**เปลี่ยนจากหวยเป็นลอตเตอรี่นะครับ**
ตอนที่ 187 โกลบอลไทมส์
วันต่อมา
อิริน่าพาทีมไปลาสเวกัสเพื่อก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ลาสเวกัสขึ้นมาอีกที่ ซึ่งตอนนี้เอบีซีมีพนักงานเพียงพอแล้วมันจึงไม่เรื่องยากที่จะทำขึ้นมาอีก
ส่วนฮาร์ดี้นั้นยังมีเรื่องที่ต้องทำในลอสแอนเจลิสอยู่
ยังไงข้อตกลงของเขากับเอ็มจีเอ็มก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับลอสแอนเจลิสไทมส์ด้วย ซึ่งตอนนี้ฮาร์ดี้มีหุ้นอยู่ 11% ที่ลอสแอนเจลิสไทมส์
มันเลยทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทหนังสือพิมพ์นี้
ตอนนี้เขากำลังอ่านคำแถลงการณ์ของผู้ถือหุ้นที่แอนดี้เอามาให้ ซึ่งลอสแอนเจลิสไทมส์นั้นเป็นของบริษัทมิลเลอร์และหุ้นส่วนอีกสองที่ก็คือธนาคารแห่งอเมริกากับครอบครัวมอแกน
สำนักงานใหญ่ของลอสแอนเจลิสไทมส์นั้นตั้งอยู่ในลอสแอนเจลิส ฮาร์ดี้บอกให้แอนดี้นัดหมายเวลาให้เขา เพราะเมื่อวานนี้เขาได้รับแจ้งจากบริษัทว่าจะจัดการประชุมขึ้นเพื่อต้อนรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนใหม่โดยจะมีผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ และผู้บริหารเข้าร่วม
…
วันต่อมาฮาร์ดี้มาที่สำนักงานใหญ่ของลอสแอนเจลิสไทมส์และทักทายกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับผู้ถือหุ้นอีกหลายคน
แม้ฮาร์ดี้ยังไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับมอแกนและธนาคารแห่งอเมริกา แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องต่างๆ ของเขาโดยเฉพาะในลาสเวกัส
หลังจากทักทายกับผู้ถือหุ้นและผู้บริหารเรียบร้อยแล้ว ประธานก็เริ่มการประชุมโดยพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของลอสแอนเจลิสไทมส์ให้ฮาร์ดี้ฟัง
โดยในตอนนี้กองบรรณาธิการมีพนักงานมากกว่า 350 คน และมีผู้สื่อข่าวประจำอยู่ 20 ประเทศและทั่วภูมิภาค บริษัทนั้นได้รับข้อมูลเยอะมากในทุกวัน และมันก็จำเป็นต้องคัดกรองข้อมูลที่เหมาะสมก่อนนำไปออกรายงานข่าว ซึ่งในขณะนี้ลอสแอนเจลิสไทม์นั้นเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีคนมาลงโฆษณามากที่สุดในบรรดาสำนักพิมพ์ทั้งสาม ถึงจะตัวคนเดียว แต่รายได้ของเขาก็ไม่เลวเลยทีเดียว…
จึงถือได้ว่าลอสแอนเจลิสไทม์นั้นเป็นหนึ่งในสามสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และมันก็ทรงพลังอย่างมาก
ฮาร์ดี้ได้เสนอแนวคิดของเขาเองให้คนในนี้ฟัง โดยเขาหวังว่าเอบีซีจะสามารถทำความร่วมมือกับลอสแอนเจลิสไทม์ด้านข่าวสารได้
ซึ่งเขาอยากให้ลอสแอนเจลิสไทม์ให้ข้อมูลข่าวสารแก่เอบีซีและให้เน้นสิ่งสำคัญก็คือการส่งข่าวสารให้ตรงเวลา
เพราะสำหรับข่าวสารนั้นการตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากยังไงถ้าคุณออกอากาศเร็วกว่าคนอื่นถึงจะแค่ไม่กี่นาที
ผลกระทบและการตอบสนองของผู้ชมก็จะแตกต่างมากจริงๆ
โดยประธานของลอสแอนเจลิสก็แสดงความจำนงที่จะร่วมมือกับเอบีซีทันที แน่นอนว่าข่าวที่ให้ไปนั้นไม่ฟรีและลอสแอนเจลิสจะได้รับเงินเพิ่ม
ซึ่งวันนี้ทั้งสองฝ่ายจบการประชุมได้น่าพอใจอย่างมาก
เมื่อฮาร์ดี้และแอนดี้เดินออกจากลอสแอนเจลิสไทม์ ทั้งสองก็กลับไปที่รถของพวกเขา ฮาร์ดี้ก็นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “แอนดี้ เราจำเป็นต้องมีสำนักพิมพ์เป็นของตัวเอง”
“บอสคิดว่าการร่วมมือกับลอสแอนเจลิสไทม์นั้นยังไม่พอใจเหรอครับ?” แอนดี้ประหลาดใจ
ฮาร์ดี้ส่ายหัว “การที่เราร่วมมือกับลอสแอนเจลิสไทมส์ มันก็เหมือนกับเพิ่มช่องทางฟังขึ้นมาอีกเฉยๆ แต่สิ่งที่ฉันต้องการก็คือการที่เราสามารถพูดอะไรก็ได้”
“แล้วสถานีโทรทัศน์เอบีซีไม่ใช่สิ่งที่บอสต้องการหรือ?”
“สถานีโทรทัศน์นั้นยังมีข้อจำกัดอยู่ ถึงตอนนี้เอบีซีจะฉายได้ครอบคลุมทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา แต่บางครัวเรือนก็ยังไม่มีทั้งชุดโทรทัศน์และวิทยุเลย เห็นไหมว่ามันยังไม่ครอบคลุมเท่าไหร่”
แม้ว่าอุตสาหกรรมการสื่อสารจะพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และสถานีโทรทัศน์กลายเป็นหนึ่งในสื่อหลักก็ตาม
แต่หนังสือพิมพ์ก็ยังคงเป็นช่องทางที่ให้ข้อมูลข่าวสารที่ใหญ่ที่สุด
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันสามารถกระจายอยู่ได้ในหลายประเทศซึ่งแตกต่างจากสถานีโทรทัศน์เอบีซี
แม้ว่าในอนาคตหนังสือพิมพ์จะค่อยๆ ลดลงและถูกแทนที่ด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ใหม่ๆ แต่เวลานี้มันยังเป็นปี 1947 อยู่
แถมในช่วงหลายทศวรรษข้างหน้า หนังสือพิมพ์ยังคงเป็นสื่อที่ใหญ่ที่สุด
“แล้วบอสจะเริ่มต้นกับมันยังไงเหรอ?” แอนดี้ถาม
ระหว่างการเดินทางฮาร์ดี้ก็มีความคิดอยู่ในใจไว้บ้างแล้ว “ตอนนี้เรามีเงินอยู่ในมือ ดังนั้นทางที่ง่ายที่สุดก็คือการซื้อ”
“และสหรัฐอเมริกาก็มีอยู่ 50 รัฐ เราก็แค่ซื้อบริษัทหนังสือพิมพ์เล็กๆ ในแต่ละรัฐและเอาพวกเขามามัดรวมกันเพื่อให้กลายเป็นบริษัทหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ ส่วนในแทบยุโรปก็มีมากกว่า 40 ประเทศ เราก็แค่หาซื้อบริษัทหนังสือพิมพ์สัก 1 หรือ 2 ที่ก็พอแล้ว”
“แล้วถ้าเป็นแถวๆ เอเชียก็มีมากกว่า 40 ประเทศเหมือนกัน แต่เราจะซื้อบริษัทแค่อย่างละที่เช่นญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ และอินเดีย”
“ยังมีสถานที่ที่ไกลออกไปอีกเช่นอเมริกาใต้และแอฟริกา เราก็ซื้อบริษัทและหาข่าวเกี่ยวกับพวกเขามาออกแค่นั้นเอง”
แอนดี้มองไปที่ฮาร์ดี้ด้วยความประหลาดใจ
“บอส เรื่องนี้มันอาจจะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากเลยนะครับ มันอาจจะเริ่มต้นต่ำๆ ก็10 ล้านดอลลาร์สำหรับสิ่งที่บอสพูด”
ถ้าตามความคิดของแอนดี้ เขาคิดว่าบริษัทหนังสือพิมพ์จะไม่ค่อยมีกำไรสักเท่าไหร่
เพราะถ้าต้องการข่าวเราก็มีความร่วมมือกับลอสแอนเจลิสไทมส์อยู่แล้ว
หากเราต้องการออกมาพูดหรืออยากลงโฆษณามันก็มีสถานีโทรทัศน์เอบีซีอยู่
มันจึงไม่จำเป็นที่จะใช้เงินลงทุนและพลังงานของตัวเองสำหรับบริษัทหนังสือพิมพ์
ฮาร์ดี้ยิ้มออกมา “แอนดี้ นายคิดไหมว่าทำไมเราถึงต้องหาเงินด้วย?”
แอนดี้อึ้งไปเล็กน้อยกับคำถาม
เพื่อที่จะมีความสุขกับชีวิตที่ดีขึ้น?
แต่ถ้าคุณเป็นเศรษฐีอยู่แล้วล่ะ?
คุณก็อาจจะตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง และเรื่องเงินก็จะเป็นเพียงแค่ตัวเลข
เพื่อที่จะทำให้สังคมก้าวหน้าและโลกดีขึ้น?
อืม…มันก็เป็นสิ่งที่ดีแต่มันก็ไม่เหมาสำหรับนักธุรกิจ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับบอส แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมบอสถึงอยากทำบริษัทหนังสือพิมพ์ละครับ?” แอนดี้ถาม
“ฮ่าๆๆ มันก็เพื่อความสนุก และสามารถทำอะไรก็มันก็ได้ เพราะเมื่อฉันมีบริษัทหนังสือพิมพ์เป็นของตัวเอง ฉันก็จะด่าใครก็ได้ตามที่ฉันต้องการหรือจะเปิดโปงเรื่องลับๆ ของใครก็ได้ตามที่ฉันต้องการเปิดโปง” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
แอนดี้ตะลึงไปสักพัก
เอาล่ะ
มันก็สอดคล้องกับบุคลิกของบอสอยู่…
ฮาร์ดี้เพิ่งขายหุ้นของบริษัทออกอากาศเอบีซีไปทำให้ตอนนี้เขามีเงินสดจำนวนมากอยู่ในมือ และบริษัทอื่นๆ ของเขาก็กำลังทำเงินอยู่ เขาเลยสามารถใช้เงินจำนวน 20 ล้านนี้ได้ตามใจ
แต่ถึงเขาจะได้บริษัทหนังสือพิมพ์มาแล้ว มันก็ยังถือว่าไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะการลงทุนครั้งนี้ต้องใช้เวลาหลายปี
“ไม่มีปัญหาเลยบอส แล้วบอสอยากให้ผมทำอะไรกับมัน?” แอนดี้ถาม
“ช่วยฉันหาประธานที่เก่งกาจสักคนสิ เพราะอนาคตของบริษัทหนังสือพิมพ์ขึ้นอยู่กับคนคนนี้ และถ้าคนคนนั้นไม่เหมาะสม เวลาของฉันก็จะสูญเปล่า” ฮาร์ดี้กล่าว
“ผมข้าใจแล้วครับบอส ผมจะเฟ้นหาคนที่เหมาะสมมาให้ แล้วบอสวางแผนที่จะเรียกบริษัทนี้ว่าอะไร?” แอนดี้ถาม
ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่ง
“โกลบอลไทมส์”
…
แอนดี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและก็มาหาฮาร์ดี้เพื่อเอาประวัติของคนมีความสามารถมาให้
หลังจากอ่านประวัติของคนเหล่านี้ ฮาร์ดี้ก็เจอคนที่ดูใช้ได้คนหนึ่ง
คนคนนี้เป็นประธานของลอสแองเจลิสทริบูน ซึ่งทริบูนนี้ไม่ได้ติดอันดับที่ลอสแอนเจลิส และหนังสือพิมพ์ในแต่ละวันมีอยู่แค่ 10,000 ฉบับเท่านั้น
แถมพนักงานทั้งหมดของบริษัทก็มีเพียง 6 คน และสถานะของบริษัทก็ยังขาดทุนอยู่
นี่แหละ!
ซึ่งบริษัทหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ก็ยังมีสไตล์ของตัวเอง
โดยเนื้อหามีความเข้มข้นในระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจของประเทศ การทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมาย สิทธิมนุษยชน วิทยาศาสตร์และวรรณต่างๆ
โดยปกติบริษัทหนังสือพิมพ์รายใหญ่จะมีข่าวพวกนี้ออกมารายงานอยู่แล้ว แต่บริษัทหนังสือพิมพ์เล็กๆ พวกเขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดเช่น รายงานเกี่ยวกับหุ้น สื่อบันเทิง การเงิน
เพราะบริษัทเล็กๆ เหล่านี้ถ้าเขียนข่าวจริงจังจะไม่ค่อยมีที่ว่างให้อยู่รอดสักเท่าไหร่
ยังไงพวกเขาก็ไม่มีอำนาจและแหล่งข้อมูลที่กว้างขวาง และคิดดูสิว่าพวกเขาจะกลายเป็นหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่แบบพวกนั้นได้ยังไง?
ซึ่งประธานคนนี้มาร์คคีนได้ทำข่าวแนวนี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว
แต่มันก็ยากที่จะบอกว่าเขาจะอดทนไปได้นานแค่ไหน เพราะถ้ามันไม่ทำเงิน คุณก็จะเสียแต่เงินและคนธรรมดาไม่สามารถยึดมั่นได้นานหรอก
การที่เขายึดมั่นได้นานขนาดนี้ก็อาจเป็นเพราะต้นกำเนิดของเขาเอง
โดยเขานั้นจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด และเข้าไปทำงานให้กับนิวยอร์กไทมส์
ได้เป็นรองบรรณาธิการตอนอายุ 28 ปี เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้นมาร์คคีนก็เข้าร่วมกับกองทัพและกลายเป็นผู้สื่อข่าวสงคราม
ในสนามรบเขานั้นยังกล้าฝ่าดงกระสุนวิ่งเข้าไปในดินแดนของฝรั่งเศสและรายงานข่าวเกี่ยวกับสนามรบออกมามากมาย
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงเขาก็ลาออกจากกองทัพและไม่ได้กลับไปที่นิวยอร์กไทมส์
แต่เขากลับเริ่มเขียนหนังสือพิมพ์เดลีทรีบูนเพื่อรายงานข่าวรอบโลกในมุมมองของเขาเอง
ฮาร์ดี้พบกับมาร์คคีนในออฟฟิศของเขา และฮาร์ดี้ก็รู้สึกว่ามาร์คคีนนั้นดูคล้ายกับทอมแฮงค์อย่างมาก
โดยที่พวกเขาทั้งสองมีหัวยาวๆ แบบนี้
“คุณมาร์คน่าจะรู้เนื้อหาการประชุมของเราแล้วใช่ไหม?” ฮาร์ดี้ถาม
“ครับ คุณแอนดี้ได้บอกผมแล้วว่าเจ้านายฮาร์ดี้อยากจะสร้างบริษัทหนังสือพิมพ์ขึ้นทั่วโลกและต้องการคนมาดูแลรับผิดชอบมัน” มาร์คตอบ
“แล้วคุณเต็มใจที่จะทำมันไหม?”
“แน่นอนผมต้องเต็มใจอยู่แล้ว มันเป็นความฝันของผมอยู่ตลอดเวลาที่จะได้กลายเป็นบริษัทหนังสือพิมพ์ติดอันดับโลก”
“งั้นก็บอกมาสิว่าคุณจะทำงานนี้ยังไง?”
มาร์คคีนเล่าประวัติโดยย่อของตัวเองและพูดอีกว่า “ผมสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษาไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และสเปน ด้วย 5 ภาษานี้ผมสามารถสื่อสารได้เกือบทุกสถานที่บนโลก”
“และการที่เรามีบริษัทหนังสือพิมพ์อยู่ทั่วโลกมันก็ต้องบินไปมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงผมจะอายุ 34 ปีในตอนนี้ ผมก็ยังเต็มไปด้วยพลังงาน”
“ผมมีประสบการณ์การทำงานมากมาย โดยเป็นรองบรรณาธิการของนิวยอร์กไทมส์ เป็นนักข่าวสงคราม และยังได้ก่อตั้งบริษัทหนังสือพิมพ์ของตัวเองขึ้นมาอีก…ผมจึงรับรองได้เลยว่าจะสามารถจัดการกับปัญหาได้ทุกประเภท”
ฮาร์ดี้พยักหน้าและก็คิดว่านี้แหละคือข้อได้เปรียบของเขา
“แล้วคุณอยากได้อะไรตอบแทนละ? ปันผลหุ้นหรือเงินเดือน” ฮาร์ดี้ถาม
“หัวหน้าผมขอพูดเลยว่าไม่อยากได้ปันผลสักเท่าไหร่ เอาแค่เงินเดือนธรรมดาก็พอ แต่ผมก็มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่ง” น้ำเสียงของมาร์คคีนดูจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย
ฮาร์ดี้รู้ว่าบ่อยครั้งที่การจัดการกับคนที่ไม่เห็นค่าของเงินนั้นยากกว่า
“เล่าให้ผมฟังสิ”
“ผมหวังว่าข่าวที่เขียนรายงานออกไปโดยโกลบอลไทมส์จะมีแต่ความจริงและไม่ใช้มันเพื่อวัตถุประสงค์ของการเมืองบางอย่าง เพราะมันจะสูญเสียจุดยืนของข่าวและบิดเบือนความคิดเห็นของประชาชน”
มาร์คคีนมองไปที่ฮาร์ดี้ตรงๆ โดยไม่มีความกลัวใดๆ ในสายตาของเขา
ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่งและว่า
“จุดยืนของโกลบอลไทมส์คือความมุ่งมั่นในการตามหาความจริง ไม่เป็นกลางกับใคร ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือรับผลประโยชน์ใดๆ นี่แหละความคิดของฉัน แล้วนายคิดว่าไง?”
หลังจากฮาร์ดี้พูดจบดวงตาของมาร์คคีนก็สว่างขึ้น
“คุณฮาร์ดี้ คิดอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ”
มาร์คคีนตื่นเต้นมากขึ้น “นั่นแหละคือบริษัทหนังสือพิมพ์ที่ผมอยากทำ ถ้าคุณฮาร์ดี้ให้ผมเป็นประธานของบริษัท ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อสร้างโกลบอลไทมส์ให้โด่งดังไปทั่วโลก! และด้วยการสนับสนุนทางการเงินของคุณผมเชื่อว่า ‘โกลบอลไทมส์’ จะโด่งดังไม่แพ้ ‘ไทมส์’ ‘การ์เดี้ยน’ ‘วอชิงตันโพสต์’ ‘นิวยอร์กไทมส์’ และหนังสือพิมพ์รายใหญ่อื่นๆ”
ฮาร์ดี้ยืนขึ้นและยื่นมือของเขาไปที่มาร์คคีน “ดี ผมจะปล่อยงานนี้ให้กับคุณ”
มาร์คคีนจับมือกับฮาร์ดี้อย่างตื่นเต้น
“แล้วหัวหน้า คุณจะให้ทุนผมเท่าไหร่?” มาร์คคีนถาม
ชายคนนี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจริงๆ
“แล้วคุณต้องการมันเท่าไหร่ละ?”
มาร์คคีนคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “แผนของผมคือต้องการซื้อบริษัทหนังสือพิมพ์ 20 แห่งในสหรัฐ จากนั้นก็ซื้อบริษัทอีก 5 แห่งแถวยุโรปและตั้งสถานีสื่อสารอีก 10 แห่ง ส่วนที่เอเชียเราจะตั้งสถานี 2 แห่งที่นั่นคือญี่ปุ่นและฮ่องกง พร้อมกับซื้อกิจการบริษัทหนังสือพิมพ์กับอเมริกาใต้เพิ่มอีก 3 หรือ 5 ที่”
“ด้วยวิธีนี้แม้ว่าหนังสือพิมพ์ของเราจะได้รับการจัดตั้งขึ้น ผมก็กลัวว่ามันจะต้องมีค่าใช้จ่ายถึง 2 ล้านดอลลาร์ในเบื้องต้น”
มาร์คคีนมองฮาร์ดี้
แม้ว่าฮาร์ดี้เพิ่งจะบอกว่าพร้อมสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหัวหน้าจะสนับสนุนเขาได้มากแค่ไหน
เพราะยังไงในยุคนี้เงินจำนวน 2 ล้านดอลลาร์มันก็เป็นจำนวนมากจริงๆ
ซึ่งมันเทียบได้กับเงิน 200 ล้านดอลลาร์ในยุคอนาคตเลย
ฮาร์ดี้ยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีปัญหา ฉันจะจัดสรรเงินจำนวน 2 ล้านดอลลาร์ให้กับโกลบอลไทมส์ แต่เงินก้อนนี้จะต้องได้รับการตรวจสอบจากทีมการเงินของแอนดี้”
มาร์คคีนมีความสุขมาก
“เยี่ยมไปเลยหัวหน้า แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินก้อนนี้ ผมจะใช้มันให้คุ้มค่าทุกเพนนีเลย”
หลังจากพูดจบ มาร์คคีนก็หยุดชะงักไปชั่วคราว
เขาทำท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “บอสบริษัทหนังสือพิมพ์ที่แรกที่บอสจะซื้อ คุณคิดยังไงกับเดลีทรีบูนครับ?”
ฮาร์ดี้หัวเราะออกมาหลังจากได้ยิน
เพราะ ‘เดลีทรีบูน’ เป็นของมาร์คคีนและมันก็กำลังจะเจ๊งแล้ว