ตอนที่ 141 B-29 Gets it!
2 หมื่นดอลลาร์
มันเทียบเท่ากับเงินเดือน 10 ปีสำหรับคนธรรมดา
และนี่ก็ยังเป็นเพียงค่าที่ปรึกษาเท่านั้น
ซึ่งฮาร์ดี้ก็กล่าวกับนายพลวิลเลียมส์อีกว่าในระหว่างการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา เขาจะได้รับสิทธิประโยชน์หลายอย่างเช่น รถยนต์ที่ออกโดยบริษัท การเติมน้ำมันฟรี และค่าเดินทางประจำปี
ถ้าพูดกันตรงๆ มันก็คือการใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูผู้คน
ในส่วนของการทำงานก็แค่จำเป็นต้องมีการประชุมหลายครั้งในแต่ละปี
เพื่อช่วยให้บริษัทรักษาความปลอดภัยเห็นข้อบกพร่องและเสนอทิศทางการพัฒนา
หลังจากฮาร์ดี้พูดจบเขาก็มองไปที่นายพลวิลเลียมส์ “ท่านนายพล ผลยินดีที่จะให้คุณมาเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำสำหรับเรา”
“นอกจากนี้หลังจากที่คุณเกษียณคุณยังสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเอชดีซีเคียวริตี้ ด้วยสัญญาขั้นต่ำ 6 ปี”
สินบน
นี่คือสินบนชิ้นโต!
แต่การให้สินบนแบบนี้มันก็ถูกกฏหมายเพราะมันไม่มีใครรู้อยู่แล้ว…
นายพลวิลเลียมส์เป็นนายทหารระดับสูงคนแรกของสหรัฐฯ ที่ฮาร์ดี้ได้ทำความรู้จัก
ฮาร์ดี้จะใช้เขาเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อดึงกลุ่มนายพลที่เกษียณแล้วเข้าร่วมกองทัพ
ถึงแม้พวกเขาจะเกษียณแล้ว แต่ก็อย่าไปประเมินความแข็งแกร่งของพวกเขาต่ำเกินไป
…
ว่ากันว่าคนจีนเป็นสังคมที่สามารถเข้าหาได้ง่าย
ซึ่งอันที่จริงสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้เลวร้ายในแง่ของการทำความรู้จักกัน แต่มันก็แค่ตรงไปตรงมามากไปหน่อย
ถึงแม้นายพลเหล่านี้จะเกษียณแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน
และการที่เขาเชิญนายพลเกษียณอายุบางคนมาเป็นที่ปรึกษาบริษัทรักษาความปลอดภัย มันก็มีส่วนช่วยยกระดับสถานะของบริษัทรักษาความปลอดภัยให้สูงขึ้นไปอีก
มันมีบางสิ่งที่เขาสามารถขอให้ที่ปรึกษาเหล่านี้ทำได้
และบางครั้งพวกเขาก็สามารถแก้ปัญหาที่ยากมากด้วยการโทรเพียงครั้งเดียว
มันจะไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอนเมื่อเขาจ่ายเงินเพื่อจ้างที่ปรึกษาเหล่านี้
…
ฮาร์ดี้ยังให้โควตาสำหรับการรับที่ปรึกษาแก่วิลเลียมส์และให้การตัดสินใจกับเขาอีกด้วย
วิลเลี่ยมสามารถใช้โควต้านี้ช่วยเลื่อนระดับเขาได้
เพราะหากนายพลคนไหนได้รับความช่วยเหลือจากวิลเลียมส์
วิลเลียมส์ก็อาจจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งง่ายขึ้นไปอีกเพราะโควต้านี้
มันจะช่วยให้เขามีข้อต่อรองมากขึ้น
…
ที่โต๊ะอาหาร
ตอนนี้ฮาร์ดี้เหมือนกลายเป็นคนรู้จักกับนายพลวิลเลียมส์มานานแล้ว
และหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ฮาร์ดี้ก็บอกลานายพลวิลเลียมส์
วิลเลียมส์ก็เดินมาส่งเขาที่ประตูพร้อมกับโบกมือให้ฮาร์ดี้ จนรถของฮาร์ดี้หายไปจากสายตา…
ฮาร์ดี้และเฮนรี่กลับไปที่นิวยอร์ก และเขาก็สั่งเฮนรี่ว่า “ส่งคนไปเฝ้าดูครอบครัวบาซินี่อีก และก็ส่งคนไปตรวจสอบแกลเลอรี่ของลูกชายนายพลบ็อบเอิรนสท์ด้วย”
“ครับ บอส”
…
วันนี้อากาศดีมากจริงๆ
คนขับรถกำลังพาฮาร์ดี้และริชาร์ดไปที่แมนฮัตตัน ไปที่แกลเลอรี่ที่เปิดโดยลูกเขยของนายพลบ็อบเอิร์นสท์
ซึ่งเขาก็พบว่ามันเป็นแกลเลอรี่ที่เงียบมาก
ฮาร์ดี้เดินดูภาพวาดบนผนังทีละภาพ
เขาสะสมศิลปะโบราณมาเกือบปีแล้ว อีกทั้งในคลังก็มีภาพวาดสีน้ำมันเป็นพันๆ ภาพ
และการที่ได้ดูภาพเหล่านั้น เขาก็ได้พัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับภาพเหล่านั้นมาบ้าง…
ถึงเขาจะไม่รู้ทั้งหมดก็เถอะ
เขาเห็นภาพวาดหลายสิบภาพในแกลเลอรีนี้ และก็พบว่าไม่มีผลงานที่มีชื่อเสียงใดๆ เลย
และก็ไม่รู้จักชื่อจิตรกรที่วาดภาพเหล่านี้เลย
“ริชาร์ด นายชอบมันไหม” ฮาร์ดี้ถามแบบสบายๆ
ริชาร์ดส่ายหัว “ฉันไม่มีความสนใจในงานศิลปะเหล่านี้”
บางทีถ้าคุณให้ปืนแก่ริชาร์ด..
เขาจะชอบมันมาก
แต่ถ้าให้งานศิลปะกับเขา มันก็คงจะอึดอัดน่าดู
ริชาร์ดเข้ารับการผ่าตัดตาเมื่อปีที่แล้ว และหลังจากแผลเก่าหายดีเขาก็ไปใส่ขาเทียม
ทำให้ตอนนี้เขาเหมือนกับไซคลอปที่สวมผ้าปิดตาข้างหนึ่งพร้อมกับขาทรงบอก
ฮาร์ดี้โบกมือให้กับพนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆ และถามเกี่ยวกับราคาของภาพวาดสองสามภาพ
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วภาพเหล่านี้จะอยู่ระหว่างสองสามพันถึงหมื่นดอลลาร์
ฮาร์ดี้ถึงกับพูดในใจว่า ‘ภาพวาดที่ชำรุดแบบนี้ยังจะกล้าขายในราคาที่สูงอีก’
แน่นอนว่าเขาประเมินแล้ว มันน่าจะมีราคาไม่กี่ดอลลาร์หรอก
เขากลัวว่ากรอบนั้นน่าจะมีราคามากกว่าภาพวาดเสียอีก
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงร้างขนาดนี้
ดูเหมือนว่าแกลเลอรีจะนี้มีไว้สำหรับการฟอกเงินมากกว่า
ไม่กี่วันต่อมา…
ฮาร์ดี้ได้รับโทรศัพท์จากนายพลวิลเลียมส์
เขาบอกว่ากรมทหารได้อนุมัติเอกสารของแผนกสนับสนุนของโลจิสติกส์ที่ดูแลโดยนายพลบ็อบเรียบร้อยแล้ว และให้แผนกสนับสนุนโลจิสติกส์ดำเนินการย้ายเครื่องบินเหล่านั้นออกจากสนามบินได้
“ดังนั้นฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะย้ายเครื่องบินเหล่านั้นในเร็วๆนี้” นายพลวิลเลียมส์กล่าว
“โอเค ผมจะคอยจับตาดูพวกเขาไว้” ฮาร์ดี้กล่าว
เขาวางโทรศัพท์ลงและบอกกับเฮนรี่ว่าใกล้ถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว
ในช่วงเวลาบ่าย
หัวหน้าครอบครัวบาซินี่และนายพลบ็อบเอิร์นสต์ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ ทั้งสองพูดถึงเครื่องบินและแกลเลอรี่
ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าการสนทนาของพวกเขาได้โดนดักฟังเรียบร้อยแล้ว
…
วันต่อมา
รองหัวหน้าของตระกูลบาซินี่พาคนสองสามคนไปที่แกลเลอรี่ของลูกเขยของนายพลบ็อบเอิร์นสต์และใช้เงิน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐไปกับภาพวาดที่ชำรุดเสียหาย
ฮาร์ดี้จึงรีบแจ้งให้นายพลวิลเลียมส์ทราบ
รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของนายพลวิลเลียมส์ทันที เขารู้ว่ามันถึงเวลาที่จะปิดฉากแล้ว
ตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องทำงาน ซึ่งวิลเลียมส์ก็เอาหนังสือเล่มเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับมองดูโน้ตบนนั้นและครุ่นคิดอยู่สักพัก
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาผู้ใต้บังคับบัญชาให้ขึ้นมาที่ห้องของเขา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผู้ใต้บังคับบัญชาก็มาถึงบ้านของนายพลวิลเลียมส์
ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานของนายพลวิลเลียมส์ทั้งคืน
วันต่อมา
ผู้ใต้บังคับบัญชาเขียนจดหมายรายงานชี้แจงว่านายพลบ็อบเอิร์นสต์กำลังรับสินบน พร้อมกับส่งจดหมายไปยังคณะกรรมการกำกับดูแล
คณะกรรมการให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับจดหมายรายงานฉบับนี้
พวกเขาส่งหน่วยงานเฉพาะกิจไปตรวจสอบทันที
ในขณะนี้นายพลบ็อบเอิร์นสท์ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังจะแทงเขา
เขาได้รับโทรศัพท์จากลูกเขยของเขาว่าอีกฝ่ายได้ซื้อภาพวาดชุดหนึ่งในราคา 200,000 ดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งเหตุผลที่เขาตั้งแกลลอรี่นี้ตั้งแต่แรกก็เพื่อเอาไว้ฟอกเงินนี้แหละ
เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้างานด้านโลจิสติกส์และเขามักจะติดต่อกับนักธุรกิจหลายคน
ซึ่งแผนกโลจิสติกส์ก็เป็นแผนกที่ร่ำรวยมาโดยตลอด
มันมีทั้งอาวุธ เสื้อผ้า อาหาร น้ำมัน เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและอื่นๆ
ด้วยการใช้จ่ายของผู้คนหลายล้านมันจึงทำให้ตลาดนี้ใหญ่มาก
ถึงแม้ว่าคุณภาพมันจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่มันก็มีทั้งคนเอาไปใช้และก็ไม่ได้ใช้มัน
ส่วนในเรื่องของการขนส่ง ยังไงมันก็ต้องผ่านเขาไปก่อนอยู่ดี
ซึ่งเขาก็คิดไอเดียเจ๋งๆ ได้ขึ้นมา
โดยการให้พวกเขาเหล่านั้นซื้อภาพวาดและเปลี่ยนเงินที่ติดสินบนให้กลายเป็นรายได้ตามกฎหมาย
….
สองวันต่อมา
นายพลบ็อบเอิร์นสท์ถูกนำตัวไปโดยคณะกรรมการสอบสวน
เดิมทีวิธีการรับสินบนของเขานั้นถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดี
แต่เขากลับต้องมาเผชิญหน้ากับฮาร์ดี้ จึงถือได้ว่าเป็นโชคร้ายสำหรับเขา
ซึ่งผู้อาวุโสสูงสุดของครอบครัวบาซินี่ก็โดนเอาไปสอบสวน ในข้อหาติดสินบนกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนโลจิสติกส์เพื่อหากำไรอีกด้วย
การถูกจับตามองโดยทหารที่มีอำนาจไม่ใช่สิ่งที่สบายใจได้อย่างแน่นอน
ครอบครัวบาซินี่มีความสัมพันธ์มากมายขนาดนี้ได้เพราะการใช้เงินจำนวนมากติดสินบน และในที่สุดครอบครัวของเขาก็มีหน้ามีตากับคนในกองทัพ
แต่คราวนี้ฮาร์ดี้ก็ได้ทำร้ายครอบครัวบาซินี่อย่างรุนแรง
วันนั้นฮาร์ดี้ได้รับโทรศัพท์จากนายพลวิลเลียมส์และขอให้เขามาเวอร์จิเนียเพื่อเล่นกอล์ฟ
ฮาร์ดี้จึงพาเฮนรี่ไปเวอร์จิเนียด้วยเครื่องบิน
ในสนามกอล์ฟ
ทั้งสองตีลูกไปข้างหน้าและเดินเคียงข้างกัน
“คุณทำสำเร็จแล้วสินะครับนายพลวิลเลี่ยมส์ ผมก็คิดว่าท่านน่าจะได้รับยศพลตรีวิลเลียมส์เร็วๆ นี้ใช่ไหม?” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
วิลเลียมส์ยิ้มเล็กน้อย “การหารือเกี่ยวกับการจัดการกับเครื่องบินเหล่านั้นก็เสร็จสิ้นลงแล้วเหมือนกัน แน่นอนว่า C-53 และ C-47 ที่เธอต้องการนั้นเป็นที่ต้องการมากที่สุด แต่ฉันก็จองไว้ 50 ลำสำหรับเธอแล้ว เธอคิดยังไง? มีกำลังที่จะจ่ายไหวหรือเปล่า?”
ฮาร์ดี้ดีใจมากที่ความพยายามก่อนหน้านี้ของเขาไม่สูญเปล่า
“แน่นอนว่าผมจ่ายไหวอยู่แล้ว นายพลวิลเลียมส์ไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้เลย” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
นายพลวิลเลียมส์มองไปที่ฮาร์ดี้อีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันยังช่วยให้นายได้ประโยชน์อีกอย่าง เพราะในเครื่องบินชุดนี้ มันมีชิ้นส่วนบางส่วนมีการสึกหรออยู่บ้าง ซึ่งแผนกโลจิสติกส์ก็ได้ตรวจสอบคุณภาพก่อนการขายออกไป ดังนั้นมันจะมีชุดอะไหล่แถมไปให้ด้วย”
“อีกอย่างเธอบอกฉันก่อนหน้านี้ว่าอยากได้ B-29 ใช่ไหม? เธอยังคิดที่อยากจะได้มันอยู่ไหม?” นายพลวิลเลียมส์ถาม
ฮาร์ดี้ฟังน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่เหมือนจะมีความหวัง
“แน่นอน ผมยังต้องการมันอยู่!”
ซึ่งในปีนี้ B29 จะมีความนิยมเหมือนกับรถแลมโบกินิดาที่อยู่อนาคตอย่างแน่นอน
“แน่นอนว่ามันไม่มี B-29 อยู่ในรายการขาย แต่มันมี B-29 อยู่ในรายการที่ถูกทิ้ง ถ้านายยังต้องการ ฉันจะส่งคำขอไปและนำ B29 ที่เสียหายมาขายให้ ส่วนเรื่องการซ่อมแซมนายอาจจะต้องคิดหาทางด้วยตัวเอง”
ในความเป็นจริงมันไม่ได้เสียหายอะไรหรอก
B-29 ที่นายพลวิลเลียมส์กำลังนำมาให้ฮาร์ดี้นั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรและก็ใช้งานได้
แต่เหตุผลหลักๆ ก็คือกองทัพไม่มีแผนที่จะขาย ‘ป้อมปราการแห่งท้องฟ้า’ มันจึงถูกนำไปทิ้งหรือแยกชิ้นส่วนเท่านั้น
การทำธุรกรรมระหว่างฮาร์ดี้และนายพลวิลเลียมส์ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ฮาร์ดี้ช่วยให้นายพลวิลเลียมส์โค่นคู่แข่งลงและเขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นนายพลคนสำคัญหรือรองผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคง
ส่วนฮาร์ดี้ก็ได้สิ่งที่เขาต้องการคือเครื่องบิน 50 ลำที่ถูกมากจนพูดอะไรไม่ออกและไม่มีทางหาได้
ในที่สุดฮาร์ดี้ก็รู้แล้วว่าทำไมคนใหญ่คนโตถึงชอบเล่นกอล์ฟ
เหตุผลใหญ่ที่สุดก็คือเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับตามอง
เพราะคุณคิดจริงๆ หรือว่าการเล่นกอล์ฟมันดูสง่างามและคนใหญ่คนโตก็กระตือรือร้นที่จะมาเล่น?
แต่ก่อนเมื่อคนใหญ่คนโตวางแผนหาผลประโยชน์ พวกเขาส่วนใหญ่ก็โดนจับเขาคุกเพราะไปละเมิดกฎหมาย
ดังนั้นมันจึงต้องมีการหาที่ปลอดภัยไว้คุยกัน
ภายในอาคารไม่ปลอดภัย
ดังนั้นสถานที่ที่ดีที่สุดก็คือสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างแบบนี้
ยังตอนที่อยู่ในสนามคุณก็ต้องเดินไปรอบๆ เมื่อเล่นกอล์ฟ
อาจกล่าวได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะโดนดักฟังและกอล์ฟก็ตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ท่านนายพล ผมขออะไรสักเล็กน้อยได้ไหม” ฮาร์ดี้พูดอีกครั้ง
“ต้องการอะไรล่ะ?”
“แผนกโลจิสติกส์สามารถออกสัญญาซื้อขายให้ก่อนได้หรือไม่? จากนั้นผมจะนำเงินมาจ่ายให้ทีหลัง…” ฮาร์ดี้กล่าว
นายพลวิลเลียมส์คิดอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า “นายไม่ใช่บริษัทเดียวที่ซื้อเครื่องบินในครั้งนี้ และกองทัพยังต้องการที่จะกู้คืนเงินที่เสียไปนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เกิดการขายเครื่องบินเหล่านี้ เพราะกองทัพต้องมีการชำระหนี้ในอีกครึ่งปีดังนั้นฉันจะให้มากที่สุด 3 เดือน “
“สามเดือนก็พอแล้ว” ฮาร์ดี้พูดอย่างมีความสุข
…
หลังจากบอกลานายพลวิลเลี่ยมส์ฮาร์ดี้กลับไปที่โรงแรมเพื่อโทรหาแอนดี้ที่ลอสแองเจลิส
“แอนดี้ รีบนำทีมบริษัทการเงินและทนายความมาที่นิวยอร์กทันที เพราะตอนนี้เรื่องเครื่องบินได้มีการหารือกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นขั้นตอนต่อไปจะเป็นของนายแล้ว”
“ครับบอส! ผมจะพาคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”
หลังจากวางโทรศัพท์ลง ฮาร์ดี้ก็จุดซิการ์ขึ้นมาสูบ
ด้วยเครื่องบิน 50 ลำนี้ ฮาร์ดี้สามารถสร้างสายการบินได้เลย
และคุณรู้ไหมว่าสายการบินเซาท์เวสต์แอร์ไลน์ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา
พวกเขามีเครื่องบินเพียงสามลำเมื่อสายการบินก่อตั้งขึ้นในปี 1968
แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าตอนนี้สหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งสายการบินที่มีเครื่องบิน 50 ลำ?
มันมีเพียงไม่กี่บริษัทหรอกที่ทำได้แบบนี้
หากฮาร์ดี้ก่อตั้งสายการบินได้สำเร็จ เขาคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในสิบอันดับแรกของสายการบินในสหรัฐอเมริกาได้เลย
แล้วการทำธุรกิจสายการบินมีรายได้ดีเหรอ?
มันทำเงินได้เยอะอย่างแน่นอน
และสิ่งสำคัญที่สุดคือสายการบินก็อยู่ในส่วนสำคัญสำหรับอาณาจักรฮาร์ดี้อยู่แล้ว…