ตอนที่ 178 อย่ารีรอ
“เทย์เลอร์ค่ะ วันนี้หนูได้ปรากฏตัวในรายการ ‘เซซามีสตรีท’ ด้วยใช่ไหม? แล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? สนุกหรือเปล่า?” อิริน่าถามด้วยรอยยิ้ม
“สนุกมากค่ะ ตอนถ่ายทำผู้กำกับก็บอกกับหนูว่าให้หนูแสดงเหมือนกับกำลังเล่นกับเพื่อนๆ โดยมีบิ๊กเบิร์ด โกรเวอร์ เอลโม่ คุกกี้มอนสเตอร์มาเล่นด้วยกัน ถึงแม้จะบางตัวจะนิสัยแย่ บางตัวก็มักจะเลียนแบบคำพูดของหนู แต่หนูก็สนุกดีค่ะ” เทย์เลอร์พูดด้วยรอยยิ้ม
สาวน้อยวัย 15 ปีที่สวยราวกับนางฟ้าพร้อมกับดวงตาสีม่วงคู่นั้นและรอยยิ้มอันอ่อนหวานก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของผู้คนนับไม่ถ้วนสั่นไหว
“ฮ่าๆ งั้นเรามาคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ ‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ’ กันบ้างดีกว่า ตอนนี้ภาพยนตร์เข้าฉายได้ 2 สัปดาห์แล้ว และจากที่ดูรายงานบ็อกซ์ออฟฟิศตอนนี้มียอดเข้าชมถึง 6 ล้าน ฉันคิดว่ามันเปิดตัวได้ดีเลยนะ แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีโอกาสกลายเป็นแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศในปีนี้ด้วย ฉันเลยอยากรู้ความรู้สึกคุณแกรนต์กับเทย์เลอร์ว่ารู้สึกยังไงบ้าง? หรือว่ายังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่?” อิริน่าถามด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนผมมีความสุขมาก” แครี แกรนท์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“พอหนูรู้ข่าวก็ตื่นเต้นอยู่ครึ่งวันเลยค่ะ” เทย์เลอร์ยิ้ม
“แค่ครึ่งวันเองเหรอ?”
“โอ้ พอดีหนูหลับไปก่อนนะคะ อาจจะเป็นเพราะรู้สึกตื่นเต้นมากไปหน่อย แฮะ แฮะ” เทย์เลอร์แลบลิ้นออกมาด้วยความทะเล้น
ผู้ชมที่อยู่รอบๆ ก็หัวเราะไปกับเธอ
“แล้วคุณแกรนต์คิดยังไงกับการแสดงของเทย์เลอร์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ?” อิริน่าถาม
“มันเยี่ยมมาก ถึงผมจะทำงานกับแสดงหญิงมามากมายแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้ผมยกให้เทย์เลอร์เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ดีที่สุดเลย ทักษะการแสดงของเธอดีมากจริงๆ”
รายการทอล์คโชว์ดูผ่อนคลายกันมาก พิธีกรและแขกรับเชิญคุยกันเหมือนเพื่อนที่มาเจอกัน แถมผู้ชมทางบ้านก็ยังส่งคำถามเข้ามาร่วมสนุกได้อีก
มันช่างเป็นรายการที่สดใหม่จริงๆ
ทั้งรายการกินเวลาชั่วโมงครึ่งและมีโฆษณาคั่นกลางอยู่ 2 โฆษณา แต่ผู้ชมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปดูช่องอื่นเลย
มันแสดงให้เห็นว่าผู้ชมนั้นผูกพันกับรายการนี้
ผู้บริหารของเอนบีซียังคงดูรายการอยู่ในห้องออกอากาศ และพวกเขาก็นั่งกันอยู่ที่นี่มาตลอดทั้งวัน
มีบางคนก็แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าแล้ว
เมื่อดูการสัมภาษณ์และการสนทนาประธานคนหนึ่งกล่าวว่า “เราก็มีรายการทอล์คโชว์ด้วยเหมือนกันนี่ ยังไงมันก็ไม่ใช่รายการใหม่ ในระหว่างการสำรวจแบบสอบถาม รายการทอล์คโชว์ของเรายังได้รับการจัดอันดับให้เป็นรายการโปรดของผู้ชมอันดับต้นๆ อีก”
ต้องบอกว่าการให้เรตติ้งนั้นไม่ง่ายเหมือนในยุคอนาคตที่แค่เปิดคอมพิวเตอร์ก็สามารถให้คะแนนหรือตรวจสอบเรตติ้งได้ และในยุคนี้ถ้าอยากได้ข้อมูลของรายการอะไรสักอย่าง พวกเขาจะต้องส่งแบบสอบถามออกไปเท่านั้น
มันเลยค่อนข้างจะช้าอยู่บ้าง และมักใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือนกว่าจะรู้ว่าผู้ชมชอบรายการหรือไม่
“แต่การโต้ตอบกับผู้ชมทางบ้านโดยโทรศัพท์นี้ น่าเอามาใช้กับเราจริงๆ มันจะทำให้ผู้ชมทางมีส่วนร่วมกับเรามากขึ้นอย่างแน่นอน ยังไงถ้าพิธีกรเลือกคำถามของผู้ชมมาถามกับดาราดัง ผู้ชมก็จะรู้สึกดีแน่ๆ”
ท่านประธานคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า “คิดว่าเราทำมันได้ไหม?”
“ผมกลัวว่าเอบีซีจะจดลิขสิทธิ์ไว้แล้วเหมือนกัน” มีคนกล่าวขึ้น
ประธานของเอนบีซีครุ่นคิดถึงหนทางในอนาคต
‘ยังไงเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ก็คงจะขยับขยายในไม่ช้านี้แน่ๆ หรือในระหว่างการเปิดตัวภาพยนตร์ มันก็ต้องมีการนำไปลงโทรทัศน์เพื่อที่จะได้โปรโมทไปอีกทางหนึ่ง’
หัวหน้าของเอ็มจีเอ็มเมเยอร์ก็สงสัยว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ คงจะทำให้รายได้ของภาพยนตร์เรื่อง ‘ลีออง เพชรฆาตมหากาฬ’ พุ่งอีกครั้งแน่ๆ
แต่การเพิ่มขึ้นของรายได้ก็เป็นประโยชน์ต่อเขาไม่ใช่เหรอ?
รายการสัมภาษณ์จบลงด้วยเสียงปรบมืออย่างกระตือรือร้นของผู้ชม อิริน่าทอร์คโชว์จึงถือว่าเปิดตัวได้อย่างสวยงาม หลายคนจำพิธีกรสาวสวยสุดสมาร์ตของเอบีซีได้แล้ว
หลังจบทอล์คโชว์ก็มีโฆษณาชิ้นใหญ่อีกชิ้น
‘ฮาร์ดี้ โฮเต็ลในลาสเวกัสกำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ โปรดมากันด้วยนะครับ!’
ในวิดีโอ
นั้นมีคาสิโนอันแสนงดงามราวกับพระราชวังที่มีเครื่องสล็อตหลายแถวตั้งอยู่ในห้องโถง โต๊ะเกมหลายสิบโต๊ะ และกลุ่มคนที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับภาพตัดไปที่บาร์ ห้องออกกำลังกาย ห้องเทนนิส สระว่ายน้ำ สุดท้ายคือโรงแรมที่มีไวน์ดีๆ และสาวสวยในชุดบิกินีที่ปรากฏตัวในกล้องพูดเชิญชวนอย่างเย้ายวนว่าให้มาเจอกันที่ลาสเวกัส
ซึ่งคาสิโนจะเปิดในอีกครึ่งเดือนและมันเป็นครั้งแรกที่ฮาร์ดี้โฆษณาธุรกิจนี้
ซึ่งเขาก็มั่นใจว่ามันจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
การโฆษณาจบลง
รายการสุดท้ายก็คือภาพยนตร์ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’
มันเป็นหนึ่งในรายการสุดท้ายที่เตรียมไว้สำหรับคืนนี้
ถึง ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ จะเพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว แต่มันก็ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ในวงการอยู่
มันคว้าแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศเมื่อปีที่แล้วด้วย และได้รับรางวัลอันน่าประทับใจในงานลูกโลกทองคำและรางวัลออสการ์ในปีนี้
เมื่อภาพยนตร์ดีๆ แบบนี้มาฉายในโทรทัศน์ หลายคนก็ประหลาดกับความใจป้ำของเจ้าของบริษัทเอบีซีมาก
เพราะต้องบอกว่าเมื่อภาพยนตร์ฉายทางสถานีโทรทัศน์แล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะฉายในโรงภาพยนตร์อีกในอนาคต และตอนนี้พวกเขาก็สามารถดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ฟรี
ในคืนนี้หลายคนจึงมองเห็นเส้นทางการทำเงินเพิ่มอีก
เพราะตอนนี้สถานีโทรทัศน์อื่นๆ จะต้องได้รับความนิยมลดลงอย่างแน่นอน
…
ภาพยนตร์เริ่มเล่น
ผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์เอนบีซีและซีบีเอสต่างก็กลับไปที่ห้องประชุม
พวกเขารู้ว่านี้คือรายการสุดท้ายของเอบีซีแล้ว
แต่สิ่งที่พวกเขาต้องทำต่อไปก็คือ หาวิธีรับมือกับการเติบโตของสถานีโทรทัศน์เอบีซีนี้แหละ
แม้ว่าวันนี้จะเป็นเพียงวันแรกของการออกอากาศ แต่สถานีโทรทัศน์ทั้งสองแห่งก็รู้สึกถึงวิกฤตอย่างรุนแรง
เพราะหลังจากดูรายการของเอบีซีและลองหันมามองรายการของตัวเอง พวกเขาก็รู้สึกว่ามันด้อยกว่าเยอะมาก
งั้นทำไมผู้ชมถึงจะไม่รู้สึกละ?
ใช่ไหม?
และหากเอบีซีรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ตลอด ผู้ชมอีกสองสถานีก็จะต้องถูกเอบีซีดึงไปอย่างแน่นอน และเรตติ้งของพวกเขาก็จะตกทำให้งานโฆษณาก็น้อยลงไปอีก
รองประธานคนหนึ่งพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “พวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายกับรายการพวกนี้ไปเท่าไหร่? สำหรับการผลิตรายการออกมามากมายขนาดนี้ นายทอมฮาร์ดี้คนนี้ช่างใจกล้าที่จะเอาเงินมาเผาเล่นจริงๆ”
รองประธานอีกคนผายมือ “มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะพวกเขามีเงินเหลือใช้ให้เผาเล่นนี่ ยังไงแค่บริษัทนิตยสารเพลย์บอยเล็กๆ นั้นก็สามารถซื้อสถานีโทรทัศน์ได้แล้ว”
“คำถามตอนนี้คือเราจะทำอย่างไรต่อ จะเพิ่มเวลาออกอากาศเหมือนกับเขา? หรือจะเลือกผลิตรายการที่มีคุณภาพสูงขึ้นไปอีก?” ประธานถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ทำให้รองประธานคนอื่นๆ ไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็มีรายการที่ออกอากาศอยู่ 5 ชั่วโมงต่อวันอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้เอบีซีกลับออกอากาศทั้งหมด 16 ชั่วโมง
มันมากกว่าพวกเขาถึงสามเท่า!
พวกเขาต้องเพิ่มรายการเข้าไปอีก 11 ชั่วโมงเพื่อตามเอบีซีให้ทัน
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องน่าปวดหัวเพราะพวกเขาไม่รู้จะเอาอะไรไปออกอากาศใน 11 ชั่วโมงนี้
นอกจากนั้น
รายการที่ผลิตโดยเอบีซีก็มีคุณภาพสูงมาก ผลที่ตามมาก็คือต้องใช้เงินลงทุนมากตามไปด้วย
แล้วคิดว่าคณะกรรมการจะอนุมัติงบให้เหรอ?
อ่า ดูเหมือนปัญหาหลายๆ อย่างยากที่จะแก้ไขสินะ
รองประธานคนหนึ่งเสนอว่า “ท่านประธาน งั้นทำไมเราไม่สร้างทีวีช้อปปิ้งขึ้นมาด้วยละครับ? ถึงเราจะต้องเจอเกี่ยวกับการโดนฟ้องลิขสิทธิ์ แต่เราก็สามารถหาทนายเก่งๆ ถ่วงเวลาไว้ได้อย่างน้อยครึ่งปี เมื่อถึงตอนนั้นเราอาจจะแพ้คดีและเสียค่าเสียหายจำนวนมากก็เถอะ แต่ในช่วงเวลานั้นเราก็สามารถทำเงินได้มากเหมือนกัน เมื่อคณะกรรมการเห็นเงิน พวกเขาก็ไม่สนใจเรื่องฟ้องร้องอะไรนี้หรอก ซึ่งผมก็เชื่อว่าเราจะสามารถทำเงินกับรายการนี้ได้เยอะมากอย่างแน่นอน”
ท่านประธานรู้สึกอยากได้รายการทีวีช้อปปิ้งของอีกฝ่ายมาก
เขาคิดอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า “เดี๋ยวฉันไปถามผู้บริหารคนอื่นๆ ก่อนว่าเขาจะเอายังไงกับเรื่องนี้”
“แต่นายกลับไปบอกให้แต่ละแผนกเขียนแผนพัฒนาสถานีโทรทัศน์ให้ฉันภายในสองวัน เพราะถ้าเราไม่ต้องการจะถูกสถานีโทรทัศน์เอบีซีทิ้งห่าง เราก็จำเป็นต้องปรับปรุงตัว ดังนั้นมาระดมสมองเพื่อจัดการกับเอบีซีกันเถอะ แล้วฉันขอจบการประชุมไว้ที่ตรงนี้!”
ยังไงวันนี้เขาก็อยู่ที่นี่ดูโทรทัศน์ทั้งวัน มันเลยทำให้เขาเหนื่อยมาก
…
ผู้บริหารของซีบีเอสก็กำลังหาทางรับมือกับเอบีซีเช่นกัน ทุกคนในที่นี้รู้ถึงภัยคุกคามจากเอบีซีและก็คิดว่าพวกเขาไม่มีสิ่งใดไปต่อสู้กับอีกฝ่ายเลย
ผู้บริหารของซีบีเอสจัดการประชุมถึงเช้า และในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกที่ทำหลายอย่างมาก
อย่างน้อยต้องเพิ่มระยะเวลาออกอากาศขึ้นและในช่วงเวลานั้นต้องมีรายการหลักหนึ่งรายการ
ซึ่งรายการที่จะผลิตนั้นจะไม่ใช่รายการที่ใหญ่มากนัก แต่จะเอาแรงบันดาลใจจากเอบีซีมา
โดยจะหาคนสองคนมานั่งเล่นหมากรุกและก็จะมีคำอธิบายขึ้นอยู่ข้างๆ และเขาก็จะเรียกรายการนี้ว่าการสอนเดินหมาก
อีกหนึ่งรายการก็จะเป็นการสอนเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด
รายการสอนเล่นบริดจ์
ซึ่งพวกนี้มันสามารถเปลี่ยนเป็นรายการโชว์ได้ในภายหลัง
แล้วเขาก็คิดจะทำรายการสอนภาษาด้วย โดยจะมีภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปนก่อน
หรือจะเป็นรายการแข่งตกปลาก็น่าสนใจเหมือนกัน
ส่วนของแม่บ้านพ่อบ้านพวกเขาก็จะมีรายการสำหรับสอนบำรุงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเสริมเข้าไป
แล้วสำหรับการผลิตรายการคุณภาพสูงพวกเขาคิดจะทำหนึ่งหรือสองรายการเท่านั้น เพื่อที่จะได้รักษายอดผู้ชมไว้ และจากการประชุมอันยาวนานก็คือเลือกที่จะเลียนแบบเอบีซีน่าจะง่ายสุด
แน่นอนว่ามันต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์หรืออาจจะใช้อ้างอิงจากรายการของพวกเขาก็พอ
เหล่าบรรดาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็ยังให้ความสนใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมโทรทัศน์ด้วยเหมือนกัน
เพราะก่อนหน้าที่มีสถานีโทรทัศน์เอนบีซีและซีบีเอสนั้นพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงการคุกคามเท่าไหร่
แต่หลังจากที่ได้ดูรายการของสถานีโทรทัศน์เอบีซี พวกเขาก็คิดได้ว่าการที่เมื่อก่อนนั้นไม่รู้สึกถึงภัยคุกคาม…
มันก็เพราะทั้งสองสถานีโทรทัศน์นั้นผลิตรายการออกมาไม่ดีนั้นเอง
แต่ตอนนี้เมื่อได้ดูรายการของเอบีซี…
พวกเขาก็เห็นว่ามันมีทางเลือกสำหรับการดูภาพยนตร์ขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างนั้นก็คือการดูโทรทัศน์อยู่บ้าน
คิดว่าทำไมนะเหรอ?
เพราะการที่คุณอยากจะดูภาพยนตร์สักเรื่องในตอนนี้ คุณต้องขับรถไปที่โรงภาพยนตร์และต้องจ่ายเงินสำหรับค่าตั๋ว
บางครั้งก็ต้องเจอกับสภาพอาการที่เลวร้าย และต้องระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเอง
แต่สำหรับการดูโทรทัศน์นั้นไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย คุณแค่สวมชุดนอนอยู่ที่บ้านแค่นี้คุณก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับรายการโปรดของคุณได้แล้ว
ในตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้พวกเขาเลิกดูถูกมันและหันมาใส่ใจอย่างจริงจังแล้ว
…
วันต่อมา
สำนักข่าวใหญ่ๆ ต่างก็รายงานข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัวของเอบีซี
‘รายการของเอบีซีตอนนี้ถือว่ามีความแปลกใหม่และน่าดูอย่างมาก พวกเขาสามารถดึงดูดผู้ชมให้จดจ่ออยู่แต่รายการของพวกเขา ถ้าสถานีโทรทัศน์อีกสองแห่งไม่ปรับตัว ผมก็กลัวว่าพวกเขาจะต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน’
‘ด้วยระยะเวลาออกอากาศที่เพิ่มขึ้นถึง 11 ชั่วโมงและรายการที่ออกมานั้นก็มีคุณภาพดีมาก มันแสดงให้เห็นเลยว่าเจ้าของเอบีซีคนใหม่นี้มีความสามารถมากแค่ไหน แล้วก็เห็นได้ชัดว่าสถานีโทรทัศน์เอนบีซีและซีบีเอสต่างก็ถูกนำมาเปรียบเทียบกับเอบีซี แต่ยังไงเราก็ชอบสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว เพราะเราก็เป็นเพียงแค่ผู้ชมที่ต้องการจะเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงที่สนุกสนานเท่านั้น’
‘สัปดาห์หน้าลอสแอนเจลิสไทมส์จะออกแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานีโทรทัศน์อีกครั้งและจะออกประกาศกับสถานีโทรทัศน์เอบีซีในช่วงสัปดาห์นั้น’
…
แปดโมงเช้าวันถัดไป
สถานีโทรทัศน์เอบีซียังคงออกอากาศต่อไป
ทุกคนรู้ว่าสถานีโทรทัศน์อื่นไม่มีรายการในระหว่างวัน
ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งค่าช่องเป็นสถานีโทรทัศน์เอบีซีเป็นช่องแรกเสมอ
ซึ่งวันนี้จะไม่มีรายการ ‘เอสเตลอเดอร์เมคอัพ’ แต่จะเป็นรายการที่เรียกว่า ‘สอนเข้าครัว’
โดยจะเป็นการนำแม่บ้านวัยสามสิบมาทำอาหารโชว์และพูดคุยกับผู้ชมทางบ้านผ่านโทรทัศน์ พร้อมกับสอนวิธีทำอาหารให้กับเหล่าหญิงสาวทางบ้านด้วย
ซึ่งมันมีเมนู เค้ก ขนมปังปิ้ง ทาร์ตไข่ แซนด์วิช สลัด เนื้อย่าง ผักรวม ปีกไก่ ซี่โครงบาร์บีคิวและอื่นๆ อีกมากมาย
จะเห็นได้ว่ามันมีเครื่องครัวและวัตถุดิบเยอะแค่ในสำหรับรายการนี้
แน่นอนว่าสถานีโทรทัศน์ได้ไปคุยกับผู้ผลิตเหล่านี้ เพื่อที่จะเก็บค่าโฆษณากับพวกเขานั้นเอง
แล้วคิดดูสิค่าโฆษณาแค่ 2,000 ดอลลาร์ต่อรายการคุณคิดว่ามันแพงไหม?
มันถูกมากเหมือนกับโปรโมทให้ฟรีเลยต่างหาก
แล้วถ้าลองคำนวณค่าโฆษณาต่อปีของรายการ ‘สอนเข้าครัว’ มันก็จะอยู่ราวๆ 2 ล้านดอลลาร์ต่อปี
มันเป็นรายได้ที่เยอะมากจริงๆ
หลังจากรายการนี้จบลงรายการต่อไปก็คือสารคดี ‘ยุทธการที่อิโวะจิมะ’
สารคดีนี้บันทึกเรื่องราวที่น่าเศร้าของสหรัฐอเมริกาที่ต้องต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นเพื่อแย่งชิงอิโวะจิมะ
ซึ่งสารคดีนี้ผลิตโดยฮาร์ดี้
ยังไงกองทัพสหรัฐก็ไม่เคยขาดผู้สื่อข่าวสงครามและพวกเขาก็บันทึกภาพไว้มากมาย
ฮาร์ดี้จึงขอให้นายพลวิลเลียมส์ซื้อสำเนาจากกองทัพและส่งมาให้เอชดีพิคเจอร์เป็นผู้ผลิตสารคดีนี้ขึ้นมา
แน่นอนว่าสารคดีประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเอชดีพิคเจอร์ พวกเขาใช้เวลาตัดต่อและพากย์เสียงเพียงแค่สองหรือสามวันก็เสร็จ
ในสารคดี
จะโชว์ให้เห็นว่ากองทัพของสหรัฐนั้นจะถูกฆ่าโดยชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก
มันน่าเศร้ามากที่ต้องทนเห็นเพื่อนๆ ของตัวเองถูกฆ่า และสารคดีนี้ก็เหมือนกับการใส่ไฟให้ชาวสหรัฐโกรธแค้นญี่ปุ่นมากขึ้นไปอีก
ซึ่งสารคดีเมื่อวานนี้คือ ‘การทิ้งระเบิดที่เพิร์ลฮาร์เบอร์’
ส่วนของวันนี้ก็คือ ‘ยุทธการที่อิโวะจิมะ’
บางคนเลยคิดว่า
สถานีโทรทัศน์เอบีซีน่าจะเกลียดชังชาวญี่ปุ่นมากจริงๆ