ตอนที่ 136 เปิดฉากฆ่า
ฮาร์ดี้กับไมค์มาที่โรงพยาบาล และหลายคนที่ประตูก็ลุกขึ้นยืนทันที
ไมค์พูดกับผู้รับผิดชอบที่นี่ซึ่งเป็นหัวหน้าคนเล็กของครอบครัวว่า “ผมพาเพื่อนมาเยี่ยมพ่อ”
ฮาร์ดี้เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เจ้าพ่อมาเฟียนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับขวดยาในมือ และดวงตาของเขาก็ปิดสนิท
ซึ่งผมที่เคยหวีอย่างพิถีพิถันของเขาก็ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย…
แต่ก่อน…
ทุกครั้งที่ฮาร์ดี้เห็นเจ้าพ่อมาเฟีย เขาก็รู้สึกเหมือนได้เห็นราชสีห์ตัวหนึ่ง
มันเป็นราชสีห์ที่สง่างามและสงบ
ทว่าตอนนี้ราชสีห์กำลังได้รับบาดเจ็บ
ไมค์เดินไปที่เตียง จับมือพ่อของเขาไว้ในมือและกระซิบว่า “พ่อครับ ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อ ผมเลยโทรหาฮาร์ดี้จากลอสแองเจลิสให้มาช่วย”
ฮาร์ดี้เดินไปที่เตียงและสัมผัสมือของเจ้าพ่อมาเฟีย “คุณวีโต้ ผมเชื่อว่าคุณจะดีขึ้น ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของไมค์ ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อช่วยเขาและวิกฤติครั้งนี้จะผ่านไปได้อย่างแน่นอน”
เขาไม่รู้ว่าเจ้าพ่อมาเฟียจะได้ยินคำพูดของเขาหรือเปล่า
แต่เปลือกตาของเจ้าพ่อมาเฟียดูเหมือนจะขยับเล็กน้อย…
…
ฮาร์ดี้ออกจากห้องและให้ทีมของลีโอเฝ้าที่โรงพยาบาลพร้อมกับส่งคนไปที่ห้องข้างๆ ของเจ้าพ่อมาเฟีย
แม้อีกฝ่ายจะส่งคนมาโรงพยาบาลสามสิบสี่สิบคนก็ไม่มีปัญหา
หัวหน้าทีมที่รับผิดชอบโรงพยาบาลในตอนแรกก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ไมค์คนพวกนี้เป็นใคร?”
“พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัททีวี ฉันปล่อยให้พวกเขาอยู่เพื่อปกป้องพ่อของฉัน” ไมค์กล่าว
“แค่มีพวกเราที่นี่ก็เพียงพอแล้ว” หัวหน้าทีมกล่าว
“นี่เป็นส่วนหนึ่งของความกตัญญูของฉัน ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจเพราะพี่ชายของฉันที่อยู่ตรงนั้น เขาบอกว่าถ้ามีคนมากก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นและคุณก็ไปพักได้เลย เพราะพวกเขาเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมืออาชีพ”
ความคิดของไมค์นั้นหนักแน่นมาก
หัวหน้าทีมเปิดปากของเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ถึงแม้ว่าไมค์จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับครอบครัวคอร์เลโอเนมาก่อน แต่เขาก็เป็นสมาชิกของครอบครัวคอร์เลโอเน
หลังจากจัดการกองกำลังแล้ว ฮาร์ดี้ก็โล่งใจไปครึ่งหนึ่ง
ส่วนที่เหลือก็คือการโจมตี
ฮาร์ดี้ขอให้ไมค์จัดหาคนที่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น เพื่อที่จะไปสืบข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของอีก 4 ครอบครัวในนิวยอร์ก
แต่ไมค์ก็ไม่มีกำลังคนที่อยู่กับเขามาสักพักแล้ว
เขาเคยปฏิเสธธุรกิจของครอบครัวมาก่อน และไม่เต็มใจที่จะติดต่อกับครอบครัว และต้องการเป็นนักธุรกิจกับนักการเมืองอย่างจริงจัง
แต่เมื่อครอบครัวเกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหัน เขาก็รู้สึกว่าพลังในมือของเขามีน้อยเกินไป และตัวตนเดิมของเขาก็อ่อนหัดเกินไป…
“ฮาร์ดี้ นายคิดว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่ข้าจะหาคนจากครอบครัวของฉัน? มันจะมีผลกระทบต่อนายหรือไม่” ไมค์ถาม
“แค่ต้องติดต่อได้ตลอดเวลาก็พอ ว่าแต่นายจะเอาใครมา?” ฮาร์ดี้ถาม
“ลุงคลีเมนซ่า เพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการของพ่อ และเขายังควบคุมอำนาจครึ่งหนึ่งของครอบครัว ซึ่งปกติแล้วฉันก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ฉันเคยโทรไปให้เขาช่วยเมื่อตอนที่นายพบปัญหาตอนโปรโมทภาพยนตร์” ไมค์กล่าว
ชายร่างอ้วนชาวอิตาเลียนปรากฏขึ้นในใจของฮาร์ดี้ทันที
เขาหายใจหอบและมีเหงื่อออกขณะเต้นรำกับคนสองสามคนในงานปาร์ตี้ ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่มีอำนาจมากที่สุดในตระกูลคอร์เลโอเน
ตระกูลคอร์เลโอเนมีผู้บัญชาการสองคน หนึ่งก็คือคลีเมนซ่าและอีกคนหนึ่งก็คือเทสซิโอ
เขาจำได้ว่าเทสซิโอได้ทรยศต่อเจ้าพ่อมาเฟียและไมค์ แต่คลีเมนซ่าคนนี้กลับภักดีมาตลอด
“นายสามารถขอให้คลีเมนซ่าส่งใครมาก็ได้ แต่นายต้องบอกเขาว่าเรื่องนี้ต้องถูกเก็บเป็นความลับ เพราะฉันสงสัยว่าครอบครัวของนายในตอนนี้กำลังมีหนอน เพราะถ้าสิ่งที่เรากำลังทำได้รั่วไหลออกไป ฉันเกรงว่ามันจะส่งผลร้ายในอนาคต” ฮาร์ดี้กล่าว
“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปโทรหาลุงคลีเมนซ่าก่อน” ไมค์กล่าว
…
คลีเมนซ่ายังคงอยู่ที่คฤหาสน์ครอบครัวคอร์เลโอเนในขณะนี้
ส่วนซันนี่ก็ยังพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการที่จะแก้แค้นครอบครัวเหล่านั้น แต่ทอมก็คัดค้านและไม่ยอมให้เขาไป
ส่วนเทสซิโอในตอนนี้ยังคงเงียบและไม่พูดอะไร
คลีเมนซ่ามองไปที่ทุกคน
แล้วเขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศของครอบครัวในตอนนี้ช่างสับสนวุ่นวาย
เมื่อพ่อทูนหัวอยู่ที่นี่ ทุกคนก็ถูกปราบปรามและอยู่อย่างสงบ ทว่าตอนนี้พ่อทูนหัวได้รับบาดเจ็บสาหัส และหลายคนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
ซึ่งซันนี่กระตือรือร้นที่จะแก้แค้น เพราะเขาต้องการแสดงความรักต่อพ่อของเขา…
หรือแค่กระตือรือร้นที่อยากจะได้คัดเลือกให้เป็นหัวหน้าครอบครัวคอร์เลโอเนกันแน่
ส่วนทอมเคยถูกจับโดยโซราสโซ่มาก่อน และก็ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ตกลงอะไรกันไว้หรือเปล่า?
ตัวของเทสซิโอนั้นก็เป็นคนดุดันและแข็งกร้าว แต่ทำไมคราวนี้เขาไม่พูดอะไรเลย?
เขาคิดอะไรอยู่?
ทันใดนั้นคลีเมนซ่าก็รู้สึกว่าตระกูลคอร์เลโอเน่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เพราะหากเหตุการณ์นี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง
ครอบครัวคอร์เลโอเนอาจตกอยู่ในอันตราย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแสดงออกของซันนี่ที่ทำให้คลีเมนซ่ารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะการแสดงของเขาในการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจในตอนนี้เป็นที่ชัดเจนเกินไป เห็นได้ชัดว่าเขากลัวตำแหน่งของทอม
ดังนั้นเขาจึงอยากล้างแค้นให้สำเร็จ
ซึ่งทอมเป็นนักยุทธศาสตร์ของครอบครัวและเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าพ่อมาเฟีย
และตามประเพณีของครอบครัวมาเฟีย กิจการครอบครัวของพ่อทูนหัวมักจะรับผิดชอบโดยผู้บังคับบัญชาอันดับสองหรือนักยุทธศาสตร์
ทำให้ด้วยตำแหน่งของทอม และความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเขา
เขาก็มีสิทธิแล้วในการชิงตำแหน่งเจ้าพ่อคนใหม่
ริ้งริ้งริ้ง!
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น
ชายคนหนึ่งเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เขาเดินมาที่ห้องสือและพูดกับครีเมนซ่าว่า “คุณครีเมนซ่า ไมค์ต้องการคุยกับคุณครับ”
เมื่อได้ยินว่าไมค์โทรมา
คนอื่นๆ ก็ไม่สนใจและพวกเขาก็ยังคงพูดคุยกันต่อไป
คลีเมนซาลุกขึ้นอย่างแรงโดยวางมือบนที่วางแขนของโซฟา และเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรับโทรศัพท์ “อืม เข้าใจแล้ว”
คลีเมนซ่ากลับไปที่ห้องหนังสือและซันนี่ก็มองมาที่เขา “ไมค์โทรมาทำไม ?”
คลีเมนซ่าส่ายหัวอ้วนๆ ของเขา “เขาบอกฉันว่า เขาได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนจากโรงงานทีวีไปที่โรงพยาบาลเพื่อปกป้องความปลอดภัยของวีโต้ในตอนนี้”
ซันนี่ขมวดคิ้ว “เขาคิดว่าที่นี่คือโรงละครเหรอ? รปภ.ไม่กี่คนจะทำอะไรได้!? มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงต่อพ่อของเขา”
ทุกคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง
แต่ความคิดเห็นของพวกเขาก็ยังตกลงกันไม่ได้
ในที่สุดซันนี่ก็ต้องประกาศว่าให้เลื่อนการประชุมออกไป เพื่อดูว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
คลีเมนซ่าขึ้นรถของเขาและไม่ได้บอกให้คนขับรถขับกลับบ้าน แต่ขับรถไปที่ชานเมือง
บนถนนชานเมืองคลีเมนซ่าที่เห็นแถวรถจอดอยู่ข้างทาง ตอนแรกเขาก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
แต่เขาก็โล่งใจเมื่อเห็นไมค์
เขาจึงลงจากรถและไปเจอไมค์
ไมค์แนะนำฮาร์ดี้ ให้คลีเมนซ่ารู้จัก “นี่ทอม ฮาร์ดี้ คุณน่าจะเคยเจอเขามาแล้ว”
คลีเมนซ่ารู้จักฮาร์ดี้เป็นอย่างดี เขายื่นมืออ้วนออกมาแล้วจับมือกับฮาร์ดี้และพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ฮาร์ดี้ นายอยู่ที่ลอสแองเจลิสไม่ใช่เหรอ? แล้วมานิวยอร์กได้ยังไง?”
“ฉันขอให้เขามาช่วย เพราะฉันรู้สึกว่าเรื่องต่างๆ ในตอนนี้ชักจะไม่ง่ายแล้ว แถมครอบครัวคอร์เลโอเนยังต้องการ การปกป้องมากกว่านี้ ” ไมค์กล่าว
“ลุงคลีเมนซ่า ฮาร์ดี้ได้พาคนมาช่วยแต่พวกเขาไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในนิวยอร์กมากนัก ผมหวังว่าคุณจะสามารถส่งคนที่คุ้นเคยในท้องถิ่นและสืบสวนสถานการณ์ของครอบครัวอื่นๆ เพื่อช่วยพวกเขาทำสิ่งต่างๆได้ “
“นอกจากนี้เรื่องนี้ยังต้องเก็บเป็นความลับ เพราะถ้าคนในครอบครัวรู้ ผมเกรงว่าการปฏิบัติการครั้งนี้มันจะรั่วไหลออกไป”
จู่ๆ คลีเมนซ่าก็รู้สึกว่าไมค์มีความคิดทีดีมากและทำทุกอย่างได้ดี
ซึ่งเขามองเห็นสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีกว่าซันนี่เยอะมาก
ชายอ้วนพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา! ฉันสามารถส่งคน 10 คนให้ความร่วมมือกับพวกนายได้ และฉันจะบอกพวกเขาว่าไม่ให้ติดต่อกับคนอื่นๆ ในช่วงเวลานี้ พร้อมกับกำชับว่าพวกเขาจะต้องไม่เผยแพร่ข้อมูลใดๆ ออกไป พวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในความรับผิดชอบของ ฮาร์ดี้จนกว่าเรื่องนี้จะจบ” คลีเมนซ่ากล่าว
ต้องบอกว่าคลีเมนซ่าเป็นผู้ชายที่เก่งมาก
……
ตั้งแต่พ่อทูนหัวถูกโจมตี
ครอบครัวคอร์เลโอเนก็ตามหาโซราสโซ่ในทันที แต่โซราสโซ่ก็ระมัดระวังตัวเองมาก
เลยไม่มีใครรู้ว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
เฮนรี่และคนอื่นๆ จึงพุ่งเป้าไปที่นายอำเภอที่มีชื่อว่าแมคคลัสกี้
เขามีเส้นสายเล็กๆ น้อยๆ ในสถานีตำรวจ เพราะถ้าไม่ใช่ตัวตนของคนดังกล่าว
เขาก็จะไม่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้เลยและอย่างดีที่สุดก็แค่เป็นบอดี้การ์ด
ที่บ้านของแมคคลัสกี้มีผู้ดูแลบริษัทโทรศัพท์สองคนเข้าไปในวันนี้ เพราะตั้งแต่เช้าวันนี้คนจากครอบครัวของรอสกี้มักจะรู้สึกว่ามีเสียงโทรศัพท์ดังอยู่เสมอ
แต่ในความเป็นจริงพวกเขาไม่รู้ว่าเสียงเหล่านี้มาจากหน่วยข่าวกรองที่เป็นคนทำมันขึ้นมา
หลังจากการซ่อมเสร็จแล้ว โทรศัพท์ในบ้านก็ไม่ดังอีก
แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีการติดตั้งเครื่องดักฟังในไมโครโฟนของโทรศัพท์ในบ้านนายอำเภอ…
มันเป็นจอโทรศัพท์ที่เป็นอุปกรณ์ไฮเทคของในยุคนี้และมีแค่กองทัพและเอฟบีไอหน่วยงานอื่นเท่านั้นที่มีมัน
ซึ่งในตอนนี้สี่ครอบครัวหลักเป็นเป้าหมายสำคัญในการเฝ้าระวัง
ในบริเวณใกล้เคียงของสี่ครอบครัวใหญ่ พนักงานซ่อมบำรุงก็กำลังซ่อมสายโทรศัพท์เช่นกัน
แต่มันก็คือหน่วยข่าวกรองที่กำลังเชื่อมสายทั้งหมดเข้ากล่องโทรศัพท์
เพราะยังไงในตอนนี้มันก็เป็นเพียงปี 1947 และไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมีคนใช้การสืบสวนแบบนี้กับพวกเขา
ตั้งแต่วันแรกที่หน่วยข่าวกรองถูกจัดตั้งขึ้น
ฮาร์ดี้ก็บอกพวกเขาว่าพวกเราจะต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก
อย่างเมื่อต้องรับมือกับโจรปล้นในลอสแอนเจลิสเมื่อปีที่แล้ว
เอชดีซีเคียวริตี้ก็ได้ใช้วิทยุสื่อสาร ซึ่งมันก็สร้างความตกใจให้กับผู้คนจำนวนมากในเวลานั้น
……
ไมค์กลับไปที่บ้านของคอร์เลโอเน
ทันทีที่เขาเดินเข้าไปเขาก็ได้ยินซันนี่กับทอมทะเลาะกัน
“ซันนี่นายหุนหันพลันแล่นเกินไป พ่อไม่ชอบแบบนี้หรอกและการทำแบบนั้นจะทำให้สิ่งต่างๆ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้!” ทอมตะโกน
ซันนี่ชี้นิ้วไปที่ทอมและพูดเสียงดัง “ทอม ผมไม่ต้องการให้คุณมาเทศน์ให้ผมฟังหรอก! เพราะการพูดคุยแบบสันติมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน และตอนนี้ผมก็ส่งคนออกไปแล้ว ตราบใดที่โซราสโซ่ปรากฏตัวพวกเขาก็จะฆ่าโซราสโซ่ทันที!”
“พวกเขาฆ่าพ่อของฉัน และยังส่งคนไปลอบสังหารอีกครั้งที่โรงพยาบาล มันเป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้อยู่แล้ว!”
“ซันนี่ ถ้าเธอลงมือกับโซราสโซ่ มันก็เท่ากับการทำสงครามกับครอบครัวอื่น ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่พ่อของเราไม่ต้องการที่จะเห็น!” ทอมตอบ
“ตอนนี้พ่อกำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ใครล่ะที่เป็นคนทำ!? ถึงแม้โซราสโซ่จะมีครอบครัวอื่นปกป้องอยู่ แต่ตระกูลคอร์เลโอเนก็ไม่กลัวที่จะทำสงครามกับพวกเขา” ซันนี่ตะโกนขึ้นมาอย่างรุนแรง
ไมค์มองไปที่ซันนี่และทอมที่กำลังทะเลาะกันอย่างเย็นชา
เขาอยากจะบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกัน แต่อยากจะให้คิดว่าจะทำอย่างไรครอบครัวถึงจะมั่นคงได้
เพราะถ้ามองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนและคนในครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกัน
คอร์เลโอเนก็จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้
ยังไงการแก้แค้นก็ไม่ใช่ต้องไปฆ่าเท่านั้น แต่การเจรจาอย่างสันติก็ไม่ใช่การก้มหัวให้ใครเช่นกัน
ซึ่งเขาก็รู้สึกว่าทั้งซันนี่และทอมต่างก็ตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
คนหนึ่งแสดงออกมาเพราะความหงุดหงิดและอีกคนหนึ่งทำไปเพื่อกลบความอ่อนแอ
ไมค์รู้สึกหงุดหงิดมากในตอนนี้
เขาออกจากคฤหาสน์คอร์เลโอเนและกลับไปที่บ้านของเขา
และเขาก็เข้านอนตอนเที่ยงคืน
ทันใดนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองในเวลานั้น
ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาตี 4 ครึ่งและข้างนอกยังมืดอยู่เลย
“ไมค์นี่เฮนรี่ ฉันมีข่าวมาบอกคุณ เมื่อสิบนาทีที่แล้วซันนี่พี่ชายของคุณ ได้ส่งคนไปฆ่าบรูโน่ลูกชายของฟิลิปหัวหน้าตระกูลตาร์ตาลยา…”
ไมค์ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ด้วยสภาพที่หงุดหงิด