ตอนที่ 135 คู่ต่อสู้คนต่อไปคือ 5 ครอบครัวใหญ่
เขาวางโทรศัพท์ลงและโทรหาแอนดี้ทันที “แอนดี้ติดต่อสายการบินและจองเครื่องบินสองลำให้ฉันเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันอยากจะพาคนไปนิวยอร์ก”
“ตกลง!” แอนดี้ไม่ได้ถามเลยว่าทำไม
เขาโทรหาแลนสเตอร์อีกครั้ง “แลนสเตอร์ผมต้องการระดมทีมข่าวกรองของบริษัทรักษาความปลอดภัย ทีมซุ่มยิงและทีมจู่โจม พร้อมกับอาวุธและเครื่องมือเต็มรูปแบบ”
“ฮาร์ดี้มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นเหรอ?” แลนสเตอร์ถาม
“ครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ของโลกใต้ดินในนิวยอร์กกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันต้องไปที่นิวยอร์กเพื่อปกป้องพวกเขา บางทีฉันอาจจะต้องฆ่าคนและให้พวกเขาใส่ชุดปฏิบัติการหมายเลขสามด้วย” ฮาร์ดี้กล่าว
“เข้าใจแล้ว ในอีกครึ่งชั่วโมงทุกอย่างจะพร้อม” แลนสเตอร์ตอบ
ฮาร์ดี้วางโทรศัพท์ลงเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเขาก็เดินไปที่ห้องอาหาร พร้อมกับเอวาที่ยิ้มให้ฮาร์ดี้ “อาหารเช้าจะเสร็จแล้วน่ะ!”
ฮาร์ดี้เดินไปจูบเธอ
“ฉันมีบางอย่างที่ต้องออกไปทำในทันที ดังนั้นฉันคงไม่ได้กินแล้วล่ะ” ฮาร์ดี้กล่าว
เอวารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “มันเป็นเรื่องใหญ่จนกินอาหารเช้าไม่ทันเลยเหรอ?”
“ใช่ เรื่องใหญ่มาก!”
เอวากอดฮาร์ดี้และพูดด้วยความเสียใจว่า “ตอนแรกฉันอยากจะพัก เพื่อไปเที่ยวกับคุณสักวันหรือสองวันแต่ถ้าคุณออกไปฉันก็คงจะกลับไปถ่ายทำต่อ และเกรงว่าจะต้องรออีกสองสามเดือนถึงจะได้พบกันอีกครั้ง”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปหาเมื่อฉันมีเวลา เพราะยังไงสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
…
ทีมทั้งหมดเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกเขาก็พบกับเครื่องบินโดยสารสองลำและฮาร์ดี้ก็มาถึงสนามบินในเวลาเดียวกับที่ทีมพิเศษของบริษัทรักษาความปลอดภัย
ซึ่งพวกเขาเป็นทีมแรกที่ฮาร์ดี้รับสมัครด้วยตัวเอง และพวกเขาก็เป็นทีมที่นำโดยฮาร์ดี้
หน่วยข่าวกรองเฮนรี่ หน่วยนักแม่นปืนริชาร์ด หน่วยปฏิบัติการแมทธิว นิล ลีโอและเคอรี่ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นพี่น้องเก่าของเขา รวมถึงลูกน้องของพวกเขาด้วย
และตอนนี้ก็มีคนรวมกันมากกว่า 70 คน ทำให้เครื่องบินทั้งสองลำอัดแน่นไปด้วยผู้คนในทันที
คนเหล่านี้สวมเสื้อสูท เสื้อโค้ทและหมวก เครื่องแต่งกายที่เรียกว่าหมายเลข 3 หรือพวกมันก็คือชุดสำหรับการปฏิบัติด้านนอกนั่นเอง และทุกคนก็มีกระเป๋าอยู่ในมือที่ประกอบไปด้วยของเครื่องมือและปืนต่างๆ
ฮาร์ดี้พาทุกคนขึ้นเครื่องบินและเครื่องบินก็เริ่มพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากเครื่องบินขึ้นบินแล้ว
ฮาร์ดี้ก็เรียกเหล่าพี่น้องของเขาให้มารวมตัว
“ครั้งนี้ที่ฉันไปนิวยอร์ก ไมค์เป็นคนโทรหาฉัน เพราะผู้นำสูงสุดของตระกูลคอร์เลโอเนหรือก็คือ ‘วีโต คอร์เลโอเน’ ถูกลอบสังหาร และตอนนี้เขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติ ทำให้ครอบครัวคอร์เลโอเนตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ซึ่งฉันก็กลัวว่าจะมีครับครัวใหญ่ๆ อีกหลายครอบครัวในนิวยอร์กที่เข้าร่วมสังหารในครั้งนี้ เขาจึงโทรมาขอร้องให้ฉันช่วยปกป้องคุณคอร์เลโอเน”
“มันจึงเป็นการเผชิญหน้ากับครอบครัวใหญ่ทั้งห้า ซึ่งพวกเขามีความแข็งแกร่งในโลกใต้ดินดังนั้นเราต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด!”
“บอสไม่ต้องกังวล ตอนนี้เราไม่ได้เป็นแก๊งอันธพาลแต่ยังฆ่าพวกแก๊งอันธพาลมาแล้ว ก็แค่มาเฟียจะเป็นอะไรไปล่ะ?” แมทธิวพูดด้วยรอยยิ้ม
ดูเหมือนพวกเขาจะไม่กลัวจริงๆ
อาจเป็นเพราะคนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่ถอยออกมาจากสนามรบที่เหมือนนรกมาก่อน…
ซึ่งพวกเขาได้สัมผัสกับการทดสอบของจริงที่เป็นเลือดเนื้อของตัวเอง หลังจากพวกเขาอยู่ในนรกมาเป็นเวลานาน
พวกเขาก็ค้นพบความจริงของนรกและได้ออกมาแล้ว
สิ่งที่ไม่รู้จักคือความกลัว…แต่หลังจากผ่านนรกมาแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็ได้กลายเป็นกลุ่มของราชาปีศาจ
ดังนั้นพวกเขาจะกลัวแค่เรื่องเล็กๆ พวกนี้ได้ยังไง?
…
มันเป็นเที่ยวบินที่ยาวนาน
ซึ่งฮาร์ดี้กำลังนั่งครุ่นคิดอยู่บนเครื่องบิน
เขาไม่รู้ว่าโลกนี้เจ้าพ่อมาเฟียจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
และตอนนี้เขาควรทำอะไร?
ในขณะนี้เฮนรี่กล่าวว่า “บอสผมมีข้อเสนอ”
“พูดมาเลย”
“เราน่าจะซื้อเครื่องบินสักสองลำไหม? ยังไงบอสก็ออกไปข้างนอกบ่อย นายจะได้ไม่ต้องมารอเครื่องบิน ซึ่งในอนาคตมันก็เหมือนกับสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไงสิ่งต่างๆ ก็ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน วันนี้เราโชคดีที่เจอเครื่องบินสองล ถ้าเราไม่โชคดีเราก็จะไม่มีทางทำอะไรได้และทุกอย่างจะช้ากว่าเดิม” เฮนรี่กล่าว
ฮาร์ดี้คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีที่จะซื้อเครื่องบินสักสองลำ
ยังไงในอนาคตบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ก็ต้องไปเปิดธุรกิจที่ต่างประเทศและก็ต้องใช้เครื่องบิน
ธุรกิจของเขาจะได้ขยายตัวได้เยอะขึ้นอีก
เหมืองแร่วอลช์ในซานฟรานซิสโก โรงบ่มไวน์องุ่นในซานฟรานซิสโก คาสิโนในลาสเวกัส โรงงานน้ำแร่ในนิวเม็กซิโก โรงงานทีวีในนิวยอร์กและบริษัทถ่ายทำที่ต้องไปที่ต่างๆ เพื่อถ่ายฉากดีๆ ออกมา
คิดดูแล้วเขาก็ได้ใช้เยอะอย่างแน่นอนถ้ามีเครื่องบิน
ในกรณีฉุกเฉินเช่นวันนี้การที่มีเครื่องบินส่วนตัวมันก็ช่วยทำให้คุณไม่ตื่นตระหนก
“แล้วเครื่องบินแบบนี้ราคาเท่าไหร่?” ฮาร์ดี้ถาม
“ผมเคยตรวจสอบมาก่อน เครื่องบินที่เรานั่งอยู่เรียกว่าเครื่องบินโดยสาร DC-3 และมีอีกชื่อเรียกว่าเครื่องบินขนส่งสินค้า C47 ในกองทัพ มันเหมือนกันเปี๊ยบเลย แต่ถ้าเป็นเครื่องใหม่ๆ จะขายอยู่ที่ราคา 186,000 ดอลลาร์” เฮนรี่กล่าว
ก็คือมันน้อยกว่า 200,000 ดอลลาร์ ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องง่ายถ้าเขาจะซื้อสักสองลำ
“ตกลง หลังจากเรากลับไปเราจะซื้อสองลำ” ฮาร์ดี้ยิ้ม
หลังจากเที่ยวบินที่ยากลำบากกว่าสิบชั่วโมงในที่สุดเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนิวยอร์กในเวลาสองทุ่ม
ฮาร์ดี้ไม่ได้แจ้งให้ไมค์รู้
พวกเขานั่งรถแท็กซี่เข้าไปในเมือง และก็หันไปเห็นร้านขายรถที่กำลังจะปิดอยู่พอดี
…
ตอนนี้เจ้าของร้านกำลังเห็นชายจำนวนมากในเสื้อโค้ทที่แสดงสีหน้าอย่างจริงจัง
เขารู้สึกกลัวและคิดว่ากำลังจะถูกปล้น
“ที่นี่มีรถกี่คัน?” เฮนรี่ถาม
นี่เขาถามเกี่ยวกับจำนวนก่อนที่จะปล้นใช่ไหม??
“เอ่อ…อ่า ม..มีทั้งหมด 17 คัน ฟอร์ด เซฟโรเลต ดอดจ์ ลินคอลน์ บิวอิคก์ เมอร์คิวรี่ ผมมีหมด” เจ้าของร้านนับด้วยนิ้วของเขา
“โอเคเราต้องการทั้งหมดนี้ และนายก็คิดราคามาได้เลย แค่ให้ส่วนลดทุกคันก็พอ” เฮนรี่กล่าว
เจ้าของร้านดูสับสนเล็กน้อย ปรากฏว่ามันไม่ใช่การปล้นแต่เป็นการซื้อรถ
เขาดีใจขึ้นมาทันที
นี่ถือเป็นการขายครั้งใหญ่จริงๆ
ในท้ายที่สุดมีการคำนวณว่ารถทั้ง 17 คันนี้มีราคารวม 35,000 ดอลลาร์
เฮนรี่โยนเงินหนาๆ ให้เขาสองสามกอง ซึ่งรถพวกนี้ก็เติมน้ำมันเรียบร้อย ทุกคนจึงขึ้นรถและขับรถไปที่หมายต่อไป
มีคนจำนวนมากมาที่นิวยอร์กเพื่อทำธุรกิจและรถโดยสารก็มีไม่เพียงพอ
แต่ตอนนี้ฮาร์ดี้ก็ถือว่าเป็นคนร่ำรวยและมีอำนาจ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจซื้อรถเหล่านี้
ซึ่งมันก็สะดวกกว่าที่จะใช้มันในครั้งต่อไป
หลังจากหาตู้โทรศัพท์ข้างถนนเจอ ฮาร์ก็ดี้ลงไปหยอดเหรียญเพื่อกดหมายเลขที่ไมค์ให้มา
ซึ่งสายก็เชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว
“ไมค์นี่ฮาร์ดี้ ฉันมาถึงนิวยอร์กแล้ว” ฮาร์ดี้กล่าว
ไมค์มีความสุขในทันที “นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหานายเดี๋ยวนี้”
ฮาร์ดี้บอกที่อยู่ของเขา
ประมาณ 20 นาทีก็มีรถมาจากระยะไกลและจอดที่นี่อย่างรวดเร็ว
ฮาร์ดี้ออกมาจากรถ และไมค์ที่เห็นฮาร์ดี้ก็เดินไปกอดเขา
“ทำไมนายมาเร็วขนาดนี้? ฉันนึกว่านายจะมาทีหลังซะอีก” ไมค์เหลือบมองไปที่รถที่ฮาร์ดี้และก็เห็นมีคนไม่กี่คนที่อยู่ในนั้น
“นายพาคนสองสามคนมาที่นี่ด้วย?” ไมค์กล่าว
ฮาร์ดี้ยิ้มและชี้ไปที่ด้านหลัง “มันมีมากกว่าที่นายเห็น แถวรถที่จอดอยู่แถวนี้คือคนของฉันหมดเลย”
ไมค์ตกใจและมองไปที่รถที่จอดอยู่ เขาคิดว่ามันน่าจะมีมากกว่าสิบคัน
“นายเอามากี่คนกัน?” ไมค์ถามด้วยความประหลาดใจ
“เนื่องจากมันเป็นเรื่องด่วน ฉันเลยเอามาได้แค่ 70 คน” ฮาร์ดี้กล่าว
ไมค์ตกใจและก็ถอนหายใจ อย่างที่คาดไว้เขาก็คือฮาร์ดี้
//เล่นใหญ่ดีนี้
ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าความแข็งแกร่งในมือของฮาร์ดี้นั้นแข็งแกร่งกว่าครอบครัวหลายครอบครัวซะอีก
“ตอนนี้คุณคอร์เลโอเนเป็นอย่างไรบ้าง?” ฮาร์ดี้ถาม
“ยังคงอยู่ในอาการโคม่า เพราะเขาถูกยิงถึง 5 นัด และมันคงเป็นพรจากพระเจ้าที่ทำให้เขารอดมาได้” ไมค์พูดอย่างเศร้าๆ
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฮาร์ดี้ฟัง
พ่อทูนหัวของเขาออกไปข้างนอกในเวลาตอนเย็นเมื่อวานนี้ เขาเข้าไปซื้อผลไม้ที่ร้านขายผลไม้และเขาก็ถูกโจมตีด้วยมือปืนสองคน
ตอนแรกพ่อทูนหัวก็สังเกตเห็น เขาจึงหันหลังหนี แต่เขาก็ถูกตามทันอยู่ดี ซึ่งมือปืนยิงออกมาถึง 12 นัดไปที่พ่อของฉันโดยปืนลูกโม่สองกระบอก และจากกระสุนทั้งหมด มี 5 นัดที่โดนพ่อของฉัน
โชคดีที่พ่อของฉันไม่ตาย เขาถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล และตอนนี้ก็อยู่ในอาการโคม่า
ส่วนสถานการณ์ของครอบครัวคอร์เลโอเนในตอนนี้…มันกำลังวุ่นวายอย่างหนักเลยล่ะ เพราะตอนนี้พี่ชายคนโตของไมค์หรือซันนี่กำลังเป็นคนควบคุมสถานการณ์โดยรวมของครอบครัว
แต่ซันนี่อารมณ์ร้อนและไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่…เขาได้แต่ทำให้เรื่องมันยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก
ซึ่งเมื่อไมค์รู้ว่าพ่อของเขาถูกทำร้าย เขาก็รีบกลับมาบ้านทันที
และตอนที่เขาไปพบพ่อที่โรงพยาบาล เขาก็พบว่าไม่มีแม้แต่ยามและตำรวจในโรงพยาบาลเลยสักคน
เขาตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ และกลัวว่าจะมีคนลอบสังหารพ่อของเขาอีก
เขาจึงรีบไปคุยกับพยาบาลให้ช่วยย้ายพ่อทูนหัวไปที่วอร์ดอื่น
ทันใดนั้นเจ้าของร้านเค้กก็เข้ามา
ซึ่งชายคนนี้ครั้งหนึ่งเคยยอมรับความช่วยเหลือจากพ่อทูนหัวเลยเข้ามาเยี่ยมเขา และไมค์ก็ยืนอยู่ที่ประตูกับเจ้าของร้านเค้ก แสร้งทำเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขา
ซึ่งไมค์ก็พบปืนอยู่ในนั้น
โดยไม่คาดคิดตำรวจก็เข้ามาภายในไม่กี่นาที ทว่าตำรวจพวกนี้กลับจับไมค์ไป
ไมค์รู้ว่าพวกเขาต้องถูกซื้อโดยครอบครัวอื่นแล้วแน่ๆ และที่พาเขาออกไปก็เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับมือปืน
แถมเขายังมีปัญหาและถูกผู้บัญชาการตำรวจเล่นงานอย่างหนัก
ไมค์แตะคางที่บวมของเขาและพูดด้วยเสียงต่ำๆ ว่า “หมอบอกว่าคางของฉันแตก แต่พวกเขาต้องการชีวิตของพ่อ หากพวกเขาล้มเหลวเป็นครั้งที่สอง ฉันก็หวังว่าพวกเขาจะยอมแพ้”
“ตอนนี้ครอบครัวกำลังวุ่นวาย ซันนี่ต้องการแก้แค้นและไปทำสงครามกับครอบครัวอื่น ทอมกำลังเกลี้ยกล่อมซันนี่ไม่ให้ทำอะไรและก็ไปเจรจาจะดีกว่า ซึ่งฉันก็ไม่สามารถบอกได้ว่าใครทำอะไรที่ไหน และก็ยังสงสัยอีกว่ามีใครบางคนในครอบครัวของฉันถูกซื้อโดยครอบครัวอื่น ทำให้ตอนนี้ฉันกังวัลมาก เพราะเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นดังนั้นฉันขอร้องนาย ช่วยปกป้องเราด้วย”
ไมค์พูดจบและมองไปที่ฮาร์ดี้
ฮาร์ดีเอื้อมมือไปตบไหล่ไมค์ “ไม่ต้องห่วงไมค์ฉันมาแล้ว เรามาจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยกันเถอะ”
“ขอบคุณมาก ฮาร์ดี้”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ เพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน และตอนนี้การรักษาความปลอดภัยทางฝั่งพ่อทูนหัวเป็นอย่างไรบ้าง นายต้องการให้ฉันส่งคนไปไหม?” ฮาร์ดี้ถาม
ไมค์ส่ายหัว
“ซันนี่ได้ส่งกำลังคนไปแล้ว และความปลอดภัยของพ่อควรจะได้รับการรับประกันเรียบร้อย สิ่งที่ฉันกังวลตอนนี้คือคนจากครอบครัวอื่นและพ่อค้ายาตุรกีที่ชื่อโซลาสโซ่ พวกเขาจะส่งคนมาลอบสังหารอีกอย่างแน่นอน”
ฮาร์ดี้ได้ดูหนังเรื่องก็อดฟาเธอร์มากกว่าหนึ่งครั้ง เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะขอเจรจากับครอบครัวคอร์เลโอเนและข่มขู่ให้พวกเขาตกลงที่จะเข้าร่วมกับพ่อค้ายา
ซึ่งไมค์ก็ยอมเจรจาเพื่อให้พ่อของเขาจะได้ไม่ต้องถูกคุกคามอีกต่อไป แต่เขากลับใช้โอกาสนี้ในการสังหารผู้กองตำรวจและโซลาสโซ่…
จากเหตุการณ์นี้จะเห็นได้ว่าไมค์มีความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่นๆ ต่อครอบครัวคอร์เลโอเนจริงๆ
เพราะถึงแม้คุณคอร์เลโอเนจะมีลูกชายอีกสองคน แต่ลูกชายคนโตซันนี่ก็รู้แค่ว่าจะต้องแก้แค้นหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขาทำตัวเหมือนกับแมลงวันหัวขาดโดยไม่ได้วางแผนอะไรเลย
ส่วนเฟรโดลูกชายคนที่สองก็เป็นแค่ตัวตลกและไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้เลย
เขาทำได้แค่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนที่พ่อทูนหัวถูกโจมตี
เพราะการลอบสังหารของไมค์ต่อตำรวจและโซลาสโซ่ เขาจึงกลายเป็นอาชญากรที่ต้องการตัวและต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในซิซิลี
ฮาร์ดี้ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
อย่างน้อยเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ไมค์ไปฆ่าคนด้วยตัวเอง
ไม่อย่างนั้นไมค์จะหายไป
แล้วโรงงานผลิตโทรทัศน์ใครจะรับผิดชอบ?
นั่นคือโรงงานขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเงินลงทุนถึง 10 ล้านดอลลาร์!
แน่นอนว่าฮาร์ดี้ไม่อยากเสียเงินเพราะเหตุการณ์นี้…
ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “ไมค์ฉันมีข้อเสนอให้นาย”
“ว่ามาเลยฮาร์ดี้”
“ฉันจะส่งทีมเล็กๆ ไปคุ้มกันคุณวีโต้คอร์เลโอเนเพิ่ม เพราะฉันจะสบายใจถ้ามันเป็นคนของฉันเอง ซึ่งพวกเขาทั้งหมดเป็นนาวิกโยธิน และประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขาก็แข็งแกร่งมาก มันจะช่วยยืนยันความปลอดภัยให้คุณคอร์เลโอเนให้มากขึ้นกว่าเดิม นายคิดว่าไง?” ฮาร์ดี้กล่าว
“ตกลง! ฉันจะบอกให้พวกเขารู้ว่าเราส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากโรงงานทีวีเข้าไป เพื่อที่คนอื่นจะไม่ได้สงสัยอะไร” ไมค์กล่าว
“อย่างที่สองคือนายช่วยส่งคนสองสามคนที่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นมาให้ฉันหน่อย ไม่ต้องเก่งมากนักก็ได้ แค่ต้องคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยรวมในนิวยอร์กและสถานการณ์ของห้าครอบครัวหลักก็พอ และเขาต้องซื่อสัตย์ด้วย ฉันจะได้ส่งคนไปสืบข้อมูลและเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า” ฮาร์ดี้กล่าว
“ได้! ฉันจะหาทางให้” ไมค์กล่าว
สิ่งที่ฮาร์ดี้จะต้องเผชิญต่อไปก็คือครอบครัวใหญ่ทั้งห้าหรือแม้กระทั่งครอบครัวอื่นๆ อีกหลายครอบครัวที่เห็นด้วยกับการค้ายาเสพติด
แต่ฮาร์ดี้ก็ไม่กลัวพวกมาเฟีย ถึงแม้ครอบครัวเหล่านี้จะแข็งแกร่งมากในฐานะแก๊งมาเฟียเก่าแก่ก็ตาม
และภาพยนตร์ในยุคเขาก็แค่แสดงบางส่วนของมาเฟียออกมา เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะแสดงสิ่งเหล่านั้นออกมาทั้งหมด
ซึ่งมันก็มีชายคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ‘ควรให้ความสำคัญทางยุทธศาสตร์และความสำคัญของศัตรูให้มากที่สุด’
ถึงฮาร์ดี้จะไม่กลัวพวกเขา แต่เขาก็จะไม่ดูถูกพวกมาเฟียเหล่านั้นเช่นกัน
เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้น
……