ตอนที่ 179 ประธานสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์
ข่าวเที่ยงวันของสถานีโทรทัศน์เอบีซีนอกเหนือจากข่าวในประเทศแล้ว พวกเขาก็ยังรายงานข่าวเกี่ยวกับต่างประเทศด้วย ซึ่งมันก็ออกมาดูดีมากจริงๆ
ในเวลานี้ร้านขายเครื่องสำอางของเอสเตลอเดอร์ทุกที่จะเต็มไปด้วยผู้คน
เพราะเมื่อวานทีวีช้อปปิ้งได้นำสินค้าไปขายทำให้ลูกค้าทุกคนต้องมาที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
เลยทำให้พนักงานในร้านจะยุ่งเป็นพิเศษและด้านนอกก็จะมีสถานีโทรทัศน์บันทึกวีดิโออยู่
โดยสาวๆ เหล่านี้จะมีใบสั่งซื้ออยู่ในมือและหลังจากเดินไปให้พนักงานตรวจสอบแล้ว พวกเธอก็จะได้รับน้ำหอม ลิปสติกและเครื่องสำอางที่สาวๆ สั่งซื้อทางทีวีช้อปปิ้ง
หลังจากที่สาวๆ ได้รับของแล้วพวกเธอทุกคนก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“แล้วคุณได้ซื้อด้วยหรือเปล่าครับ?”
พิธีกรชายถามพิธีกรหญิง
เธอตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ฮิฮิ ฉันจะไม่ซื้อได้ยังไงละ ราคาดีขนาดนี้”
“แล้วสินค้าของวันนี้ในช่วงบ่ายคืออะไร? คุณพอจะรู้ไหมข้อมูลมันบ้างไหม?”
“ไม่รู้เลย แต่ฉันก็ตั้งหน้าตั้งตารอเหมือนกัน”
เดิมทีผู้คนก็มีความสงสัยเกี่ยวกับรายการทีวีช้อปปิ้งอยู่บ้าง
แต่เมื่อได้เห็นว่ามีผู้คนซื้อของจากทีวีช้อปปิ้งได้จริงและราคามันก็ถูกมาก ทำให้พวกเขาเฝ้ารอและอยากรู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรขายในช่วงบ่าย แล้วถ้ามันถูกจริงพวกเขาก็จะลองซื้อดู
เมื่อข่าวเที่ยงจบลงทีวีช้อปปิ้งก็เริ่มต้นขึ้น
“เรียนท่านผู้ชมที่รอคอย ‘ทีวีช้อปปิ้ง’ ในวันนี้ เงื่อนไขของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เรายังคงรับแค่การโทรสั่งซื้อเท่านั้น แต่เรามีก็ข่าวที่น่าเสียใจเนื่องจากสินค้าของเราในวันนี้ค่อนข้างจะส่งยากเป็นพิเศษ ดังนั้นเราจึงเปิดขายได้แค่ในลอสแอนเจลิสกับซานฟรานซิสโกเท่านั้น”
“เอาล่ะ มาดูของดีของเราในวันนี้กันดีกว่า!” พิธีกรพูดพร้อมกับดึงผ้าคลุมกำมะหยี่ออกเผยให้เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันงามอยู่ข้างใน
“ชื่อของมอเตอร์ไซค์คันเล็กนี้คือ ‘Lile Horne’ และมีสามสีคือ แดง เหลือง เขียว ซึ่งคุณสามารถบอกผู้ผลิตได้โดยตรงว่าชอบสีแบบไหน”
พิธีกรที่อยู่ข้างถามๆ อย่างสงสัยว่า “ราคาของมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 120 ถึง 150 ดอลลาร์ แล้วฉันก็สงสัยว่ามอเตอร์ไซค์คันเล็กที่อยู่กับเราในวันนี้ราคาจะลดลงเหลือเท่าไหร่กัน?”
พิธีกรชายยิ้มและเขาก็หันไปพูดเสียงดังให้กล้อง “ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน เพราะราคาในวันนี้ขึ้นอยู่กับลูกค้า!”
“อ่า! จะให้ลูกค้าตั้งราคาเองเหรอ?” พิธีกรสาวถามด้วยความประหลาดใจ
“จุ๊ๆ ราคาเดิมของรถคันนี้คือ 118 ดอลลาร์ และเราได้ให้ส่วนลดกับผู้ชมสำหรับการโทรเข้ามาสั่งซื้อกับเราอยู่ที่ 98 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่าราคาเดิมถึง 20 ดอลลาร์!”
“แต่มันก็ยังไม่ใช่ราคาที่แท้จริงแล้วอะไรคือการให้ลูกค้าเป็นคนกำหนดราคาละ? ซึ่งหัวหน้าก็อธิบายกับผมไว้ว่า ถ้าปริมาณขายในวันนี้เกิน 500 คัน ราคาของรถคันนี้ก็จะเหลือ 88 ดอลลาร์”
“แล้วถ้าขายได้ถึง 1000 คัน ราคาก็จะตกไปที่ 78 ดอลลาร์”
พิธีกรหญิงพยักหน้าทันที “แล้วถ้าเราขายได้มากกว่านั้นละ? ราคาจะลดลงอีกไหม?”
พิธีกรชายส่ายหัว
“ผมคิดว่าจำนวน 1000 คันนี้ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว”
“แต่ถ้ามันขายได้มากกว่านั้นจริงๆ ละคะ?” พิธีกรหญิงถามอีกครั้ง
พิธีกรชายถึงกับกัดฟันตอบว่า
“ถ้ามันขายได้ถึง 2000 คัน ผมให้คุณที่ 68 ดอลลาร์ต่อคันเลยเอ้า!”
“แต่…ถ้ามันขายได้ 3000 คันละ?” พิธีกรหญิงถามอีกครั้ง
“งั้นผมก็จะให้ราคาช็อกโลกแก่คุณที่ 58 ดอลลาร์ต่อคัน!”
“ว้าว แสดงว่าฉันก็สามารถซื้อรถคันนี้ได้ในราคาครึ่งเดียวนะสิ!” พิธีกรหญิงอุทานอย่างตกใจ
พิธีกรชายหันไปหากล้องและพูดเสียงดังว่า “เอาล่ะ! เราจะเริ่มให้โทรเข้ามาแล้ว เพียงแค่คุณโทรเข้ามาก็ถือว่าจองทันทีเริ่มได้!”
พิธีกรชายตะโกนลั่นและกล้องก็หันไปหาห้องห้องหนึ่งที่มีพนักงานหญิงหลายคนกำลังรับโทรศัพท์อยู่
10 นาทีต่อมา
ข้อมูลก็ออกมาว่าตอนนี้มีคำสั่งซื้อที่ 80 คน
ใน 20 นาทีต่อมามันก็เพิ่มเป็น 200 คน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา 300 คนเข้าไปแล้ว!
และหนึ่งชั่วโมงต่อมา…ก็ผ่านไป 500 คน!
พิธีกรชายตะโกนขึ้นมาทันทีว่า “ตอนนี้ราคาลดลงเหลือ 88 ดอลลาร์แล้ว”
“มาดูกันว่าวันนี้จะลดลงถึง 78 ดอลลาร์ไหม”
สองชั่วโมงต่อมายอดขายก็พุ่งไปถึง 1000 พันคันทำให้พิธีกรทั้งสามโห่ร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ตอนนี้รถหนึ่งคันราคาอยู่ที่ 78 ดอลลาร์แล้วครับ!”
ผ่านไปสามชั่วโมงก็ขายออกไปได้ถึง 2000 คัน
สี่ชั่วโมงต่อมา 2500 คัน…
เห็นได้ชัดว่ายอดขายค่อยๆ ลดลงแล้ว
แต่ทันใดนั้นพิธีกรหญิงก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันคิดอะไรออกอยู่อย่างหนึ่ง…ถ้าคนคนหนึ่งจะสั่งรถสองคันละ? หรือถ้าสั่งแล้วไม่มาจ่ายเงินเพียงเพื่อจะทำยอดให้ถึง 3000 คันเท่านั้น ราคามันจะอยู่ที่ 58 ดอลลาร์หรือเปล่า?”
พิธีกรชายแสดงท่าทีตกใจและก็เข้าไปปิดปากพิธีกรหญิงทันที
“ลากเธอลงมาเร็ว! เธอทรยศต่อสถานีโทรทัศน์ของเราแล้ว!” เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในห้องบันทึกเสียงอยู่สักพัก
แต่ดูเหมือนผู้ชมจะเริ่มคิดได้และโทรเข้ามาอีกครั้ง ทำให้ยอดสั่งซื้อพุ่งไปถึง 3000 คันในเวลาไม่นาน
พิธีกรชายรู้สึกหงุดหงิดอยู่พักหนึ่ง
“ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าในครั้งนี้จะมีการซื้อรถไปมากถึง 3000 คัน แถมยังได้ราคาต้นทุนที่ 58 ดอลลาร์ซะด้วย… และบริษัทยังต้องจ่ายค่าขนส่งอีก แถมผมก็ตั้งราคาต่ำเกินไป ผมควรทำยังไงต่อดีละเนี่ย? บอสจะไล่ผมออกไหมนะ?”
เมื่อผู้ชมได้เห็นการแสดงออกของพิธีกรชาย พวกเขาก็ตื่นเต้นกันมากเลยรีบโทรเข้ามาอีกครั้ง
ซึ่งอันที่จริงรายการในวันนี้มันก็เหมือนกับการเล่นเกมที่ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการร่วมเล่น
เมื่อเวลาสั่งซื้อสิ้นสุดลงพิธีกรชายก็ประกาศว่ามีคำสั่งซื้อเข้ามาทั้งหมด 3656 รายการ
ดังนั้นตามข้อตกลงราคาของรถมอเตอร์ไซค์คันนี้จะอยู่ที่ 58 ดอลลาร์เท่านั้น!
คนที่ซื้อมอเตอร์ไซค์ไปในวันนี้ก็รู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะบางอย่าง มันเหมือนกับว่าพวกเขาได้ปราบนายทุนชั่วร้ายลงได้
ต่อมาฮาร์ดี้ก็ได้รับรายงานปริมาณของคำสั่งซื้อของจริงจะอยู่ที่ 2500 คันก็เลยต้องขายที่ 58 ดอลลาร์ต่อคันอยู่ดี
ซึ่งหลายคนก็คิดว่านี้เป็นราคาทุนจริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าฮาร์ดี้นั้นซื้อมาในราคาแค่ 38 ดอลลาร์เท่านั้น…
ลองคิดเล่นๆ กำไรคันละ 20 ดอลลาร์ เขาก็จะได้ราวๆ 50,000 ดอลลาร์ในวันเดียว
…
แอนดี้เข้ามาหาฮาร์ดี้พร้อมกับรายงานเกี่ยวกับตลาดหุ้นในมือ
“บอส วันนี้ราคาหุ้นของนิตยสาร ‘เพลย์บอย’ ได้พุ่งขึ้นสูงมาก จาก 24.5 เป็น 31.5 ดอลลาร์แล้ว และทรัพย์สินของบอสก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย”
“ลางสังหรณ์ของฉันถูกต้องสินะ” ฮาร์ดี้พูดด้วยยิ้ม
“ส่วนหุ้นสองตัวที่ผมพูดในรายการวันนี้มันก็เพิ่มขึ้นราวๆ 3% ด้วยเหมือนกัน”
“และหุ้นอุตสาหกรรมทางทหารที่ผมพูดไม่แนะนำให้เข้าเล่น ในวันนี้มันก็กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง”
ฮาร์ดี้พยักหน้า
“ดูเหมือนว่าเราจะมาถูกทางสินะ รายการวิเคราะห์เศรษฐกิจของเรานั้นมีผลต่อตลาดหุ้นมากจริงๆ งั้นแอนดี้ก็ทำต่อไปให้ดีละกัน”
“ไม่ต้องห่วงบอส เดี๋ยวผมจะดูแลเอง!” แอนดี้กล่าว
ทันทีที่แอนดี้จากไปฮาร์ดี้ก็ได้รับโทรศัพท์จากเมเยอร์หัวหน้าของเอ็มจีเอ็ม
“ฮาร์ดี้ ภาพยนตร์เรื่อง ‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ’ วันนี้มีคนเข้ามาดูเยอะมาก ถ้าอิงจากยอดเมื่อวานมีผู้คนเข้ามาดูแค่ 40% แต่วันนี้มันพุ่งไปถึง 80% เลยทีเดียว และเมื่อวานฉันก็ได้ดูรายการทอล์คโชว์ของนายแล้ว ดูเหมือนมันจะมีบทบาทที่ดีมากสำหรับการโปรโมทภาพยนตร์ มันกระตุ้นให้ผู้คนมาที่โรงภาพยนตร์เยอะขึ้นจริงๆ” เมเยอร์กล่าว
“ผมก็คิดว่ามันจะออกมาดี แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะส่งผลดีเยี่ยมขนาดนี้” ฮาร์ดี้ยิ้ม
“ฮาร์ดี้ ฉันได้ดูรายการของนายตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ต้องบอกเลยว่ามันเป็นรายการที่ดีทุกอันดีจริงๆ และก็ได้ยินมาว่าอีกสองสถานีต่างก็รู้สึกถึงแรงกดดันของนายแล้ว พวกเขาถึงกับต้องจัดการประชุมข้ามคืนเพื่อที่จะหาทางรับมือกับนาย ซึ่งฉันก็คาดเดาไว้ว่าพวกเขาน่าจะร่วมมือกันขวางทางนายแน่” เมเยอร์กล่าว
“มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ผมก็เกรงว่าพวกเขาคงจะตามผมไม่ทันหรอก เพราะผมยังมีไพ่อยู่ในมืออีกหลายใบ ฮ่าๆ” ฮาร์ดี้กล่าวอย่างมั่นใจ
เมเยอร์เงียบไปครู่หนึ่ง
“ฮาร์ดี้ฉันอยากซื้อหุ้นของเอบีซี นายคิดยังไงกับหุ้น 30% ที่สิบล้าน? และฉันก็รับประกันได้ว่านายจะเป็นคนที่ดูแลสถานีโทรทัศน์ต่อไป” เมเยอร์กล่าว
ฮาร์ดี้ยิ้ม
“คุณเมเยอร์ คุณรู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ พาราเมาท์และวอร์เนอร์บราเธอส์ต่างก็โทรหาผมเพื่อจะขอซื้อหุ้นของเอบีซี”
ซึ่งฮาร์ดี้ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรให้อีก แต่สิ่งนี้มันก็สร้างแรงกดดันให้กับเมเยอร์มากพอแล้ว
ต้องบอกว่าทั้งสามบริษัทภาพยนตร์นี้เป็นคู่แข่งกันมาตลอด และเมเยอร์ก็ไม่ต้องการถูกบริษัทภาพยนตร์อื่นแซง
เพราะถึงแม้จะมีเอชดีฟิล์มของฮาร์ดี้มาที่หลัง แต่เมเยอร์ก็รู้จุดแข็งของฮาร์ดี้
เขาเลยคิดว่าเอชดีฟิล์มนั้นยังตามหลังเอ็มจีเอ็มอยู่มาก
เขาจึงไม่กังวลอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ทว่าตอนนี้ฮาร์ดี้ได้สร้างเอบีซีขึ้นมาทำให้จุดยืนในวงการภาพยนตร์ของฮาร์ดี้เทียบเท่ากับเอ็มจีเอ็มแล้ว
ถ้าฮาร์ดี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทภาพยนตร์อื่น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะใหญ่มากสำหรับเอ็มจีเอ็ม
“แล้วนายคิดว่าเท่าไหร่ละ?” เมเยอร์ถาม
“ถ้าเอ็มจีเอ็มจะซื้อหุ้นของเอบีซีมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ผมก็มีเงื่อนไขเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย” ฮาร์ดี้กล่าว
“พูดมาเลย”
“หุ้น 30% นั้นมากเกินไป ผมขายได้มากสุดแค่ 20% เท่านั้น และเรื่องราคาผมก็เคยบอกไปแล้วที่ 20 ล้านดอลลาร์ แล้วคุณเมเยอร์คุณรู้ไหมว่าอีกสองสถานีนั้นไม่มีทางทำได้แบบผมหรอก ผมสามารถทำให้บริษัทเอบีซีมีกำไรมากกว่า 10 ล้านในแต่ละปี”
“ซึ่งผมก็หวังว่าจะได้ทำความร่วมมือกับคุณ โดยผมอยากให้เอ็มจีเอ็มเปิดให้นำภาพยนตร์ที่คุณเก็บไว้มาออกอากาศกับเอบีซี แน่นอนว่าคุณสามารถสร้างรายได้กับมันได้ ส่วนเรื่องทอมแอนเจอร์รี่ ผมยินดีที่จะจ่ายให้เอ็มจีเอ็มรวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย”
“ส่วนที่สาม เอ็มจีเอ็มเป็นบริษัทที่มีกำลังผลิตมากที่สุดในฮอลลีวูด ผมก็หวังว่าเอ็มจีเอ็มจะช่วยผลิตรายการต่างๆ ออกมาเช่น ซีรีส์ วาไรตี้โชว์ การ์ตูน และอื่นๆ ในอนาคต”
“สี่ ผมได้ยินมาว่าคุณเมเยอร์มีหุ้นอยู่ที่ลอสแอนเจลิสไทมส์ 11 % ใช่ไหม? ผมอยากได้หุ้นตัวนั้นของคุณทั้งหมด”
เนื่องจากฮาร์ดี้ต้องการสร้างอาณาจักรสื่อของเขาเอง ดังนั้นบริษัทหนังสือพิมพ์ก็เป็นส่วนสำคัญ และลอสแองเจลิสไทมส์ก็เป็นหนึ่งในสำนักข่าวขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
อิทธิพลของมันเป็นรองแค่นิวยอร์กไทมส์และวอชิงตันโพสต์เท่านั้น
ถ้าฮาร์ดี้ได้หุ้นของลอสแอนเจลิสไทมส์ เขาสามารถใช้สถานะของหุ้นโปรโมทเอบีซีเพื่อทำให้แหล่งรายการข่าวของเอบีซีมั่นคงขึ้นไปอีก
“ห้า ผมได้ยินมาว่าเก้าอี้ของประธานสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์กำลังจะว่างในเดือนพฤศจิกายน ผมก็เลยจะลงสมัครชิงตำแหน่งเก้าอี้ของสมาคม ก็หวังว่าคุณเมเยอร์จะสนับสนุนผมด้วย”
เมื่อฟังเงื่อนไขของฮาร์ดี้ เมเยอร์ก็หายใจเข้าลึกๆ และพูดด้วยความโกรธ “ฮาร์ดี้สิ่งที่นายเรียกเก็บนั้นเยอะเกินไป”
เมเยอร์กำลังโกรธมาก
เพราะเขารู้สึกว่าคำขอของฮาร์ดี้มันมากไปหน่อย
สมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์นั้นเป็นองค์กรขนาดใหญ่
โดยที่นักแสดง นักข่าว ดาราวิทยุ ศิลปิน นักร้อง นักพากย์ และผู้ปฏิบัติงานด้านสื่ออื่นๆ ทั้งหมดจะต้องลงทะเบียนกับสมาคมนี้และตำแหน่งของประธานก็ไม่ใช่ตำแหน่งเล็กๆ
โดยประธานปัจจุบันนั้นได้รับการสนับสนุนโดยเมเยอร์ และประธานคนนี้ก็เป็นคนของเขานั้นเอง
หากฮาร์ดี้ได้ขึ้นเป็นประธาน มันก็เท่ากับว่าเขากำลังแย่งชิงอำนาจของเมเยอร์ไป
เมเยอร์รู้สึกโกรธมาก เพราะตอนนี้สิงโตกำลังถูกท้าทายโดยเด็กคนหนึ่ง
แน่นอนถ้าเป็นคนอื่นเมเยอร์จะปฏิเสธโดยไม่ลังเลจากนั้นก็จะเริ่มตอบโต้กลับ
ถึงแม้จะเป็นยูนิเวอร์เซลหรือวอเนอร์ก็ตามเขาก็สามารถทำให้อีกฝ่ายมีปัญหาและจับถอนขนได้อยู่แล้ว
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฮาร์ดี้…
เมเยอร์ก็รู้สึกว่าตัวเขานั้นไม่มีอำนาจอะไรและยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยอีกด้วย