ตอนที่ 181 สงครามครั้งใหญ่ของสามสถานีโทรทัศน์
“ขอบคุณที่ให้การเริ่มต้นที่ดีที่สุดกับฉันนะคะ”
เอเลนพูดเบาๆ พร้อมกับกอดไปที่เอวอันแข็งแรงของชายตรงหน้าและก็ซบไปหน้าอกของเขา
“ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” ฮาร์ดี้ถามอย่างงงๆ
“แม่บอกฉันบอกไว้ว่าถ้าครั้งแรกของผู้หญิงถูกทำให้รู้สึกดี ผู้หญิงคนนั้นจะจดจำมันไปตลอดชีวิตและพวกเธอก็มีความสุขไปตลอดชีวิตเหมือนกัน!” เอเลนกล่าว
///เอเลนคืออีกชื่อของอิริน่าที่จะให้คนสนิทเรียก
ต้องบอกจริงๆ ว่าถ้อยคำรักของผู้หญิงนั้นน่าหลงใหลยิ่งกว่าถ้อยคำรักของผู้ชาย ฮาร์ดี้จึงอดไม่ได้ที่จะจูบไปที่หน้าผากของหญิงสาว
“เอเลน เพลงๆ หนึ่งเพิ่งผุดขึ้นมาในใจของฉันและเพลงนี้ก็เป็นของเธอ เธออยากฟังไหม?” ฮาร์ดี้กล่าว
“อยากฟัง อยากฟัง”
เอเลนพยักหน้าอย่างยินดี
เธอรู้ดีว่าฮาร์ดี้มีพรสวรรค์ เพราะไม่ว่าฮาร์ดี้จะเขียนอะไรออกมามันก็ดีหมดแถมยังได้ออสการ์อีก
ซึ่งเพลง ‘สการ์โบโรห์แฟร์’ ที่เขาแต่งก็ได้ชื่อว่าเป็นเพลงที่ดีที่สุดด้วย
ในเวลานี้มันกลายเป็นเพลงคลาสสิกไปแล้ว
แถมตอนนี้เขากำลังจะแต่งเพลงให้เธอ ทำไมเธอถึงจะไม่อยากฟังละ?
“เอเลน…
ฉันชื่อเอเลน
เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง
เอเลน…
ฉันก็มีความสุขและความเศร้า
แต่นี่แหละคือชีวิตที่มีทั้งสุขและทุกข์
ฉันแค่ต้องการตามหาความรักที่เรียบง่าย”
ฮาร์ดีร้องเพลงเบาๆ เป็นภาษาฝรั่งเศส
แต่ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือชีวิตนี้ฮาร์ดี้ก็พูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้เลย
เมื่อเพลง ‘เอเลน (Elaine)’ ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศฮาร์ดี้ก็กลายมาเป็นแฟนตัวยงของเพลงนี้แล้วก็เริ่มฝึกร้องมันจนเข้าใจอยู่บ้าง
มันก็เหมือนกับการเรียนรู้ที่จะร้องเพลง Beyond ในความเป็นจริงหลายๆ คนก็ไม่เข้าใจภาษาจีน แต่พวกเขาก็สามารถเรียนรู้ได้หลังจากฟังให้มากๆ
“ฮิฮิๆ”
เอเลนหัวเราะเบาๆ
“ภาษาฝรั่งเศสของคุณไม่ได้มาตรฐานเลย”
ฮาร์ดี้ยังคงไม่หยุดร้องเพลงหลังจากฟังไม่กี่ประโยคเอเลนก็หยุดหัวเราะและเริ่มฟังอย่างจริงจัง
“เอเลน
ฉันตั้งตารอบทกวีและความฝันอันแสนหวานยามค่ำคืน
ฉันจะไม่ขออะไรไปมากกว่านี้
ตราบใดที่ฉันเจอรักอันเรียบง่าย
หรือความรักที่เหมาะสมกับฉัน”
เมื่อฮาร์ดี้ร้องเพลงจบ เขาก็มองไปที่สาวฝรั่งเศส “เธอรู้สึกยังไง?”
สาวฝรั่งเศสมองฮาร์ดี้ด้วยดวงตากลมตาโต “คุณรู้ภาษาฝรั่งเศสด้วยเหรอ?”
“ไม่” ฮาร์ดี้ส่ายหัว
“งั้นทำไมคุณถึงแต่งเพลงภาษาฝรั่งเศสได้ล่ะ?”
ฮาร์ดี้ยิ้ม “เพราะเธอเป็นคนฝรั่งเศสไง”
“ฉันเขียนเนื้อเพลงที่ภาษาอังกฤษไว้ก่อน และก็ค่อยหาคนที่เข้าใจภาษาฝรั่งเศสมาช่วยแปล แล้วฉันก็จำมันมา แต่ภาษาฝรั่งเศสมันก็ยากอยู่เหมือนกัน เลยทำให้ร้องได้ไม่ดีเท่าไหร่” ฮาร์ดี้กล่าว
เอเลนมองไปที่ชายคนนี้พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มก่อตัว
เพราะเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าชายคนนี้จะทำเพื่อตัวเธอมากขนาดนี้
เอเลนร้องไห้ออกมาด้วยความยินดี
ต้องบอกว่าแม้เธอจะเคยเลือดออกเธอก็ยังไม่ได้ร้องไห้ออกมาเลย
แต่ตอนนี้ผู้ชายตรงหน้าทำให้เธอซึ้งใจจริงๆ ยังไงอุดมคดติสูงสุดของเธอก็คือการมีความรักที่ดี
ถึงเมื่อก่อนเธอจะชื่นชมและรักฮาร์ดี้มาก่อน แต่คราวนี้เธอถูกโจมตีเข้าที่จิตใจอย่างหนักจากฮาร์ดี้
เอเลนร้องไห้และพุ่งไปจูบฮาร์ดี้อย่างดุเดือด
“ฮาร์ดี้ ถ้าฉันทิ้งคุณไป…ได้โปรดฆ่าฉันที”
หลังจากจูบอย่างดุเดือด
เอเลนก็ขอให้ฮาร์ดี้สอนเธอร้องเพลง
มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าภาษาฝรั่งเศสของแม่สาวคนนี้ดีกว่าฮาร์ดี้อย่างชัดเจน
เอาเถอะ…ยังไงมันก็เป็นภาษาหลักของเธอนี่…
เอเลนเรียนรู้ได้ไวมากเพียงแค่เขาสอนเธอร้องเพลงแค่สามครั้ง เธอก็จำพวกมันได้หมดและฮัมเพลงเบาๆ ขณะที่นอนอยู่บนตัวฮาร์ดี้
แม้ว่าเสียงของเธอจะไม่ดีเท่าเอวาการ์ดเนอร์แต่สำหรับพิธีกรมืออาชีพการร้องเพลงแค่นี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ
และเธอก็ร้องแบบไม่มีเครื่องดนตรีช่วยเสริม แต่เขาก็คิดว่ามันไพเราะมาก
“ฮาร์ดี้ ฉันอยากร้องเพลงนี้จัง คุณคิดยังไงถ้าฉันจะหาคนมาอัดเสียงให้” เอเลนพูดอย่างตื่นเต้น
“ไม่มีปัญหา ยังไงเอชดีพิคเจอร์ก็มีแผนกอัดเสียงโดยเฉพาะ เธอไปบอกเอ็ดเวิร์ดให้จัดการทุกอย่างได้เลย แล้วก็ให้พวกเขาเขียนเพลงให้เธอสักสองสามเพลง เพื่อจะนำไปทำอัลบั้ม แล้วหน้าปกก็ใช้คำว่า ‘เอเลน’ ดีไหม?” ฮาร์ดี้กล่าว
“หือ ทำอัลบั้มเลยเหรอ?”
“ไม่อยากทำเหรอ?”
“แน่นอนฉันจะทำมัน!”
เอเลนพูดอย่างมีความสุขพร้อมกับกดหน้าอกขนาด 35 ลงบนตัวฮาร์ดี้
มันก็เลยทำให้ฮาร์ดี้คิดอะไรบางอย่างออกมาได้…
ณ จุดนี้เขาต้องบอกเลยว่าผู้หญิงยุโรปและอเมริกันมีโครงสร้างร่างกายที่ดีจริงๆ…
…
วันต่อมา
ต้องบอกอีกครั้งจริงๆ ว่านี้คือวันใหม่แล้ว
ฮาร์ดี้ไปที่สถานีโทรทัศน์เอบีซีและโทรหาวิลเลียมฟ็อกซ์ทันทีทั้งสองคุยกันสักพักก่อนจะวางสายไปและหลังจากวางสายฟ็อกซ์ก็ประกาศการประชุมใหญ่และเรียกทุกคนจากบริษัทออกอากาศให้มารวมตัวกันที่สตูดิโอ
วิลเลียมฟ็อกซ์ยืนอยู่บนเวที
ผู้กำกับสามคน พิธีกร นักแสดงนำ บรรณาธิการและคนเขียนคำโฆษณา ช่างไฟ ช่างเวที คนทำอุปกรณ์ฉากทั้งหมดนั่งอยู่ข้างหน้าเวที
เนื่องจากความคุกคามจากเอนบีซีและซีบีเอสมันก็เลยทำให้เกิดความไม่แน่นอนบางอย่างในเอบีซี
เขาเลยต้องมีการประชุมบางอย่างเพื่อปรับความเข้าใจ
ให้รางวัล?
ขึ้นเงินเดือน?
เกลี้ยกล่อม?
ไม่มีหรอกเพราะยังไงคนที่เอาแต่ตัวเองก็คงไม่สนใจมันหรอก
วิลเลียมฟ็อกซ์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ผมรู้ว่าสถานีโทรทัศน์เอนบีซีและซีบีเอสหรือบริษัทอื่นๆ ได้ติดต่อกับพวกคุณ และที่ผมเรียกพวกคุณมาในวันนี้ ก็เพื่อจะบอกเรื่องอะไรบางอย่าง…”
“แม้ว่าบริษัทเอบีซีจะเพิ่งก่อตั้ง แต่มันก็บริษัทที่มีโอกาสเติบโตได้ไม่จำกัด ในอนาคตมันจะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทกระจายเสียงที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอนหรือตอนนี้มันก็อาจจะเป็นอยู่แล้ว”
“เพราะตอนนี้บริษัทเราเป็นที่รู้จักดีสำหรับวงการออกอากาศ ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปรียบเทียบกับสถานีออกอากาศอื่นดู”
“แล้วก่อนที่พวกคุณจะเข้าร่วมบริษัท ทุกคนจะได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทไปแล้ว ผมก็หวังว่าทุกคนคงจะจำข้อตกลงกันได้ โดยมันมีค่าปรับหลายสิบล้านดอลลาร์และเงื่อนไขของข้อตกลงคือพวกคุณไม่สามารถมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องภายใน 5 ปี ดังนั้นถ้ามีคนออกไป…ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่ารออยู่ หรือมันจะเป็นการทำลายตัวเอง”
“ยังไงบริษัทนี้ก็มีความยุติธรรมและคุณก็จะได้ในสิ่งที่ควรได้ตราบเท่าที่คุณทำงานได้ดีคุณก็จะได้รับผลประโยชน์ตามจริง เมื่อหมดสัญญาถ้ามีคนไม่พอใจและอยากจะลาออก บริษัทก็จะไม่รั้งพวกคุณไว้ตามที่กฎหมายกำหนด”
“แต่ถ้ามีคนทรยศบริษัท ทางเราจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ และจะใช้อำนาจทั้งหมดปิดกั้นพวกเขา”
“ยังไงการที่พวกเขากล้ารุกล้ำเข้ามาขนาดนี้ มันก็อาจจะมีบางคนถูกล่อลวงไป ฉันก็แค่อยากจะบอกว่านี่คือแผนของศัตรู…เพราะลองคิดดูสิว่าพวกเขาต้องการพวกคุณจริงๆ เหรอ? ฉันคิดว่าไม่! แต่พวกเขาแค่ต้องการสร้างปัญหาให้บริษัทเรา ซึ่งผลที่ตามมาก็คือการทำงานของเราไม่ได้ประสิทธิภาพ”
“แล้ววันนี้ก็มีเรื่องแค่นี้แหละ!”
“ผมอยากจะบอกกับพวกคุณทุกคนว่าตั้งใจทำงานให้ดี”
น้ำเสียงของฟ็อกซ์จริงจังมาก ต้องบอกว่าแต่ก่อนฟ็อกซ์จะพูดด้วยเสียงสงบๆ ซึ่งเวลานี้มันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นฟ็อกซ์พูดแบบนี้…
พวกเขารู้สึกแปลกใจแต่มันก็สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเขาไปในตัว
…
สถานีโทรทัศน์เอบีซีกำลังออกอากาศ ‘ข่าวเที่ยงวัน’
พิธีกรสองคนกำลังพูดข่าวในประเทศและต่างประเทศ จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยเกี่ยวกับการสำรวจแบบสอบถามของสถานีโทรทัศน์หลักสามแห่งที่สำรวจโดยลอสแอนเจลิสไทม์
อันดับที่หนึ่งคือ ‘A Fairy Wife’ อันดับที่สองคือ ‘ทีวีช้อปปิ้ง’ อันดับที่สามคือ ‘อิริน่าทอล์คโชว์’ อันดับที่สี่คือ ‘เซซามีสตรีท’ และอันดับที่ห้าคือ ‘การเงินกับแอนดี้’
จากแบบสำรวจในครั้งนี้จะเห็นได้ว่าเอบีซีครอง 5 อันดับไปแล้ว
แล้วจากการสำรวจจะเห็นได้ว่าเรตติ้งที่สูงที่สุดก็คือ 68%
ทันใดนั้นพิธีกรชายก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่น่าแปลกใจที่สถานีโทรทัศน์อื่นๆ จะมาที่เอบีซีเพื่อไล่ล่าผู้คน ผมคิดว่าพวกเขาต้องรู้สึกถึงวิกฤตแล้วแน่ๆ”
“อ่า มีคนมาหาคุณเหมือนกันเหรอ? บริษัทไหนที่มาล่ะ?” พิธีกรอีกคนถาม
“คนที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่าย HR ของเอนบีซีมาหาผม และยังมอบเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิมด้วย แล้วคุณล่ะ? มีใครมาหาคุณไหม?” พิธีกรชายถาม
“มี คนจากสถานีโทรทัศน์โคลัมเบียมาหาฉัน และสถานการณ์ก็คล้ายกับที่คุณพูดเมื่อกี้ พวกเขายังสัญญากับฉันว่าจะมอบเงื่อนไขที่ดีกว่านี้ให้ และบอกให้ฉันลาออกจากที่นี่” พิธีกรสาวตอบ
ในตอนแรกผู้ชมก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับรายการข่าวนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วข่าวก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว
แต่ทันทีที่พิธีกรทั้งสองพูดคุยเกี่ยวกับการไล่ล่าพนักงานของเอบีซี มันก็ทำให้หลายคนที่กำลังดูข่าวอยู่ตกใจ
ต้องบอกว่าข่าวซุบซิบจะเป็นที่น่าสนใจสุดเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้นยังเกี่ยวข้องกับบริษัทออกอากาศขนาดใหญ่ เช่น เอนบีซีและซีบีเอสด้วย
ทำให้ในตอนนี้มันจึงเป็นข่าวที่น่าสนใจอย่างมากเพราะบริษัทอื่นกำลังเริ่มลุกลามแย่งชิงผู้คนและยังโดนเปิดเผยขณะรายงานข่าวอีก เลยเป็นเหตุไฟซุบซิบในหมู่ผู้ชมกำลังลุกโชน
พิธีกรทั้งสองยังคงพูดถึงประเด็นนี้ต่อไปและพิธีกรสาวก็กล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่า พวกเขายังมาลุกลามพระเอกและนางเอกของซีรีส์ ‘A Fairy Wife’ ด้วย”
“แล้วถ้านักแสดง ‘A Fairy wife’ ออกไปหมดมันจะเป็นยังไงต่องั้นเหรอ? ต้องบอกว่าแม้พวกเขาจะออกไป พวกเขาก็นำซีรีส์ ‘A Fairy wife’ ไปด้วยไม่ได้หรอกและผลที่ตามมาผู้ชมก็จะไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้อีกต่อไป” พิธีกรสาวกล่าว
พิธีกรชายรู้สึกประหลาดใจ
พิธีกรสาวยกมือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้และยักไหล่ “แต่ฉันเดาว่าพวกเขาน่าจะมาสร้างความปั่นป่วนให้กับบริษัทเอบีซีมากกว่า พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าผู้ชมจะได้ดู ‘A Fairy Wife’ ต่อหรือไม่”
“เพราะจากการสำรวจเรตติ้งของซีรีส์เรื่อง ‘A Fairy Wife’ นั้นมียอดผู้ชมสูงสุดถึง 68% ฉันเลยคิดว่าพวกเขาน่าจะอิจฉาเรามากๆ แน่”
“ยิ่งไปกว่านั้น พิธีกรและนักแสดงทุกคนของเอบีซีก็ยังถูกล่อลวงให้เปลี่ยนงานด้วย แม้แต่พนักงานธรรมดาเช่นผู้กำกับ นักตัดต่อ นักเขียนบท ช่างไฟและช่างอุปกรณ์ก็ยังถูกพวกเขาเข้าหา”
พิธีกรทั้งสองช่วยกันเปิดเผยข่าวเกี่ยวกับการคุกคามโดยตรง ซึ่งผู้ชมทางบ้านที่ดูอยู่ต่างก็ตกใจกันมาก
ต้องบอกว่ายังไงบริษัทใหญ่ๆ มันก็มีเรื่องราวสกปรกมากมายอยู่แล้ว
แต่มันก็หายากที่จะมีคนมาเผยแพร่ออกอากาศโดยตรงแบบนี้
มันช่าง…
เป็นข่าวใหญ่มาก!
เอบีซีก็สุดยอดมากจริงๆ ที่เอาข่าวเกี่ยวกับตัวเองออกมาเปิดโปงแบบนี้
แน่นอนว่าผู้ชมไม่เชื่อว่าพิธีกรทั้งสองจะโง่พูดเรื่องนี้ออกมาด้วยตัวเอง พวกเขาต้องได้รับคำสั่งจากผู้บริหารของเอบีซีให้รายงานเรื่องนี้ต่อโลกภายนอกแน่ๆ
แต่ผู้ชมต้องบอกเลยว่าสถานีโทรทัศน์เอบีซีนั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว
…
ผู้บริหารระดับสูงของเอนบีซีและซีบีเอสต่างก็ได้รับการรายงานอย่างรวดเร็วเพราะเวลานี้ทั้งสองกำลังดูสถานการณ์ของสถานีเอบีซีอย่างใกล้ชิด และพวกเขาก็ให้ความสนใจกับรายการของเอบีซีอยู่เสมอ
ดังนั้นทันทีที่ข่าวออกมาก็มีคนรายงานเรื่องนี้ให้พวกเขาอย่างรวดเร็ว
ซึ่งผู้บริหารระดับสูงทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจมาก
ยังไงนี้ก็คือการแข่งขันทางธุรกิจและวิธีการที่พวกเขาใช้ก็เป็นเรื่องธรรมดามาก
แต่มันไม่มีใครบ้าที่จะเอาเรื่องนี้ออกมาป่าวประกาศโดยตรงหรอกและเอบีซีก็หยาบคายมากจริงๆ
เพราะวิธีการที่เอบีซีใช้นั้นไม่ปฏิบัติตามวิถีธุรกิจเลยสักนิด
หลังจากที่ด่าในใจไปแล้ว
ทั้งสองสถานีก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา
เพราะเอบีซีออกข่าวตรงๆ อย่างนี้ แล้วพวกเขาจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? และพวกเขาจะทำยังไงต่อดี? เอบีซีคงไม่มาแย่งคนของพวกเขาหรอกมั้ง…
…
ฮาร์ดี้ไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวนี้มากนัก
ยังไงเขาก็มีคนที่มีความสามารถดีอยู่แล้ว เขาจะไปเอาคนจากอีกสองสถานีมาให้เสียเงินเล่นทำไม…
แต่ฮาร์ดี้ก็โทรเฮนรี่เพื่อสั่งอะไรบางอย่าง
“เอนบีซีและซีบีเอสทั้งคู่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก หาคนไปนิวยอร์กแล้วทำอะไรให้ฉันสักสองอย่างสิ” ฮาร์ดี้บอกอย่างระมัดระวัง
เฮนรี่พยักหน้าว่าเข้าใจ
จากนั้นเฮนรี่ก็บินไปนิวยอร์กพร้อมกับคนมากกว่า 20 คนจากหน่วยข่าวกรอง ในเวลาเดียวกันฮาร์ดี้ก็โทรหาเจ้าพ่อมาเฟียเพื่อขอความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้วนิวยอร์กก็เป็นบ้านของครอบครัวมาเฟียคอร์เลโอเน