งดีๆ มากมายกับปริมาณที่มากกว่าที่นี่”
ข้อเสนอของฮันเยจินนั้นดีมาก เพราะยังไงฮ่องกงก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้คนในเวลานี้
แถมประเทศอื่นๆ ก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับคนจากภายนอก
พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปฮ่องกงเท่านั้นก่อนที่จะขยายไปยังสหราชอาณาจักรหรือสหรัฐอเมริกา
แล้วถ้าเขาจัดตั้งบริษัทประมูลขึ้นมาที่ฮ่องกง เขาก็เชื่อว่าจะได้รับของโบราณจำนวนมากอย่างแน่นอน
และเขาก็รู้ด้วยว่าในภายหลังจะมีคนหนีออกมามากขึ้น ซึ่งนายทุนใหญ่ๆ บางคนก็จะออกมาพร้อมทรัพย์สินที่มีค่าของตัวเอง
“ฉันเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ แล้วคุณคิดว่าจะส่งใครไปละ?” ฮาร์ดี้กล่าว
“ฉันแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันยังไม่ได้คิดเกี่ยวกับรายละเอียดใดๆ แถมเวลานี้มันก็ยุ่งเหยิงไปหมดทางที่ดีควรส่งคนที่มีความสามารถและรอบรู้ไป เพราะถ้าดูสถานการณ์โดยรวมแล้ว มันคงไม่ง่ายที่จะจัดตั้งบริษัทประมูลขึ้นแบบปลอดภัย” ฮันเยจินพูดและก็ส่ายหัวด้วยความกังวลใจ
ฮาร์ดี้นึกถึงใครบางคนทันทีและเขาก็ยิ้มขึ้นมา “เธอยังจำวิคเตอร์ได้ไหม?”
“นักต้มตุ๋นคนนั้นนะเหรอ?”
“ฮ่าๆ ใช่แล้ว ฉันคิดว่าเขาไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องความสามารถและเขาน่าจะอยากไปที่นั่นแน่ๆ” ฮาร์ดี้กล่าว
วิคเตอร์นั้นเป็นชาวฝรั่งเศส แต่เขาก็เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นเขายังมีความรู้ด้านการเงิน ด้านศิลปะ ด้านของโบราณ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือการตัดสินใจกับจิตวิทยาที่เก่งกาจ
วิคเตอร์จึงถือว่าเป็นคนที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาถ้าจะปล่อยให้เขาไปคนเดียว
“แล้วเขาจะเชื่อถือได้เหรอ?”
“อย่ากังวลยังไงบางครั้งพวกเขาก็เชื่อถือได้มากกว่าพนักงานทั่วไป เพราะพวกเขาเข้าใจถึงผลประโยชน์ของสิ่งต่างๆ ดีกว่า” ฮาร์ดี้กล่าว
แถมเขานั้นก็มีวิธีที่จะหยิบวิคเตอร์มาใช้
โดยครั้งหนึ่งที่วิคเตอร์นั้นแกล้งเป็นพ่อค้ายาและไปหลอกแก๊งเม็กซิกันเพื่อช่วยงานเขานั้น
ฮาร์ดี้ก็ตอบแทนเขากลับด้วยเงินจำนวนมากและเดิมทีภรรยาของวิคเตอร์ก็อาศัยอยู่ที่บอสตัน
ซึ่งเธอพึ่งจะให้กำเนิดลูกน้อยเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และยังเป็นเป็นสาวน้อยที่น่ารักมาก
แต่ในตอนนี้วิคเตอร์นั้นทำงานอยู่ที่ลอสแองเจลิส เขาก็เลยพาภรรยาและลูกๆ มาอยู่ด้วยกันให้หมด…
แน่นอนเมื่อครอบครัวทั้งหมดเขาอยู่ที่นี่วิคเตอร์ก็เลยไม่ได้สร้างปัญหาอะไร
แถมฮาร์ดี้ก็ยังให้เงินจำนวนมากกับเขาอีก
…
ฮาร์ดี้ติดต่อไปหาวิคเตอร์ และวิคเตอร์ก็รีบมาที่บริษัทประมูลทันทีเมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากฮาร์ดี้
“สวัสดีครับคุณฮัน คุณฮาร์ดี้” วิคเตอร์ทักทายทั้งสองด้วยความเคารพ
“วิคเตอร์…นายอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองไหม?” ฮาร์ดี้เดินเข้าไปถามเขา
วิคเตอร์ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและพูดอย่างเชื่องช้า “ธุรกิจของผมเอง? ผมก็เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องแต่ถ้าดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน ผมคิดว่าตอนนี้มันก็ดีมากอยู่แล้ว…”
ฮาร์ดี้โบกมือ “ไม่ต้องคิดมากอะไรหรอก แค่ตอนนี้ฉันมีงานให้นายทำเลยลองถามดูว่านายอยากทำมันไหม? โดยฉันวางแผนที่จะตั้งบริษัทประมูลในฮ่องกง เพื่อรับซื้อของโบราณจำนวนมากเช่นของโบราณของจีน และก็ต้องการคนที่มีความสามารถมาสนับสนุนฉัน”
“หากนายเต็มใจที่จะรับผิดชอบงานที่นั่น ฉันจะให้เงินเดือนกับส่วนแบ่งที่ขายได้อีก 5% แล้วถ้าในอนาคตนายทำมันได้ดี ส่วนแบ่งนี้จะกลายเป็นหุ้นจริงๆ” ฮาร์ดี้กล่าว
ยังไงเพื่อให้ม้าวิ่งได้ดีคุณก็ต้องให้อาหารที่มีคุณภาพและไม่น้อยเกินไป
แน่นอนว่าฮาร์ดี้ไม่ได้เป็นคนขี้เหนียว เขานั้นเต็มใจที่จะให้สิ่งตอบแทนสำหรับคนที่ทำงานให้อยู่แล้ว
เมื่อได้ยิน
สีหน้าของวิคเตอร์ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ผมเต็มใจอยู่แล้ว! และผมก็จะทำมันให้ดีด้วย! แต่มันจะเป็นแค่ธุรกิจของโบราณแค่นั้นเหรอครับ?”
อันที่จริงธุรกิจนี้มีมากมายอยู่แล้วสำหรับฮ่องกง และในยุคนี้ฮาร์ดี้ก็ไม่ได้รู้เรื่องที่นั่นมากเท่าไหร่
ดังนั้นฮาร์ดี้จึงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ก็ลองไปดูก่อน และถ้าพบธุรกิจที่ดีกว่าการซื้อของโบราณ นายก็ค่อยส่งโทรเลขกลับมาหาฉัน เพื่อที่จะขอคำแนะนำก็ได้”
“ผมเข้าใจแล้วครับ คุณฮาร์ดี้”
วิคเตอร์นั้นเป็นคนที่ฉลาดและเขาก็รู้ดีว่าจะจัดการเรื่องที่เหลือยังไง
“ในอีกทางฉันจะให้คนของเอชดีซีเคียวริตี้ไปกับนายด้วย 8 คน พวกเขาจะเป็นบอดี้การ์ดของนายและอีกหน้าที่ก็จะเป็นคนช่วยเหลือนายทำงานนี้”
“ส่วนเมื่อได้รับของโบราณมาแล้ว นายควรหาผู้ประเมินราคามืออาชีพจากที่นั่น เมื่อถึงตอนนั้นธุรกิจก็คงจะเริ่มต้นได้แล้ว”
“แล้วฉันก็จะให้เงินนายไป 500,000 ดอลลาร์ แต่เงินจำนวน 490,000 นั้นจะอยู่ในธนาคารซิตี้แบงก์ ตอนนี้เอาไปก่อน 10,000 ดอลลาร์สำหรับค่าเดินทาง”
วิคเตอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่ฮาร์ดี้จะจำบางอย่างได้และพูดว่า “ฉันคิดว่าในอนาคตนายน่าจะซื้อของโบราณได้เยอะมาก และสิ่งของพวกนั้นก็ไม่อาจจะขนส่งได้ทันที งั้นหาโกดังเก็บของที่เหมาะสมและซื้อมันเอาไว้เก็บของพวกนั้นก่อน”
“อีกอย่างก็คือในอนาคตฮ่องกงจะมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ และที่ดินแถวนั้นก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็ให้ทำการซื้อที่ดินเก็บไว้ด้วย”
“ยังไงถ้านายมีที่…นายก็สามารถสร้างโกดังเก็บของที่ใหญ่ขึ้นได้ ส่วนถ้ามีกำลังคนไม่พอก็ส่งโทรเลขมาหาฉัน เดี๋ยวฉันส่งคนไปที่นั่นให้ ยังไงเอชดีซีเคียวริตี้ก็มีเจ้าหน้าที่อยู่มากมาย แล้วมันจะดีมากถ้าส่งไปได้ 100 หรือ 200 คนในทีเดียว เมื่อถึงตอนนั้นนายก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจที่ต่างประเทศได้แล้ว”
ฮาร์ดี้อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างในลมหายใจเดียว และวิคเตอร์ก็จดบันทึกทีละรายการ
ฮันเยจินที่อยู่ข้างๆ ก็มองไปที่ฮาร์ดี้ และก็คิดว่าชายคนนี้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับตัดสินใจได้ฉับไวจริงๆ
เพราะหลังจากเขาคิดเสร็จเขาก็ทำมันทันที
ถึงแม้เธอจะแค่พูดยกตัวอย่างออกมา แต่ภายในสองหรือสามชั่วโมงฮาร์ดี้ก็คิดทุกอย่างเหมือนจัดเตรียมไว้แล้ว
สุดท้ายฮาร์ดี้ก็หันไปมองฮันเยจิน “เธอมีอะไรอธิบายเพิ่มเติมไหม?”
ฮันเยจินส่ายหัวของเธอ “คุณได้อธิบายรายละเอียดไปหมดแล้ว และมันก็ดีที่จะให้วิคเตอร์ไปสำรวจฮ่องกงเพื่อดูสถานการณ์ก่อน ยังไงถ้ามีปัญหาอะไรเขาก็ยังติดต่อผ่านโทรเลขได้”
“เอาล่ะ วิคเตอร์นายไปหาแลนสเตอร์สำหรับเจ้าหน้าที่ที่จะไปกับนาย และไปหาแอนดี้เพื่อรับเงิน แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรบอกพวกเขาให้” ฮาร์ดี้กล่าว
วิคเตอร์บอกลาและจากไป
หลังจากวิคเตอร์ออกไป ฮาร์ดี้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาแอนดี้กับแลนสเตอร์เพื่ออธิบายเรื่องต่างๆ ที่มอบหมายให้วิคเตอร์ไป
เมื่อเสร็จแล้วเขาก็ยิ้มให้ฮันเยจิน “เรียบร้อยแล้ว และอ่า…เย็นแล้วหรือนี่ งั้นเราไปหามื้อเย็นกินกันดีไหม?”
ฮาร์ดี้พูดเสร็จก็ดึงฮันเยจินให้ตามเขาไป
เมื่อถูกจับมืออีกครั้ง ฮันเยจินก็หน้าแดงก่อนจะกระซิบว่า “ยังมีคนอื่นอยู่ในบริษัทนะ…”
“ฉันไม่ใส่ใจหรอกถ้าใครจะมอง” เขาพูดจบแล้วก็เดินออกไปจากสำนักงาน
เลขาที่อยู่ข้างหน้าเมื่อเห็นฮาร์ดี้กับฮันเยจินเดินออกมา เธอก็ลุกขึ้นก่อนจะสักเกตเห็นว่าฮาร์ดี้นั้นกำลังจับมือกับเจ้านายเธออยู่!
แต่เธอก็ผ่อนคลายลงทันที เพราะยังไงมันก็เป็นเรื่องปกติ…
…
ร้านอาหารตะวันตก
เวลานี้กำลังมีนักเปียโนที่บรรเลงเพลงอย่างไพเราะ พร้อมแสงไฟที่ฉายมาในห้องอย่างนุ่มนวล
ฮันเยจินมองไปที่ชายตรงหน้า พร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
‘เขาเป็นคนอ่อนโยน เป็นผู้นำ เป็นคนฉลาด และยังขี้เล่นอีกด้วย’
ซึ่งเธอก็คาดเดาได้ว่านักแสดงหญิงที่อยู่รอบๆ ตัวเขานั้นเป็นผู้หญิงของเขาเองและเขาก็ไม่สามารถเป็นของเธอแค่คนเดียวได้…
แถมตั้งแต่ตอนที่ได้รับความช่วยเหลือจากชายคนนี้ เขาก็ได้ทิ้งเงาไว้ในใจของเธอไปแล้ว
อันที่จริงครอบครัวของเธอก็เคยถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ แต่เธอเลี่ยงที่จะตอบไป เพราะเธอก็ชอบที่จะได้อยู่แบบนี้เหมือนกัน และของโบราณก็เป็นงานอดิเรกของเธอ
มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เธอได้ทำในสิ่งที่เธอชอบ
ดังนั้นเวลานี้…
มันก็ถือว่าดีมากแล้ว
…
หลังจากอาหารเย็นจบลงฮาร์ดี้ก็ส่งฮันเยจินกลับบ้าน โดยที่นั่นก็เป็นแค่อพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กที่ไม่หรูหราอะไร
ทั้งสองกำลังกล่าวลากันที่หน้าประตู
ซึ่งเธอที่กำลังจะเดินขึ้นไปด้านบน…ฮาร์ดี้ก็เอื้อมมือมาจับมือเธอก่อนที่เธอนั้นจะหันไปมองฮาร์ดี้…
แล้วภายใต้โคมไฟถนน…
ทั้งสองก็ค่อยๆ จูบกันก่อนจะแยกออกจากกันอย่างช้าๆ…
มันทำให้ฮันเยจินเขินอายเป็นอย่างมาก เธอเลยรีบวิ่งเข้าเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ทันที
ฮาร์ดี้ก็ยิ้มออกมาและหันหลังกลับขึ้นรถออกไป