ตอนที่ 194 ผู้ช่วยที่เคยเป็นประธานาธิบดี
ก่อนที่ทอมจะมาที่นี่เจ้าพ่อมาเฟียก็กำชับทอมไว้ว่า ‘ไม่ว่าฮาร์ดี้จะตัดสินใจอะไร ทอมต้องสนับสนุนฮาร์ดี้ทุกอย่าง’ เขาเลยเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นเพื่อยอมรับเงื่อนไขของฮาร์ดี้
ก่อนที่ผู้อาวุโสสูงสุดของครอบครัวลุคเชเซจะลุกยืนขึ้นตาม “ฮาร์ดี้ ฉันยินดีที่จะซื้อหุ้น 5% กับร่วมสัญญาด้วยเหมือนกัน”
เขานั้นคิดมาล่วงหน้าแล้วว่ายังไงฮาร์ดี้ก็สามารถทำเงินได้ เพราะเขาได้ปรึกษานักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มาเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของเขาก็ได้บอกเกี่ยวกับการดำเนินงานทั้งหมดของฮาร์ดี้นั้นเหมือนมีมนต์ขลัง…
คิดดูว่าเวลาแค่สองปีฮาร์ดี้ถึงกลับทำเงินได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันก็ยังได้ครอบครองสถานีโทรทัศน์เอบีซีที่มีชื่อเสียงอันทรงพลังอีก
แน่นอนว่าเขานั้นนับถือและชื่นชมความสามารถของฮาร์ดี้ด้านการลงทุนเป็นอย่างมาก
เขาเชื่อว่าฮาร์ดี้จะทำเงินกับมันได้ ดังนั้นเขาจึงตกลงร่วมสัญญาทันที
หลังจากนั้นไม่นานหลายครอบครัวก็แสดงความเต็มใจที่จะซื้อ แต่ก็มีอีกสิบครอบครัวที่ยังลังเลใจอยู่
โดยพวกเขาทั้งหมดตัดสินใจที่จะกลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี่ก่อน และต้องกลับไปดูว่าพวกเขานั้นสามารถซื้อได้เท่าไหร่
เพราะท้ายที่สุดก็ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่มีเงินสดอยู่ในมือ
ฮาร์ดี้ก็ไม่ได้รีบร้อนและพาคนเหล่านี้ไปที่ร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหาร
…
ในช่วงบ่ายผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนก็มาพบฮาร์ดี้
พวกเขาทั้งหมดคือครอบครัวมาเฟียเล็กๆ และซื้อหุ้นแค่ 4% 3% ซึ่งมีครอบครัวหนึ่งที่ซื้อแค่ 2% เท่านั้น
มันเผยให้เห็นว่าบางครอบครัวนั้นก็ไม่ใช่จะมีเงินหนากันทุกคน
แน่นอนว่ามีอีกหลายครอบครัวที่ไม่กลับมาหาฮาร์ดี้
ฮาร์ดี้ก็ไม่รู้ว่าพวกเขานั้นไม่มีเงินหรือเป็นคนของบาซินี่ที่มาตรวจสอบสถานการณ์
แต่ฮาร์ดี้ก็ไม่สนใจหรอก
เพราะเมื่อคำนวณแล้วเวลานี้คาสิโนได้ขายหุ้นไปทั้งหมด 56%
มันเป็นจำนวนที่เขาพอใจกับมัน
ถ้าหากเขาขายหุ้นมากเกินไป เขาก็จะได้ครอบครองหุ้นน้อยเกินไปและรายได้ก็จะน้อยลงเมื่อคาสิโนเปิดให้บริการ
ซึ่งฮาร์ดี้ก็ปล่อยหุ้นอีก 10% ให้บริษัทแอลเอและอีก 34% นั้นเขาเป็นเจ้าของเอง
มันเลยเท่ากับว่าเวลานี้เขาถือหุ้น 34% และมีอำนาจในการยับยั้งการออกเสียง
โดยตอนนี้จะมีข้อตกลงยับยั้งในการออกเสียงควบคุมอยู่ ทำให้ฮาร์ดี้ไม่ต้องกลัวการก่อกบฏของผู้ถือหุ้น และด้วยข้อตกลงสิทธิ์ในการบริหารแม้ว่าเขาจะมีหุ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เขาก็สามารถควบคุมบริษัทได้อย่างสมบูรณ์
เวลานี้สิ่งต่างได้ๆ สรุปออกมาแล้ว
ฮาร์ดี้ได้ลงนามในข้อตกลงกับพวกมาเฟียที่โรงแรม
ทำให้เวลานี้โครงการที่มีการลงทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ส่วนเงินที่จะเอาไปลงทุนต่างๆ….
ครอบครัวมาเฟียเหล่านี้ต้องกลับไปเอาเอกสารต่างๆ ก่อน และพวกเขาจะทำการส่งกลับมาให้ในเวลาหนึ่งหรือสองเดือนก่อนเริ่มดำเนินการ ซึ่งฮาร์ดี้บอกกับพวกเขาว่าโรงแรมเวเนเชี่ยนจะจัดตั้งทีมบริหารงานก่อสร้างขึ้นมา และจะมีหน้าที่รายงานสถานการณ์ก่อสร้างรายละเอียดการใช้เงินให้กับผู้ถือหุ้นทุกครั้ง
เมื่อได้ยินคำพูดของฮาร์ดี้ ผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านี้ก็โล่งใจกันแล้ว…
เพราะพวกเขานั้นกลัวจริงๆ ว่าฮาร์ดี้จะเป็นเหมือนซีเกลที่ใช้จ่ายเงินมากเกินไปจนเงินของพวกเขานั้นละลายหายไปอย่างสูญเปล่า
เมื่อเสร็จสิ้นกันแล้วครอบครัวมาเฟียและผู้อาวุโสสูงสุดก็จากไปทีละคน และฮาร์ดี้ก็ยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ข้อตกลง
เวลานี้ครอบครัวมาเฟียได้ขึ้นเรือของเขาแล้ว และจากนี้ไปกองกำลังมาเฟียจะไม่เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเขาอีก
ซึ่งหลังจากส่งคนเหล่านี้ออกไปแล้วฮาร์ดี้ก็กลับไปที่ลอสแองเจลิสทันที
ส่วนเหตุผลที่เขารีบกลับมานั้นก็เพราะเขานั้นมีข้อตกลงที่ต้องทำอยู่
เมื่อตอนที่เขานั้นทำข้อตกลงกับเมเยอร์…ฮาร์ดี้ก็ขออะไรหนึ่งอย่างไปนั้นก็คือเมเยอร์ต้องรับปากกับเขาว่าจะทำให้เขาเป็นประธานของสหภาพนักแสดง ซึ่งเมเยอร์นั้นก็ตอบตกลง
ตอนนี้การเลือกตั้งประธานสหภาพกำลังใกล้เข้ามาแล้ว โดยผู้สมัครหลายคนก็เริ่มลงสมัครรับเลือกตั้งและออกโปรโมทตัวเอง แต่ฮาร์ดี้นั้นยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ
สหภาพนักแสดงในปัจจุบันนั้นมีคนลงทะเบียนประมาณ 40,000 คน โดยทั้งหมดจะประกอบไปด้วย นักแสดง นักข่าว ดาราวิทยุ นักร้องและผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ
แน่นอนว่าอย่าประมาทตัวเลขแค่นี้ เพราะแม้ส่วนใหญ่จะเป็นแค่นักแสดงธรรมดาหรือนักแสดงสมทบ แต่ในจำนวนนี้ก็มีดาราดังใหญ่ๆ รวมอยู่ด้วย
แถมการพูดของพวกเขานั้นก็แข็งแกร่งอย่างมาก
โดยบางครั้งในการเลือกตั้งประธานเพียงแค่ดาราดังบอกกับเอฟซีทั้งหลายว่าให้สนับสนุนตัวเขา แค่นั้นมันก็ทำให้คะแนนโหวตเพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักข่าวและนักจัดรายการวิทยุที่น่ากลัวเหมือนกัน เพราะอิทธิพลของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา
โดยปากกานั้นเขียนคนให้ตายได้และคนดังก็สามารถพูดให้คนคนนั้นตายได้
มันจึงเป็นเหตุผลหลักที่ฮาร์ดี้ต้องการเป็นประธานของสหภาพนักแสดง และการได้เป็นประธานมันก็เทียบเท่ากับได้ควบคุมกองกำลังที่ทรงพลังแล้ว
…
หลังจากที่ฮาร์ดี้กลับมาที่ลอสแองเจลิส เขาได้รับโทรศัพท์จากเมเยอร์ทันที “ฮาร์ดี้ ฉันได้ยินมาว่านายและคนอื่นๆ ก่อตั้งคาสิโนแห่งใหม่ด้วยเงินลงทุน 100 ล้านดอลลาร์เหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“แต่นายไม่ได้บอกว่าจะสร้างคาสิโนแห่งใหม่เฉพาะกับเราเหรอ?” เมเยอร์ถามด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ฮ่าๆ นี่มันไม่เกี่ยวกันหรอก ตอนนี้คาสิโนใหม่ของเรากำลังสร้างอยู่ และผมก็กำลังรอข่าวจากคุณด้วยเหมือนกัน” ฮาร์ดี้กล่าว
“มันไม่เกี่ยวกันงั้นเหรอ? นายคิดใหม่สิ ลองคิดดูว่าคาสิโนที่นายจะสร้างอีกที่นั้นลงทุนถึง 100 ล้านดอลลาร์ และหลังจากคาสิโนนั้นสร้างเสร็จ มันก็จะถือว่าเป็นศัตรูของเราอยู่ดี” เมเยอร์ถาม
“คุณเมเยอร์ ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่าลาสเวกัสนั้นเป็นเหมืองทอง และแค่คนคนเดียวนั้นไม่มีวันขุดมันได้หมด แน่นอนถ้าเรายิ่งสร้างเหมืองทองนี้ให้ดีขึ้นเท่าไหร่ มันก็เท่ากับว่าเราจะสร้างนักท่องเที่ยวได้เยอะขึ้นตาม”
“แล้วคุณรู้ผลกระทบของคลัสเตอร์หรือไม่? หากเรายิ่งสร้างคาสิโนในอนาคตคนที่อยากเล่นคาสิโน พวกเขาจะต้องคิดถึงลาสเวกัสเป็นสถานที่แรกมากกว่าที่อื่นๆ”
“แล้วผมจะบอกคุณอีกเรื่อง…ถึงแม้เราจะสร้างอีก 10 คาสิโนในลาสเวกัส มันก็จะไม่มีวันอิ่มตัวหรอก เพราะยังไงนักท่องเที่ยวก็ต้องการคาสิโนใหม่ๆ และทั้งหมดที่เหลือก็คือวิธีการดึงดูดพวกเขา มันก็เหมือนกับการชักชวนให้มาชมภาพยนตร์ เพราะหลังจากเราถ่ายทำเสร็จ เราก็ต้องไปประชาสัมพันธ์ก่อนที่ภาพยนตร์จะออกฉาย”
“แต่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมต้องการสร้างคาสิโนแห่งใหม่นี้” เสียงของฮาร์ดี้เริ่มจริงจังขึ้น
“อะไรเหรอ?” เมเยอร์ถามอย่างสงสัย
“หุ้นส่วนที่ผมทำงานด้วยในครั้งนี้ล้วนเป็นครอบครัวมาเฟียทั้งหมด 15 ครอบครัว และสามารถคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการมาเฟียได้เลย โดยแต่เดิมพวกเขาก็มีคาสิโนในลาสเวกัสอยู่แล้ว แต่มันก็มีขนาดค่อนข้างเล็กเทียบเคียงได้กับคาสิโนในโลกใต้ดินของลอสแอนเจลิส” “
“แน่นอนจากเปิดตัวของฮาร์ดี้โฮเทล นักท่องเที่ยวทั้งหมดก็ถูกดึงดูดโดยตรง เลยเป็นเหตุทำให้มีคนไปที่คาสิโนของพวกเขาน้อยลง ครอบครัวมาเฟียเหล่านี้จึงเริ่มมีความเกลียดชังในคาสิโนของผม และถ้าจะพูดตรงๆ ตอนผมอยู่ในลาสเวกัสพวกเขาก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรฮาร์ดี้โฮเทลหรอก แต่ถ้าผมสร้างคาสิโนแห่งใหม่ขึ้นมา คุณคิดว่าพวกเขาจะทนมันได้อีกเหรอ?”
เมเยอร์รู้ทันทีว่าเหตุการณ์นั้นเลวร้ายสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ
แน่นอนว่าพวกเขานั้นมีเงิน แต่สำหรับมาเฟียนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้
และถ้าไม่ใช่เพราะฮาร์ดี้
เขาก็คงไม่มีส่วนร่วมการลงทุนในลาสเวกัส
โดยลาสเวกัสในทศวรรษที่ 1960 และ 1970 นั้นมาเฟียจะเป็นคนควบคุมคาสิโนที่นี่ทั้งหมด
ต่อมาประธานาธิบดีเคนเนดี้ก็เริ่มกวาดล้างมาเฟีย และหลังจากทำการปราบปรามไปหลายครั้ง มาเฟียก็ค่อยๆ ตกต่ำลง ทำให้วอลล์สตรีทกับนายทุนใหญ่บางคนเริ่มไปตั้งคาสิโนกับโรงแรมที่ลาสเวกัสมากขึ้น
แน่นอนว่าก่อนที่มาเฟียจะล่มสลาย วอลล์สตรีทและนายทุนนั้นไม่สามารถเข้ามาลงทุนได้เลย
โดยวอลล์สตรีทนั้นไม่ได้มีคนมีอำนาจมากเท่าไร
มันเลยจะเห็นได้ว่า
มาเฟียในช่วงนั้นเป็นกองกำลังที่น่าเกรงขามจริงๆ และบอสใหญ่ของวอลล์สตรีทนั้นก็ไม่ได้เป็นคนอมตะ
เขาก็เป็นคนรวยที่กลัวความตาย หากพวกเขากล้าที่จะเล่นงานมาเฟีย พวกเขาก็จะเล่นแรงกลับมายิ่งกว่า
บางทีเมื่อคุณอยู่ในรถมันก็อาจจะเกิดระเบิดขึ้นมาก็ได้ หรือบ้านที่คุณอาศัยอาจจะระเบิดหายไปในยามค่ำคืน
แม้แต่ตอนที่คุณจะสูบซิการ์มันก็อาจจะระเบิดใส่หน้าคุณ
แน่นอนว่าฮาร์ดี้รู้ว่ามาเฟียจะตกต่ำลง…
ซึ่งเขานั้นรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรและพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสีขาวตั้งแต่แรกๆ
มันจึงมีแค่เขาคนเดียวที่คุณจะหาอะไรไม่พบ…
ถึงจะมีคนรู้ว่าเขานั้นเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาล แต่สิ่งที่พูดมานั้นมีหลักฐานหรือเปล่าล่ะ?
แล้วถ้าพูดโดยไม่มีหลักฐานก็ระวังตัวเองไว้ให้ดีๆ
ตราบใดที่ในอนาคตเขาแข็งแกร่งจนมีอำนาจเทียบเท่ากับสมาคมภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ทั้งแปดแล้ว
นักการเมืองก็ไม่กล้าแตะต้องเขา และใครละจะสนใจประวัติของครอบครัวคุณ
แถมธุรกิจทั้งหมดที่เขามีก็เป็นธุรกิจสะอาด
เอชดีซีเคียวริตี้
สถานีโทรทัศน์เอบีซี
สถานีโทรทัศน์โกลบอลไทมส์
ทั้งหมดนี่คือป้อมปราการที่ฮาร์ดี้สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
แถมด้วยเงิน อำนาจทางทหาร และสิทธิ์ในการพูดออกสื่อ เมื่อสามสิ่งนี้อยู่ในมือแม้แต่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาก็ไม่กล้าแตะต้องเขาได้ง่ายๆ
…
เมื่อฮาร์ดี้เปิดเผยความสัมพันธ์กับเหล่ามาเฟีย…
เมเยอร์ก็ตระหนักถึงปัญหาทันที เพราะหากครอบครัวมาเฟียเหล่านี้รีบร้อนและรวมตัวกันเพื่อจัดการกับพวกเขา
มันก็ไม่มีใครรู้ว่าคาสิโนของเขาจะสร้างสำเร็จหรือไม่ และก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำเงินเลย
แถมเมื่อตอนกำลังสร้างมันก็อาจจะเกิดระเบิดขึ้นจนทุกสิ่งหายวับไปกับตา และเงินลงทุนของเขาก็จะลอยไปด้วยเหมือนกัน
“แล้วการที่ผมสร้างคาสิโนหรูแห่งใหม่ร่วมกันกับพวกเขา มันก็เพื่อนำพวกเขามารวมกันเพื่อสร้างรายได้พร้อมกับช่วยขจัดวิกฤตและการขยายอิทธิมาเฟียในลาสเวกัส พูดถึงตรงนี้คุณยังคิดว่าการตัดสินใจผมผิดหรือไม่?” ฮาร์ดี้ถาม
“ไม่ๆ ฉันคิดว่าสิ่งที่นายทำนั้นถูกต้องแล้ว” เมเยอร์พูดทันที
เมเยอร์ตระหนักดีถึงวิธีการและอำนาจของครอบครัวมาเฟียเหล่านี้ และเขารู้สึกว่าฮาร์ดี้กำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้ว
“แล้วการลงทุนของเรายังคงดำเนินต่อไปหรือไม่?” เมเยอร์ถาม
“แน่นอนว่ามันยังมีการลงทุนอยู่และผมก็เตรียมที่ไว้แล้ว” ฮาร์ดี้กล่าว
โดยเวลานี้ฮาร์ดี้ได้ซื้อที่ดินจำนวนมากในลาสเวกัสไว้
หลังจากการเข้าซื้อกิจการเป็นเวลาหลายเดือนเขาก็มีที่ดินมากกว่า 20,000 เอเคอร์อยู่ในมือ
แน่นอนว่าหลังจากฮาร์ดี้โฮเทลโด่งดัง ราคาที่ดินของลาสเวกัสก็เป็นที่สนใจและราคาก็พุ่งขึ้นสูงเช่นกัน
ซึ่งที่ดิน 100 เอเคอร์สำหรับสร้างเดอะเวเนเชี่ยนนั้นเขาจะซื้อจากมือของตัวเอง
แล้วราคานะเหรอ?
มันจะไม่ถูกอย่างแน่นอน
สำหรับโรงแรมที่ร่วมมือกับเมเยอร์นั้นก็เป็นที่ดินที่ซื้อมาจากบริษัทของเขาเองเหมือนกัน แต่มันจะมีเป็นที่ดินที่ดีที่สุดและราคาก็ปกติ
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันได้ไปเจอเพื่อนมาสองสามคนและแต่ละคนก็ออกความเห็นว่าจะลงทุนที่ 20 ล้านดอลลาร์ แต่ตอนนี้พวกเขาสนใจที่จะเพิ่มเงินลงทุนเข้าไปอีก” เมเยอร์พูด
“งั้นตามความคิดของผมคือ 50 ล้านดอลลาร์ก็พอแล้ว” ฮาร์ดี้แนะนำ
“50 ล้านเหรอ? งั้นเดี๋ยวฉันขอกลับไปคุยกันอีกครั้งก่อน” เมเยอร์กล่าว
“ได้ เดี๋ยวผมจะรอฟังข่าวจากคุณ”
หลังจากวางสาย ฮาร์ดี้ก็หยิบสคริปต์ที่เขาต้องพูดจากบนโต๊ะขึ้นมา
ซึ่งมันก็คือบทพูดที่เขาจะใช้ในการโปรโมทตัวเองในวันพรุ่งนี้
โดยพรุ่งนี้เขานั้นต้องไปออกรายการ ‘อิริน่าทูไนท์โชว์’ เพื่อโปรโมทตัวเอง สำหรับการแย่งชิงเก้าอี้ตำแหน่งประธานสหภาพ
แถมมันยังเป็นครั้งแรกที่เขาเดินขึ้นเวที และในอนาคตคนอเมริกันจะต้องรู้จักเขา
เขาก็จะไม่สามารถปกปิดตัวตนของตัวเองได้อีกต่อไป
เย็นวันรุ่งขึ้น
ฮาร์ดี้มาที่สตูดิโอใหญ่ของสถานีโทรทัศน์เอบีซี
ซึ่งสตูดิโอนี้จุคนได้มากกว่า 100 คน และแขกรับเชิญที่มาวันนี้ล้วนเป็นดาราฮอลลีวูดรุ่นใหญ่เกือบทั้งหมด
ยังไงปัจจุบันตอนนี้ฮาร์ดี้ก็เป็นเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ฮอลลีวูดรายใหญ่และเป็นบริษัทออกอากาศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
แน่นอว่านักแสดงส่วนใหญ่ของฮอลลีวูดก็ลงทะเบียนกับสหภาพนักแสดง ฮาร์ดี้เลยเชิญพวกเขามาที่นี่เพื่อที่จะให้พวกเขาโหวตให้ตัวเอง
หลังจากฮาร์ดี้เดินเข้าไป หลายคนที่อยู่หน้าประตูก็ยืนทักทายเขาและคนเหล่านี้ล้วนเป็นดาราดังฮอลลีวูดกับผู้กำกับ ผู้เขียนบท ผู้อำนวยการสร้าง ทั้งหมดมายืนรับเขาที่หน้าประตู
ฮาร์ดี้เห็นเรแกนอยู่ในหมู่ฝูงชนโดยเขายืนอยู่ข้างหลังดาวดวงใหญ่เหล่านี้
เวลานี้เรแกนได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมกับบริษัทนายหน้าของเอชดีแล้ว และเรแกนกับไฮดี้รามาก็กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก’ กันอยู่
ซึ่งตอนนี้มันกำลังเข้าสู่กระบวนการผลิตออกมาแล้ว
ฮาร์ดี้เดินไปทักทายคนเหล่านี้ทีละคน เพราะยังไงถ้าเขาต้องการชนะ เขาก็ต้องการคะแนนเสียงจากคนเหล่านี้
เมื่อเขาเดินไปข้างหน้าเรแกน…เรแกนก็ยืนมือออกมาจับมือกับฮาร์ดี้
ฮาร์ดี้เดินเข้าไปใกล้กับเรแกนก่อนจะพูดว่า “เห็นว่าการถ่ายทำเสร็จแล้วใช่ไหม? มันเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีปัญหาอะไรเลย” เรแกนตอบอย่างรวดเร็ว
“งั้นคุณสนใจที่จะทำงานกับสหภาพนักแสดงไหม? ถ้าผมได้เป็นประธานผมจะให้คุณเป็นผู้ช่วยของผม” ฮาร์ดี้กล่าว
เรแกนแสดงความประหลาดใจออกมาทันที
“แน่นอน ผมต้องตกลงอยู่แล้ว!”
ฮาร์ดี้ยิ้ม “งั้นตอนนี้คุณก็จะเป็นผู้ช่วยประธานสหภาพนักแสดงแล้ว”
ในยุคอนาคตเรแกนเริ่มต้นจากตรงนี้
หลังจากที่เขาได้เข้าร่วมสหภาพนักแสดง เขาก็ได้เป็นประธานก่อนที่จะไปเข้าร่วมกับพรรครีพับลิกันจากนั้นก็ไปเป็นสมาชิกวุฒิสภาแคลิฟอร์เนีย และในที่สุดก็ได้เป็นประธานาธิบดี
การที่เขาสามารถเดินไปทีละขั้นและยังทำได้ดีจนตัวเองก้าวหน้านั้นมันก็แสดงให้เห็นความสามารถของเขาแล้ว
ฮาร์ดี้เลยนึกถึงเขาก่อนที่จะเดินเข้ามาถามว่าอยากเป็นผู้ช่วยไหม?
ยังไงในอนาคตเขาก็จะต้องทำหลายสิ่งหลายอย่าง และงานของสหภาพก็จะต้องถูกจัดการโดยเขาเอง
ซึ่งมันก็รู้สึกดีอยู่ที่ได้ประธานาธิบดีของอนาคตมาเป็นผู้ช่วย…
+1