ตอนที่ 171 คนจากรัฐบาลแคลิฟอร์เนีย
มาครอนก็คือชื่อปลอมของวิคเตอร์นั่นเอง…
เพราะยังไงในฐานะที่เป็นนักต้มตุ๋นมืออาชีพมันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีชื่อหลายสิบชื่อ
วิคเตอร์ยิ้ม “ไงนิเอโต้ ยินดีที่ได้เจอกันอีก ครั้งนี้ฉันนำของดีมาเพียบเลย แล้วนายเตรียมเงินมาพร้อมไหม?”
“แน่นอน!” ผู้นำเม็กซิกันพูดจบ เขาก็โบกมือเรียกลูกน้องให้เอากระเป๋าเงินมา
ผู้นำเม็กซิกันเปิดกล่องที่เต็มไปด้วยเงินตรงด้านหน้าของรถที่กำลังส่องไฟอยู่ และวิคเตอร์ก็โบกมือให้คนของเขาหยิบยาออกจากท้ายรถมาวางไว้ด้านหน้าเหมือนกัน
ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มลงมือตรวจสอบเงินและยาเสพติด
และการซื้อขายก็สิ้นสุดลง
“ฉันดีใจที่การซื้อขายครั้งนี้จบลงด้วยดี ซึ่งฉันก็หวังว่าครั้งต่อไปนายจะเอาสินค้ามาให้เรามากขึ้น ยังไงตอนนี้เราก็สามารถขายเท่าไหร่ก็ได้ เพราะตลาดยาที่ลอสแอนเจลิสเป็นของเราแล้ว!” ผู้นำเม็กซิกันกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ไม่มีปัญหา แต่ไว้คราวหน้าค่อยคุยกัน” วิคเตอร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองกลับไปขึ้นรถ และรถของวิคเตอร์ก็ขับออกไปก่อน
ซึ่งรถของชาวเม็กซิกันก็ขับออกไปตามหลัง และขับเข้าไปในเมืองแถวเขตของสลัม ที่ที่หัวหน้าแก๊งของชาวเม็กซิกันกำลังรอพวกเขาอยู่
สินค้าถูกย้ายเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง และหัวหน้าคนที่สองก็หยิบถุงยาเสพติดขึ้นมา ฉีดถุงด้วยมีดและหยิบผงขึ้นมาใส่ปากของเขา
“เยี่ยม สินค้ารอบนี้ยังบริสุทธิ์อยู่ พวกนายเติมผงกลูโคสเข้าไปผสมได้เลย และแบ่งขายสักสามส่วน เพื่อที่เราจะได้ราคาสูงขึ้นมาถึงสามเท่า” หัวหน้าคนที่สองพูดอย่างพอใจ
ในเวลาเดียวกัน
ก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นข้างนอกและก็มีรถบรรทุกคันหนึ่งพุ่งผ่านประตูเข้ามา ซึ่งมันทำให้ชาวแก๊งแม็กซิกันตกใจมาก ก่อนที่พวกเขาจะตอบสนองทีมเอชดีซีเคียวริตี้ที่อยู่ในชุดเครื่องแบบพิเศษสีดำก็พุ่งออกมาพร้อมกับปืนกลในมือ
ทีมรักษาความปลอดภัยไม่ได้พูดคุยอะไรไร้สาระกับแก๊งเม็กซิกันเลย…
เพราะตราบใดที่พวกเขาเห็นคนพวกเขาก็จะฆ่าคนเหล่านี้ทันที…
ในที่สุดชาวเม็กซิกันก็ได้สติและตอบโต้ทีมรักษาความปลอดภัยด้วยปืน อย่างไรก็ตามคู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นคือทีมรักษาความปลอดภัย ทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้เลยและพวกเขาก็ถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็ว…
ภายในไม่กี่นาทีทีมรักษาความปลอดภัยเอชดีซีเคียวริตี้ก็ดำเนินการภารกิจครั้งนี้จบ โดยชาวเม็กซิกันมีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 11 คน ซึ่งไม่มีใครรอดชีวิตเลยสักคน และก็ยึดยาเสพติดกลับมาได้ 250 กิโลกรัม
ทันทีที่ทีมรักษาความปลอดภัยเข้าควบคุมที่เกิดเหตุได้แล้ว นักข่าวสองคนก็เข้ามายังจุดเกิดเหตุ จากนั้นสารวัตรเอ็ดแห่งกรมตำรวจลอสแอนเจลิสก็เข้ามายืนอยู่หน้าศพของพ่อค้ายาและยาเสพติด พร้อมกับถ่ายรูปและให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
แน่นอนว่าทุกอย่างถูกจัดฉากไว้แล้ว
……
วิคเตอร์กลับไปที่บริษัทแอลเอและยื่นกระเป๋าเดินทางให้บิล
บิลก็เปิดกระเป๋าเดินทางออกมาดู เมื่อเขาเห็นเงินจำนวนมากเขาก็หัวเราะออกมาทันที
“บอส เงินจำนวนนี้ฉันคาดว่าน่าจะเป็นเงินทั้งหมดของแก๊งไก่หมุนเหล่านั้นแล้ว และตอนนี้มันก็เป็นของเราทั้งหมด” บิลหัวเราะและล้อเลียนพวกเขา
“บอส เราจะเอายังไงกับเงินก้อนนี้” บิลถาม
“จ่ายโบนัสให้กับคนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจครั้งนี้ และส่วนที่เหลือเอาเข้าบริษัทให้หมด” ฮาร์ดี้กล่าว
ตอนนี้แก๊งบิลได้เปลี่ยนเป็นบริษัทแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจะต้องเป็นทางการและฮาร์ดี้ก็ต้องทำตามกฎ
ซึ่งมันก็ทำให้เขาไม่สามารถนำเงินออกมาใช้ส่วนตัวได้เช่นกัน…
……
วันต่อมา
ลอสแอนเจลิสไทมส์
หัวข้อข่าวของวันนี้คือ ‘กรมตำรวจลอสแองเจลิสได้ร่วมมือกับบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ ในการเข้าจับกุมกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้ในครั้งเดียว’
‘เมื่อวานนี้เอชดีซีเคียวริตี้ได้เบาะแสบางเกี่ยวอย่างเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดที่ดำเนินการโดยชาวเม็กซิกัน พวกเขาได้ส่งคนไปสืบสวนอย่างต่อเนื่อง และก็ได้รู้ที่ซ่อนของพวกเขาในที่สุด เอชดีซีเคียวริตี้จึงส่งคนไปจู่โจมพวกเขาทันที โดยพวกเขานั้นใช้รถบรรทุกขับพุ่งชนไปที่ประตู’
‘แน่นอนว่าพวกพ่อค้ายาต่างดื้อรั้นกันมาก พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมจำนนและยิงใส่สมาชิกทีมรักษาความปลอดภัย ซึ่งทีมรักษาความปลอดภัยก็ยิงตอบโต้กลับอย่างดุเดือด และในที่สุดก็จัดการพวกค้ายาทั้งหมดลงได้ พร้อมกับยึดยาเสพติดกลับมาได้ 250 กิโลกรัม’
‘ครั้งนี้ถึงเป็นการปราบปรามคดียาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของลอสแองเจลิส มูลค่าของยาเสพติดที่ประเมินออกมาได้นั้นเกินหนึ่งล้านดอลลาร์เสียอีก’
‘เอ็ด ผู้กำกับของกรมตำรวจลอสแองเจลิสกล่าวว่า ในครั้งนี้บริษัทรักษาความปลอดภัยเอชดีทำได้ดีมากจริงๆ’
หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์ผู้คนในลอสแองเจลิสต่างก็แสดงความคิดเห็นกันออกมา
“นับตั้งแต่มีเอชดีซีเคียวริตี้ สถานการณ์ของเมืองลอสแอนเจลิสก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากจริงๆ เมื่อก่อนตอนกลางคืนฉันไม่กล้าออกไปไหนเลย แต่ตอนนี้ฉันไม่ค่อยกลัวแล้วเมื่อออกไปตอนกลางคืน”
“และตอนกลางคืนก็ยังมีรถของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ค่อยตรวจตราอยู่ตลอด ตราบใดที่ได้เห็นรถลาดตระเวนของพวกเขา ฉันก็รู้สบายใจจริงๆ”
“แล้วเอชดีซีเคียวริตี้ยังค่อยช่วยเหลือประชาชนด้วย ครั้งหนึ่งเคยมีอุบัติเหตุบนถนน พวกเขาก็มากันไวมากและนำคนบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลทันทีเลย”
ตอนนี้ชื่อเสียงของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ในลอสแองเจลิสนั้นดีมาก และมันก็ดีกว่าตำรวจมากด้วย
เพราะตำรวจนั้นมีแต่ไถเงินส่วนเอชดีซีเคียวริตี้นั้นไม่ไถเงินใครและไม่รบกวนผู้คนด้วย
พวกเขาช่วยดูแลประชาชนและรักษาความสงบของเมืองเท่านั้น มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขามีชื่อเสียงดี
สองวันต่อมา
รัฐบาลลอสแองเจลิสมอบรางวัลให้กับเอชดีซีเคียวริตี้ โดยบอกว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ของพวกเขาทำได้ดีมาก รัฐบาลจึงมอบรางวัลให้ 20,000 ดอลลาร์ ในขณะเดียวกันก็ได้ต่อสัญญาความร่วมมือกับบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้และขอจำนวนคนมาเพิ่ม
แน่นอนว่าเมื่อจำนวนคนเพิ่ม รายได้ของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก
เดิมทีมันก็ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร ทว่าหลังจากสองวันต่อมาแลนสเตอร์ก็มาบอกฮาร์ดี้ว่าสมาชิกรัฐสภาแคลิฟอร์เนียต้องการมาดูงานของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้และต้องการพูดคุยกับหัวหน้าบริษัทเอชดีด้วย
“ใคร?” ฮาร์ดี้ถาม
“สมาชิกสภานิกสัน”
ฮาร์ดี้ตกตะลึงเล็กน้อย
เพราะล่าสุดเขาเพิ่งจะได้เจอประธานาธิบดีรีแกนและคราวนี้เขาก็จะได้เจอกับนิกสันอีก
ซึ่งนิกสันนั้นได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเร็วกว่ารีแกนมาก เพราะเขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีมาก่อน และเมื่อผ่านไป 5 ปี เขาก็ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดของสหรัฐอเมริกา
เขาอายุเพียง 39 ปีตอนที่เขาได้รับเลือก
และแทนที่ฮาร์ดี้จะไปหาเขาด้วยตัวเอง เขาก็ดันมาหาฮาร์ดี้ก่อน
บางทีมันก็อาจเป็นเพราะชื่อเสียงของฮาร์ดี้ ที่ทำให้เขาผูกมิตรกับคนอื่นได้ง่ายและคนอื่นก็พร้อมที่จะเข้าหาเขา
“แลนสเตอร์เขียนกลับไปหาอีกฝ่ายว่า ฉันยินดีที่จะได้พบกับคุณนิกสันมากๆ” ฮาร์ดี้กล่าว
“นอกจากนี้ให้เอาข้อมูลของนิกสันมาให้ฉันด้วย ยิ่งมีรายละเอียดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” ฮาร์ดี้สั่ง
“เข้าใจแล้ว”
……
ตอนบ่าย
แลนสเตอร์กลับมารายงานกับฮาร์ดี้ว่า นิกสันตกลงที่จะเดินทางมาเยี่ยมชมบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ในอีกสองวันข้างหน้า
แล้วเฮนรี่ก็เอาข้อมูลของนิกสันที่ละเอียดที่สุดมาให้ฮาร์ดี้ด้วย
นิกสันเกิดปี 1913 บ้านเกิดของเขาอยู่ในเมืองยอร์บา ลินดา ใกล้กับลอสแองเจลิสที่รัฐแคลิฟอร์เนีย
เขาอายุ 34 ปีในปีนี้ และหลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัย เขาก็กลายเป็นทนายความและเข้าร่วมกับพรรครีพับลิกันในเวลาต่อมา
ปัจจุบันแคลิฟอร์เนียเป็นเหมือนสำนักงานใหญ่ของพรรครีพับลิกัน
หลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เขาก็เข้าร่วมกับกองทัพเรือและได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยโทในเวลาต่อมา พร้อมกับออกจากทหารในปี 1946 ในไม่ช้าก็ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกัน
ในความเป็นจริงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่มีอำนาจมากนัก และวาระการดำรงตำแหน่งของพวกเขาก็แค่สองปีเท่านั้น หน้าที่หลักๆ ของพวกเขาก็คือการทะเลาะวิวาทกันในรัฐสภา
อำนาจที่แท้จริงจะอยู่กับวุฒิสมาชิก ซึ่งวุฒิสมาชิกนั้นจะได้รับเลือกจากรัฐบาลให้เป็นตัวแทนของประชาชนสำหรับการออกเสียงในวอชังตัน
//คุ้นๆ นะ
ซึ่งผู้ว่าการรัฐหนึ่งคนและวุฒิสมาชิกสองคน สำหรับในแต่ละรัฐจะถือว่าเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในรัฐนั้นๆ
ฮาร์ดี้ก็คาดเดาเกี่ยวกับนิกสันได้ว่าทำไมเขาถึงต้องการมาเยี่ยมเอชดีซีเคียวริตี้
มันก็เพื่อแสดงพลัง…
หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องการไต่เต้าและได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน พวกเขาต้องแสดงออกทางการเมืองเป็นครั้งคราวเพื่อขยายอิทธิพลและแสวงหาเงินทุนสำหรับการเลือกตั้งวุฒิสภาในอนาคต
ในตอนนี้เอชดีซีเคียวริตี้เป็นที่รู้จักดีในสหรัฐอเมริกา โดยหลังจากผ่านการโปรโมทผ่านรายการ ‘สารคดีปล้นธนาคาร’ มาแล้ว แถมพวกเขายังได้ไขคดียาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและได้ออกข่าวโดยสื่อระดับชาติอีก
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์หลายฉบับก็รายงานว่าเอชดีซีเคียวริตี้นั้นมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยของลอสแองเจลิส เพราะตอนนี้อัตราการก่ออาชญากรรมลดลงไปถึง 50% มันเลยทำให้ผู้คนรู้สึกมีความปลอดภัยมาก
และเนื่องจากความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นของลอสแอนเจลิส นักท่องเที่ยวก็เลยมาที่ฮอลลีวูดมากขึ้นด้วย
แล้วบริษัทดังๆ แบบนี้จะไม่มีสมาชิกรัฐสภามาดูได้อย่างไร?
…
ในเวลาต่อมาก็มีข่าวออกมาทางหนังสือพิมพ์ว่าวุฒิสมาชิกนักสันได้ไปเยือนสำนักงานใหญ่ของบริษัทเอชดี
มันเหมือนกับว่าเขาต้องการบางอย่าง และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
นิกสันได้ขอพบฮาร์ดี้เป็นการส่วนตัวและบอกกับเขาว่าอยากให้ฮาร์ดี้มาเป็นผู้สนับสนุนหลักของเขา
เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งมันก็ต้องใช้เงิน
การออกหาเสียงมันก็ต้องใช้เงิน และเมื่อออกไปข้างนอกยังไงมันก็ต้องใช้เงิน…
มันต้องใช้เงินทุกอย่างเพื่อที่จะหาเสียง
ในการที่จะได้เป็นวุฒิสภา คุณไม่เพียงแต่ต้องมีความสามารถเท่านั้น แต่ยังต้องมีการประชาสัมพันธ์อีกด้วย
เพราะคุณต้องให้ประชาชนรู้จักคุณก่อน เพื่อที่พวกเขาจะลงคะแนนให้กับคุณ
แน่นอนว่าการประชาสัมพันธ์มันต้องใช้เงินจำนวนมาก
ตัวอย่างเช่นในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา มันมีค่าใช่จ่ายราวๆ 2.4 พันล้านดอลลาร์ และในปีของทรัมป์ค่าใช้จ่ายก็พุ่งขึ้นสูงมากกว่าเดิมถึง 5 พันล้านดอลลาร์
มาร์คแฮนนาผู้เชี่ยวชาญด้านการหาเสียงชาวอเมริกันได้กล่าวไว้เมื่อ 100 ปีที่แล้วว่า ‘การที่จะชนะการเลือกตั้งได้นั้นจำเป็นต้องมีสองสิ่ง หนึ่งคือเงินและสองผมจำมันไม่ได้…’
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ นั้นคือการดูที่ ‘ใครสมัครเข้ามา’ มากกว่า ‘พรรคที่สมัคร’ ดังนั้นความนิยมของผู้ที่สมัครเข้าร่วมจึงกลายเป็นเกณฑ์สำหรับการผ่านเข้าร่วมเกมต่อไป
สำหรับการโฆษณาและการสร้างแรงผลักดัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ใช้เงิน
เช่นเดียวกันกับการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรของรัฐ
เพราะมันจะมีแค่วุฒิสมาชิกเพียงสองคนในแต่ละรัฐ ทว่าในการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะมีคนเข้าร่วมเจ็ดหรือแปดคน และพวกเขาก็จำเป็นต้องจัดทีมโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขาเองเพื่อที่จะออกไปประชาสัมพันธ์ในหัวเมืองต่างๆ
โดยจะเป็นการลงโฆษณาที่โปสเตอร์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุและทีวี
แล้วเงินสำหรับการประชาสัมพันธ์มาจากไหนล่ะ? แน่นอนว่ามันไม่ได้มาจากกระเป๋าของตัวเองและคนส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายได้แน่นอน
ทำให้เงินทุนส่วนใหญ่มาจาก ‘การสนับสนุนทางการเมือง’
ซึ่งการสนับสนุนทางการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย
โดยพวกเขาจะเปิดบัญชีขึ้นมาและให้ประชาชนบริจาคเพื่อนำไปใช้ในการเลือกตั้ง ทว่าประชาชนธรรมดาก็บริจาคกันได้แค่ไม่กี่ดอลลาร์ แต่การเลือกตั้งมันต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้นเงินบริจาคส่วนใหญ่จะมาจากคนใหญ่คนโตมากกว่าเงินที่มาจากประชาชน
แน่นอนเบื้องหลังนักการเมืองทุกคนจะมีคนใหญ่คนโตอยู่หนึ่งคนหรือมากกว่านั้น และยิ่งคนคนนั้นโด่งดังเท่าไหร่ก็จะมีคนสนับสนุนมากเท่านั้น
แต่จะเอาเงินไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงต้องให้เงินล่ะ?
แน่นอนว่าเมื่อคุณเอาเงินของคนอื่นไป คุณก็ต้องทำบางสิ่งเพื่อพวกเขา
แล้วถ้าคุณไม่ทำอะไรเลยล่ะ? พวกเขาก็จะไม่ช่วยเหลือคุณอีกต่อไปนะสิ
แล้วหลังจากเกิดจลาจลในสภาคองเกรสของสหรัฐปี 2021 โดยพรรครีพับลิกัน 147 คนเลือกที่จะไม่ลงคะแนนเสียงของตัวเองให้กับคณะผู้เลือกตั้ง ทำให้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งเช่น บริษัทซิตี้กรุ๊ป บริษัทแมริออท และบริษัทยา ตัดสินใจที่จะหยุดการสนับสนุนทางการเงินแก่ 147 คนเหล่านั้นทันที
ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าเงินนั้นคือเบื้องหลังของนักการเมือง
ตอนนี้ฮาร์ดี้รวยมากและคุณสามารถรู้ได้ว่าเขามีทรัพย์สินมากแค่ไหนเพียงแค่คุณไปตรวจสอบ มันก็ทำให้เขาเข้าเงื่อนไขของการเป็นคนใหญ่คนโต
และฮาร์ดี้ก็ไม่ใช่แค่รวย
เขานั้นมีเอชดีซีเคียวริตี้ บริษัทเพลย์บอย บริษัทเอชดีพิคเจอร์และบริษัทออกอากาศเอบีซี ซึ่งทั้งหมดนี้คือบริษัทที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา
อาจกล่าวได้ว่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย อิทธิพลของฮาร์ดี้นั้นอยู่ในระดับบนอย่างแน่นอน
มันจึงเป็นเรื่องปกติที่นิกสันจะสนใจเขา และตอนนี้เขายังเป็นแค่คนตัวเล็กๆ เป็นชายหนุ่มอายุ 34 ปีที่ต้องการสร้างเครือข่ายของตัวเอง ถึงตอนนี้ฮาร์ดี้จะไม่ไม่ได้แสดงความสนใจอะไร แต่นิกสันก็เป็นคนที่เขาอยากเจอเหมือนกัน
แต่เขาก็เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบคอมมิวนิสต์เท่าไหร่ด้วย
ซึ่งฮาร์ดี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงอีก
ถึงแม้ตอนที่เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีจะได้เป็นคนแรกที่ไปจีนก็เถอะ
……
สองวันต่อมา
นิกสันพาผู้ช่วยของเขาบินจากซาคราเมนโตเมืองหลวงของรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังลอสแอนเจลิส และเมื่อทั้งสองลงจากเครื่องบิน นิกสันก็เห็นเครื่องบินหลายลำจอดอยู่ในระยะไกล แล้วสีของเครื่องบินก็คือสีทองและมีตัวอักษร ‘HD’ ติดอยู่
“ฮอลล์นายคิดว่าเครื่องบินที่มีโลโก HD เป็นเครื่องบินของฮาร์ดี้หรือเปล่า?” นิกสันถาม
“ใช่ครับท่าน คุณฮาร์ดี้นั้นบริษัทสายการบินอยู่ด้วย แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงทดลองปฏิบัติการและมีเครื่องบินทั้งหมด 50 ลำ” ผู้ช่วยกล่าว
“ทอม ฮาร์ดี้คนนี้มีธุรกิจมากมายจริงๆ ฉันได้ยินมาว่าเขาเกษียณออกมาจากทหารเหมือนกับฉัน มันน่าทึ่งมากจริงๆ ที่เขามีธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี และฉันก็หวังว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะจบลงด้วยดีละกัน…”
……