ตอนที่ 165 การเข้าซื้อกิจการด้วยวิธีปกติ
ในความเป็นจริงฮาร์ดี้สามารถใช้วิธีการที่ไม่ธรรมดาก็ได้ เช่น การลักพาตัวเอ็ดเวิร์ดโนเบิล และบังคับให้เขาเซ็นสัญญาโอนย้ายบริษัท แต่ความคิดนี้ก็แค่แวบเข้ามาในใจของฮาร์ดี้เท่านั้นและเขาก็ตัดมันทิ้งไปทันที
อย่าลืมว่ามันเป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย และในการทำธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาก็ต้องปฏิบัติตามกฎของธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ถ้าเขาใช้วิธีของมาเฟียเขาก็จะกลายเป็นคนที่ลงไปในความมืดในที่สุด
และมันก็ไม่มีใครเป็นคนโง่
ซึ่งคนอื่นๆ จะรู้ได้อย่างง่ายดายถ้าคุณใช้วิธีการที่สกปรกเช่นนี้
นักธุรกิจทุกคนก็จะปฎิเสธคุณและไม่ต้องการทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต
ส่วนในโลกใต้ดิน
จะใช้วิธีรุนแรงอะไรก็ได้
เพราะยังไงมันก็คือวิถีชีวิตของโลกใต้ดิน
มันเป็นหนทางเดียวที่จะอยู่รอด
ดังนั้นเราก็ต้องเลือกวิธีที่ถูกต้องในการทำธุรกิจต่างๆ
…
“แอนดี้ นายพาคนไปที่อิลลินอยส์เพื่อเจรจากับเอ็ดเวิร์ดโนเบิล ส่วนเฮนรี่นายพาคนไปอีกด้านหนึ่งเพื่อปกป้องแอนดี้และความปลอดภัยของพวกเขา พร้อมกับสืบสวนสถานการณ์ของเอ็ดเวิร์ดโนเบิลว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เพื่อที่จะส่งข้อมูลเหล่านี้ให้กับแอนดี้อีกที”
“ครับ บอส”
ทั้งสองตอบพร้อมกันทันที
แอนดี้และเฮนรี่กลับไปเตรียมตัว
ในวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็ขึ้นเครื่องบินของเอชดีแอร์ไลน์เพื่อไปยังสปริงฟิลด์พร้อมกัน
…
สปริงฟิลด์นั้นอยู่ติดกับทะเลสาบขนาดใหญ่ มันมีทิวทัศน์ที่สวยงามและบรรยากาศที่สดชื่นมากๆ
ซึ่งมันก็คือเมืองหลวงของรัฐอิลลินอยส์ และที่นี่นั้นก็มีสองสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดอยู่
หนึ่งคือบ้านเกิดของลินคอล์นและสองคือปืนสปริงฟิลด์หรือเรียกอีกอย่างว่าปืนไรเฟิลสปริงฟิลด์
หลังจากที่แอนดี้และเฮนรี่ลงจากเครื่องบิน ทั้งสองก็เดินไปหาโรงแรมเพื่อที่จะเข้าพัก
และเมื่อทั้งสองจัดการธุระเสร็จ เฮนรี่ก็พาคนออกไปข้างนอกเพื่อซื้อรถยนตร์สองคัน รถตู้หนึ่งคัน แล้วก็เอาโลโก้บริษัทมือถือค่ายหนึ่งมาแปะไว้ที่รถตู้จึงทำให้รถตู้กลายเป็นรถซ่อมโทรศัพท์ในทันที
ซึ่งเอ็ดเวิร์ดโนเบิลนั้นมีคฤหาสน์อยู่ที่ชานเมือง มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะขับรถไปบริเวณใกล้เคียงและทำอะไรกับสายโทรศัพท์
แน่นอว่าพวกเขาก็สามารถเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์เพื่อดักฟังข้อมูลของอีกฝ่ายได้โดยตรง
สายไหนที่มีประโยชน์เราก็นั่งฟัง ส่วนสายไหนที่ไร้ประโยชน์เราก็แค่ปล่อยสัญญาณรบกวนเพื่อทำให้ครอบครัวโนเบิลรู้สึกว่าโทรศัพท์เสียอยู่
…
คุณนายโนเบิลกำลังโทรหาเพื่อนๆ ของเธอเพื่อช่วนให้มาเล่นไพ่ด้วยกันที่บ้าน
แต่หลังจากโทรออกไปไม่กี่ครั้งมันก็มีเสียงรบกวนรุนแรงขึ้น
ทำให้คุณนายโนเบิลโกรธมากและโทรหาบริษัทโทรศัพท์ทันที
การโทรถูกเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว
“เฮ้! ใช่บริษัทโทรศัพท์หรือเปล่า! ตอนนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?!”
“ที่นี่บริษัทโทรศัพท์ครับ และมันเกิดอะไรขึ้น? โปรดใจเย็นๆ ก่อน”
“มันเกิดอะไรขึ้น? พวกนายไม่ได้ยินเสียงรบกวนที่ดังอยู่หรือไง นี่ฉันจ่ายค่าโทรศัพท์ไปเยอะมากทุกเดือนเพื่อการบริการแบบนี้เหรอ? รีบส่งคนมาซ่อมเร็วเข้า!” คุณนายโนเบิลพูดอย่างหงุดหงิด
“เอาล่ะๆ เราจะส่งคนไปแก้ไขให้เร็วที่สุด ช่วยบอกที่อยู่ของคุณมาด้วย” ปลายสายพูด
คุณนายโนเบิลวางโทรศัพท์ลงเมื่อเธอรายงานที่อยู่ให้กับอีกฝ่ายแล้ว
และเฮนรี่ที่อยู่อีกด้านก็ขยิบตาให้กับคนอื่นๆ
“ไปสิ ไปช่วยคุณนายโนเบิลซ่อมโทรศัพท์หน่อย” เฮนรี่พูดด้วยรอยยิ้ม
ภายในครึ่งชั่วโมงรถตู้ที่มีโลโก้บริษัทโทรศัพท์ก็ขับเข้าไปในคฤหาสน์ของโนเบิลและยามก็รีบนำพวกเขาเข้าไปทันที
มันมีโทรศัพท์ 5 เครื่องอยู่ในบ้านของโนเบิล
ซึ่งเฮนรี่กำลังตรวจสอบพวกมันทีละเครื่อง พร้อมกับทิ้งอุปกรณ์เล็กๆ ไว้ในโทรศัพท์
เฮนรี่และคนอื่นๆ ก็เนียนตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
หลังจากตรวจสอบสายโทรศัพท์ไปได้สักพัก ในที่สุดพวกเขาก็ยิ้มและพูดกับคุณนายโนเบิลว่า
“คุณนายคนสวย โทรศัพท์ของคุณได้รับการตรวจสอบแล้ว มันมีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับสายข้างใน ทำให้การเชื่อมต่อนั้นไม่ดีเล็กน้อย และปัญหาก็ได้รับการแก้ไขแล้ว” เฮนรี่กล่าว
คุณนายโนเบิลพอใจมากกับบริการของบริษัทโทรศัพท์ในวันนี้
เธอจึงให้ทิปกับเฮนรี่เป็นจำนวน 2 ดอลลาร์ เฮนรี่จึงยิ้มขึ้นมาและขอบคุณเธอ
หลังจากที่เฮนรี่และคนอื่นๆ ออกไป พวกเขาก็ไปหาบ้านเช่าที่อยู่ใกล้ๆ สายโทรศัพท์ของโนเบิล
เพราะเขานั้นไม่รู้ว่าการทำข้อตกลงในครั้งนี้จะจบเมื่อไหร่ และการมีบ้านอยู่ใกล้ๆ มันก็จะช่วยสร้างความมั่นใจมากขึ้น
แน่นอนว่ามันยากต่อการถูกค้นพบอีกด้วย
…
ที่บริษัทลูกกวาดของเอ็ดเวิร์ดโนเบิล
เฮนรี่ก็พาคนของเขาไปทำสิ่งเดียวกันกับที่บ้านของโนเบิล แต่ในครั้งนี้จะเป็นการติดตั้งจอภาพเล็กๆ ไว้ที่โทรศัพท์ด้วย
ซึ่งจอภาพมันก็ไม่ใหญ่มากนัก และใช้ไฟจากโทรศัพท์โดยตรง
โดยต่อให้ไม่มีคนใช้โทรศัพท์ พวกเขาก็จะได้ยินเสียงและเห็นภาพอยู่ตลอด
แน่นอนว่าในการตรวจสอบข้อมูลของบริษัทอื่นๆ เฮนรี่ก็ทำแบบเดียวกัน โดยติดตั้งเครื่องดักฟังทางโทรศัพท์พวกนี้
ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว
แอนดี้โทรหาเอ็ดเวิร์ดโนเบิลเพื่อบอกว่าเขาต้องการซื้อบริษัทเอบีซี
เอ็ดเวิร์ดโนเบิลก็ไม่ได้สงสัยอะไร และทั้งสองฝ่ายก็ตกลงที่จะพบกันในสำนักงานของบริษัทลูกกวาด
…
แอนดี้เดินเข้าไปในสำนักงานของประธานบริษัทลูกกวาด ซึ่งโนเบิลก็ยิ้มและจับมือกับเขา
“สวัสดีครับคุณโนเบิล ให้ผมแนะนำตัวสักหน่อย ผมชื่อแอนดี้และผมเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินของคุณฮาร์ดี้ โดยครั้งนี้ผมมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของคุณฮาร์ดี้ในการเข้าซื้อบริษัทกระจายเสียงเอบีซี”
“ทอมฮาร์ดี้? ใช่ทอมฮาร์ดี้ที่เป็นเจ้าของ ‘เพลย์บอย’ ใช่ไหม” โนเบิลถาม
“ใช่แล้ว คุณฮาร์ดี้นั้นเป็นเจ้าของ ‘เพลย์บอย’ และก็เป็นเจ้านายของผมด้วย”
ตอนนี้นิตยสาร ‘เพลย์บอย’ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งผู้คนนั้นเคยเรียกแอนดี้ว่าเป็นเจ้าของเอชดีซีเคียวริตี้และเอชดี้ฟิล์ม และตอนนี้มันก็มีคนเรียกเขาว่าเป็นเจ้าของ ‘เพลย์บอย’ อยู่เหมือนกันและส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชาย
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอะไร?
มันก็จะพูดได้ว่านักธุรกิจหนุ่มเหล่านั้นสนใจแต่เพลย์บอย
ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไรเลย
เพราะบางทีประธานาธิบดีของสหรัฐ คนปัจจุบันก็อาจกำลังแอบดูเพลย์บอยอยู่ก็ได้
โนเบิลขอให้แอนดี้นั่งลงและแอนดี้ก็พูดว่า “เจ้านายของเรานั้นมีบริษัทเอชดีพิคเจอร์อยู่ในมือ ซึ่งเขาก็มีความสนใจอย่างมากที่จะซื้อบริษัทกระจายเสียงสักแห่ง และเขาก็ได้ยินว่าคุณกำลังจะขายบริษัทเอบีซีอยู่พอดี ผมก็ไม่รู้ว่าคุณโนเบิลนั้นตั้งราคามันไว้เท่าไหร่?
“แล้วคุณจะเสนอราคาเท่าไหร่ล่ะ?” โนเบิลถามง่ายๆ
“เราเสนอที่ 10 ล้านดอลลาร์”
โนเบิลส่ายหัวทันที “ข้อเสนอของคุณต่ำเกินไป ผมยังไม่เห็นด้วยกับคนที่เคยเสนอที่ 14 ล้านดอลลาร์เลยด้วยซ้ำ แล้วผมจะขายให้คุณในราคา 10 ล้านดอลลาร์ได้ยังไง?”
แอนดี้ไม่ได้ประหม่าอะไร เพราะคำพูดของอีกฝ่ายมันก็เป็นวิธีการเจรจาทางธุรกิจปกติ
ซึ่งอีกฝ่ายก็จะเสนอราคาที่สูงขึ้นเพื่อทำให้คุณรู้สึกประหม่า
“เมื่อ 4 ปีที่แล้วคุณซื้อมันมาด้วยเงิน 8 ล้านดอลลาร์และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเอบีซีก็ไม่ได้มีการพัฒนาใดๆทำให้การจัดอันดับเกือบจะอยู่ที่ศูนย์ แถมตอนนี้อุปกรณ์ต่างๆ ก็ได้พัฒนาไปไกลมากแล้ว แต่อุปกรณ์ที่คุณมีมันกลับค่อยๆ ล้าสมัยและเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ”
“ซึ่งคุณและผมก็รู้ว่าในความเป็นจริงว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดของ ABC ก็คือข้อตกลงกับสถานีโทรทัศน์อื่นๆ และมันก็เป็นเพราะข้อตกลงนี้เราจึงยินดีจ่ายเงิน 10 ล้านเหรียญดอลลาร์”
โนเบิลโบกมือ
“ฉันรู้จักคุณค่าของมันเป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะดูถูกมันแค่ไหนฉันก็คิดว่ามันคุ้มค่ากับราคาอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มีผู้ใช้โทรทัศน์มากขึ้นและการออกอากาศบนโทรทัศน์ในอนาคตก็จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงมาซื้อบริษัทเอบีซีไม่ใช่เหรอ?”
ยังไงโนเบิลก็เป็นนักธุรกิจ เขาจะถูกแอนดี้ล่อลวงได้ยังไง และเขาก็มีราคาอยู่ในใจไว้แล้วด้วย
“ถ้าอย่างนั้นคุณโนเบิล การเข้าซื้อที่ 10 ล้านดอลลาร์หรือ 14 ล้านดอลลาร์มันก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นผมจะส่งทีมเจรจามาและหวังว่าเราจะได้เริ่มพูดคุยอย่างเป็นทางการ คุณคิดว่าไง?” แอนดี้กล่าว
“ก็โอเค แต่คุณต้องรอสามวันเพราะทนายที่ดูเกี่ยวกับกฎหมายเศรษฐกิจของผมมีบางอย่างที่ต้องทำอยู่ ผมคิดว่าเขาคงไม่สามารถกลับมาได้ในวันรุ่งขึ้น”
“ไม่มีปัญหา แล้วเราจะมาเจอกันอีกสามวัน” แอนดี้พูดด้วยรอยยิ้มและลุกขึ้นเพื่อออกไป
……
หลังจากที่โนเบิลส่งแอนดี้ออกไป
เขาก็นั่งอยู่ในเก้าอี้สำนักงานของเขาและไตร่ตรองเป็นเวลานานจนในที่สุดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรออก
“ฮัลโหล คุณอัลเดอร์แมนใช่ไหม? ผมโนเบิล ผมมีบางอย่างจะบอกคุณว่าตอนนี้มีอีกสองบริษัทที่กำลังจะเข้าซื้อบริษัทเอบีซีของผม ผมตัดสินใจที่จะเจรจาอย่างเป็นทางการกับพวกคุณทั้งสามคนว่าใครที่ให้ราคาสูงก็ขายให้กับคนนั้น” โนเบิลกล่าว
อัลเดอร์แมนเจ้าของโรงงานยางเพกาซัสขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของโนเบิล “โนเบิล เราก็เป็นคนรู้จักกันมานาน ราคา 11.5 ล้านดอลลาร์มันไม่พอเหรอ? และคุณยังได้เงินมัดจำไปแล้ว 3.5 ดอลลลาร์ไม่ใช่เหรอ?”
โนเบิลหัวเราะเบาๆ “ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่ว่ามีคนให้ราคาสูงกว่าคุณ ยังไงวันมะรืนเราก็จะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการที่ห้องประชุมของโรงแรมเซียงเกอในสปริงฟิลด์ แน่นอนว่าถ้าคุณมาเราก็จะได้มานั่งคุยกัน เพราะตอนนี้ผมเต็มใจที่จะขายมันแล้ว แต่ถ้าคุณไม่มามันก็จะไม่มีโอกาศอีกต่อไป”
หลังจากวางสายอัลเดอร์แมนโนเบิลก็โทรหาพาราเมาท์อีกครั้ง และลีโอนาร์ด กอร์ดอนสันก็รับสายทันที
ซึ่งโนเบิลก็ได้พูดเรื่องเดิมอีกครั้งให้เจ้าของพาราเมาท์ฟัง
สามวัน
แค่สามวันเท่านั้น
ถ้าคุณไม่มาเจรจา ผมเกรงว่าคุณจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
ซึ่งความคิดของโนเบิลนั้นก็ง่ายมาก เขาไม่อยากถือบริษัทเอบีซีไว้ในมืออีกต่อไป
เพราะสิ่งที่แอนดี้พูดนั้นถูกต้องแล้ว ตอนนี้เอบีซีเป็นเหมือนชั้นวางที่ว่างเปล่า
มันไม่มีพนักงาน ไม่มีรายการใดๆ และอุปกรณ์ทั้งหลายก็ล้าสมัยลงทุกปี
ถ้าเขาเก็บมันไว้ในมืออีก 2-3 ปี ใครจะรู้ว่าจะมีบริษัทโทรทัศน์เกิดขึ้นมาอีกไหม
และจะมาแทนที่เครือข่ายสีน้ำเงินหรือเปล่า
ในตอนนี้เขายังขายมันได้ และก็ขายออกไปได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับราคาดีๆ
แถมคราวนี้เจ้าของเพลย์บอยยังเข้ามาร่วมวงด้วย
มันจึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเขา
ซึ่งเพกาซัสเสนอราคามา 11.5 ล้านดอลลาร์ และพาราเมาท์เสนอที่ 11 ล้านดอลลาร์
และเขาก็รู้ว่าทอม ฮาร์ดี้มีอำนาจมากกว่าสองคนนี้ รวมถึงความคิดในการทำธุรกิจของเขาด้วย
ส่วนการที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะได้ราคาขายที่สูงขึ้น
…
โนเบิลกลับบ้านและแบ่งปันความคิดของเขากับภรรยาในระหว่างอาหารค่ำ
คุณนายโนเบิลจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้น ราคาในใจของคุณคือเท่าไหร่ล่ะ?”
“ฮ่าๆ ปกติแล้วยิ่งสูงก็ยิ่งดี แต่ราคาในใจของฉันตอนนี้ก็ราวๆ 12 ล้านดอลลาร์ และมันจะดีที่สุดถ้าขายมันได้ในราคา 13 ล้านดอลลาร์”
แน่นอนว่าทั้งสองนั้นไม่รู้เลยว่าบทสนทนาของพวกเขานั้นโดนดักฟังทางโทรศัพท์โดยคนของเฮนรี่
และมันก็ถูกส่งไปยังแอนดี้อีกทอด
ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่โนเบิลจะทำการนัดเจรจาทั้งสามคนเพื่อที่จะเพิ่มราคาขึ้นไปอีก
แอนดี้จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่
อย่างไรก็ตามหากทั้งสามบริษัทเสนอราคาร่วมกัน เขาก็เกรงว่ามันจะควบคุมราคาได้ยาก
“ฉันจะโทรหาบอสและพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์นี้”
แอนดี้โทรหาฮาร์ดี้และบอกฮาร์ดี้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่
ฮาร์ดี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดกับแอนดี้ว่า “ส่งโทรศัพท์ให้เฮนรี่สิ”
เฮนรี่รับโทรศัพท์และฮาร์ดี้ก็เพิ่มคำสั่งให้เขาอีก
“หืม? ฉันเข้าใจแล้ว”
บ่ายวันรุ่งขึ้น
เครื่องบินอีกลำก็บินจากลอสแอนเจลิสมายังสปริงฟิลด์
มันก็คือริชาร์ดที่นำทีมซุ่มยิงของเขามาด้วย พร้อมกับแมทธิวที่นำทีมรบติดมา
ซึ่งฮาร์ดี้ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรที่เลวร้าย และมันก็จะเป็นแค่การเจรจาธุรกิจตามปกติ…