อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 153 ข่าวลูกโซ่

ตอนที่ 153 ข่าวลูกโซ่

ตอนนี้ลาสเวกัสเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่แค่ 20,000 คน และมีนักท่องเที่ยว 30,000 ถึง 40,000 คนต่อปี 

ซึ่งมันมีขนาดใกล้เคียงกับเมืองเล็กๆ ในประเทศจีนในอนาคต

ดังนั้นกรมตำรวจลาสเวกัสจึงมีขนาดเทียบเท่ากับสถานีตำรวจเล็กๆ 

มันมีเจ้าหน้าที่อยู่ประมาณ 30 คนเท่านั้น ซึ่งมันก็รวมผู้บัญชาการตำรวจด้วยแล้ว

เอชดีซีเคียวริตี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา 

แต่มันก็ไม่ใช่แค่นั้น 

เพราะไม่กี่วันก่อนเขาได้ยินมาว่าเอชดีซีเคียวริตี้ได้ช่วยตำรวจลอสแอนเจลิสทำลายแก๊งใหญ่ลง 

และหลังจากที่สารวัตรสตีฟลงนามข้อตกลงกับแลนสเตอร์เขาก็เลยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการสนทนา

แลนสเตอร์ยิ้มเล็กน้อย “มีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นจริงๆ และอีกฝ่ายก็มีคนมากกว่า 200 คนเลยทีเดียว”

“แล้วผู้บาดเจ็บล่ะ?” สารวัตรสตีฟถามอย่างสงสัย

“มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 80 คน และมีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 200 คน สำหรับฝ่ายของเรามี 5 คนที่ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่มีใครตาย” แลนสเตอร์กล่าว

ผู้กำกับสตีฟประทับใจมากเมื่อเขาได้ยินข้อมูลนี้ 

เขาได้ยินมาว่าสมาชิกทีมของเอชดีซีเคียวริตี้ทั้งหมดนั้นเกษียณมาจากสนามรบของสงครามโลกครั้งที่สอง 

มันจึงไม่น่าแปลกใจว่าประสิทธิภาพในการต่อสู้นั้นจะแข็งแกร่งมาก

“แล้วตอนนี้บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้มีพนักงานกี่คน?”

“ตอนนี้มีคนมากกว่า 1,500 คนแล้ว” 

สารวัตรสตีฟถึงกลับแปลกใจ

“แล้วมีกี่คนที่คุณนำมาที่ลาสเวกัส?”

“ตอนนี่คนมาประจำการที่นี่ประมาณ 150 คน แน่นอนถ้าความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ เราก็สามารถเสริมกำลังได้อย่างรวดเร็ว” แลนสเตอร์กล่าว

สารวัตรสตีฟคิดในใจว่าสถานีตำรวจของเขามีเพียง 30 กว่าคนเท่านั้น 

แต่นี่ถึงกลับเอามาคนมา 150 คนเป็นกองกำลังเสริม?

มันเรียกว่ากำลังเสริมได้เหรอ?

คิดดูสิเมืองเล็กๆ ของเขามีคนแค่ 20,000 คนเท่านั้นเอง

วันที่สอง

บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ได้ลาดตระเวนในเมืองลาสเวกัสพร้อมกับชุดที่มีลายเส้นสีดำแถบขาวและโลโก้ตัวอักษร “HD” ขนาดใหญ่ที่ตรงกลาง

ซึ่งมีบางคนบอกว่านี่คือการเลียนแบบลวดลายรถตำรวจ

รถตำรวจอเมริกันมีสีดำด้านหน้าและด้านหลังมีสีขาวตรงกลาง

ขณะที่รถลาดตระเวนของเอชดีซีเคียวริตี้มีสีดำสลับขาวอยู่บนและล่าง

ซึ่งเขาออกแบบให้คล้ายกับรถตำรวจของจีนในยุคอนาคตมากกว่า

ลวดลายบนรถและโลโก้ของเอชดีซีเคียวริตี้ทั้งหมดถูกออกแบบโดยฮาร์ดี้ 

ซึ่งมันก็ดูมีรสนิยมที่ไม่เลวนัก…

ลาสเวกัสมันไม่ได้ใหญ่มากนักและมีถนนสายหลักแค่สองสายเท่านั้น 

ซึ่งเอชดีซีเคียวริตี้ได้ส่งรถตำรวจมาถึง 5 คัน 

ดังนั้นใน 10 นาทีนี้ผู้คนก็จะเห็นรถลาดตระเวนขับผ่านทางเข้าคาสิโนอยู่ตลอดทาง…

ในช่วงแรกผู้คนก็มองไปที่พวกเขาด้วยความประหลาดใจ

แต่หลังจากผ่านไปสักพักพวกเขาก็คิดว่ามันไม่ได้น่าสนใจนัก เลยไม่มีใครสนใจรถลาดตระเวนอีกต่อไป

เมื่อเอชดีซีเคียวริตี้ก่อตั้งขึ้น อาคารสามชั้นอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักก็แขวนป้ายที่ดูเด่นขึ้นมาเช่นกัน

‘บริษัทอสังหาริมทรัพย์เรียลบิวตี้ฟูลโฮม’

ชื่อบริษัทอาจจะดูแย่ไปหน่อย แต่เจ้าของก็คือทอมฮาร์ดี้ของเรานี่เอง

ฮาร์ดี้นำแอนดี้มาด้วย เพราะเขามีความคิดที่จะเริ่มต้นซื้อที่ดินจำนวนมากในลาสเวกัส

เพราะตอนที่เขามาที่ลาสเวกัสเป็นครั้งแรก และหลังจากลงจากเครื่องบินเขาก็ได้เห็นที่ดินว่างเปล่าอยู่มากมาย 

เขาจำตอนที่เขาไปลาสเวกัสในชาติก่อนได้ 

เขารู้ว่าที่ดินเปล่านี้จะมีสิ่งก่อสร้างขึ้นในอนาคต และสิ่งก่อสร้างพวกนั้นมันก็ทำเงินได้เยอะจริงๆ

ตอนนี้ราคาที่ดินตรงนี้ยังถูกมากและเมื่อมันพัฒนาขึ้นถึงตอนนั้นที่ดินแถวนี้ก็แทบจะไม่เหลือให้ซื้อแล้ว

ฮาร์ดี้เอาแผนที่ลาสเวกัสออกมา และวาดวงกลมบนนั้น

ซึ่งจุดที่เขาวาดวงกลมลงไปมันก็คือเมืองใหม่ของลาสเวกัสและเป็นที่ตั้งของเขต ‘ลาสเวกัสสตริป’ ที่มี่ชื่อเสียงในอนาคต

โรงแรมเอ็มจีเอ็ม โรงแรมซีซาร์พาเลซ โรงแรมเดอะเวเนเชียน โรงแรมลักซอร์ โรงแรมปารีส โรงแรมหอไอเฟล โรงแรมเบลลาจิโอ โรงแรมมิราจดรีม โรงแรมเทรเชอร์ไอแลนด์ โรงแรมวินน์ลาสเวกัส โรงแรมนานาชาติทรัมป์ 

ทั้งหมดตั้งอยู่ในบริเวณนี้

ซึ่งตอนนี้มันยังคงเป็นถิ่นทุรกันดารและมีถนนเพียงสายเดียวเท่านั้น 

แต่มันก็ไม่มีใครคาดคิดว่าในอีกไม่กี่ทศวรรษที่นี่จะกลายเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในลาสเวกัส

หลังจากที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้รับการจัดตั้งขึ้น 

แอนดี้ก็ส่งคนไปเก็บรวบรวมข้อมูลและมันก็ใช้เวลาไม่นานนักสำหรับเอกสารที่จะวางอยู่ตรงหน้าของฮาร์ดี้

“บอส เราไปดูที่ศูนย์ซื้อขายที่ดินกันเถอะ เพราะที่ดินบางส่วนที่บอสต้องการเป็นของรัฐบาล แต่ก็มีบางส่วนที่จะขายให้กับคนทั่วไปเหมือนกัน”

“และรัฐบาลได้สงวนที่ดินส่วนหนึ่งไว้สำหรับการก่อสร้างพื้นที่สาธารณะ และส่วนที่เหลือพวกเขาก็จะขายให้กับคนภายนอกได้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของที่ดินด้วย ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันประมาณ 500 ถึง 800 ดอลลาร์ต่อเอเคอร์” 

// 1 เอเคอร์ = 4000 ตารางเมตร

“ส่วนที่ดินรอบเมืองนั้นถูกขายไปหมดแล้ว แต่ก็ยังมีที่ดินของรัฐบาลที่เก็บไว้ขายให้กับเอกชนอยู่ ซึ่งราคาที่ดินแถวนั้นจะแพงมาก มันมีราคาอยูที่ 4000 ดอลลาร์ต่อเอเคอร์เลย”

“ไกลออกไปอีกนิดเช่นที่ดินใกล้โรงแรมฟลามิงโก้ที่ห่างจากตัวเมืองหลัก 2 กิโลเมตร ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 ถึง 2,800 ดอลลาร์ต่อเอเคอร์”

พื้นที่ของฟลามิงโก้นั้น ฮาร์ดี้ได้รู้มาจากที่ซีเกลบอกเขาว่าฟลามิงโก้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 30 เอเคอร์ และมันมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 80,000 ดอลลาร์ในการซื้อที่ดิน 

ซึ่งเท่ากับประมาณ 2,700 ดอลลาร์ต่อเอเคอร์

ฮาร์ดี้พยักหน้า

“นายสามารถซื้อที่ดินทั้งหมดที่สามารถซื้อได้ในขณะนี้ในนามของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้เลย แต่ให้ทำข้อตกลงกับศูนย์การซื้อขายที่ดินไว้ว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้จะต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับและไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ในขณะนี้”

“ครับบอส!”

“แล้วบริษัทหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุที่ให้ไปหาข้อมูลเป็นยังไงบ้าง?” ฮาร์ดี้ถาม

“ผมได้ไปทำการสอบถามข้อมูลมาแล้ว มันมีบริษัทหนังสือพิมพ์อยู่ 3 แห่งในลาสเวกัส และสำนักข่าวที่ใหญ่ที่สุดก็คือลาสเวกัสนิวที่มีประวัติยาวนานกว่า 20 ปี”

“ซึ่งลาสเวกัสนิวก็ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์แบบวันเว้นวัน โดยส่วนใหญ่จะรายงานข่าวท้องถิ่น เหตุการณ์ระดับชาติ และข่าวต่างประเทศซะมากกว่า และลาสเวกัสนิวมียอดขายประมาณ 5,000 ฉบับ มันก็นับเป็นสำนักข่าวขนาดเล็กอยู่เหมือนกัน”

“เจ้าของหนังสือพิมพ์นี้คือเบนาดิกที่ลงทุนไปลงทุนไม่กี่ร้อยเหรียญ ซึ่งเราก็ให้ค่าบริษัทลาสเวกัสนิวอยู่ที่ 10,000 ถึง 12,000 ดอลลาร์”

“ส่วนสถานีวิทยุในลาสเวกัสนั้นมีแค่บริษัทเดียวคือของเซนต์ โคลินเฟิรธ์ซึ่งเขาก็เป็นผู้ประกาศข่าวด้วย และเขาก็ลงทุนอุปกรณ์ไปประมาณ 3000 ดอลลาร์ เราเลยคิดที่จะซื้อเขาในราคา 10,000 ดอลลาร์”

ฮาร์ดี้เข้าใจแล้ว

“แอนดี้ติดต่อซื้อบริษัทหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุของพวกเขาได้เลย และบอกพวกเขาว่าถ้าไม่เห็นด้วยกับการซื้อกิจการ เอชดีจะตั้งบริษัทหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุใหม่และชีวิตของพวกเขาก็จะอยู่ยากขึ้นในอนาคต” ฮาร์ดี้กล่าว

“หลังจากการซื้อกิจการบริษัทหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุแล้ว ให้พวกเขาตีพิมพ์ข่าวที่ฉันเขียนไว้ ตอนนี้ฉันได้ร่างหัวข้อและแนวทางข่าวไว้แล้ว นายไปบอกให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของนายให้เขียนรายงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์เศรษฐกิจในอนาคตของลาสเวกัสตามแนวทางนี้”

ฮาร์ดี้พูดและหยิบเอกสารขึ้นมาจากด้านข้าง 

กระดาษต้นฉบับจึงถูกส่งไปให้แอนดี้

‘ลาสเวกัสกำลังถดถอยลงอย่างรวดเร็ว พวกเราจะทำอะไรกันได้?’

‘คาสิโนฟลามิงโก้ลงทุนไปถึง 8 ล้านดอลลาร์และสูญเสียเงินอีกหลายล้านดอลลาร์หลังจากเปิดเป็นเวลาสามเดือน มันหมายความว่าอะไร?’

‘มันน่าตกใจ!’

‘ลาสเวกัสกำลังจะไม่มีอนาคต และมันจะกลายเป็นทะเลทรายที่ไม่มีอะไรเลยอีกครั้ง!’

‘การเคลื่อนไหวของเปลือกโลก อาจทำให้เขื่อนฮูเวอร์พังทลายลงจากแผ่นดินไหว และน้ำก็อาจจะไหลมาจมเมืองลาสเวกัส’

‘สมาชิกรัฐสภากำลังถกเถียงกันว่าจะหยุดนโยบายการพนันแบบถูกกกฏหมายของเนวาดาดีหรือไม่’

‘มีรายงานว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในลาสเวกัสก่อนหน้านี้ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตที่นี่ และพวกเขาทั้งหมดก็กำลังขายที่ดินอย่างลับๆ’

ฮาร์ดี้นำข่าวจากในอนาคตมา ซึ่งมันก็เป็นข่าวร้ายในอนาคตของลอสแอนเจลิสทุกระดับ

ยังไงคนในยุคนี้ก็เข้าถึงข้อมูลได้น้อย เพราะตอนนี้มีแค่หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และสถานีวิทยุที่มีอำนาจอยู่ในจิตใจพวกเขา 

และเมื่อไหร่ที่ผู้คนเห็นข่าวนี้ บางคนก็จะตกใจอย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้นผู้คนในลาสเวกัสก็จะรู้สึกกังวล 

และเป็นตอนนั้นที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของฮาร์ดี้จะเหมาซื้อที่ดินของพวกเขา 

แน่นอนว่าผู้คนก็ยินดีจะขายที่ดินให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

หลังจากที่แอนดี้อ่านจบเขาก็ชื่นชมฮาร์ดี้มาก

มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะคิดกลเม็ดลูกโซ่ชุดนี้ได้

แอนดี้นำคนของเขาเข้าไปคุยกับเจ้าของบริษัทหนังสือพิมพ์ 

เมื่อเจ้าของบริษัทได้ยินว่ามีคนอยากซื้อ เขาก็เสนอราคาสูงถึง 50,000 ดอลลาร์ทันที

แอนดี้ยิ้มเบาๆ “คุณดิกเคิร์ต บริษัทหนังสือพิมพ์ของคุณทั้งหมดมีพนักงานอยู่สามคน ซึ่งเป็นบรรณาธิการหนึ่งคนและคนทำสำเนาหนึ่งคน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์อีกหนึ่งคน และคุณยังเป็นคนที่ต้องไปติดต่อหางานด้วยตัวเอง แถมผมยังได้ยินมาว่าบางครั้งคุณก็ไม่ได้รับค่าจ้างเลยด้วยซ้ำ”

“ถ้าคุณไม่ได้เปิดโรงแรมด้วยตัวเอง ผมเกรงว่าสำนักงานหนังสือพิมพ์อาจจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว ผมพูดถูกไหมคุณดิกเคิร์ต?”

ใบหน้าของดิกเคตต์มืดลงเล็กน้อยกับคำพูดของแอนดี้

“แต่สำนักข่าวลาสเวกัสนิวของเราส่งออกหนังสือพิมพ์ที่มากที่สุดในลาสเวกัส ซึ่งมันก็คือข้อได้เปรียบของเรา” ดิกเคิร์ตต่อรอง

แอนดี้ยิ้มและกางมือของเขา

“ก็ใช่ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่มาเลือกที่นี่หรอก แต่ถ้าคุณปฏิเสธหัวหน้าของผมก็จะไปจัดตั้งบริษัทหนังสือพิมพ์ขึ้นมาใหม่ และแจกหนังสือพิมพ์ฟรีสักพัก คุณคิดว่าตอนนั้นลาสเวกัสนิวจะยังอยู่ได้ไหม? และมันจะอยู่ได้นานแค่ไหน?” แอนดี้กล่าว

ดิกเคิร์ตเบิกตากว้าง “หนังสือพิมพ์อ่านฟรี? แล้วคุณจะทำเงินกับมันได้ยังไง และจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนถ้าคุณไม่ได้ทำเงิน?”

แอนดี้ยิ้มเบาๆ “เอชดีกรุ๊ปเองก็มีงานโฆษณานับไม่ถ้วน และค่าใช้จ่ายที่ได้รับจากการโฆษณาก็จะเอามาจ่ายค่าหนังสือพิมพ์ที่พิมพ์ออกไปเท่านั้นเอง”

ดิกเคิร์ตยอมแล้ว

ในการเผชิญหน้ากับคนจากเมืองหลวง เขาไม่มีความสามารถในการต่อต้านจริงๆ

โชคดีที่ในท้ายที่สุดแอนดี้ก็ไม่ได้กดราคามากนัก และให้ราคาที่เหมาะสมถึง 12,000 ดอลลาร์ 

ซึ่งมันก็พอแล้วที่จะซื้อทุกอย่างในบริษัทหนังสือพิมพ์

ส่วนการได้มาซึ่งสถานีวิทยุก็เป็นไปอย่างราบรื่นเป็นพิเศษ

แอนดี้พบเจ้าของคือโคลินเฟิร์ธและบอกว่าเขาจะซื้อบริษัทนี้ 

โคลินเฟิร์ธที่อายุเพียง 30 ปีเกือบจะกระโดดขึ้นด้วยความดีใจ

“มันเยี่ยมมาก! ผมจะขายมันให้กับคุณแน่ๆ แต่ผมก็มีคำขออยู่อย่างหนึ่ง…คือให้ผมทำงานที่นี่ต่อไปได้ไหม?”

“แน่นอน!” แอนดี้กล่าว

โคลินเฟิร์ธเป็นคนที่ใครๆ ก็รู้จัก ดังนั้นเขาก็สามารถอยู่ได้

“แล้วในอนาคตสถานีวิทยุจะมีการติดตั้งสถานีโทรทัศน์ด้วยไหม? ผมเคยทำงานที่สถานีโทรทัศน์ในนิวยอร์คมาก่อน ผมเลยคิดว่าลาสเวกัสควรมีสถานีโทรทัศน์เป็นของตัวเองด้วย!” โคลินเฟิร์ธกล่าว

แอนดี้ยิ้ม “แน่นอน! เพราะหัวหน้าเราก็คิดแบบนั้น”

“ตกลง ขาย!” โคลินเฟิร์ธพูดอย่างมีความสุข

วันต่อมา

หนังสือพิมพ์ลาสเวกัสนิวถูกเปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์รายวันอย่างเป็นทางการ

พร้อมกับเริ่มแจกฟรีโดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่สตางค์เดียว

มีโฆษณาสำหรับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเอชดีกรุ๊ปจำนวนมากในหนังสือพิมพ์

พร้อมกับข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ของวันนี้ไว้ว่า ‘ธุรกิจการพนันในลาสเวกัสตอนนี้กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ!!’

‘ในปี 1931 สภานิติบัญญัติแห่งรัฐเนวาดาได้ผ่านร่างกฎหมายอย่างเป็นทางการเพื่อทำให้การพนันถูกต้องตามกฎหมายและลาสเวกัสก็ได้อยู่ในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้เมืองซึ่งเดิมมีเพียงไม่กี่พันคน ได้ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมากให้มาสร้างคาสิโนที่นี่’

‘ในปี 1946 ลาสเวกัสมีคาสิโนอยู่แล้ว 32 แห่ง แต่นักพนันล่ะ? ที่มาที่นี่นั้นมีกี่คน? จากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีของลาสเวกัสนั้นมีน้อยกว่า 40,000 คนซะอีก และแต่ละคนก็พักที่นี่ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ถ้าจะให้พูดก็คือจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในคาสิโนทุกวันมีเพียง 20 คน และจะใช้จ่ายเฉลี่ย 20 ดอลลาร์ต่อคน ทำให้รายได้รวมของคาสิโนแต่ละแห่งจะมีเพียง 400 ดอลลาร์และกำไรอยู่ที่ 100 ดอลลาร์เท่านั้น’

‘จำนวนเงิน 100 ดอลลาร์นั้นไม่ต้องพูดถึงการนำมาจ่ายค่าจ้างพนักงานเลย แค่ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำก็คงไม่เพียงพอด้วยซ้ำ แถมสถานการณ์นี้ก็เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว”

‘ส่วนคาสิโนฟลามิงโกที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่นั้นก็หรูหรากว่าคาสิโนอื่นๆ มาก ซึ่งเดิมทีมันมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดลูกค้าจำนวนมาก แต่มันก็ปิดตัวลงอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดเป็นเวลาสามเดือนและสูญเสียเงินมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเวลาสามเดือน’

‘ความล้มเหลวของฟลามิงโก้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความกระตือรือร้นของนักลงทุน ทำให้ไม่มีใครอยากลงทุนในธุรกิจที่สูญเสียเงินอีกแล้ว และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาปริมาณการทำธุรกรรมที่ดินในลาสเวกัสได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มันอาจคิดได้ว่ามีบางคนกำลังแอบขายที่ดินออกไป ซึ่งราคาที่ดินพวกนี้ก็น่าจะต่ำกว่าราคาปกติด้วยซ้ำ’

‘มีคนวิเคราะห์ว่าธุรกิจการพนันในลาสเวกัสเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บแล้ว’

บทความนี้ยาวมาก

แต่เมื่อนับปัญหาในลาสเวกัสและความประทับใจแรกของหลายๆ คนที่เคยมา พร้อมกับเห็นรายงานนี้พวกเขาก็คิดว่าลาสเวกัสจบลงแล้วจริงๆ

ในการออกอากาศในวันนั้นโคลินเฟิร์ธผู้ดำเนินรายการก็ยังได้พูดคุยเกี่ยวกับปัญหานี้ 

ทำให้หลายคนไม่มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของลาสเวกัสอีกต่อไป

‘ในเนวาดานั้นมีอะไร? มันไม่มีอะไรเลยนอกจากหินแถมสภาพภูมิอากาศก็ยังร้อนมาก มันช่างต่างจากเท็กซัสที่มีพื้นที่ทำกินจำนวนมาก และยังแตกต่างจากแอริโซนาที่มีเหมืองแร่สำหรับการลงทุน ส่วนลาสเวกัสนั้นไม่มีมูลค่าอะไรเลยถ้าไม่มีคาสิโนพวกนี้ และตอนนี้ราคาที่ดินในลาสเวกัสก็สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาแล้ว’

‘ถ้าธุรกิจการพนันถูกคว่ำบาตรและไม่มีใครมาที่นี่เพื่อลงทุน…ใครก็ตามที่เก็บที่ดินไว้ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์! ซึ่งผมก็ได้ยินมาว่าสมาชิกสภาบางคนได้เสนอให้ยกเลิกการทำให้การพนันถูกกฏหมาย และถ้ามันเกิดขึ้นจริงล่ะ? มันคงจะเป็นภัยพิบัติสำหรับลาสเวกัส แล้วมันก็จะเป็นดินแดนรกร้างในไม่กี่ปีและมูลค่าที่ดินก็จะไม่มีอีกต่อไป’

Leave a Comment

ไม่ดี!