ตอนที่ 176 ทีวีช้อปปิ้งโด่งดัง!
วันที่ 18 กันยายน
วันนี้เป็นวันที่สถานีโทรทัศน์เอบีซีกลับมาออกอากาศอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ก็มีการโฆษณาในหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน
โดยเฉพาะซีรีส์รายการใหม่ๆ ในรายการที่ดึงดูดใจคนรอชมมากมายจริงๆ
แปดโมงเช้า
เสียงเพลงอันน่าตื่นเต้นดังขึ้น พร้อมกับโลโก้อันใหม่ของบริษัทเอบีซีปรากฏขึ้นบนโทรทัศน์และภาพก็ตัดไปที่ห้องสตูดิโอห้องหนึ่ง
ข้างหลังโต๊ะจะมีชายหญิงรูปงามนั่งอยู่ พวกเขายิ้มและเริ่มทักทายกับผู้ชม พร้อมกับเริ่มออกอากาศข่าวของรายการ ‘ข่าวเล่าเช้านี้’
เมื่อสถานีโทรทัศน์เอบีซีเริ่มออกอากาศ สถานีโทรทัศน์เอนบีซีและซีบีเอสต่างก็เฝ้าดูด้วยความสนใจ
ซึ่งตอนนี้ประธานบริษัทของทั้งสองสถานีต่างก็ยืนอยู่ในห้องออกอากาศของตน เพื่อรับชมรายการของเอบีซีด้วย
ในความเป็นจริงเจ้าของอุตสาหกรรมดังๆ เช่นเจ้าของเอ็มจีเอ็มเมเยอร์ เจ้าของพาราเมาต์ เจ้าของอาเคโอ (RKO) และวอร์เนอร์บราเธอส์ ต่างก็สนใจและเฝ้ารอคอยดูรายการถ่ายทอดสดของบริษัทเอบีซีเหมือนกัน
ซึ่งตอนนี้เอนบีซีก็คือเจ้าของเก่าของบริษัทเอบีซี และผู้บริหารของเอนบีซีต่างก็กำลังพูดดูถูกเอบีซีอยู่
เมื่อเริ่มออกอากาศไปได้สักพัก ผู้คนในห้องต่างก็พูดเยาะเย้ยออกมาอย่างสนุกสนาน
“ผู้ประกาศข่าวสองคนนี้หน้าตาดูดีทีเดียว แต่ทักษะการออกอากาศของพวกเขานั้นดูธรรมดามากจริงๆ”
“และรายการข่าวอันนี้ ก็ไม่มีอะไรใหม่ๆ ฉันเชื่อว่าผู้ชมของเรายังคงเชื่อมั่นในรายการเรา”
แต่ฝั่งสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสผู้บริหารกลับไม่ได้ดูถูกสถานีโทรทัศน์เอบีซีเลยสักนิด
“พวกคุณสังเกตเห็นไหมว่าพวกเขานั้นพูดออกมาเป็นภาษาพูดกันซะมากกว่า ซึ่งมันก็มีข้อดีของมันอยู่เพราะมันจะทำให้เข้าถึงผู้ชมมากขึ้น”
“ทั้งสองคนนั้นผ่อนคลายกันมากและบางครั้งก็จะมีเล่นมุกตลกด้วย มันเลยดูไม่แข็งเหมือนกับตอนเราออกอากาศ”
“ดูเหมือนบริษัทเอบีซีจะคิดมาดีมากเลยนะ”
เรื่องเล่าเช้านี้จบลงแล้ว มันบอกได้คำเดียวว่า ‘พอใช้’
เพราะยังไงสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งก็มีรายการข่าว และข่าวเช้าของเอบีซีมันก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่
หลังจากข่าวเช้าจบโฆษณาบาร์บี้ก็เริ่มฉายต่อ
โฆษณานี้มีความยาวห้านาทีและมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังเล่นกับตุ๊กตาบาร์บี้อยู่ โดยจะเป็นการสวมบทบาท แต่งตัวใส่เสื้อผ้าสวยๆ ออกมาเต้น ออกมาเดินเล่นกัน
ถึงแม้มันจะเป็นโฆษณาแต่มันก็ดีมากจริงๆ
เมื่อโฆษณาจบลง ‘เอสเตลอเดอร์เมคอัพ’ ก็เริ่มฉายและคุณนายเอสเตลอเดอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในกล้อง
พร้อมกับคำแนะนำตัวที่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา
‘ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยเครื่องสำอาง คุณเอสเตลอเดอร์ประธานบริษัทของเอสเตลอเดอร์’
ซึ่งรายการนี้จะมุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงทุกคน เพราะผู้หญิงบางคนก็รักสวยรักงามแต่ส่วนใหญ่จะแต่งหน้าไม่ค่อยเป็น
ถึงบางคนจะเรียนจากเพื่อนบางคนเรียนด้วยตัวเองมันก็ยังไม่สวยเท่ากับมีช่างแต่หน้าให้หรอก
และในตอนนี้มีคนมาสอนพวกเธอเกี่ยวกับการแต่งหน้า มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เหล่าผู้หญิงจะดูรายการนี้
…
เวลานี้มีนางแบบสองคนนั่งอยู่ข้างๆ คุณนายเอสเตลอเดอร์โดยพวกเธอทั้งสองยังไม่แต่งหน้าอะไรเลย และคุณนายเอสเตลอเดอร์ก็ลงมือแต่งหน้าให้นางแบบคนหนึ่งโดยจะอธิบายการใช้เครื่องสำอางต่างๆ เสริมไปด้วย
หลังจากผ่านมาครึ่งปีเอสเตลอเดอร์ก็ขยายตัวตัวอย่างรวดเร็วและเข้าซื้อบริษัทเครื่องสำอางขนาดเล็กหลายแห่ง
ทำให้ตอนนี้เอสเตลอเดอร์มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมากกว่าหนึ่งร้อยชนิด
…
การสอนแต่งหน้ากินเวลาไปประมาณหนึ่งชั่วโมง
เมื่อรายการใกล้จบ
กล้องก็แพนไปที่นางแบบทั้งสองคนที่คนหนึ่งแต่งหน้าและอีกคนไม่ได้แต่งหน้า
คนหนึ่งที่เพิ่งได้รับการแต่งหน้านั้นดูสวยขึ้นราวกับนางฟ้าแต่หญิงสาวอีกคนที่ไม่ได้แต่งหน้านั้นดูเป็นหญิงสาวที่ธรรมดามากๆ
มันไม่มีเสน่ห์ใดๆ ออกมาจากตัวเธอเลย
มันจึงแสดงให้เห็นความแตกต่างเมื่อผู้หญิงแต่งหน้ากับไม่แต่งหน้านั้นจะแตกต่างราวกับสวรรค์และนรก…
คุณนายเอสเตลอเดอร์ยิ้มและพูดกับกล้องว่า “เอสเตลอเดอร์เมคอัพมีเวลาออกอากาศสองครั้งคือวันเสาร์และวันพุธ เราไม่เพียงแต่สอนพวกคุณแต่งหน้าเท่านั้น แต่ยังมีการสอนเรื่องการดูแลผิวพรรณและการแต่งกายด้วย”
“และจงจำไว้ว่าผู้หญิงสามารถอวดความงามได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอายุ 8 ปี หรือ 80 ปี ก็อย่ายอมแพ้ที่จะอวดความงามของตัวเองออกมา”
“ในเวลาเที่ยงครึ่งจะเป็นรายการของช้อปปิ้งทีวี ทางเราจะมีการลดราคาเครื่องสำอางของเอสเตลอเดอร์ด้วย พวกคุณสามารถซื้อเครื่องสำอางที่คุณชื่นชอบได้ในตลอดช่วงบ่ายนี้ และมันใช้โทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น คุณก็จะได้เครื่องสำอางเอสเตลอเดอร์ที่ราคาถูกกว่าหน้าเคาน์เตอร์ไปใช้”
ผู้บริหารระดับสูงของสถานีโทรทัศน์เอนบีซีและซีบีเอสกำลังนั่งดูรายการเอสเตลอเดอร์เมคอัพอย่างจริงจัง
ซึ่งพวกเขาต้องบอกเลยว่ารายการนี้ทำได้ดีมาก
เพราะผู้หญิงในเวลานี้ไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนแต่งหน้า และเอสเตลอเดอร์ก็เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้
เขาเชื่อเลยว่าผู้หญิงทุกคนในอเมริกาจะจำชื่อเอสเตลอเดอร์ได้อย่างแน่นอน
แถมในตอนท้ายของช่วงรายการ
คำพูดไม่กี่คำที่เอสเตลอเดอร์พูดนั้นก็ปลุกใจของเหล่าผู้หญิงอย่างมาก
‘ไม่ว่าคุณจะอายุ 8 ปีหรือ 80 ปีก็อย่ายอมแพ้ความสวย’
มันเป็นคำพูดที่ดีจริงๆ
และก็อย่าลืมรายการทีวีช้อปปิ้งในตอนบ่าย เพราะเวลานี้เหล่าหญิงสาวได้เรียนรู้การแต่งหน้าจากรายการโทรทัศน์เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเธอก็ยังคงสงสัยว่าจะซื้อเครื่องสำอางประเภทไหนดี
ซึ่งในตอนนี้เครื่องสำอางหาก็ซื้อได้ง่ายที่ทีวีช้อปปิ้ง
ตราบใดที่คุณมีโทรศัพท์ คุณก็สามารถซื้อสินค้าที่คุณชื่นชอบได้
เพียงแค่แผงโชว์สินค้าเหล่านี้ก็พร้อมจะดึงดูดผู้คนได้มากมายแล้ว
นอกจากนี้หญิงสาวทั้งหลายก็ได้เรียนรู้จากคุณนายเอสเตลอเดอร์
มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเธอจะซื้อสินค้าของเอสเตลอเดอร์
ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับเครื่องสำอางชนิดนี้อยู่แล้ว
เหมือนกับเวลาที่ผู้หญิงไปเรียนขับรถโดยใช้รถซานตานาในการหัดขับ แน่นอนว่าพวกเธอก็จะใช้แต่ซานตานาในการขับขี่ต่อไป
มันก็เหมือนกับตอนนี้ที่คุณนายเอสเตลอเดอร์สอนเหล่าหญิงสาวใช้เครื่องสำอางของเอสเตลอเดอร์ในการแต่งหน้า มันจึงไม่แปลกที่หญิงสาวเหล่านี้จะใช้แต่เครื่องสำอางของเอสเตลอเดอร์
ยังไงมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วใช่ไหม?
เมื่อ ‘เอสเตลอเดอร์เมคอัพ’ จบลงโฆษณาชิ้นต่อไปก็ฉายขึ้นมาทันทีว่า
‘น้ำแร่ร็อกกีเมาเท่น’
เทือกเขาร็อกกีอันกว้างใหญ่
ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ พระอาทิตย์ที่อยู่เหนือท้องฟ้า ป่าไม้ แม่น้ำ ที่เสริมทิวทัศน์ให้สวยงามขึ้นไปอีกและภาพก็ค่อยๆ แพนไปที่หิมะที่เริ่มละลายลงไปหุบเขา
พร้อมกับโรงงานผลิตน้ำแร่ที่ทันสมัยมากปรากฏขึ้นที่เชิงเขา และแทงก์น้ำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นโชว์สายตา
‘สภาพแวดล้อมที่สะอาดและถูกสุขอนามัย’
เสียงพากย์ก็ค่อยๆ ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายน้ำแร่หนึ่งขวดก็ถูกเติมจนเต็ม
เอวา การ์ดเนอร์ปรากฏตัวขึ้นด้วยชุดราตรีสูงส่งและเสน่ห์ที่เย้ายวนใจ พร้อมกับในมือที่ถือน้ำแร่ภูเขาร็อกกีพูดอย่างอ่อนหวานว่า “น้ำแร่ร็อคกีเมาเท่น ความหวานที่พวยพุ่งออกมาจากหัวใจ สุขภาพดีได้ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ น้ำดื่มที่บำรุงความสวยงามของฉัน”
ผู้บริหารระดับสูงของเอนบีซีและซีบีเอสหลังจากได้ดูโฆษณาพวกเขาก็รู้สึกต่างตกใจอย่างมาก เพราะโฆษณาของเอบีซีนั้นดีมากจริงๆ
โดยเฉพาะโฆษณาในตอนท้ายที่มีคำบรรยายและเสียงพากย์ปรากฏขึ้น
‘น้ำที่ใช้ในเครื่องสำอางของเอสเตลอเดอร์นั้นเป็นน้ำแร่จากภูเขาร็อคกี มันผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อให้สารบำรุงที่ดีที่สุดแก่คุณ’
มันช่าง…มีแรงจูงใจมากจริงๆ
ผู้บริหารระดับสูงของสถานีโทรทัศน์เอนบีซีและซีบีเอสรวมทั้งเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ทราบดีว่าผลิตภัณฑ์โฆษณาเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพย์สินของฮาร์ดี้ เจ้าของคนปัจจุบันของเอบีซี
ซึ่งพวกเขาก็คิดว่าเจ้าของคนนี้ทำธุรกิจเก่งจริงๆ
รายการที่สามคือสารคดีเรื่อง ‘การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์’ สารคดีนี้จัดทำขึ้นไม่นานนักหลังจากที่ญี่ปุ่นทิ้งระเบิดฐานทัพเรือสหรัฐฯ และภาพส่วนใหญ่ในสารคดีก็เป็นภาพจริงที่เกิดขึ้น
สารคดีนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีนั้นและยังมีการฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย
แต่ถึงแม้สงครามโลกครั้งที่สองจะจบลงแล้ว สหรัฐอเมริกาก็ทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกใส่ญี่ปุ่นเหมือนกัน
แน่นอนว่าหลังจากดูสารคดีนี้แล้วผู้คนพบว่าพวกเขายังคงเกลียดชังชาวญี่ปุ่นอยู่มาก เพราะการทิ้งระเบิดได้คร่าชีวิตทหารอเมริกันไปกว่า 3,000 นาย และทำลายทั้งกองเรือในเวลาเดียวกัน
หลังจากสารคดีออกอากาศเสร็จก็เป็นโฆษณาของ ‘เอชดีซีเคียวริตี้’ โดยเจ้าหน้าที่เอชดีซีเคียวริตี้นั้นแต่งกายด้วยชุดสีดำของหน่วยรบพิเศษและแต่ละคนก็มีจะปืนกลมือกับปืนกลหนักถืออยู่
พร้อมกับเสียงของพิธีกรที่แนะนำว่า “เจ้าหน้าที่ของเอชดีซีเคียวริตี้นั้น ล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาเคยผ่านการต่อสู้มาแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาปกป้องประเทศได้ก็สามารถปกป้องทรัพย์สินของคุณได้ ผมจึงอยากบอกว่าจงเชื่อมันในตัวเอชดีซีเคียวริตี้ พวกเขาจะเป็นผู้ภักดีและผู้พิทักษ์ที่กล้าหาญที่สุดของพวกคุณ”
ซึ่งผู้คนก็คิดว่า…พวกนายเพิ่งจะออกอากาศเรื่องการโจมตีของเพิร์ลฮาร์เบอร์ไป นายก็ต่อด้วยโฆษณาของเอชดีซีเคียวรีตี้ทันที
ช่างเป็นการวางแผงรายการที่แยบยล
…
เที่ยงวัน
‘ข่าวเที่ยงวัน’
หลังจากรายการข่าวจบ
ผู้คนก็เห็นห้องถ่ายทอดสดปรากฏขึ้นบนหน้าจอ และด้านหลังก็เป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่เขียนว่า ‘เอสเตลอเดอร์เป็นสปอนเซอร์หลัก’ พร้อมกับพิธีกรสามคนที่อยู่ข้างหน้า
“สวัสดีตอนบ่ายเพื่อนๆ และผู้ชมทั้งหลาย รายการนี้คือทีวีช้อปปิ้ง ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการซื้อของทางโทรทัศน์คืออะไรใช่ไหม? เดี๋ยวผมอธิบายให้สั้นๆ เพราะมันง่ายมากจริงๆ โดยเราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ทางโทรทัศน์ให้เพื่อนๆ และผู้ชมทางบ้านฟัง สุดท้ายคุณก็แค่โทรเข้ามาสั่งซื้อผ่านทางโทรทัศน์นั้นเอง”
“แล้วจะซื้อมันได้อย่างไร? ลองมองไปที่ป้ายโฆษณาของเราสิ มันมีเบอร์โทรของเราตรงนั้น! และมีมากกว่า 50 หมายเลข หากคุณต้องการซื้อสินค้าที่เราแนะนำ คุณก็โทรเข้ามาหมายเลขเหล่านี้ได้เลย!”
“และวันนี้เป็นการออกอากาศครั้งแรกของทีวีช้อปปิ้ง สปอนเซอร์หลักของเราคือเอสเตลอเดอร์!”
หลังจากที่พิธีกรชายพูดจบพิธีกรหญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาก็ถามทันทีว่า
“แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่นะคะ เพราะถ้าเราอยากช้อปปิ้ง เราก็สามารถไปที่เคาน์เตอร์ของห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ใกล้บ้านก็ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเราต้องโทรมาที่นี่ด้วยล่ะ?”
พิธีกรชายยิ้ม “สิ่งที่เราให้พวกคุณทางทีวีช้อปปิ้งก็คือ ‘ราคา’ เพราะทางทีวีช้อปปิ้งของเราจะเป็นคนกลางสื่อสารให้กับผู้ผลิต และเป็นคนส่งมอบสินค้าให้กับคุณลูกค้าในราคาที่ดีที่สุดนั้นเอง”
เมื่อพิธีกรพูดจบเขาก็หยิบกระปุกครีมบำรุงผิวที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา
“กระปุกครีมในมือของผมคือครีมบำรุงผิวของเอสเตลอเดอร์ สินค้าชิ้นนี้เมื่อวางจำหน่ายที่เคาน์เตอร์จะราคาอยู่ที่ 8.6 ดอลลาร์”
“และตอนนี้เวลานี้เมื่อคุณโทรเข้ามาสั่งซื้อ เราจะให้ราคาพิเศษกับคุณกลับไป! แล้วลองทายดูสิว่ามันราคาเท่าไหร่?” พิธีกรชายมองไปที่พิธีกรหญิงอีกสองคน
ทั้งสองผลัดกันพูดราคาออกมาทันที
“8 ดอลลาร์?”
“ไม่ใช่!”
“อาจจะเป็น 7 ดอลลาร์?”
“อ่า ยังไม่ถูกต้อง!”
“6 ดอลลาร์ใช่ไหม?” ผู้หญิงอีกคนถามด้วยความสงสัย
เมื่อไม่ได้คำตอบที่พอใจ พิธีกรชายก็ตะโกขึ้นเสียงดังว่า “ราคาสินค้าชิ้นนี้ที่ขายทางทีวีช้อปปิ้งก็คือ…”
ดิ้งดิ้งดิง!
เสียงดนตรีที่เต็มไปด้วยสนุกสนานดังขึ้น และพิธีกรชายก็ตะโกนขึ้นอีกครั้งว่า “ที่ 5.8 ดอลลาร์นั้นเองครับ!”
ดั๊ง!
เมื่อพิธีกรชายพูดจบป้ายราคาก็หล่นลงมาจากข้างบนทันที ซึ่งมันเขียนไว้ว่า 5.8 ดอลลาร์!
“ว้าว ไม่มีทางน่า ทำไมมันถูกจัง?”
พิธีกรหญิงทั้งสองพูดพร้อมกัน
“ใช่แล้ว มันราคาแค่ 5.8 ดอลลาร์เท่านั้น!”
“ทำไมมันถูกขนาดนี้ สินค้าชิ้นนี้คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” หนึ่งในพิธีกรหญิงถาม
พิธีกรชายโบกมือ “สินค้าทั้งหมดที่เราขายในทีวีช้อปปิ้งล้วนทำความร่วมมือกันกับผู้ผลิตเรียบร้อยแล้ว ยกตัวอย่างก็สินค้าของเอสเตลอเดอร์ในวันนี้”
“และผมอยากจะบอกทุกคนว่าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของสินค้า เพราะลูกค้าทุกคนที่ซื้อเครื่องสำอางของเอสเตลอเดอร์ในวันนี้จะไม่ได้รับสินค้าจากผม แต่ต้องไปที่เคาน์เตอร์เพื่อรับสินค้า”
“โดยเอสเตลอเดอร์มีเคาน์เตอร์อยู่ 24 เมืองทั่วสหรัฐอเมริกา ดังนั้นเราจึงจำกัดการขายอยู่ที่ 24 เมืองนี้เท่านั้น และคุณไม่ต้องเสียเงินสักบาทสำหรับการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ เพราะหลังจากโทรมาหาเราลูกค้าจะได้หมายเลขสินค้าเพื่อไปแลกที่หน้าเคาน์เตอร์สำหรับเครื่องสำอางที่คุณเลือกไว้แล้วนั้นเอง”
“ซึ่งปกติพวกคุณก็จะไปซื้อสินค้าที่เคาน์เตอร์ในราคา 8 ดอลลาร์ใช่ไหม? แต่ตอนนี้คุณจะได้มันไปในราคา 5.8 ดอลลาร์เท่านั้น! ผมอยากรู้ว่าพวกคุณรู้สึกพอใจกับมันไหม? เพราะเพียงแค่คุณโทรออกเท่านั้นและมันก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรใดๆ ทั้งสิ้น”
“แล้ววันนี้เอสเตลอเดอร์ก็มีสินค้าพิเศษแค่ 18 ชุดเท่านั้น และแต่ละชุดก็มีจำนวนจำกัด หลังจากที่เราแนะนำสินค้าเสร็จแล้ว พวกเราก็จะเปิดให้โทรเข้ามา! เราบอกได้คำเดียวว่าใครไวใครได้เท่านั้น!”
“เพราะครีมบำรุงผิวนี้มีเวลาซื้อแค่ 20 นาทีเท่านั้น รีบโทรเข้ามาเลย!”
กล้องแพนไปที่สำนักงานขนาดใหญ่ที่มีสาวสวยมากกว่า 50 คนนั่งอยู่และทุกคนก็รับโทรศัพท์อย่างเร่งรีบ
มัทำให้ฉากนี้ดูมีชีวิตชีวามากจริงๆ
อะไรนะ?
กังวลว่าจะไม่มีใครโทรมาซื้อ?
ฮาร์ดี้จะไม่รู้วิธีจัดฉากได้ยังไงกันละ?
ฉากที่ดูมีชีวิตชีวานี้เขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เพราะเขาจะปล่อยให้ฉากจืดชืดปรากฏได้อย่างไร?