ตอนที่ 173 เอชดีซีเคียวริตี้ตั้งรกรากที่ซานฟรานซิสโก
ฮาร์ดี้และนิกสันกลับมาที่ลอสแอนเจลิสแล้ว หลังจากกลับมานิกสันก็ขอตัวกลับไปที่ซานฟรานซิสโกเหมือนกัน
ฮาร์ดี้ยิ้มและพูดกับเขาว่า “โทรมาหาผมได้เลยถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ผมสามารถออกเงินทุนสำหรับการหาเสียงหรืออยากจะได้ที่ประชาสัมพันธ์ผมก็พร้อม”
คำพูดนี้แหละคือสิ่งที่นิกสันต้องการ
“ฉันคิดว่าเร็วๆ นี้แหละที่ฉันต้องขอความช่วยเหลือจากนาย” นิกสันรู้สึกมั่นใจขึ้นเล็กน้อยสำหรับการเลือกตั้งในอนาคต
“อีกอย่างสายการบินของผมก็จะเปิดให้บริการในไม่กี่วันข้างหน้า เมื่อถึงตอนนั้นผมจะเชิญคนดังมาร่วมงานด้วย คุณนิกสันพอจะมีเวลามาร่วมงานไหม?” ฮาร์ดี้ถาม
“มีแน่นอน!” นิกสันพูดขึ้นทันที
ยังไงคนรู้จักของฮาร์ดี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนรวย นิกสันสามารถใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับคนเหล่านั้นได้
“เยี่ยม! เมื่อสายการบินเปิดทำการแล้ว ผมก็รบกวนด้วย” ฮาร์ดี้ไปส่งนิกสันขึ้นเครื่องบินด้วยตัวเองหลังจากร่ำลากันแล้ว
…
ที่ซานฟรานซิสโก
นายกเทศมนตรีวีแลนโทรไปหาหัวหน้าตำรวจที่ซานฟรานซิสโกชื่อชิเกเพื่อสอบถามอะไรบางอย่าง
“ชิเก นายอ่านรายงานคดียาเสพที่ลอสแอนเจลิสแล้วหรือยัง?”
“ครับท่านนายกเทศมนตรี ผมอ่านมันแล้วครับ!”
“ฉันได้อ่านมาแล้วเหมือนกันและก็รู้ว่าคดียาเสพติดครั้งนี้ได้รับการคลี่คลายโดยบริษัทแห่งหนึ่งที่เรียกว่า ‘เอชดีซีเคียวริตี้’ พวกเขามีส่วนร่วมอย่างมากสำหรับคดีนี้ แถมกรมตำรวจลอสแอนเจลิสกับบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ก็ยังเซ็นสัญญาความร่วมมือในการลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยในเมืองอีกด้วย ฉันก็เลยคิดว่าพวกเขาน่าจะทำประโยชน์อะไรกับเราได้เหมือนกัน” วีแลนกล่าว
ชิเกรู้ความหมายของนายกเทศมนตรีดีและคาดว่าเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยได้แอบติดต่อกับนายกเทศมนตรีแล้วแน่ๆ
“แต่ท่านนายกเทศมนตรีครับ ถ้าการรักษาความปลอดภัยของเมืองเราถูกส่งไปให้บริษัทนั้น ผมกลัวว่ามันจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นนะครับ”
“ปัญหาอะไร?”
“บริษัทรักษาความปลอดภัยอาจจะกลายเป็นกองกำลังใหม่ในเมืองนี้ และหลังจากที่พวกเขาตั้งหลักได้พวกเขาก็อาจจะกระทำการบางอย่างที่ไร้ยางอายและบ่อนทำลายความยุติธรรมทางกฎหมายก็ได้นะครับ” หัวหน้าตำรวจกล่าว
นายกเทศมนตรีวีแลนขมวดคิ้ว
“ฉันไปตรวจสอบข้อมูลของลอสแอนเจลิสในปีนี้มาแล้ว คดีทุกประเภทลดลงอย่างรวดเร็วและประชาชนก็พึงพอใจกับบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้มาก นายจะกังวลอะไร? การคาดเดาสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นนะมันไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก”
แต่ว่าชิเกก็ยังคงยืนกรานในความคิดของเขา “แต่นายกเทศมนตรี ผมได้ส่งคำขอไปยังรัฐบาลแล้วโดยผมก็คาดหวังว่ารัฐบาลจะให้เงินทุนมาเพิ่ม และผมก็จะทำการรับสมัครเจ้าหน้าที่ตำรวจใหม่ ซื้อรถตำรวจ เพิ่มกองกำลัง ส่งสายตรวจออกไปให้มากกว่าเดิม ซึ่งผมก็เชื่อว่ากรมตำรวจเพียงพอที่จะรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยของซานฟรานซิสโกแล้วนะครับ”
ทั้งสองเถียงกันอยู่สักพัก และก็วางสายไป
เดิมทีชิเกได้รับการแต่งตั้งจากวีแลน และตอนนี้เขาก็ไม่ฟังคำพูดของวีแลนเลย
มันก็เลยทำให้วีแลนรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
เขาคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาฮาร์ดี้
“ฮาร์ดี้ หัวหน้ากรมตำรวจซานฟรานซิสโกนั้นมีความคิดเป็นของตัวเองและค่อนข้างต่อต้านเอชดีซีเคียวริตี้อยู่เหมือนกัน ฉันกลัวว่าเรื่องนี่จะทำให้นายเปิดตัวล่าช้าไปอีก แต่ไม่ต้องห่วงในครึ่งปีหลังฉันจะหาคนมาแทนที่เขาเอง” วีแลนกล่าว
แน่นอนเมื่อลูกน้องไม่เชื่อฟัง วีแลนก็แค่เตะมันออกไปเท่านั้นเอง
หลังจากวางสายฮาร์ดี้ก็โทรหาเฮนรี่ทันที “เฮนรี่ นายพาคนไปซานฟรานซิสโกแล้วสืบข้อมูลของหัวหน้าตำรวจที่ชื่อชิเกให้หน่อยสิ ลองไปสืบดูว่าเขานั้นเป็นตำรวจที่ซื่อสัตย์หรือเปล่า”
เฮนรี่นำคนไปซานฟรานซิสโกทันที
หลังจากมาถึงซานฟรานซิสโก เฮนรี่และคนอื่นๆ ก็แต่งตัวเป็นพนักงานซ่อมโทรศัพท์อีกครั้งและเข้าไปตรวจสอบโทรศัพท์ของบ้านของชิเก
แน่นอนว่าพวกเขาก็เข้าไปที่สถานีตำรวจและติดตั้งเครื่องดักฟังไว้ในโทรศัพท์ของหัวหน้าตำรวจคนนี้อีก
ต้องบอกว่าเฮนรี่นั้นกล้าหาญมากจริงๆ เพราะเขาต้องเฝ้าดักฟังอยู่สองวันเต็มๆ
ในที่สุดเขาก็พบว่าหัวหน้าตำรวจคนนี้ ไม่ใช่คนซื่อสัตย์สักเท่าไหร่นักและปัญหานี้มันก็ร้ายแรงมากจริงๆ
เขาจึงกล้าที่จะปฏิเสธคำขอของนายกเทศมนตรีวีแลนได้อย่างมั่นใจขนาดนั้น
เฮนรี่โทรไปรายงานกับฮาร์ดี้ “บอส เราได้ข่าวของเขากับรูปถ่ายมาด้วย”
“หัวหน้าตรวจคนนี้และหัวหน้าครอบครัวมาเฟียเซลตันนั้นเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทั้งสองมีการพูดคุยเกี่ยวกับบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ของเราผ่านทางโทรศัพท์ด้วย โดยมาเฟียที่ชื่อเซลตันนั้นขัดขวางบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ไม่ให้เซ็นสัญญาร่วมมือกับกรมตำรวจเพียงเพราะเขาไม่อยากให้อิทธิพลของเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขตพื้นที่นั้น แถมครอบครัวเซลตันในซานฟรานซิสโกก็ยังพูดถึงบอสในทางแย่ๆ อีกด้วย”
ฮาร์ดี้ขมวดคิ้ว
มันไม่จำเป็นต้องถามเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหัวหน้าครอบครัวของตระกูลเซลตันจะพูดอะไร เพราะยังไงครอบครัวเซลตันก็ไม่พูดเรื่องดีๆ ของเขาหรอกหรืออาจจะบอกกับชิเกแล้วว่าเขาเป็นหัวหน้าแก๊งที่ใหญ่ที่สุดในลอสแอนเจลิส
“เล่าต่อสิ”
“เราได้ถ่ายภาพการพูดคุยและบันทึกการสนทนาของชิเกกับเลบ เซลตันไว้ด้วย”
“โดยผู้นำสูงสุดของครอบครัวเซลตันได้สัญญากับชิเกไว้ ตราบใดที่เขาป้องกันไม่ให้เอชดีซีเคียวริตี้ลงนามกับกรมตำรวจได้สำเร็จ เขาจะช่วยชิเกสำหรับการลงเลือกตั้งในสภาปีหน้าและจะสนับสนุนเขาในฐานะนายกเทศมนตรีในอนาคต”
อ่า มันก็ชัดเจนแล้ว
แม้ว่าวีแลนจะเคยส่งเสริมชิเกมาก่อน แต่ตอนนี้ชิเกมีความทะเยอทะยานมากขึ้นและเขาพร้อมที่จะละทิ้งเจ้านายเก่าเพื่อเลือกทางเดินของเขาเอง
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ฮาร์ดี้ก็โทรหานายกเทศมนตรีวีแลนอีกครั้ง
ฮาร์ดียิ้มและพูดกับนายกเทศมนตรีวีแลนว่า “พรุ่งนี้จะมีข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า หัวหน้าตำรวจซานฟรานซิสโกกับหัวหน้ากลุ่มมาเฟียนั้นมีความสัมพันธ์บางอย่างกัน”
นายกเทศมนตรีวีแลนตกตะลึง
“นายหมายถึงชิเกมีความสัมพันธ์กับมาเฟียเหรอ?”
“ใช่ เรามีรูปถ่ายยืนยันชัดเจน”
วีแลนกัดฟันกรอด “ฉันเข้าใจแล้ว”
…
วันต่อมา
ก็มีข่าวชิ้นหนึ่งที่ทำให้ทั่วทั้งซานฟรานซิสโกตกใจ
ซานฟรานซิสโกมอร์นิ่งโพสต์
ข่าวหน้าหนึ่ง
‘หัวหน้าตำรวจซานฟรานซิสโกที่ชื่อชิเกนั้นเป็นเพื่อนสนิทของหัวหน้ามาเฟียแพททริค เลบ เซลตัน แล้วมันการันตีได้เหรอว่าซานฟรานซิสโกจะสงบสุขจริงๆ?’
ภาพขนาดใหญ่หนึ่งภาพอยู่บนหนังสือพิมพ์
โดยมีชายสองคนนั่งติดกันในคลับและกำลังพูดคุยกัน ซึ่งจากรูปจะเห็นได้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีและอาจเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีแล้ว
‘คนซ้ายมือคือคนจากครอบครัวมาเฟียที่มีชื่อเสียงของซานฟรานซิสโก เขาเป็นหัวหน้ามาเฟียของครอบครัวเซลตันชื่อเลบ เซลตัน และคนขวามือคือหัวหน้าตำรวจของซานฟรานซิสโก ซึ่งผู้สื่อข่าวเห็นทั้งสองพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานนานถึงครึ่งชั่วโมง’
‘หัวหน้ากรมตำรวจซานฟรานซิสโกควรจะเป็นคนที่ต่อสู้กับอาชญากรรม แต่เขากลับกลายเป็นเพื่อนกับหัวหน้ามาเฟียอย่างนั้นเหรอ? แล้วเราจะเชื่อใจเขาได้ใช่ไหม? สำหรับการให้เขาปกป้องความสงบความปลอดภัยในซานฟรานซิสโก? หรือเขาเป็นอาชญากรที่สมรู้ร่วมคิดกับมาเฟียกลุ่มนี้?’
‘ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากภายในบางส่วนของกรมตำรวจซานฟรานซิสโกมาด้วย และเรามาดูสถานการณ์ความมั่นคงในซานฟรานซิสโกกันดีกว่าโดยปีที่แล้วมีการปล้น 4560 ครั้ง มีเหตุขโมย 6501 ครั้งและเหตุยิงกัน 468 ครั้ง ส่วนคดีขมขื่นในตอนกลางคืนของทั้งปีมีคดีมากกว่า 20,000 คดีและผู้เสียชีวิต 384 คน’
‘ถ้าจะให้พูดก็คือมีคดีร้ายแรงอยู่ 68 คดีในทุกวันของซานฟรานซิสโกและมีผู้เสียชีวิตมากกว่าหนึ่งรายต่อวัน’
‘ชิเกเป็นหัวหน้าตรวจมาได้สองปีแล้ว และในช่วงสองปีของการดำรงตำแหน่งของเขาอัตราการเกิดอาชญากรรมก็ได้เพิ่มขึ้นปีแล้วปีเล่า ถ้าเรามาลองเดาเล่นๆ อาจเป็นเพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับมาเฟีย เขาจึงทำการปกปิดคดีและให้อาชญากรรมเหล่านี้เกิดขึ้น’
……
ในที่ส่วนตัวเราจะทำตัวเลวทรามแค่ไหนก็ได้
แต่เมื่อมันออกสู่สาธารณะมันก็ต้องมีขอบเขตที่ผู้คนรับได้เหมือนกัน
อย่าลืมว่าวัตถุประสงค์ของการจ้างตำรวจมาก็เพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน แต่ตอนนี้หัวหน้าตำรวจกลับไปยุ่งกับพวกอันธพาลซะเอง
ผู้คนนับไม่ถ้วนเลยโกรธเคืองเขามาก
…
ในตอนเช้าชิเกก็มาที่สถานีตำรวจตามปกติ แต่เขาก็พบว่าเจ้าหน้าที่หลายคนกำลังมองเขาแปลกๆ
ซึ่งชิเกก็รู้สึกสับเล็กน้อย และก็เดินไปที่กระจกเพื่อดูว่าเขาแต่งตัวผิดปกติอะไรไปหรือเปล่า…
ในสำนักงาน
เลขาของเขามองไปที่หัวหน้าคนนี้และพูดอย่างระมัดระวังว่า “หัวหน้าค่ะ ฉันว่างหนังสือพิมพ์ของวันนี้ไว้ให้ที่โต๊ะนะคะ”
“ขอบใจ” ชิเกพูดอย่างเฉยเมย
แต่เมื่อเขาเดินเข้าไปในสำนักงาน โทรศัพท์ของชิเกก็ดังขึ้นทันที “ฉันชิเกนั่นใคร?”
“ฉันนายกเทศมนตรีวีแลนเอง ตอนนี้ฉันอยากให้นายมาที่สำนักงานของฉันทันที” นายกเทศมนตรีวีแลนสั่งด้วยเสียงน้ำเสียงแข็งกร้าว
ชิเกวางโทรศัพท์ลงด้วยความประหลาดใจและสงสัยว่าทำไมน้ำเสียงของนายกเทศมนตรีวีแลนถึงเย็นชานักในวันนี้
หรือเป็นเพราะเขาปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาความร่วมมือกับเอชดีซีเคียวริตี้?
ในเวลาเดียวกัน
สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์บนโต๊ะ ซึ่งอันบนสุดคือหนังสือพิมพ์ซานฟรานซิสโกมอร์นิ่งโพสต์
เมื่อตอนเช้าเลขาได้เห็นหนังสือพิมพ์แล้ว เธอจึงรู้แล้วว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เธอเลยตั้งใจวางหนังสือพิมพ์ไว้ให้เห็นชัดๆ
หลังจากมองไปสักครู่ ชิเกก็เหมือนถูกฟ้าผ่าและร่างกายเขาก็ยืนแข็งอยู่ตรงนั้น
เพราะในรูปถ่ายในหนังสือพิมพ์ เขากับผู้อาวุโสของมาเฟียกำลังจับมือกันอย่างสนิทสนมและนั่งคุยกันอยู่ ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เพียงแค่รูปนี้ก็ถือว่าเป็นหลักฐานมัดตัวเขาไว้แล้ว
ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมองเขาแบบนั้นตอนที่เขาเข้ามาในสถานีตำรวจ
และไม่แปลกใจเลยที่นายกเทศมนตรีวีแลนจะโกรธพร้อมกับเรียกให้ไปหาเขา
ตอนนี้เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วรัวแปลกๆ
มันคือใคร?
ใครเป็นคนถ่ายภาพของพวกเขา?
เพราะสถานที่ที่พวกเขาพบกันคือคลับส่วนตัวและคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้
เว้นแต่จะมีคนจงใจตรวจสอบและติดตามพวกเขา…
ทันใดนั้นชิเกก็ตระหนักถึงสถานการณ์ที่น่ากลัวมากขึ้น
เป็นไปได้ไหมว่า ‘เอฟบีไอ’ กำลังตรวจสอบตัวเขาอยู่
แต่ทำไมไม่พาตัวไปสอบสวนแต่กลับลงข่าวในหนังสือพิมพ์ล่ะ?
…
เขาเข้าไปที่ศาลากลางด้วยความวิตกกังวล และเมื่อนายากเทศมนตรีเห็นชิเก เขาก็โกรธมากทันที
เขาถึงกับด่าชิเกเป็นเวลานานถึงสิบนาที แม้แต่เสียงของนายกเทศมนตรีวีแลนก็อาจได้ยินไปทั่วทั้งศาลากลางเลยด้วย
“ตอนนี้นายโดนไล่ออกแล้ว! ออกไป!”
หัวหน้าชิเกออกจากศาลากลางด้วยความท้อแท้
วันต่อมา
นายกเทศมนตรีวีแลนก็แต่งตั้งหัวหน้ากรมตำรวจใหม่
หัวหน้ากรมตำรวจคนนี้มีชื่อว่าบราวน์ และอดีตเขานั้นก็เป็นรองหัวหน้ากรมตำรวจของซานฟรานซิสโกนี้เอง…
แน่นอนว่าเขามีไหวพริบ ความฉลาดมากกว่าชิเก
ฮาร์ดี้ยิ้มเบาๆ เมื่อเขาเห็นรายงานของหนังสือพิมพ์
ยังไงถ้าคนคนนั้นไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณและยังต้องการเป็นศัตรูกับคุณ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือจัดการมันซะ!
แถมคดีครั้งนี้ยังต้องสืบหากันยาวเพราะครั้งนี้คือคดีทุจริตของผู้รักษากฎหมาย เอฟบีไอจึงเริ่มดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ทันที และไปจับตัวชิเกมาสอบปากคำเป็นคนแรก
เลบเซลตันผู้นำสูงสุดของครอบครัว ได้ข่าวมาว่าเอฟบีไอกำลังเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้
เขาจึงส่งมอบกิจการของครอบครัวให้กับรองหัวหน้าคนที่สองและบินไปที่โคลอมเบียทันที
เพราะยังไงเขาก็อยู่ในวงการมาเฟียมานาน และครอบครัวเซลตันก็มีรากฐานในซานฟรานซิสโกนานกว่าสิบปี
หลายคนในซานฟรานซิสโกจึงรู้ถึงการมีอยู่ของครอบครัวมาเฟียนี้และก็คุ้นเคยกับพวกเขาอยู่แล้ว
แถมด้วยการที่อยู่มานานเลยทำให้ครอบครัวเซลตันได้รับความสนใจจากสื่อมากกว่าเดิม
แต่ข่าวที่ออกในหนังสือพิมพ์นั้นจะเป็นข่าวเกี่ยวกับประวัติอันดำมืดของครอบครัวเซลตัน เช่น การปล้น การยืดครองตลาด การค้ายาเสพติด ธุรกิจแก๊ง และอื่นๆ
เลยเป็นเหตุให้ชื่อเสียงของครอบครัวเซลตันเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าฮาร์ดี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีชื่อเสียงครั้งนี้ด้วย เพราะเขายังไม่ลืมว่าครอบครัวนี้ทำอะไรกับคาสิโนฟลามิงโก้ไว้
ฮาร์ดี้เลยลงมืออะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ ยังทำการเปรียบเทียบเรื่องความปลอดภัยของสองเมืองก็คือซานฟรานซิสโกเทียบกับลอสแอนเจลิ
โดยความปลอดภัยในเมืองลอสแอนเจลิสนั้นดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก และทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเอชดีซีเคียวริตี้
ซึ่งหนังสือพิมพ์ก็บอกต่อว่าผู้คนเรียกร้องให้นำเอชดีซีเคียวริตี้มาช่วยดูแลซานฟรานซิสโกด้วย
นายกเทศมนตรีวีแลนเลยจัดการประชุมขึ้นเพื่อหวังว่าจะนำเอชดีซีเคียวริตี้มาช่วยกรมตำรวจซานฟรานซิสโกทำงานและช่วยให้เมืองนี้ปลอดภัยยิ่งขึ้น แน่นอนว่าข้อเสนอดังกล่าวผ่านสภาเมืองโดยไม่พบการต่อต้านใดๆ
หัวหน้ากรมตำรวจคนใหม่บราวน์และแลนสเตอร์จัดพิธีลงนามอย่างเรียบง่าย
ทำให้ตั้งแต่นั้นมาเอชดีซีเคียวริตี้จึงกลายเป็นกำลังเสริมสำหรับการรักษาความปลอดภัยของซานฟรานซิสโกทันที
โดยจะช่วยเหลือเรื่องการตรวจตราความเรียบร้อยและต่อสู้กับอาชญากรรม
การลงนามครั้งนี้มีมูลค่าถึงหนึ่งล้านดอลลาร์
แล้วตอนนี้เอชดีซีเคียวริตี้ก็ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปลาดตระเวนถึง 200 คนสำหรับลอสแอนเจลิส โดยหลังจากหักค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าจ้างแล้วเอชดีซีเคียวริตี้ก็มีกำไรมากถึง 400,000 ดอลลาร์
เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นของฮาร์ดี้ เงินแค่นี้มันก็ไม่เยอะอะไรเลย
แต่แค่ได้ดูแลความสงบความเรียบร้อยของประชาชนเรื่องเงินมันก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว