ตอนที่ 175 รายการที่มากมายของสถานีโทรทัศน์เอบีซี
เอ็มจีเอ็มเป็นบริษัทที่มีอำนาจมากที่สุดของบริษัทภาพยนตร์ทั้งแปด โดยเอ็มจีเอ็มจะมีดาราภาพยนตร์อยู่ในสังกัดเยอะมากและยังถือว่าเป็นเจ้าของภาพยนตร์ที่เยอะที่สุดด้วย
นอกจากนี้เมเยอร์ยังเป็นประธานคณะกรรมการของออสการ์และมีสถานะสูงมากในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
แน่นอนหากเขาได้ร่วมมือกับเอ็มจีเอ็ม มันก็จะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเอบีซีมากๆ
อย่างไรก็ตามฮาร์ดี้จะไม่ขายหุ้นของบริษัทเอบีซีในราคาถูกอย่างแน่นอน ถึงแม้เอ็มจีเอ็มจะไม่เข้าร่วมฮาร์ดี้ก็ยังมีความมั่นใจที่จะสร้างบริษัทเอบีซีให้โด่งดังได้อยู่แล้ว
“ฮาร์ดี้ นายจะปล้นฉันอย่างนั้นเหรอ? นายคิดจริงๆ หรือว่าบริษัทเอบีซีจะมีมูลค่าถึงร้อยล้านดอลลาร์?” เมเยอร์พูดด้วยความโกรธ
ฮาร์ดี้ยิ้ม “คุณเมเยอร์…ผมรับประกันได้ว่าคุณสามารถซื้อหุ้นเอบีซี 20% ที่ราคา 20 ล้านในปีนี้ได้ แต่ในปีหน้าคุณไม่มีทางได้ราคานี้อย่างแน่นอน”
“แต่นายลืมไปหรือเปล่าว่าฉันสามารถไปลงทุนบริษัทกระจายเสียงหรือแม้กระทั่งตั้งสถานีโทรทัศน์ของตัวเองได้” เมเยอร์พูดอย่างหงุดหงิด
“ฮ่าๆ เมื่อบริษัทเอบีซีพร้อมออกอากาศแล้ว ผมพูดได้เลยว่าบริษัทเอนบีซี (NBC)หรือซีบีเอส (CBS) ก็จะถูกเราเหยียบจมดินอยู่ดี” ฮาร์ดี้กล่าว
“นายมั่นใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ผมทำธุรกิจมามากมาย คุณเคยเห็นผมล้มเหลวบ้างไหมล่ะ?” ฮาร์ดี้กล่าว
ฮาร์ดี้พูดล่อลวงอย่างมืออาชีพ เพราะถ้าเขาได้คู่หูที่ทรงพลังเขาก็จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและทำเงินได้เยอะขึ้นกว่าเดิม
“เอาล่ะ ฮาร์ดี้ เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งในภายหลัง” เมเยอร์ยังคงรู้สึกว่าราคาที่ฮาร์ดี้เสนอนั้นสูงเกินไป
“ผมขอรบกวนคุณอีกอย่างนะคุณเมเยอร์ สายการบินของผมจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ ถึงวันนั้นเดี๋ยวผมส่งบัตรเชิญไปให้และหวังว่าคุณจะมาเข้าร่วมนะครับ” ฮาร์ดี้กล่าว
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะเข้าร่วมอย่างแน่นอน” เมเยอร์กล่าว
…
หลังจากเตรียมการมาสองเดือน ในที่สุดสายการบินเอชดีแอร์ไลน์ก็พร้อมที่จะเปิดอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้
แต่ในความเป็นจริงมันก็มีการทดลองบินเมื่อหนึ่งเดือนก่อนไปแล้ว ส่วนหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนก็เป็นการปรับเส้นทางการบินให้เหมาะสมมากกว่าเดิม
สนามบินลอสแอนเจลิส
วันนี้เอชดีแอร์ไลน์ได้จัดพิธีฉลองเปิดทำการแบบเรียบง่ายแต่มันก็ดูยิ่งใหญ่เหมือนกัน
ถ้าจะให้พูดมันก็คือพิธีเปิดที่เรียบง่ายและเชิญแขกมาร่วมงานเท่านั้นเอง มันเลยไม่ได้มีพิธีการอะไรมากนัก
แล้วอะไรคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ละ?
มันก็คือคนที่มาร่วมงานในวันนี้นั่นแหละ
สมาชิกสภานิกสัน นายกเทศมนตรีลอสแอนเจลิส ประธานเวลส์ฟาร์โกและคนสุดท้ายเมเยอร์ผู้บริหารของเอ็มจีเอ็ม
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ยังไม่ใช่ดาวเด่นของงาน
เพราะมันยังมีดาราฮอลลีวูดที่มาร่วมงานพิธีด้วยโดยจะเป็นดาราดังๆ เช่น แครี แกรนท์ คลาร์ก เกเบิล เอวา การ์ดเนอร์ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ไฮดี้ ลามาร์ และดาราแนวหน้าอีกหลายสิบคน
ซึ่งดาราดังทุกคนก็กระตุ้นผู้คนให้มองอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังมีตั้งหลายสิบคนอีกทำให้สนามบินเต็มไปด้วยผู้คนและนักข่าวทันที และยังมีผู้โดยสารบางคนที่ลงจากเครื่องเดินมายืนอยู่ที่ล็อบบี้แล้วไม่ออกไปข้างนอก
บางคนถึงกับยกเลิกเที่ยวบินของตัวเองเพื่อที่จะได้ดูดาราดังเหล่านี้ด้วย
ทำให้เวลานี้มีผู้คนมากถึงสามหรือสี่พันคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง และโชคดีที่เอชดีซีเคียวรีตี้เป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยสถานที่เลยทำให้ไม่มีการจลาจลอะไร
ฮาร์ดี้ นิกสัน นายกเทศมนตรีของลอสแอนเจลิส ประธานเวลส์ฟาร์โกและเมเยอร์ เดินขึ้นเวทีพร้อมกันเพื่อไปตัดริบบิ้น โดยมีเสียงปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่น
หลังจากตัดริบบิ้นแล้วประธานบริษัทของสายการบินเอชดีชื่อแฟรงคลินก็เดินขึ้นเวทีเพื่ออธิบายสถานการณ์โดยรวมของสายการบิน
สายการบินจะมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ลอสแอนเจลิสและมีศูนย์ใหญ่ตั้งอยู่สามที่คือลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก และแคนซัส ซึ่งทั้งหมดจะตั้งอยู่ในใจกลางเมืองและอยู่ติดกับประเทศที่สามารถเดินเรือได้เช่น ซานฟรานซิสโก ชิคาโก ลาสเวกัส เดนเวอร์ และเมืองอื่นๆ มากกว่ายี่สิบเมือง
ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า
“บริษัทตอนนี้มีแผนที่จะเพิ่มเครื่องบินอีก 50 ลำในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อที่เราจะสามารถให้บริการได้มากกว่า 50 ประเทศ”
“แนวคิดของเอชดีแอร์ไลน์คือการสร้าง ‘แอร์บัส’ เพื่อให้ผู้คนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายและประหยัดเงินในกระเป๋าเสมือนกับรถโดยสารประจำทาง ซึ่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสายการบินจะให้ส่วนลดสำหรับทุกคน ทุกเที่ยวบินที่ 30% เพื่อให้ทุกคนสามารถทดลองบินกับเราได้”
“และตราบใดที่คุณบินกับเอชดีแอร์ไลน์ คุณก็จะได้รับส่วนลดและโบนัสมากมาย โดยทุกครั้งที่คุณบิน ราคาตั๋วก็จะถูกแปลงเป็นแต้มสะสม แล้วครั้งต่อไปที่คุณบินกับเราอีก คุณก็สามารถใช้แต้มนี้เพื่อซื้อตั๋วได้”
…
ข่าวการเปิดทำการของเอชดีแอร์ไลน์ได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
ในตอนแรกผู้คนก็สนใจแต่กลุ่มดาราที่มางานนี้ แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ สายการบินเอชดีก็เป็นของนายฮาร์ดี้ และฮาร์ดี้ก็มีชื่อเสียงในฮอลลีวูด ดังนั้นถึงเขาจะไม่เชิญดาราเหล่านี้พวกเขาก็พร้อมจะมาอยู่ดี
หลังจากนั้นพวกเขาก็ตกใจกับส่วนลดของสายการบินเอชดีอีกครั้ง
เพราะมันลดตั้ง 30%
ช่างเป็นชายหนุ่มที่แสนดีจริงๆ
มันเหมือนกับการทำเงินที่เสียเงิน เพราะสายการบินจะได้อะไรจากส่วนลดตั้ง 30%?
นอกจากนี้ยังมีการสะสมแต้มอีก
มันเป็นประโยชน์สำหรับคนที่บินบ่อยๆ เพราะพวกเขาสามารถเอามันไปเป็นส่วนลดค่าตั๋วได้
ซึ่งหลายคนก็ตระหนักได้ว่าสงครามระหว่างสายการบินกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และคนที่นำไปคนแรกก็คือสายการบินเอชดีแอร์ไลน์ หากสายการบินอื่นๆ ยังไม่ปรับตัวยังไงผู้คนก็จะใช้บริการแต่สายการบินเอชดีอย่างแน่นอน
…
ผู้คนมากมายต่างก็ยินดีเมื่อได้เห็นข่าว เพราะยังไงคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดก็คือคนที่ใช้บริการ
แต่มันก็มีข้อร้องเรียนอยู่บ้างสำหรับสายการบินเอชดีในช่วงทดลองบิน เพราะการขึ้นบินแต่ละครั้งนั้นจะมีผู้โดยสารจำนวนมาก ทำให้ผู้คนการต่างก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘สายการบินเอชดีนั้นขี้งกเกินไป’
มันไม่มีอาหารบนเครื่องบินและไม่มีน้ำ สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือไม่มีแม้แต่แอร์โฮสเตสบนเครื่องบิน มันมีแค่บริกรผู้ชาย และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเครื่องบินก็มีเพียงห้องสุขาเท่านั้น
‘มันเป็นแอร์บัสตามที่เขาพูดไว้จริงๆ’
บางคนก็บ่นว่าที่นั่งนั้นแคบเกินไป
บางคนได้ลองนับแล้วว่าสายการบินเอชดีแอร์ไลน์นั้นมีที่นั่งมากกว่าสายการบินอื่นๆ มันเลยเป็นเหตุให้นั่งไม่สบายเพราะพื้นที่มันแคบนั้นเอง
แต่แม้ว่าจะมีข้อร้องเรียนมากมายนับตั้งแต่วันที่เปิดให้บริการ สายการบินเอชดีก็เต็มไปด้วยผู้คนทุกวันและในช่วงเวลาที่สายการบินเอชดีเต็มผู้คนก็จะไปใช้สายการบินอื่น
และคนที่บินด้วยสายการบินเอชดีแอร์ไลน์บ่อยๆ ก็พูดว่า “ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะมีบริการอะไร เพราะฉันไม่ได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยวพักผ่อน และไม่ต้องการมาดูแอร์โฮสเตส จุดประสงค์เดียวของฉันคือการไปให้ถึงจุดหมายและสายการบินเอชดีก็สามารถทำมันได้ดีด้วย”
“ถึงจะมีคนพูดว่าสายการบินนี้มีข้อบกพร่องมากมาย แต่อย่าลืมว่ามันราคาถูกแค่ไหน ตั๋วที่ฉันซื้อเป็นครึ่งหนึ่งของค่าโดยสารของสายการบินอื่นๆ ถ้าสายการบินอื่นตั๋วใบละหนึ่งร้อยดอลลาร์ ของที่นี่ก็แค่ห้าสิบดอลลาร์เท่านั้น”
“ซึ่งห้าสิบดอลลาร์มันก็เป็นค่าใช้จ่ายหนึ่งสัปดาห์สำหรับฉัน ถึงแม้คุณจะทำเงินห้าสิบดอลลาร์ได้ในสามหรือสี่ชั่วโมง ฉันก็คิดว่ามันคุ้มที่จะนั่งสายการบินเอชดีแอร์ไลน์อยู่ดี และลองดูสิ ตอนนี้มันยากแค่ไหนที่จะหาตั๋วเครื่องบินของเอชดี”
ต้องบอกว่ายังไงคนจนในโลกนี้ก็มีมากกว่าคนรวย
ดังนั้นถึงมันช่วยประหยัดเงินได้เพียงเล็กน้อยผู้คนก็เต็มใจที่จะนั่งเครื่องบินราคาถูก เพราะมันก็แค่ไม่มีอาหารบนเครื่องบิน แต่ผู้คนสามารถเอามันมาเองได้และแอร์โฮสเตสมันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง
ยังไงเงินห้าสิบดอลลาร์มันก็สวยกว่าอยู่แล้ว
แน่นอนว่าคนรวยๆ จะบอกว่าสายการบินเอชดีนั้นเป็นขยะและคนรวยๆ ก็จะไปนั่งสายการบินอื่น
แล้วตอนนี้ตั๋วก็หายากดังนั้นมันก็ดีแล้วที่จะเหลือไว้ให้คนจนๆ อย่างเราๆ
สำหรับความรู้สึกไม่สบายอะไรนั้น เพียงแค่อดทนและปล่อยผ่านไปก็เท่านั้นเอง
…
ในวันนี้หัวหน้าผู้อำนวยการฟ็อกซ์และเลขาอิริน่าได้เดินทางมาพบฮาร์ดี้ เพื่อรายงานความคืบหน้าของสถานีออกอากาศให้ฮาร์ดี้ทราบ
“ตอนนี้โครงสร้างของสถานีโทรทัศน์เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทุกแผนกมีพนักงานเต็มอัตรา และการปรับปรุงสตูดิโอก็เสร็จหมดแล้ว เราสามารถเริ่มผลิตรายการข่าว รายการแต่งหน้า และรายการทอล์คโชว์ได้เลย นอกจากนี้ยังมีสตูดิโอขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างด้วย ซึ่งมันจะรองรับผู้คนได้หลายร้อยคนพร้อมกัน”
“สายที่เชื่อมต่อกับสถานีโทรทัศน์อื่นๆ ได้ถูกยกเครื่องอีกครั้งและมันไม่มีปัญหาใดๆ มันสามารถรับประกันได้เลยว่าเราสามารถออกอากาศได้แล้วในตอนนี้”
“เซซามีสตรีทได้บันทึกไว้แล้วสิบตอนและแต่ละตอนก็มีเวลาฉายอยู่ที่หนึ่งชั่วโมง พร้อมกับนักแสดงหุ่นเชิดสิบสองคนและดาราดังอย่างเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ด้วย ผมก็คิดว่ารายการนี้จะดึงดูดเด็กๆ ได้มากอย่างแน่นอน”
“ฉันได้สอบถามไปทางเอ็ดเวิร์ดเกี่ยวกับเรื่องการผลิตรายการอุลตร้าแมนแล้ว ตอนนี้เขาบอกว่ามีห้าตอนที่พร้อมฉาย และเขาก็รับปากว่าจะมีตอนใหม่ๆ ทุกๆ สองวัน ซึ่งแต่ละตอนจะมีความยาวสี่สิบห้านาที”
“ตอนนี้เรามีพิธีกรสำหรับรายการทีวีช็อปปิ้งอยู่หกคน โดยเป็นชายสาม หญิงสาม และพวกเขาทุกคนก็จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียตามที่บอสต้องการด้วย และบอสค่ะ…ฉันได้สัมภาษณ์กับคนที่บอสถูกใจเรียบร้อยแล้ว เขาดูไม่เลวเลยทีเดียว” อิริน่ากล่าว
“ความคืบหน้าในการซื้อภาพยนตร์มาฉายนั้นไม่ค่อยดีนัก เพราะตอนนี้เราซื้อได้แค่ภาพยนตร์กับสารคดีของบริษัทเล็กๆ ได้เท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใดเรามีเกณฑ์ที่เข้มงวดในการเลือกภาพยนตร์และเราก็ไม่ต้องการภาพยนตร์ขยะ”
“แถมบริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่เหล่านั้นก็ไม่ต้องการที่จะขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ด้วย โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล พวกมันบอกว่าภาพยนตร์เหล่านี้แค่ฉายในโรงภาพยนตร์ก็สามารถสร้างรายได้อยู่แล้ว ถ้ามันถูกขายให้กับสถานีโทรทัศน์ ภาพยนตร์เหล่านั้นก็จะไม่ทำเงินอีกต่อไป…”
“ซึ่งตอนนี้ฉันซื้อภาพยนตร์ได้แค่สามสิบห้าเรื่องและสารคดีหกสิบสองเรื่องเท่านั้น ราคาแต่ละเรื่องก็ราวๆ 2800 ดอลลาร์ พร้อมกับลิขสิทธิ์ทั้งหมดนี้ก็เป็นของเรา แน่นอนว่าภาพยนตร์เหล่านี้จะทำเงินที่ไหนต่อไม่ได้แล้ว”
ฮาร์ดี้คิดคำนวณในใจ
‘สำหรับภาพยนตร์และสารคดีเหล่านี้มีการใช้จ่ายเกือบ 300,000 ดอลลาร์ ต้องบอกว่าการเปิดสถานีโทรทัศน์นั้นใช้เงินเยอะมากจริงๆ’
เขาก็เข้าใจความคิดของบริษัทภาพยนตร์พวกนั้นด้วย เพราะในความเป็นจริงภาพยนตร์เก่าๆ ถ้าเอามาฉายซ้ำมันก็จะทำเงินได้น้อย ยกเว้นภาพยนตร์ที่คลาสสิกเช่น ‘วิมานลอย’ ‘คาซาบลังกา’ และ ‘Broken Bridges’ ที่ทำเงินได้ตลอด
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์สองเรื่องของเขา ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ และ ‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ’ จะออกฉายไปแล้ว แต่ฮาร์ดี้ก็ไม่รับประกันว่าทั้งสองเรื่องจะยังคงได้ฉายในโรงภาพยนตร์ตลอดไป
ซึ่งความจริงมากกว่านั้นก็คือบริษัทภาพยนตร์เหล่านั้นไม่ต้องการให้สถานีโทรทัศน์ได้รับทรัพยากรมากเกินไป
เพราะสถานีโทรทัศน์และบริษัทภาพยนตร์เดิมทีก็เป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว ยิ่งสถานีโทรทัศน์พัฒนาได้ดีเท่าไหร่ส่วนแบ่งของภาพยนตร์ก็จะถูกกินมากขึ้นเท่านั้น
“แสดงว่าตอนนี้เราพร้อมออกอากาศแล้วใช่ไหม?” ฮาร์ดี้ถาม
“ใช่แล้วบอส ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมออกอากาศแล้ว เมื่อบอสสั่งการว่าจะเปิดทำการสถานีออกอากาศเอบีซีก็จะเริ่มฉายรายการทันที” ฟ็อกซ์กล่าว
ฮาร์ดี้หยิบเอาปฏิทินเก่าๆ ออกมาดู
ฮันเยจินเป็นคนซื้อมันให้เขา มันเป็นตัวอักษรจีนดั้งเดิมและคนส่วนใหญ่ในที่นี้ก็ไม่รู้จักมัน
เขามองไปที่ปฏิทิน และคิดว่าสามวันต่อจากนี้คือวันดี มันเป็นวันเสาร์ที่ผู้คนกำลังพักผ่อน เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าเพื่อที่จะดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน
“มันจะเริ่มในอีกสามวัน!”
ฟ็อกซ์และอิริน่ารู้สึกสงสัยสิ่งที่บอสหยิบออกมาดูมาก…เพราะบอสแค่หยิบมันออกมาดูบอสก็สามารถบอกวันเปิดรายการได้ทันที!
หรือมันคือหนังสือเวทมนต์?
วันต่อมา
ในหนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ เช่นนิวยอร์กไทมส์และลอสแอนเจลิสไทมส์ต่างก็มีการโฆษณาที่หน้าแรกว่า ‘บริษัทเอบีซีได้เปิดตัวอย่างเป็นทางอีกครั้ง!’ และรายชื่อรายการก็ตามนี้
‘แปดโมงถึงแปดโมงครึ่งรายการ ข่าวเล่าเช้านี้’
‘แปดโมงครึ่งถึงสิบโมง รายการเอสเตลอเดอร์เมคอัพ!’
‘สิบโมงเช้าถึงเที่ยงสารคดีเรื่อง การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์’
‘เที่ยงถึงเที่ยงครึ่ง รายการเที่ยงวันทันข่าว’
‘เที่ยงครึ่งถึงหกโมงเย็น รายการทีวีช้อปปิ้ง’
‘หกโมงเย็น การ์ตูนเรื่องเซซามีสตรีท’
‘หนึ่งทุ่ม รายการข่าวไทม์’
‘ทุ่มครึ่ง การเงินกับแอนดี้’
‘สองทุ่มรายการ อิริน่าทูไนท์โชว์’
‘สองทุ่มครึ่งจนถึงเที่ยงคืน ฉายภาพยนตร์เรื่องนักฆ่าเพชรตัดเพชร’
ซึ่งผู้คนต่างก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่ารายการของเอบีซีนั้นมีตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงเที่ยงคืนเลยทีเดียว
ต้องบอกว่าตอนนี้สถานีออกอากาศอื่นจะมีเวลาออกอากาศเพียงห้าชั่วโมงต่อวันเท่านั้น
ด้วยรายการโทรทัศน์เหล่านี้ มันทำให้ชาวอเมริกันต่างตกใจกันไปหมด เพราะดูจากชื่อเหล่านี้แล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่ารายการเหล่านี้น่าจะดีมากและยังมีภาพยนตร์เรื่อง ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ซึ่งโด่งดังมากเมื่อปีแล้วที่มาฉายอีก
สถานีโทรทัศน์เอบีซีถึงกับเอาภาพยนตร์มาฉาย แสดงว่าเขาต้องลงทุนไปมากแน่ๆ
หลังจากอ่านข่าวจบ ผู้คนก็ประหลาดใจกันมากกว่าเดิม “พระเจ้า! หลังจากบริษัทเอบีซีเปลี่ยนเจ้าของ มันก็มีรายการออกมาขนาดนี้เลยเหรอ? เขาต้องใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่เนี่ย! แถมยังดูรายการได้ฟรีๆ อีก! เจ้าของคนใหม่นี้ต้องเสียเงินไปเท่าไหร่กัน?”
“ฉันได้ยินมาว่า คนที่ซื้อบริษัทเอบีซีคือเจ้าของเอชดีซีเคียวริตี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วละ ที่เขาจะทำได้ขนาดนี้ แต่ยังไงก็ช่างมันเถอะ ยังไงเราก็ดูรายการเหล่านี้ได้ฟรีๆ”
ผู้บริหารของเอนบีซีและซีบีเอสต่างก็ให้ความสนใจกับโฆษณาของบริษัทเอบีซีมาก
เพราะเหนือสิ่งอื่นใดพวกเขาเป็นสถานีโทรทัศน์เพียงสามแห่งในสหรัฐอเมริกาที่มีสัญญาณครอบคลุมทั่วทั้งสหรัฐ
และหลังจากเห็นรายชื่อรายการแล้วประธานของบริษัทเอนบีซีก็พูดเยาะเย้ยว่า “ฮ่าๆ เหมือนนายฮาร์ดี้จะลงทุนผลิตรายการออกมาเยอะมากเลยนะ เขาช่างไม่รู้เลยว่าการทำรายการโทรทัศน์นั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แถมตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีโฆษณาใดๆ มันก็แสดงว่ารายได้ของเขานั้นไม่มีเข้ามาเลย ฉันคิดว่าเขาน่าจะอยู่ได้ไม่ถึงเดือนแน่นอน”
“แล้วท่านประธานครับ เราควรจะเพิ่มรายการเหมือนกับเขาด้วยไหมครับ?” รองประธานถาม
ประธานส่ายหัว “ตอนนี้รายได้ของเราเพิ่งจะเพิ่มขึ้นมา แถมเมื่อไม่กี่วันมานี้คณะกรรมการยังบอกอีกว่าในครึ่งปีหลังให้สถานีทำเงินให้มากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นถ้าเราจะเสียเงินพวกคณะกรรมการคงจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน”
“แต่ว่าตอนนี้บริษัทเอบีซีกำลังวางแผนที่จะออกอากาศยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะครับ มันจะทำให้ผู้ชมจำนวนมากหายไปและเรตติ้งเราก็ลดลงอย่างแน่นอน ผมคิดว่าครึ่งปีหลังเราอาจจะไม่มีโฆษณาเข้ามาเลยนะครับ” รองประธานกล่าว
“เอาน่า ไม่ต้องกังวลอะไรไปหรอก ยังไงเครือข่ายสีน้ำเงินก็เป็นเพียงชั้นที่ว่างเปล่า ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเติมอะไรเข้าไปได้ในเวลาสั้นๆ เรามารอดูเขาก่อนดีกว่า”
…
ถึงสถานีโทรทัศน์จะฉายนานแค่ไหน แต่ถ้าเรตติ้งไม่ดีมันก็อยู่ไม่ได้
และตอนนี้สถานีโทรทัศน์เอบีซีก็ลงทุนลงแรงไปมากแล้วด้วย ถ้าเรตติ้งไม่ดีแล้วมันเละเทะขึ้นมา
พวกเขาก็จะไม่สามารถหาค่าโฆษณาได้หรอก ซึ่งเขาก็หวังว่าเจ้าของเอชดีจะทนได้นานกว่าที่คิดนะ
ส่วนตอนนี้เขาก็แค่รอดูละครเรื่องนี้ก็พอ…