ตอนที่ 195 กฎที่ไม่สามารถพูดได้
สหภาพสมาคมนักแสดงแห่งอเมริกานั้นก่อตั้งขึ้นในปี 1933 และถูกเรียกสั้นๆ ว่า SAG-AFTRA มันดำเนินการมายาวนาน 14 ปี โดยมีสมาชิกมากกว่า 40000 คน
ในอนาคตทรัมป์ก็ได้เข้าร่วมสมาคมนี้ด้วย
ซึ่งในสหรัฐอเมริกาสหภาพแรงงานนั้นเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาสังคมเกือบทั้งหมด และมีสถานะทางสังคมที่สำคัญมากพร้อมกับมีสิทธิ์เลือกอะไรมากมาย
แม้แต่ประธานาธิบดีและสมาชิกสภาคองเกรสระดับสูงก็ยังมีความกลัวต่อสหภาพแรงงาน
เพราะสหภาพแรงงานมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกเจ้าหน้าที่อาวุโส หรือถ้าใครก็ตามที่อยากจะเป็นสมาชิกสภากับประธานาธิบดีพวกเขาจะต้องได้รับการสนับสนุนจากสหภาพแรงงาน พร้อมกับต้องใช้ผลประโยชน์ทุกอย่างปกป้องสหภาพด้วย
สหภาพแรงงานยังมีความสามารถในการระดมเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้ง
ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี เสียงส่วนใหญ่อาจมาจากสหภาพและเงินทุนที่อัดฉีดเข้าไปช่วยเหลือ
เรียกง่ายๆ ว่าหนึ่งในสามของเงินทุนนั้นได้รับการสนับสนุนจากสหภาพแรงงาน
ที่จุดสูงสุดของสหภาพแรงงานนั้นจะมีประชาชนของสหรัฐอเมริกาอยู่ถึง 34% โดยส่วนใหญ่พวกเขาจะเป็นเสาหลักของครอบครัว และเมื่อเรามองจุดนี้คุณก็คงนึกออกว่าสหภาพนั้นทรงพลังแค่ไหน
โดยฮาร์ดี้ก็รู้มาว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของดีทรอยต์ที่รุ่งโรจน์นั้นถูกทำลายโดย ‘สหภาพแรงงานของอเมริกา’ และมันก็เป็นสหภาพที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐด้วย
โดยเมื่อจุดสูงสุดสหภาพก็มีจำนวนคนถึง 1.5 ล้านคน และคุณก็คงสงสัยว่าการมีอยู่ของมันมีไว้เพื่ออะไรใช่ไหม?
มันก็เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตนและต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
แน่นอนว่ามันไม่ใช่องค์กรการกุศล ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมสหภาพนั้นจะต้องจ่ายค่าสมาชิกประมาณ 5% ของรายได้
พอสหภาพได้เงินมาแล้วพวกเขาก็จะไปเจรจากับบริษัทเพื่อขอสวัสดิการให้ แล้วถ้าบริษัทนั้นไม่ให้ พวกเขาก็จะทำการนัดหยุดงานและทำให้บริษัทของคุณไม่สามารถเปิดทำการได้
ยังไงการนัดหยุดงานก็ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อทุกธุรกิจอยู่แล้ว
ส่วนธุรกิจที่มีคนงานก็จะได้รับผลกำไรและยังสามารถดำเนินงานต่อไปได้
แน่นอนว่าเมื่อขออะไรได้อย่างหนึ่งพวกเขาก็จะไม่หยุดแค่นี้ และเพื่อแสดงพลังของสหภาพผู้นำจะร้องขอเป็นประจำทุกปีหรือทุกๆ สองสามปี
โดยอาจจะขอให้เพิ่มสวัสดิการ ลดชั่วโมงการทำงาน เพิ่มค่าจ้าง กับเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ จนสุดท้ายธุรกิจบางอย่างก็อาจจะไปต่อไม่ได้ ซึ่งบางคนก็เลือกที่จะอพยพหรือปิดตัวลงไปมากกว่า
ก่อนหน้านี้หลายคนพูดติดตลกว่าความล้มเหลวของธุรกิจเกิดจากค่าเช่าที่ของเจ้าบ้านที่สูงเกินไป และความล้มเหลวของธุรกิจในสหรัฐอเมริกาก็มาจากสหภาพแรงงาน
ซึ่งความจริงธุรกิจส่วนใหญ่ของสหรัฐก็ล้มเหลวเพราะสหภาพแรงงานจริงๆ
ดูดีทรอยต์สิ ทั้งๆ ที่เป็นเมืองหลวงของรถยนต์ แต่เมื่อโดนสหภาพแรงงานปิดกั้น ชิ้นส่วนหรืออะไหล่จำนวนมากก็หาไม่ได้
เลยเป็นเหตุให้พวกเขาต้องปิดตัวลง
และแม้แต่บริษัทระดับโลกเช่น ฟอร์ด เจเนรอล มอเตอร์และไครสเลอร์ก็ยังต้องถอยออกไปเช่นกัน
แถมในท้ายที่สุดไครสเลอร์ก็ประกาศล้มละลายตามมาด้วย…
ส่วนผลที่ตามมาอีกอันก็คือคนงานจำนวนมากถูกเลิกจ้างและกลายเป็นคนว่างงาน
แล้วทำไมงั้นเหรอ?
ก็เพราะเงินเดือนสูงๆ กับค่าบำนาญสูงๆ นี่ยังไงละ
แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดการอพยพของฐานผลิตในสหรัฐอเมริกาก็เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและอุตสาหกรรมไฮเทคกับการบริการที่เปลี่ยนไป
ส่วนอีกเหตุผลก็คือค่าจ้างและผลประโยชน์ของลูกจ้างที่สูงเกินไปจนองค์กรต่างๆ อยู่ไม่ได้
โดยสหภาพแรงงานก็เปรียบเสมือนทุ่นระเบิด ซึ่งมันก็อาจระเบิดได้ตลอดเวลาจนธุรกิจต่างๆ ต้องย้ายออกไป
และหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ก็ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตแทน
เนื่องด้วยเหตุผลเหล่านี้ปี 1970 สหรัฐก็เปลี่ยนไปพึ่งพาการนำเข้าจนทำให้อุตสาหกรรมการผลิตในประเทศลดลง
แน่นอนว่าในสหรัฐอเมริกานั้นมีสหภาพแรงงานหลายร้อยแห่งและยังมีหลายประเภทอีกด้วย ซึ่งสหภาพแรงงานนักแสดงก็มีอยู่หลายแห่งเหมือนกัน
แม้ว่าจำนวนคนจะน้อยแต่เมื่อครั้งหนึ่งมีการนัดหยุดงานเป็นเวลาครึ่งปี มันก็เคยทำให้ฮอลลีวูดเสียหายครั้งใหญ่เหมือนกัน
จึงถือได้ว่าสหภาพเป็นเหมือนมีดที่มีทั้งด้านดีและไม่ดี โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือดูว่าใครถือมีด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหภาพแรงงานในปัจจุบันหลายแห่งนั้นมีความเชื่อมโยงกับแก๊งอันธพาล เรย์มอนด์เป็นหัวหน้าแก๊งชาวไอริช ครอบครัวของเขาอยู่ที่ดีทรอยท์ ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยเฮนรี่สหภาพแรงงานของอเมริกาก็อยู่ที่นั่น และอยู่ภายใต้การควบคุมของเรย์มอนด์
ส่วนสหภาพแรงงานของอเมริกาปัจจุบันก็คือจิมมี่ ฮอฟฟาและฮาร์ดี้ก็นึกถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งคือ ‘คนใหญ่ไอริช’
…
ฮาร์ดี้ก้าวขึ้นไปบนเวทีเพื่อที่จะเตรียมบันทึกรายการ
เขามองไปที่แขกรับเชิญรอบๆ และก็เห็น เอวาการ์ดเนอร์ เอลิซาเบธเทย์เลอร์ ไฮดี้รามา จูดี้การ์แลนด์ แครี่แกรนท์ จีนเคลลี อีสต์วุด แคทารีนเฮปเบิร์น คลาร์กเกเบิล โจนครอว์ฟอร์ด เชอร์ลี่ย์เทมเปิล ทั้งหมดยืนอยู่ตรงด้านหน้าเวที
ซึ่งพวกเขาทั้งหมดกำลังมองมาที่ฮาร์ดี้ เพราะมันมีไม่กี่คนในฮอลลีวูดที่สามารถเชิญคนเหล่านี้มาได้และฮาร์ดี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
สักพักเอเลนก็ออกมาพร้อมกับชุดเดรสอันสวยงามที่เน้นขับความสูงกับส่วนโค้งของเธอจนไม่แพ้ดาราดังๆ เลย
เธอมองไปที่ฮาร์ดี้ด้วยรอยยิ้มและพูดใส่ไมโครโฟนว่า “ฉันทำรายการมามากมายและสัมภาษณ์ดาราใหญ่ จนถึงสมาชิกสภาคองเกรส ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง และนักวิทยาศาสตร์หลายสิบคนมาก็เยอะ แต่วันนี้ทำไมฉันถึงรู้สึกประหม่ากันละ?”
“หรือเป็นเพราะฉันไม่คิดว่าจะได้สัมภาษณ์เจ้านายของตัวเอง แล้วเจ้านายค่ะ ถ้าฉันพูดอะไรผิดไปเจ้านายจะหักเงินเดือนฉันไหม?”
เมื่อได้ฟังก็มีเสียงหัวเราะจากผู้ชมขึ้นมาเล็กน้อย
และการสัมภาษณ์ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
เอเลนถามคำถามอยู่สองสามข้อ ก่อนที่ฮาร์ดี้จะตอบอย่างเป็นกันเองและก็มีความเกี่ยวข้องกัน
“คุณฮาร์ดี้ค่ะ ฉันได้ยินมาว่าคุณได้ลงสมัครแย่งชิงเก้าอี้ของประธานสหภาพนักแสดงใช่ไหม? งั้นขอถามหน่อยถ้าคุณได้เป็นประธานแล้วคุณจะเปลี่ยนแปลงอะไรกับสหภาพบ้างคะ?” อิริน่าถาม
ฮาร์ดี้ยิ้มและพูดว่า “สำหรับนักแสดง สหภาพนักแสดงเปรียบเสมือนพ่อแม่ของพวกเขา หากคุณถูกรังแกหรือไม่พอใจอะไร คุณก็สามารถกลับมาหาพ่อแม่ที่อยู่ตรงนี้และเราก็ช่วยคุณเอง”
“เวลานี้สหภาพแรงงานได้กำหนดรายได้ของนักแสดงเอาไว้จนทำให้ผู้ผลิตบางรายไม่สามารถขอลดราคาตามงานได้ แถมยังมีการกำหนดเวลาทำงานไว้ด้วย มันเลยทำให้นักแสดงบางคนมีเวลาพักผ่อนได้แค่สองหรือสามชั่วโมงต่อวัน และทั้งเดือนก็ไม่มีวันหยุดอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน”
“อีกอย่างก็คือการปรับปรุงมาตรฐานเกี่ยวกับอาหารและสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยนักแสดงบางคนอาจจะต้องซื้อประกันกับบริษัทภาพยนตร์เมื่อพวกเขาต้องเข้าฉากอันตรายเช่น นักแสดงผาดโผนและนักแสดงที่ต้องอยู่กับระเบิด”
“นอกจากนี้หากนักแสดงเซ็นสัญญากับอีกฝ่ายจนหมดอายุสัญญาแล้วยังไม่ได้รับเงินเดือน ก็ให้มาสหภาพเพื่อที่จะไปกดดันผู้ผลิตเหล่านั้นสำหรับขอเงินคืน”
เอเลนกะพริบตาโตและถามว่า “คุณฮาร์ดี้ คุณก็เป็นเจ้าของบริษัทภาพยนตร์และบริษัทออกอากาศไม่ใช่เหรอ? แล้วสิ่งที่คุณพูดวันนี้จะเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของคุณหรือไม่?”
ฮาร์ดี้ส่ายหัว
“สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไปคือสิทธิ์ทั้งหมดที่นักแสดงควรได้รับ ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทที่หักเงินจากนักแสดงเพื่อทำกำไร แสดงว่าเขาก็ไม่ใช่เจ้านายที่ดีและบริษัทแบบนั้นก็จะไม่มีวันเติบโตหรอก”
“งั้นเจ้านายค่ะ ฉันขอขึ้นเงินเดือนเลยได้ไหม?” เอเลนถามด้วยรอยยิ้ม
ฮาร์ดี้หัวเราะ “ฮ่าๆ แน่นอนตราบใดที่มันอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม แต่บริษัทภาพยนตร์ บริษัทออกอากาศหรือบริษัทนิตยสารและบริษัททั้งหมดของฉันส่วนใหญ่ก็ได้รับเงินที่สูงกว่ารัฐบาลกำหนดอยู่แล้ว”
เอเลนพยักหน้า “มันก็จริง สวัสดิการของพนักงานฮาร์ดี้นั้นดีมากอยู่แล้ว งั้นมีอะไรอีกไหมคะที่คุณฮาร์ดี้ต้องการเปลี่ยนแปลง?”
“แน่นอนว่ายังไม่หมด และสหภาพแรงงานยังให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่นักแสดงหรือช่วยหางานให้กับนักแสดงด้วยเหมือนกัน”
“สุดท้าย”
ใบหน้าของฮาร์ดี้ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“สิ่งหนึ่งที่ฉันต้องการจะเน้นก็คือ ‘กฎที่ไม่สามารถพูดได้’ จะต้องถูกแบนในฮอลลีวูด”
////*Unspoken Rules แปลไม่ออกจริงๆ แต่ความหมายแนวๆ นี้*
เหล่านักแสดงที่อยู่รอบๆ ของเวทีต่างตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าฮาร์ดี้จะพูดถึงหัวข้อที่ละเอียดอ่อนนี้
แต่มันต้องบอกก่อนว่า ‘กฎที่ไม่สามารถพูดได้’ ของนักแสดงนั้นเป็นเรื่องที่ดาราฮอลลีวูดเกือบทุกคนได้พบเจอมาแล้ว
ไม่ว่าคนคนนั้นจะใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม
หัวข้อนี้ก็เป็นข้อห้ามอย่างยิ่งและไม่มีใครกล้าเอามาเปิดประเด็นเลยสักคน
แล้วมันจะนับประสาอะไรกับการที่เอาออกพูดในสาณารณะเช่นนี้?
…
ซึ่งปกติหญิงสาวหลายคนที่ต้องการจะมีชื่อเสียงหรือมีโอกาสออกหน้ากล้อง พวกเธอนั้นจะต้องนอนกับผู้ชายนับไม่ถ้วน เช่น ผู้ช่วยผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ ผู้บริหารหรือนักลงทุนที่ร่ำรวยต่างๆ
มันจึงเป็นเหตุให้ดาราหญิงหลายคนเป็นของเล่นของเหล่าผู้ชายพวกนี้
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผู้หญิง
มันยังมีดาราชายหลายคนที่ไม่มีความต้านทานเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จะเป็นเหมือนกับเหล่าหญิงสาวจำนวนมาก
‘กฎที่ไม่สามารถพูดได้’ ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นหัวข้อต้องห้าม เพราะไม่ว่าจะเป็นคนวงในหรือคนนอกพวกเขาต่างก็รู้เรื่องนี้ แต่ไม่มีใครกล้าออกมาพูดจริงๆ
ดังนั้นเมื่อฮาร์ดี้พูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้เหล่านักแสดงต่างก็ตกใจ
พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครกล้าลุกขึ้นมาจัดการเรื่องนี้โดยตรง และถึงกับบอกว่าจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
แต่เมื่อพวกเขามองไปที่ชายผู้นั่งอยู่บนเวที พวกเขาก็รู้สึกเหมือนว่ามันอาจเป็นไปได้จริงๆ
ผู้คนรู้ว่าฮาร์ดี้คือใคร และก็รู้ว่าเขานั้นมีพลังแค่ไหน
แม้ว่าเขาจะทำให้ทั้งฮอลลีวูดขุ่นเคือง เขาก็ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว
กล่าวอีกนัยก็คือไม่มีใครในฮอลลีวูดกล้าที่จะรุกรานเขา
แน่นอว่าหัวข้อแบบนี้มีแต่เขาเท่านั้นที่กล้าพูด
จู่ๆ นักแสดงหลายคนก็มีความคิดเกิดขึ้นในใจ
เพราะถ้าฮาร์ดี้ได้เป็นประธานของสหภาพนักแสดงจริงๆ เขาก็อาจจะเปลี่ยนสถานการณ์อันน่าเกลียดพวกนี้ให้หมดไปได้
ถึงแม้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด แต่ก็จะทำให้บางคนมีความยับยั้งชั่งใจมากขึ้นและอาจจะไร้ยางอายน้อยลงหรือบางทีหลายคนอาจได้รับการช่วยเหลือเพราะเรื่องนี้
ฮาร์ดี้พูดต่ออีก
“หากมีใครร้องขอมีเพศสัมพันธ์กับคุณสำหรับโอกาสการได้สัมภาษณ์ โปรดบอกปฏิเสธเขาและให้มาบอกกับสหภาพ โดยสหภาพจะไปทำให้คนเหล่านั้นทุกข์ทรมานเอง”
“ถ้าเจ้านายของคุณโทรมาและบอกให้คุณไปดื่มหรือนอนกับเขา ให้ปฏิเสธเขาไปและกลับมาบอกสหภาพ ซึ่งสหภาพจะไปสอบสวนเรื่องนี้กับพวกเขาอีกที”
“หากคุณถูกทารุณ ถูกทำร้ายหรือถูกกดขี่ก็ให้มาบอกสหภาพ พวกเราจะทำให้เขาต้องจ่ายค่าปรับจำนวนมากเอง”
“ฉันไม่ใช่ผู้พิทักษ์ แต่ฉันก็หวังว่าฮอลลีวูดจะดีขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับที่นี่ ซึ่งนี่คืออุดมคติที่เรียบง่ายที่สุดของทอมฮาร์ดี้”
ว้าว!!
แปะๆๆๆ
หลังจาก ฮาร์ดี้พูดจบคนดังกว่าร้อยคนในกลุ่มผู้ชมทั้งหมดลุกขึ้นยืนและปรบมืออย่างแรง
นับตั้งแต่รายการอิริน่าทูไนท์โชว์เริ่มฉาย มันไม่เคยมีแขกคนใดได้รับเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นเช่นนี้เลยและเสียงปรบมือวันนี้ก็ยาวนานถึงห้าหรือหกนาทีด้วย
ต้องบอกว่าคำพูดของฮาร์ดี้นั้นเข้าถึงจิตใจของดารานักแสดงเหล่านี้
เพราะยังไงผู้คนที่นี่ก็ตระหนักดีถึงความสกปรกในวงการบันเทิงมากที่สุด และหลายคนก็เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้บนเส้นทางบันเทิงอันน่ากลัวนี้มาแล้ว
แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่สามารถหลบหนีมันได้
ฮาร์ดี้ยืนขึ้นและขอบคุณ
เอเลนยังลุกขึ้นยืนมองไปที่ชายที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับคิดว่าแม้บอสของเธอนั้นจะนอนกับผู้หญิงหลายคน
แต่เขาก็ไม่เคยทำเรื่องสกปรกกับพวกเธอ เขาดูแลผู้หญิงทุกคนเป็นอย่างดีเสียด้วยซ้ำ
และบุคคลแบบนี้สิถือเป็นผู้ชายที่จะโด่งดังในฮอลลีวูด
ต้องบอกเลยว่าเธอโชคดีจริงๆ ที่ได้พบกับเขา
เมื่อไม่นานมานี้รองประธานและพิธีกรของสถานีโทรทัศน์เอนบีซีก็มีปัญหาเรื่องนี้
โดยพิธีกรหญิงเต็มใจที่จะหลับนอนกับรองประธานเพียงเพราะอยากได้รายการเป็นของตัวเอง
ในขณะเดียวกันเธอก็ชื่นชมชายคนนี้มากขึ้น เพราะเขานั้นกล้าออกมาท้าทายอำนาจมืดของฮอลลีวูด
คิดดูว่ามันต้องใช้ความกล้าหาญมากแค่ไหนกัน?
+1