ตอนที่ 140 มอบของขวัญ
เวอร์จิเนียนั้นอยู่ฝั่งตะวันออกและนิวยอร์กก็อยู่ห่างจากเวอร์จิเนียเพียง 600 กิโลเมตร
ซึ่งคราวนี้ฮาร์ดี้ก็เอาเฮนรี่ไปด้วย พวกเขาทั้งสองไปที่อพาร์ทเมนท์ของนายพลดาร์เรลวิลเลียมส์
และก่อนที่ฮาร์ดี้จะมาหาเขา วิลเลียมส์ก็ขอให้ใครบางคนเอาข้อมูลของฮาร์ดี้มาให้
และก็ประหลาดใจหลังจากที่ได้รู้เรื่องราวเหล่านี้
ฮาร์ดี้เกษียณทหารในปี 1945 และภายในปีนั้น เขาก็ได้เป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งรวมถึงบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ บริษัทเอชดีพิคเจอร์และบริษัทนิตยสารเพลย์บอย
แน่นอนแม้ปีนี้วิลเลียมส์จะมีอายุ 50 ปี แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาไม่ได้ชอบนิตยสาร ‘เพลย์บอย’
“นายเคยเป็นทหารมาก่อนใช่ไหม?” นายพลยื่นมือออกมาจับมือกับฮาร์ดี้
“ครับท่านนายพล” ฮาร์ดี้กล่าว
“มันเยี่ยมมากจริงๆ ที่นายยังเป็นชายหนุ่ม แถมยังประสบความสำเร็จขนาดนี้ มันน่าทึ่งมากจริงๆ”
“เหตุผลที่ผมเติมโตได้ขนาดนี้ก็มีผู้ใหญ่แบบคุณนี่แหละที่ช่วยซัพพอร์ทผม ท่านนายพล” ฮาร์ดี้พูดอย่างถ่อมตัว
ทั้งสองนั่งลงและนายพลวิลเลี่ยมส์ก็ถามเกี่ยวกับอาการของเจ้าพ่อมาเฟียจากนั้นก็กล่าวว่า “ฉันรู้จักบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ของนาย มันมีรายงานออกมามากมายในหนังสือพิมพ์เมื่อปีที่แล้ว และฉันก็ยังตามลูกสาวตัวน้อยไปที่โรงภาพยนตร์เพื่อดู ‘สารคดีเรื่องการปล้นธนาคารลอสแอนเจลิส’ ด้วย”
“มันก็เป็นเรื่องนี้แหละที่ผมต้องการซื้อเครื่องบินขนส่งให้บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ เพราะตอนนี้ธุรกิจหลักของผมก็เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยที่อยู่ในลอสแองเจลิส ซึ่งในอนาคตผมก็วางแผนที่จะขยายไปยังเมืองใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับจะมีลูกค้าที่ติดต่อมาเยอะมาก เครื่องบินขนส่งจึงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับในอนาคต” ฮาร์ดี้เข้าตรงประเด็น
“นายต้องการเครื่องบินแบบไหนและจำนวนกี่ลำ?” นายพลถาม
“ผมวางแผนที่จะซื้อ C-53 และ C-47 ถ้าเป็นไปได้ ผมก็หวังว่าจะได้ซื้อเครื่องบินขนส่ง B29 ด้วย”
C-53 และ C-47 ทั้งสองเป็นเครื่องบินที่ผลิตโดยโรงงานอากาศยานดักลาส
แม้ว่ารุ่นจะแตกต่างกันแต่ก็ไม่มีความแตกต่างมากนักที่เครื่องยนต์ ส่วนความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดก็คือมีประตูสินค้าขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของเครื่องบิน
ซึ่ง C-47 ส่วนใหญ่ก็ใช้สำหรับการขนส่งสินค้า
ส่วน C-53 เป็นเครื่องบินขนส่งทหารที่มีที่นั่งผู้โดยสารหลายสิบที่นั่ง มันจึงไม่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อขนส่งผู้โดยสารถ้าเป็นเครื่องบินลำนี้
พลเอกวิลเลียมส์กล่าวว่า “มี C-53 และ C-47 ที่ตอนนี้อยู่ในรายการที่จะถูกรื้อ และตามรายงาน C-53 จะขายได้ 120 ลำและ C-47 จะขายได้ 200 ลำ ซึ่งหลายสายการบินก็ติดต่อมาเหมือนกันที่จะซื้อเครื่องบินสองลำนี้”
“นอกจากนี้นายยังกล่าวถึงเครื่องบินรุ่น B29 ใช่ไหม? มันเพิ่งจะใช้งานได้แค่ 3 ปี กองทัพเลยไม่มีแผนที่จะขายพวกมัน”
ฮาร์ดี้พูดกับตัวเองดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป
เขาคิดจะหาเครื่องบิน B29 มาขับเล่นเมื่อมีโอกาส
เขาจะขับเครื่องบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังญี่ปุ่นและขับไปรอบๆ เกาะแถวนั้น
และพวกคุณก็จะคุกเข่าด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นเครื่องบินของเขาใช่ไหม???
“กองทัพมีแผนจะขายเครื่องบินเหล่านี้ราคาเท่าไหร่ ?” ฮาร์ดี้ยังคงใส่ใจกับสิ่งนี้มากกว่า
เพราะถ้ามันแพงเกินไปมันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
พลเอกวิลเลียมส์กล่าวว่า “ราคาจริงๆ ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากกองทัพ แต่ราคาที่ฝ่ายโลจิสติกส์ของเราส่งรายงานไปคือ 38,000 ดอลลาร์สำหรับ C-53 และ 36,000 ดอลลาร์สำหรับ C-47”
เมื่อฮาร์ดี้ได้ยินราคานี้เขาก็ตกใจทันที
เครื่องบินลำใหม่มีราคาเกือบสองแสนแต่กองทัพขายมันในราคาเพียงหนึ่งในห้าของราคาจริง
ต้องบอกว่าแม้มันจะเป็นเครื่องบินมือสองแต่ประสิทธิภาพของเครื่องบินเหล่านี้ก็ไม่ได้แย่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินใบพัดแบบนี้ซึ่งง่ายต่อการดูแลรักษา
มันจะไม่มีปัญหาไปอีกหลายปี
“นายพลวิลเลียมส์ ผมสงสัยว่าคุณจะสั่งให้ผมสักสองสามลำได้ไหม” ฮาร์ดี้ถามด้วยรอยยิ้ม
นายพลคิดอยู่พักหนึ่ง “C-53 และ C-47 เป็นที่นิยมมาก ฉันจะหาให้เธออย่างละ 5 ลำดีไหม?”
ทั้งหมดก็ 10 ลำ
ในความเป็นจริงฮาร์ดี้ก็ยังอยากได้เยอะกว่านี้ เพราะโอกาสในครั้งนี้มันหายากและก็ห้ามพลาดเด็ดขาด
แม้ว่าคุณจะซื้อไปแล้วแต่ไม่ได้ใช้งานอะไร คุณก็สามารถนำไปขายต่อที่ราคาสูงได้อีก
โอกาสดังกล่าวจะถูกแย่งไปโดยคนใหญ่คนโตและเป็นไปไม่ได้ที่จะไหลไปสู่ตลาดและถูกซื้อโดยคนธรรมดา
ส่วนการประมูลที่ยุติธรรม?
ลืมมันไปเถอะคุณก็รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่าที่เห็น
นี่ยังเป็นเหตุผลพื้นฐานที่สุดว่าทำไมคนจำนวนมากสามารถทำเงินได้อย่างง่ายดาย แต่คนทั่วไปไม่สามารถทำเงินแบบนี้ได้เลย //(เส้นไม่ใหญ่อ่ะดิ)
“ผมซาบซึ่งในความช่วยเหลือของท่านนายพลจริงๆ ว่าแต่ท่านนายพล ผมสงสัยว่าท่านคุ้นเคยกับนายพลบ็อบเอิร์นสต์หรือไม่?” ฮาร์ดี้ถามด้วยรอยยิ้ม
เมื่อนายพลวิลเลียมส์ได้ยินชื่อของนายพลบ็อบเอิร์นสต์ ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย “ทำไม? นายกับบ็อบเอิร์นส์รู้จักกันอย่างนั้นเหรอ?”
ฮาร์ดี้ส่ายหัว “ผมไม่รู้จักกับนายพลบ็อบเอิร์นสต์ และไม่เคยเจอเขาด้วย”
“แล้วนายหมายถึงอะไรที่กล่าวถึงเขา ?”
ใบหน้าของฮาร์ดี้ยังยิ้มอยู่ และพูดว่า “ผมได้ยินข่าวว่ามีคนติดต่อนายพลบ็อบเอิร์นสต์ และสัญญาว่าจะช่วยเขาซื้อเครื่องบิน 50 ลำ ซึ่งลูกเขยของนายพลบ็อบเอิร์นสท์ก็ขับรถไปนิวยอร์กไปยังแกลเลอรี่ของเขาและให้อีกฝ่ายซื้อภาพวาดสีน้ำมันมูลค่า 200,000 ดอลลาร์”
สายตานายพลวิลเลียมส์ก็สว่างขึ้นอย่างกะทันหัน เขามองไปที่ฮาร์ดี้และถามอย่างจริงจัง “ข่าวนี้ถูกต้องหรือไม่?”
“ถูกต้องที่สุด!” ฮาร์ดี้กล่าว
นายพลวิลเลียมส์ได้สืบข้อมูลของฮาร์ดี้มาและก่อนที่ฮาร์ดี้จะมาเขาก็ให้เฮนรี่สืบเรื่องของนายพลเหมือนกัน
ตามที่นายพลตรีวิลเลียมส์พูดในระหว่างการสนทนากับเจ้าพ่อมาเฟียกับสถานการณ์ปัจจุบันของแผนกโลจิสติกส์
ซึ่งในตอนนี้มันค่อนข้างวุ่นวาย เพราะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมันมีแผนกด้านโลจิสติกส์มากกว่า 20 แผนก
ทว่าตอนนี้สงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้แผนกสนับสนุนโลจิสติกส์เตรียมความพร้อมที่จะเพิ่มความคล่องตัวและควบรวมแผนก
แน่นอนว่านายพลวิลเลียมส์ก็หวังที่จะแข่งขันชิงตำแหน่งรองผู้อำนวยการแผนกโลจิสติกส์
แต่เขาก็มีคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดคือนายพลบ็อบเอิร์นสต์
โดยปกติแล้วทั้งสองคนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันแต่ตอนนี้มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง ทำให้ทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นคู่แข่งกัน
และสถานการณ์ในแผนกโลจิสติกส์ตอนนี้ก็ถูกรู้โดยแผนกข่าวกรองของบริษัทรักษาความปลอดภัย
ซึ่งคนที่ติดต่อนายพลบ็อบเอิร์นสต์ก็คือคนของครอบครัวบาซินี่ และการโทรศัพท์ของพวกเขาก็ได้ถูกดังฟังจากแผนกข่าวกรองของฮาร์ดี้
แน่นอน่ว่าธุรกรรมส่วนตัวดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพราะการตัดสินบนยังไงมันก็มีอยู่แล้ว
ตัวอย่างเช่น
‘เขาช่วยคุณซื้อเครื่องบินราคาถูก คุณก็ช่วยซื้อภาพวาดของลุงของเขา และลุงก็ทำเงินได้และไปซื้อบ้านพักตากอากาศ ซื้อรถเพื่อมอบให้กับญาติคนต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันก็คือธุรกิจของครอบครัวอย่างหนึ่ง’
ทำให้สถานการณ์นี้ยากต่อการตรวจสอบ เว้นแต่จะมีข้อมูลหลุดมาจากภายใน
ฮาร์ดี้เข้าใจดีว่านายพลวิลเลียมส์และนายพลบ็อบเอิร์นสต์กำลังแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ
และในตอนนี้นายพลจัตวาวิลเลียมส์ก็ช่วยเขาซื้อเครื่องบิน ดังนั้นเขาควรให้ของขวัญกันสักเล็กน้อย
ให้เงิน?
มันก็หยาบคายเกินไป
สิ่งที่จะทำให้เขาตกลงก็คงจะเป็นการทำให้เขาได้ตำแหน่งมาครอง
“ฮาร์ดี้ บอกฉันมาว่านายรู้อะไรบ้าง” นายพลวิลเลียมส์มองไปที่ฮาร์ดี้ด้วยสายตาร้อนแรง
ฮาร์ดี้โน้มตัวไปข้างหน้าและลดเสียงของเขาเพื่อบอกสิ่งที่เขารู้ให้นายพลวิลเลียมส์
นายพลฟังอยู่พักหนึ่งก็หยิบสมุดเล็มเล็กออกมาจากกระเป๋าเพื่อจดบันทึก
เขาดูจริงจังมาก
ฮาร์ดี้เหลือบมองสิ่งที่เขากำลังจด
‘หัวหน้าครอบครัวบาซินี่ที่เป็นมาเฟียในนิวยอร์ก
สั่งซื้อเครื่องบิน 50 ลำคือ C-53 และ C-47
ชื่อแกลเลอรี่ของลูกเขยของนายพลบ็อบเอิร์นสต์
รายละเอียดการทำธุรกรรม’
เขาปิดสมุดและนายพลวิลเลียมส์ก็มีรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนใบหน้าของเขา
เพราะถ้าสิ่งนี่ได้รับการตรวจสอบ นายพลบ็อบก็จะหลุดจากตำแหน่งและเขาก็จะมีโอกาสมากที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการ
ในเวลานั้นยศทหารของเขาจะได้รับการอัพเกรดหนึ่งระดับ
นายพลวิลเลียมส์มองไปที่ฮาร์ดี้และตอนนี้เขาก็ดูใจดีมากขึ้น “ฮาร์ดี้ เครื่องบินที่ฉันเพิ่งบอกนายไปเมื่อกี้ 10 ลำมันเพียงพอหรือไม่?”
“มันยังไม่พอ เพราะผมต้องการสร้างสายการบินเป็นของตัวเอง” ฮาร์ดี้กล่าว
“จากเรื่องเมื่อกี้ ฉันจะช่วยให้นายได้จำนวนเพิ่มและนายต้องการซื้อมันกี่ลำ?” นายพลวิลเลียมส์ถาม
“ยิ่งมากยิ่งดี”
ฮาร์ดี้รู้แล้วว่าคราวนี้กองทัพจะขายเครื่องบิน C-53 จำนวน 120 ลำและ C-47 จำนวน 200 ลำ
ถ้าคุณมีความสามารถก็เอามาให้เขาทั้งหมด
เขาพร้อมแล้วที่จะกินมันทั้งหมดในคำเดียว
ส่วนเรื่องเงินค่อยไปคุยกับธนาคารเอา
“โอเค ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ได้มาเยอะๆ” นายพลวิลเลี่ยมส์ตอบ
นายพลวิลเลียมส์กำลังมีความสุข เขานั่งคุยกับฮาร์ดี้อีกครึ่งชั่วโมงและเมื่อถึงเวลาอาหาร
เขาก็พาฮาร์ดี้ไปทานมื้อค่ำอย่างกระตือรือร้น
ในระหว่างมื้ออาหาร ฮาร์ดี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูดีเล็กน้อย “ท่านนายพล ผมรู้ว่าท่านอยู่ในแผนกจัดการโลจิสติกส์และยังเป็นหัวหน้าแผนกทหารผ่านศึกอีกด้วย คุณก็รู้ว่าผมมีบริษัทรักษาความปลอดภัยชื่อเอชดีซีเคียวริตี้ หากเป็นไปได้บริษัทต้องการรับทหารผ่านศึกและทหารเกษียณอายุบางคนเข้าร่วมบริษัท”
แน่นอนว่าทุกปีกรมทหารจะประเมินตำแหน่งงานของทหารผ่านศึกอยู่เสมอ
และนายพลวิลเลียมส์ก็เป็นผู้รับผิดชอบงานนี้
เขารู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะหางานที่เหมาะสมสำหรับทหารผ่านศึก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่สงครามเพิ่งสิ้นสุดลงและมีทหารผ่านศึกที่ยังค้างอยู่ในแผนกอีกจำนวนมาก
มีตำแหน่งมากมายสำหรับพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อได้ยินข้อเสนอของฮาร์ดี้แล้ว นายพลวิลเลียมส์ก็มีความสุขมาก “ในแต่ละปีบริษัทจะรับทหารผ่านศึกได้กี่คน?”
ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “เป็นพันคนทุกปี”
นายพลวิลเลียมส์มีความสุขมาก
เพราะมันจะช่วยเขาแก้ปัญหาของคนนับพัน และมันก็ไม่ใช่ความสำเร็จเล็กน้อยเลย
“ฮาร์ดี้ ฉันอยากจะขอบคุณแทนสำหรับทหารผ่านศึกเหล่านั้น เพราะงานที่ดีไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาในขณะนี้ หลายคนไม่มีทักษะวิชาชีพและสามารถทำงานได้แค่ระดับต่ำสุดได้เท่านั้น ถ้าพวกเขาเข้าสู่วงการรักษาความปลอดภัย มันก็น่าจะเป็นงานที่ดีที่สุดแล้ว”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น นายสามารถมาเลือกใครก็ได้ที่นายต้องการและฉันสัญญาว่าจะนำคนที่ดีที่สุดมาให้”
“นอกจากนี้นายยังมีทหารผ่านศึกจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลก็มีนโยบายการลงทุนบางอย่างอยู่ เช่นรัฐวิสาหกิจที่จะสามารถลดหรือยกเว้นภาษีบางส่วนได้ เมื่อนายกลับมารับสมัครทหารอีกครั้ง ฉันจะขอให้พวกเขาออกหนังสือรับรองมาตรการทางภาษีอากรสำหรับบริษัทของนายให้”
ในอนาคตบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้จะพัฒนาขึ้นและขาดแคลนผู้คน
ซึ่งตอนนี้มันก็มีคนมากกว่า 1,000 คนแล้ว
แต่ธุรกิจยังถูกจำกัดอยู่ที่ลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโกก็เพิ่งเปิดสาขา
มันยังไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจอย่างเป็นทางการกับธนาคารอื่นๆ
แต่ฮาร์ดี้ก็เชื่อในอนาคตของบริษัทรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว
ทว่าถึงแม้เขาจะรับสมัครคนเป็นพันทุกปีแต่เขาก็รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ
หลังจากพูดถึงการสรรหาทหารผ่านศึกแล้ว ฮาร์ดี้พูดถึงอีกหัวข้อหนึ่ง “ท่านนายพล มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากให้คุณช่วย”
“โอ้ บอกมาเลย”
นายพลวิลเลียมส์ไม่ได้ปฏิเสธ
“บริษัทรักษาความปลอดภัยของผมเพิ่งได้รับการก่อตั้งขึ้นเป็นเวลาสั้นๆ และรากฐานก็ไม่แข็งแรง หลายสิ่งหลายอย่างก็ยังไม่ครอบคลุม ผมมีความคิดที่จะขอให้ท่านนายพลที่เคารพ…ให้เกียรติมาเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเพื่อชี้ทางให้กับบริษัทของผม” ฮาร์ดี้พูดอย่างจริงใจ
“ค่าที่ปรึกษาจะอยู่ที่ 20,000 ดอลลาร์ต่อปีและยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกเยอะ” ฮาร์ดี้กล่าว