อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 146 ทำลายแก็งยิวก่อนจากนั้นแก็งบิล!

ตอน 146 ทำลายแก็งยิวก่อนจากนั้นแก็งบิล!

ฮาร์ดี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปที่บ้านของคอร์เลโอเน 

หลังจากสายเชื่อมต่อแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงจากอีกฝั่งหนึ่งที่กำลังวุ่นวายดังออกมา… 

ฮาร์ดี้พูดชื่อของเขาและในไม่ช้าเสียงของไมค์ก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์

“ไมค์ นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” ฮาร์ดี้ถาม

“ขอบคุณที่เป็นห่วงฮาร์ดี้ ฉันสบายดี”

“ฉันได้ยินข่าวของซันนี่แล้ว มันน่าเศร้ามากจริงๆ” ฮาร์ดี้กล่าว

ไมค์กัดฟันและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “พวกมันสัญญาว่าจะหยุดการกระทำทุกอย่าง แต่พวกมันกลับส่งคนมาลับหลังและส่งคนไปลอบสังหารซันนี่กับฉัน พวกมันปฏิบัติต่อครอบครัวคอร์เลโอเนเหมือนคนอ่อนแอ และคราวนี้ตระกูลคอร์เลโอเนจะแสดงด้านโหดเหี้ยมให้พวกมันได้เห็นบ้าง ฉันจะกลับไปแก้แค้นพวกมัน!”

ฮาร์ดี้ได้ยินความมุ่งมั่นในน้ำเสียงของไมค์

ไม่นานมานี้ไมค์ได้เจอประสบการณ์หลายอย่าง

เขาค่อยๆ โตขึ้นจนเขาได้กลายร่างเป็นเจ้าพ่อมาเฟียรุ่นที่สองอย่างรวดเร็ว

“แล้วนายต้องการความช่วยเหลือไหม?” ฮาร์ดี้ถาม

ไมค์หยุดคิดสักครู่และพูดว่า “ครอบครัวคอร์เลโอเนในนิวยอร์กยังคงรับมือได้ แต่พ่อของฉันบอกว่านายต้องระวังตัวไว้ เพราะจู่ๆ ก็มีคนฆ่าซีเกล พ่อก็เลยคิดว่ามันอาจจะเป็นแผนการของคนที่อยู่ที่นั่น”

โดยไม่ต้องให้ไมค์เตือน ฮาร์ดี้ก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้วทันทีที่เขาได้ยินข่าว

ใครบางคนกำลังเล่นรุกรานลาสเวกัส และคิดที่จะเข้ามารุกรานลอสแอนเจลิสอีกด้วย

เขาไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร และไม่รู้ว่าทรงพลังแค่ไหน

แต่ต้องมีสี่ครอบครัวใหญ่หรือแก๊งอื่นๆ ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

“ไมค์มาทำงานด้วยกันเถอะ นายเป็นคนดูแลชายฝั่งตะวันออกและฉันจะเป็นคนดูแลชายฝั่งตะวันตกเอง!” ฮาร์ดี้กล่าว

“เยี่ยมเลย!” ไมค์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

เขาวางโทรศัพท์ลง และก็คิดเกี่ยวกับลอสแองเจลิสและลาสเวกัส

ซีเกลถูกฆ่า

แล้วลาสเวกัสจะเป็นยังไงต่อไป?

เฟร็ดก็ตายไปด้วยแล้ว

แล้วแก๊งยิวล่ะ?

แก๊งไหนที่อยากครอบครองลาสเวกัส?

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ฮาร์ดี้ก็มีแผนในใจแล้ว 

เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาบิลในทันที

“บิล เฟร็ดตายแล้ว”

บิลที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ตกตะลึง “นายพูดว่าอะไรนะ? หัวหน้าเฟร็ดตายแล้ว ใครเป็นคนทำ?”

“ฉันไม่รู้ แต่มีกลุ่มมือปืนบุกเข้าไปในคฤหาสน์ของซีเกลที่ลาสเวกัสในตอนเย็นและฆ่าเขาทั้งคู่”

“อ่า! คุณซีเกลก็ตายเหมือนกันเหรอ?” บิลยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่

ซีเกลถือว่าเป็นหนึ่งในทหารผ่านศึกของมาเฟีย 

และในใจของบิล…

ซีเกลถือว่าแข็งแกร่งมากและเขาไม่คิดว่าจะตายแบบนี้

“บิล ฉันคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในลอสแองเจลิส ตอนนี้ฉันอยากให้นายเรียกรวมแก๊งบิลทันทีเพื่อเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา ” ฮาร์ดี้กล่าว

“ตกลง! ฉันจะเรียกพวกเขามาทั้งหมดเดี๋ยวนี้”

หลังจากวางสายบิล ฮาร์ดี้ก็โทรหาแลนสเตอร์อีกครั้ง “แลนสเตอร์ คุณรู้ข่าวของซีเกลและเฟร็ดหรือยัง”

“ฉันรู้แล้ว ฉันอยู่กับเฮนรี่”

“ฉันกลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นที่ชายฝั่งตะวันตก คุณช่วยเรียกทหารของเราทั้งหมดมาที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยที และผมจะไปหาเดี๋ยวนี้” ฮาร์ดี้สั่ง

“เข้าใจแล้ว” แลนสเตอร์ตอบ

ฮาร์ดี้วางโทรศัพท์ลงและเงยหน้าขึ้นไปดูเวลา ซึ่งตอนนี้มันเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว

บอดี้การ์ดขับรถไปส่งฮาร์ดี้ที่บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ 

พร้อมกับที่แลนสเตอร์ เฮนรี่ ริชาร์ด แมทธิว นีลและคนอื่นๆ กำลังรอเขาอยู่ในห้องประชุม

ฮาร์ดี้นั่งลงและพูดว่า “ครอบครัวใหญ่อื่นๆ ในนิวยอร์กเริ่มโจมตีครอบครัวคอร์เลโอเนและฆ่าซันนี่คอร์เลโอเนพร้อมกับส่งคนไปสังหารไมค์เพื่อนของฉันแล้ว… ตอนนี้ครอบครัวคอร์เลโอเนได้บอกฉันว่าพวกเขาต้องการแก้แค้น และมันจะทำให้แก๊งมาเฟียตกอยู่ในช่วงสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

“แถมยังมีคนฆ่าซีเกลและเฟร็ดด้วย ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่มันก็น่าจะหนีไม่พ้นครอบครัวมาเฟียเหล่านี้ และฉันก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะทำมากกว่าการฆ่าคน ถ้าให้ฉันเดาวัตถุประสงค์ของพวกเขามันก็น่าจะเป็นผลประโยชน์ในลาสเวกัสและลอสแอนเจลิสมากกว่า”

“ตอนนี้มาศึกษากันดีกว่าว่าควรจะทำอะไรในลาสเวกัส และจะทำยังไงกับแก๊งชาวยิว”

แมทธิวที่เป็นคนปากไวก็พูดขึ้นมาทันทีว่า

“บอส เราจะต้องมาคุยอะไรกัน? ฉันคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาดีที่สุดที่จะได้ลาสเวกัสและแก๊งยิวมาเป็นของนายและทุกอย่างมันก็จะจบ!”

“แม้ว่าแมทธิวจะพูดตรงๆ แต่ฉันก็สนับสนุนความคิดเห็นของเขา” เฮนรี่กล่าว

“ก่อนหน้านี้แก๊งยิวถูกควบคุมโดยซีเกลและเฟร็ด ซึ่งเรากับแก๊งยิวก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและก็สามารถร่วมมือกันอย่างสันติและมั่นคง อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาถูกควบคุมโดยคนอื่นๆ ในอนาคต แก๊งยิวอาจกลายเป็นศัตรูของเรา แล้วมันจะดีกว่าไหมถ้าเราเริ่มควบคุมพวกเขาในตอนนี้”

“และแต่เดิมฝั่งลาสเวกัสก็เป็นอาณาเขตของซีเกล แน่นอนว่ามันไม่มีใครกล้าเข้ามาแทรกแซง ทว่าเมื่อซีเกิลตาย…ลาสเวกัสก็จะถูกรุกรานโดยกองกำลังอื่นในไม่ช้า”

คนอื่นๆ ก็เริ่มแสดงความคิดเห็นของออกมาเช่นกัน 

เพื่อที่จะสนับสนุนฮาร์ดี้

ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “เฮนรี่ นายโทรหาอลันเพย์นและขอให้เขามาคุยกับบิลที”

อลันเพย์นเป็นนักวางแผนของแก๊งยิว และหลังจากที่เฟร็ดถูกนำตัวไปลาสเวกัสโดยซีเกล 

อลันเพย์นก็กลายเป็นหัวหน้าแก๊งยิวในลอสแองเจลิส

เฮนรี่กดโทรศัพท์ แต่ก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์เป็นเวลานาน

“บอส ไม่มีใครรับสายเลย?” เฮนรี่วางโทรศัพท์ลงและกล่าวออกมา

ฮาร์ดี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยืนขึ้นแล้วพูดกับริชาร์ดและเคอร์รีว่า “นายสองคนพาคนไปที่แก๊งบิลกับฉัน”

“ครับ บอส”

โดยปกติแล้วฮาร์ดี้จะไม่ค่อยพาคนของเขาออกไปข้างนอก 

แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษเพราะซีเกลและเฟร็ดเพิ่งถูกฆ่า 

ฮาร์ดี้จะไม่ยอมให้ตัวเองทำผิดซ้ำอีก

“เฮนรี่ ให้คนของหน่วยข่าวกรองของนายให้ความสนใจกับทุกการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยในลอสแอนเจลิสได้เลย” ฮาร์ดี้บอกเฮนรี่

“เข้าใจแล้ว”

“แลนสเตอร์ คุณออกคำสั่งไปว่าให้สายตรวจทั้งหมดออกไปตามถนน พร้อมกับเปิดวิทยุไว้ตลอดเวลาเพื่อที่จะตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น”

“ได้!” แลนสเตอร์พยักหน้า

……

ทางฝั่งเหนือของลอสแองเจลิส

รถสองคันขับเข้ามาในหมู่บ้านและจอดอยู่ใต้บันไดของอาคาร พร้อมกับกลุ่มคนชุดดำรีบลงจากรถและยกชายคนหนึ่งที่ถูกสวมกุญแจมือและหมวกผ้าสีดำอยู่บนหัวของเขา

ที่ห้องโถง

ชายชุดดำโยนเขาลงกับพื้น

ตึง!

หมวกผ้าสีดำบนหัวของเขาถูกฉีกออก เผยให้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคนที่ดูคล้ายกับนักวางกลยุทธของแก๊งยิว

ซึ่งเขาก็คืออลันเพย์น…เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงอาทิตย์อลันเพย์นจึงหรี่ตาและมองไปข้างหน้า

เขาเห็นชายแก่ไฮมี่ไวสส์ที่คุมแก๊งไอริชฝั่งเหนือยืนอยู่ข้างหน้ากับเบอร์เจซมอรันผู้ช่วยของเขา และชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปีที่ยืนอยู่ข้างๆ

ไฮมี่ไวสส์ก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีอลันเพย์น ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเราจะได้พบกันในลักษณะนี้เลย ฮ่าฮ่าๆ”

เมื่อคืนอลันเพย์นเพิ่งทำบัญชีของแก๊งเสร็จ และเขาก็ออกไปหาบาร์เพื่อนั่งดื่มผ่อนคลาย 

แค่เขาก้าวออกจากรถแปปเดียว อยู่ดีๆ ก็มีคนเจ็ดหรือแปดคนปรากฏตัวขึ้น…

พร้อมกับถือปืนลูกโม่จ่อมาที่เขากับคนขับรถ

ทั้งสองไม่กล้าขยับ อลันก็ถูกใส่กุญแจมือสวมหมวกผ้าสีดำและถูกนำตัวไป 

ซึ่งเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแก๊งไอริชที่จับเขามา

ไฮมี่ไวสส์มองไปที่อลันเพนน์อย่างดูถูก 

อลันเพย์นต้องมองขึ้นไปข้างบนและเห็นเพียงง่ามขาของไฮมี่ไวส์เท่านั้น… 

เขารู้ว่าไฮมี่ไวสส์กำลังทำให้เขาอับอาย

“พวกนายต้องการอะไร?” อลันเพย์นกัดฟัน

ไฮมี่ไวสส์หัวเราะ “ฮ่าๆ ฉันก็แค่มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จะพูดคุยกับนายเท่านั้นเอง”

“เรื่องอะไร?” 

อลันรู้ว่าอีกฝ่ายต้องไม่ทำอะไรเขา

“ฉันอยากจะให้นายปล่อยมือจากแก๊งยิว และก็เอาแก๊งยิวรวมเข้ากับแก๊งไอริชของฉัน” น้ำเสียงของไวส์พูดด้วยความใจเย็น

อลันเพย์นตกตะลึง “ไวส์นายบ้าไปแล้วเหรอ? นายคิดว่าจะสามารถยึดอุตสาหกรรมและอาณาเขตของแก๊งยิวได้เพียงแค่นายจับตัวฉันไว้หรือ? อย่าลืมว่าแก๊งยิวยังมีหัวหน้าเฟร็ดอยู่! และมันก็มีเจ้าของที่ใหญ่ที่สุดก็คือคุณซีเกลด้วย!”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆ”

ไฮมี่ไวส์หัวเราะเสียงดังหลังจากได้ยินคำพูดของอลัน

“อลัน นายไม่รู้เหรอ? เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหัวหน้าของนายเฟร็ดและซีเกลได้ถูกฆ่าตายที่ลาสเวกัสแล้ว! ฮ่าๆๆๆ”

อลันเพย์นตกใจ “เป็นไปไม่ได้! เป็นไปได้ยังไง…”

“มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมีหลายคนอยากให้ซีเกลตายถ้างั้นเขาก็ต้องตาย มันก็เรื่องง่ายๆ ใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนในวัยห้าสิบปีที่อยู่ข้างๆ ก็เดินเข้ามาและพูดกับอลันเพย์ด้วยรอยยิ้ม

ไฮมี่ไวสส์ชี้ไปที่ชายวัยกลางคนและแนะนำเขาให้รู้จัก “ฉันจะแนะนำนายให้รู้จักกับคุณเดวิด ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของแก๊งไอริชที่อยู่ภายใต้เรย์มอนด์”

อลันเพย์นอยู่ในแวดวงของแก๊งมาหลายปี และเขาก็เคยได้ยินชื่อเรย์มอนด์มาบ้างแล้ว 

เรย์มอนด์กลายเป็นผู้นำของโลกใต้ดินที่ดีทรอยต์ตอนอายุ 30 ปี

ซึ่งตอนนี้ดีทรอยต์ได้กลายเป็น ‘เมืองหลวงแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์’ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว

ทำไม? 

เพราะเจเนรัลมอเตอร์ ฟอร์ด และไครสเลอร์ต่างก็ไปสร้างโรงงานที่ดีทรอยต์ 

ทำให้มันกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกาทันที

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองก็ยังคงรุ่งโรจน์อยู่และไม่เสื่อมถอยลงจนกว่าจะถึงปี 1967 

แต่ตอนนี้มันเป็นเป็นเพียงปี 1947 เมืองดีทรอยต์ยังเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในตอนนี้ และเรย์มอนด์ก็ยังเป็นจักรพรรดิใต้ดินแห่งดีทรอยต์

ซึ่งมาเฟียได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขข้อพิพาทภายในกลุ่มมาเฟีย และให้พวกเขามุ่งเน้นไปที่การพัฒนากองกำลังของตนมากกว่า 

เรย์มอนด์รู้สึกว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดี เขาจึงนำมาปรับใช้และจัดตั้งคณะกรรมการร่วมไอริชขึ้นมา

ทำให้ตอนนี้เรย์มอนด์เป็นประธานของคณะกรรมการร่วมของไอริชและเขาก็อยู่ในตำแหน่งประธานมานานกว่า 10 ปี 

อาจกล่าวได้ว่าเรย์มอนด์เป็นหัวหน้าใหญ่ที่สุดของแก๊งไอริชเลยก็ว่าได้

อลันเพย์นหน้าซีดเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินชื่อเรย์มอนด์ 

เป็นไปได้ไหมว่าเรย์มอนด์ต้องการจะทำอะไรบางอย่างกับแก๊งชาวยิว

แล้วคุณซีเกลและบอสเฟร็ดตายจริงๆ เหรอ?

ถ้ายังแล้วไฮมี่ไวสส์จะกล้าเคลื่อนไหวขนาดนี้ได้ยังไง

หรือว่าชาวไอริชจะเข้าโจมตีลอสแอนเจลิส? 

และใครจะเป็นผู้ต่อต้าน?

เขาควรทำอย่างไรดีตอนนี้?

ไฮมี่ไวสส์บอกคนของเขาให้ดึงอลันเพย์นขึ้นจากพื้น และเขาก็แกล้งทำเป็นตบฝุ่นบนร่างกายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อลัน นายเรียกรวมแก๊งชาวยิวและมาเข้าร่วมกับฉันเถอะ ฉันสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งกับนาย นายคิดยังไงกับหัวหน้ากลุ่มที่ 3 ของแก๊งล่ะ?”

อลันเพย์นไม่เชื่อในสัญญาของไฮมี่ไวสส์

ไฮมี่ไวสส์ขึ้นชื่อมาตลอดเรื่องความร้ายกาจและอารมณ์ร้อน 

อลันคิดว่าเมื่อไฮมี่ได้รับทรัพย์สินและอาณาเขตของแก๊งยิวแล้ว 

เขาน่าจะเป็นคนแรกที่โดนจัดการ…

“ไฮมี่ อย่าลืมว่าลอสแอนเจลิสตอนนี้ยังมีแก๊งบิลอยู่นะ!” อลันเพนน์กล่าว

ไฮมี่ไวส์ยิ้มและเลิกคิ้ว “แก๊งบิล? ฮ่าๆๆ หลังจากที่ฉันยึดแก๊งยิวได้แล้ว ต่อไปก็คือการทำลายแก๊งบิลนี่แหละ!”

Leave a Comment

ไม่ดี!