ตอนที่ 132 โฉมงามกับเจ้าชายอสูร
ในเดือนกุมภาพันธ์การอัดเพลงของเอวาก็เสร็จเรียบร้อย และแน่นอนว่าจัดจำหน่ายโดยเอชดีเรคคอร์ด และมีการบันทึกเพลงทั้งหมด 8 เพลง
เพลงที่ได้ขึ้นปกก็คือ ‘scarborough fair’ ส่วนอีกเจ็ดเพลงที่เหลือก็จะถูกเขียนขึ้นมาอย่างพิถีพิถันในภายหลัง
ทันทีที่อัลบั้มวางจำหน่ายมันก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนให้มาซื้อได้ทันที
เพราะหลังจากการโปรโมทเพลงก่อนหน้านี้ที่ใช้สำหรับภาพยนตร์ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ มันก็ทำให้ชื่อเสียงของเอวาและเพลง scarborough fair เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ผู้คนจำนวนมากก็ซื้อมันเพื่อเก็บสะสม
ในเวลาเพียงสัปดาห์เดียวมียอดขายมากกว่า 50,000 ชุด และจากการวิเคราะห์ของฝ่ายการตลาด อัลบั้มนี้น่าจะขายได้มากกว่า 200,000 ชุด
…
หลังจากทีมงานถ่ายภาพยนตร์เรื่อง ‘Across the World’ เตรียมความพร้อมเสร็จ เอวาก็ได้เข้าร่วมกับทีมถ่ายทำและอำลาฮาร์ดี้
เพราะเธอต้องออกไปถ่ายทำนอกลอสแอนเจลิส
และวันนี้เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ก็กลับมาจากนิวยอร์ก
หลังจากเธอกลับมา เธอก็โทรหาคุณฮาร์ดี้ทันทีและฮาร์ดี้ก็ออกไปรับเธอในวันนั้น
ซึ่งในอดีตซาร่าห์แม่ของเทย์เลอร์ไม่ค่อยอยากให้ลูกของเธอติดต่อกับฮาร์ดี้มากเกินไป แต่เมื่อสถานะของฮาร์ดี้ยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ซาร่าห์ก็ไม่กีดกันเทย์เลอร์อีก และยินดีด้วยซ้ำที่ลูกสาวของเธอได้ติดต่อกับฮาร์ดี้
เพราะนอกเหนือจากการฝึกเทย์เลอร์ให้กลายเป็นดาราดังแล้ว ความคิดอื่นๆ ของเธอคือการปล่อยให้ลูกสาวได้ไต่เต้าเข้าสู่ครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจ
ในอนาคตซาร่าห์เคยใช้วิธีต่างๆ เพื่อให้เทย์เลอร์ได้รู้จักกับคอนราดฮิลตัน ทายาทของโรงแรมฮิลตัน
ซึ่งเทย์เลอร์ก็ได้แต่งงานกับคอนราด และในตอนนั้นเธอเพิ่งอายุ 18 ปีเท่านั้น
หลังจากแต่งงานได้เพียง 8 เดือนและกำลังมีความสุขในช่วงฮันนีมูนของเธอ ฮิลตันก็ติดการพนันและดื่มเหล้าเผลอไปต่อยเทย์เลอร์
ทำให้ทั้งสองเลิกกันอย่างรวดเร็ว
ซึ่งสิ่งนี้ยังเป็นความฝังใจในเรื่องการแต่งงานแย่ๆ ของเทย์เลอร์อีกด้วย
ในตอนนี้ฮาร์ดี้คนรุ่นหลังที่ร่ำรวยและสิ่งที่ซาร่าห์รู้ก็คือ ฮาร์ดี้มีสินทรัพย์อยู่ในมือหลายอย่างเช่นเอชดีซีเคียวริตี้ เอชดีพิคเจอร์ บริษัทมิโบทีวี บริษัทเพลย์บอย บริษัทเหมืองแร่
ซึ่งมีมูลค่ากว่าหลายสิบล้านเหรียญ
ในฮอลลีวูดฮาร์ดี้ก็ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์และเลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็วจากงานรับรางวัลลูกโลกทองคำ
มันจะเห็นได้ว่าถ้าลูกสาวของเธออยู่กับคนอย่างเขา…
อนาคตของเธอจะต้องดีมากแน่ๆ
ดังนั้นแม้ว่าลูกสาวของเธอจะอายุเพียง 15 ปี เธอก็ไม่ได้มีข้อห้ามสำหรับลูกสาวที่จะไปกับฮาร์ดี้
เธอยังมาที่ห้องลูกสาวของเธอในเวลากลางคืนเพื่อพูดคุยกับเทย์เลอร์เกี่ยวกับหัวข้อของผู้หญิง สอนให้เธอมีความรู้ด้านสุขอนามัยและข้อควรระวังทางกายภาพ
ทำให้บางครั้งเทย์เลอร์ก็หน้าแดงออกมา
…
วันนี้เทย์เลอร์ตั้งใจโทรหาฮาร์ดี้และฮาร์ดี้ก็มารับเธอ
ซึ่งวันนี้เทย์เลอร์ก็สวมกระโปรงที่สวยงาม รองเท้าบูท เสื้อกันลม ผมของเธอที่ฟู่ฟองและก็ถือกระเป๋าเอียงนิดๆ
ทำให้เธอดูเหมือนหญิงสาวที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
หลังจากไม่ได้รับบทบาทของมาทิลดาแล้ว เทย์เลอร์ก็กลับมาเป็นสไตรล์เดิมของเธอและก็ดูสง่างามขึ้นนิดหน่อย…
ซึ่งในอนาคตผู้คนยุคนั้นก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับหญิงสาวที่งดงามทั้งสามของฮอลลีวูดไว้ว่า ‘ความงามของมาริลิน มอนโรนั้นเซ็กซี่มาก และออเดรย์ เฮปเบิร์นนั้นก็บริสุทธิ์และประณีตส่วนเอลิซาเบธ เทย์เลอร์นั้นก็สูงส่งและสง่างาม’
เทย์เลอร์บอกลาแม่ของเธอ ซาร่าห์จึงยิ้มและพูดว่า “หวังว่าพวกเธอจะสนุกกันนะ และสามีของฉันก็จะมีปาร์ตี้ในคืนนี้ แม่เลยกลัวว่าจะกลับมาเตรียมอาหารเย็นให้ลูกไม่ได้นะ”
เห็นได้ชัดว่านี่คือการบอกฮาร์ดี้ว่าต้องรับผิดชอบสำหรับอาหารค่ำของลูกสาวฉันด้วย
“ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งเทย์เลอร์กลับมาทีหลัง คุณนายซาร่าห์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ฮาร์ดี้ยิ้ม
“ฮิฮิๆ ไม่เป็นไร พวกเธอสนุกกันให้เต็มที่เถอะ” ซาร์าห์พูดด้วยรอยยิ้ม และหันไปมองลูกสาวของเธอ
ฮาร์ดี้พาเทย์เลอร์ออกไป และหันไปมองดูเด็กสาวที่บอบบางแล้วถามว่า “วันนี้เธออยากไปที่ไหนล่ะ?”
“คุณฮาร์ดี้ ช่วยพาไปหนูไปที่โรงงานตุ๊กตาบาร์บี้หน่อยได้ไหมค่ะ? โดยเฉพาะแผนกเสื้อผ้า หนูอยากไปดูว่ามันออกแบบยังไงบ้าง!” เทย์เลอร์ถามฮาร์ดี้ด้วยดวงตากลมโต
“เธอชอบการออกแบบเสื้อผ้าของมันเหรอ?”
“ใช่ เสื้อผ้าของตุ๊กตาบาร์บี้สวยมาก หนูรู้สึกว่ามันไม่แพ้แบรนด์ดังๆ เลย ตอนที่ได้เล่นกับตุ๊กาพวกนั้น หนูก็คิดไปด้วยว่าจะออกแบบเสื้อผ้าแบบไหนให้มัน วันนั้นหนูก็นึกขึ้นได้เลยทำมันออกมาหลายสิบชุดเลย!” เทย์เลอร์กล่าวด้วยความตื่นเต้น
“และหนูก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการวาดภาพและก็เอามันมาด้วย ถ้าคุณอยากได้ก็บอกนะ!” เทย์เลอร์พูดจบก็เอากระดาษแบบออกมาจากกระเป๋า
เธอพกมันมาด้วย?
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
“ไม่มีปัญหาฉันจะเอามันไปที่โรงงานตุ๊กตาบาร์บี้ในวันนี้” ฮาร์ดี้กล่าว
“โอ้ เยี่ยมไปเลย!”
เมื่อเขามาที่โรงงานตุ๊กตาบาร์บี้ ฮาร์ดี้ก็ขอพบผู้รับผิดชอบจากนั้นก็พาทั้งสองไปที่แผนกออกแบบและผลิตเสื้อผ้า
ซึ่งฮาร์ดี้ก็ขอให้นักออกแบบทำเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยเทย์เลอร์ด้วย
“คุณฮาร์ดี้หนูมีความคิดบางอย่าง หนูเชื่อว่ามีคนหลายคนที่ยินดีจะออกแบบเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาบาบี้เหล่านี้ แต่พวกเขาไม่มีโอกาสแบบหนูที่รู้จักคุณ ทำไมคุณฮาร์ดี้ไม่จัดกิจกรรมให้ช่วยกันออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับตุ๊กตาจากทั่วโลกล่ะ? แล้วเอาดีไซน์ที่คิดว่าใช้ได้มาออกแบบเป็นเสื้อผ้าของเรา”
“เราสามารถเอาส่วนแรกมาเปรียบเทียบกันก่อนและในปีต่อๆ ไปเราค่อยทำมันเพิ่ม ซึ่งสิบอันดับแรกจะถูกคัดเลือกและเสื้อผ้าเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นในรูปแบบใหม่ทุกเดือนและรูปแบบใหม่ประจำปี เพื่อให้เราสามารถมีการออกแบบใหม่มากมายและส่งเสริมเสื้อผ้าเหล่านี้ให้กับตุ๊กตาบาร์บี้”
“ส่วนรางวัลของผู้ชนะก็จะให้เป็นเงินสิบดอลลาร์หรือไม่กี่ดอลลาร์ก็ได้ ในความเป็นไม่ว่าจะเป็นหนูหรือผู้คนอื่นๆ แค่พวกเขาได้มาออกแบบเสื้อผ้าเหล่านี้ให้กับตุ๊กตาและมอบรางวัลให้เล็กน้อย หนูก็เชื่อว่าพวกเขาจะมีความสุขมากอยู่แล้ว”
ข้อเสนอของเทย์เลอร์ดีต่อฮาร์ดี้จริงๆ
มันเป็นกิจกรรมที่ทุกคนทำได้และมันก็มีบทบาทอย่างมากในการประชาสัมพันธ์
ฮาร์ดี้ยิ้มและบีบใบหน้าอ่อนโยนของเทย์เลอร์ “ความคิดของเธอยอดเยี่ยมมากจริงๆ ฉันตัดสินใจที่จะทำมันและฉันก็คิดว่ามันน่าจะได้ไอเดียมากมายในอนาคตอย่างแน่นอน ส่วนเธออยากจะเป็นหนึ่งในผู้ตัดสินไหม?”
“เย้ เย้!” เทย์เลอร์กระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้น
ฮาร์ดี้ส่งเรื่องนี้ให้กับผู้ดูแลโรงงานบาร์บี้และให้เขาหาคนที่จะดำเนินงานกิจกรรมและโฆษณาลงหนังสือพิมพ์
ในส่วนของรางวัล
มันเป็นไปไม่ได้ถ้าให้รางวัลเท่ากับที่เทย์เลอร์พูด
ท้ายที่สุดแล้วภาพวาดการออกแบบที่ส่งมานั้นสามารถผลิตออกมาและสร้างผลกำไรมหาศาลให้กับโรงงานของเล่น
ดังนั้นรางวัลสำหรับรอบคัดเลือกอันดับหนึ่งคือ 500 ดอลลาร์ อันดับที่สองคือ 300 ดอลลาร์ และจากนั้นก็เรียงตามลำดับจากมากไปน้อยรวมหกอันดับ
ส่วนรางวัลที่ได้รับการนำมาใช้ผลิตเสื้อผ้าก็คืออยู่ที่ 2000 ดอลลาร์
ต้องบอกก่อนว่าเงินสองพันดอลลาร์ในตอนนี้ สามารถเทียบเท่ากับเงินเดือนหนึ่งปีของคนธรรมดาเลย
ซึ่งรางวัลที่สูงจะมีผลต่อความประทับใจและผู้คนก็จะสนใจที่จะเข้าร่วม
มันยังได้โปรโมทตุ๊กตาบาร์บี้อีก
ซึ่งเงินจำนวนเพียงเล็กนี้ก็ถือว่าไม่เท่าไหร่เลย
หลังจากอยู่ในโรงงานตุ๊กตาบาร์บี้เป็นเวลาครึ่งวัน เทย์เลอร์ก็ได้เสื้อผ้ามาใหม่ 8 ชุดและแต่ละชุดก็สวยงามมาก
มันทำให้เด็กน้อยเทย์เลอร์ถูกใจเป็นอย่างมาก
…
ทั้งสองคนออกมากินข้าวเย็นในร้านอาหารระดับไฮเอนด์
หลังจากอาหารค่ำฮาร์ดี้ก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะส่งเทย์เลอร์กลับไปที่บ้าน แต่พาเธอไปที่คฤหาสน์ในเบเวอร์ลีฮิลลส์
ซึ่งประตูก็เปิดไว้แล้ว พร้อมกับไฟในคฤหาสน์ที่สว่างไสว
คฤหาสน์ทั้งหลังดูเงียบสงบและสวยงามอย่างมาก
“คุณฮาร์ดี้ นี่มันที่ไหนเหรอคะ?”
ฮาร์ดี้ยิ้มและกล่าวว่า “นี่เป็นคฤหาสน์ของคุณซีเกลที่ต่อมาเขาได้ขายให้กับฉัน และตอนนี้มันปรับปรุงเสร็จแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ ซึ่งตอนนี้มีเพียงแม่บ้านและคนรับใช้ไม่กี่คนที่ดูแลอยู่”
“แล้วทำไมคุณไม่เข้าไปอยู่เหรอค่ะ?” เทย์เลอร์ถามอย่างสงสัย
ฮาร์ดี้ยักไหล่ “ตอนนี้ฉันตัวคนเดียวและที่นี่ก็ใหญ่เกินไป ฉันชอบอยู่ที่คนเยอะๆ และดูอบอุ่นมากกว่า”
“แต่ในอนาคตถ้าจะจัดงานเลี้ยงหรือพาเพื่อนมาเล่นมันก็เป็นสถานที่ที่ดี” ฮาร์ดี้ยิ้ม
ในสวนหลังบ้านคนรับใช้ก็นำชาดำมาให้และจากไป พร้อมกับแสงสลัวที่ส่องมาที่ทั้งสองคน “เทย์เลอร์เธอจำครั้งแรกที่เราพบกันได้ไหม? มันก็คือสถานที่แห่งนี้แหละ”
เทย์เลอร์พยักหน้า
มันเป็นการพบเจอที่ยอดเยี่ยมสำหรับเธอ
ทั้งสองพูดเรื่องเก่าๆ เกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ ‘ลีอองเพชฌฆาตมหากาฬ’ ตั้งแต่เริ่มการถ่ายทำไปจนถึงบทภาพยนตร์ของเทย์เลอร์ในอนาคต
“ผู้อำนวยการฮิตช์ค็อกบอกหนูว่าบทบาทอย่างมาทิลดามันเป็นกรณีพิเศษและยากมากที่จะได้พบเจออีก ซึ่งคำแนะนำของเขาก็คือให้ฉันรอจนกว่าอายุจะ 18 เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่”
ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่ง
“มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป เพราะมันยังมีบทบาทที่เหมาะสมสำหรับเธออยู่”
“คุณฮาร์ดี้มีเรื่องใหม่อีกเหรอ!?” เทย์เลอร์ถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทพนิยาย เธอเคยได้ยินเรื่องราวของ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ไหม?” ฮาร์ดี้ถาม
เทย์เลอร์ส่ายหัว
โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (Beauty and the Beast) เป็นผลงานในศตวรรษที่ 17 ของนักเขียนชาวฝรั่งเศสนามว่ามาดาม เดอ โบมองต์
ซึ่งตอนนี้มันยังไม่แพร่หลายและเป็นเรื่องปกติที่เทย์เลอร์จะไม่เคยได้ยินมาก่อน
ฮาร์ดี้ก็เลยเล่าเรื่องของ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ให้เทย์เลอร์ฟัง
เรื่องมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร
พูดง่ายๆ ก็คือเจ้าชายที่หยิ่งยโสกลายเป็นอสูรโดยแม่มดและคนรับใช้ก็ถูกสาปให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์
แม่มดบอกกับเขาว่าเขาต้องเจอผู้หญิงที่จริงใจและรักเขาเท่านั้นจึงสามารถถอนคำสาปได้
ซึ่งในที่สุดก็มีเด็กสาวมาตกหลุมรักเจ้าชายอสูรและคำสาปก็ถูกปลดปล่อย ทำให้เจ้าชายอสูรกลายเป็นเจ้าชายที่หล่อเหล่า และหลังจากนั้นทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ในความเป็นจริงแก่นเรื่องก็ไม่ได้แตกต่างจากเรื่องของเจ้าชายกบและสโนว์ไวท์มากนัก แต่เทย์เลอร์ก็ฟังอย่างใจจดใจจ่อ
เหนือสิ่งอื่นใดเธอยังคงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าชายและเจ้าหญิงอยู่แล้ว
“มันน่าสนใจมากๆ เลย ที่จะสร้างเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์!”
“นอกจากนี้ยังมีตู้ เทียนพ่อบ้าน แม่บ้านกาน้ำชาและทารกน้อยกาน้ำชา มันคงจะน่ารักน่าดูถ้ามันได้ปรากฏตัวออกมา” เทย์เลอร์ยิ้ม
หลังจากพูดจบเธอก็มองขึ้นไปที่ฮาร์ดี้ “คุณฮาร์ดี้ ถ้านี่คือปราสาทและหนูคือเบลล์ คุณก็คือสัตว์ร้ายใช่ไหมค่ะ!?”
ฮาร์ดี้หรี่ตาลง ก้มไปหาเทย์เลอร์และอ้าปากกว้าง “หึ หึ~ เธอกลัวหรือป่าวสาวน้อย?”
เทย์เลอร์แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาทันที
“คุณอสูรได้โปรดอย่ากินฉันเลย~~” อารมณ์ของเทย์เลอร์ตัวน้อยนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเธอก็เล่นได้ดีมาก
“เว้นแต่เธอจะจูบฉันด้วยความรักและช่วยฉันถอนคำสาป ฉันก็จะปล่อยเธอไป” ฮาร์ดี้พูดอย่างข่มขู่
เทยเลอร์มองไปที่ฮาร์ดี้ด้วยดวงตากลมโต
ทันใดนั้นเธอก็ค่อยๆ จับไปที่ใบหน้าฮาร์ดี้และจะจูบเขา…
ฮาร์ดี้ผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ดึงสติกลับมาโดยจิตใต้สำนึก
เพราะเทย์เลอร์ยังเด็กอยู่…
เขาจะกลายเป็นสัตว์ร้ายถ้าเขาทำมัน
ดวงตาสีม่วงของเทย์เลอร์มองไปที่ฮาร์ดี้และพูดเบาๆ
“ผู้กำกับฮิทช์ค็อกบอกหนูว่าให้หนูไปฝึกฝนทักษะการแสดงเพิ่ม และหนูก็ไม่เคยจูบใครมาก่อน มันจะเป็นยังไงถ้าหนูเจอฉากจูบในอนาคตล่ะคะ?”
“และคุณฮาร์ดี้ อยากจะสอนหนูไหม?”
……
ตอน 5 ทุ่มฮาร์ดี้ก็ขับรถพาเทย์เลอร์กลับบ้าน
ซาร่าห์ถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นลูกสาวของเธอกลับมา
แม้ว่าเธอจะคาดหวังว่าลูกสาวของเธอและคุณฮาร์ดี้จะสนิทสนมกัน แต่เธอรู้สึกว่าลูกสาวของเธอยังเด็กเกินไป
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมันจะแย่มากสำหรับเทย์เลอร์
ตอนนี้ลูกสาวของเธอกลับมาแล้วเธอก็รู้สึกโล่งใจ
“ไอชาทำไมกลับดึกจัง? และวันนี้ไปเล่นที่ไหนกันมา” ซาร่าห์นั่งลงข้างเตียงของลูกสาวและถามอย่างกังวล
“เราไปเล่นที่โรงงานตุ๊กตาบาร์บี้เกือบครึ่งวัน และหนูก็ขอคุณฮาร์ดี้ให้ทำเสื้อผ้าตุ๊กตา 8 ชุดที่หนูออกแบบเองมา!” เทย์เลอร์หยิบชุดเสื้อผ้าตุ๊กตาออกมาอย่างมีความสุข
ซาร่าห์คิดว่าฮาร์ดี้น่าจะชอบลูกสาวเธอมาก
“แล้วลูกไปไหนตอนกลางคืน?”
“เรากินอาหารเย็นและไปที่คฤหาสน์ของคุณฮาร์ดี้” เทย์เลอร์กล่าว
ซาร่าห์รู้สึกเกร็งเล็กน้อย มันมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวเธอหรือไม่?
เพราะทั้งสองไปที่นั้นด้วยกัน
“เราอยู่ในสวนด้านหลัง…”
ซาร่าห์รู้สึกเกร็งขึ้นมาอีกเมื่อทั้งสองไปที่สวนหลังบ้าน
“เราดื่มชาและคุยกันที่สวนด้านหลัง เราคุยกันเรื่องภาพยนตร์กันเยอะมาก ผู้กำกับฮิตช์ค็อกกล่าวว่าในวัยเดียวกับฉัน การหาบทบาทนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ คุณฮาร์ดี้บอกว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป และเขาก็เล่าเรื่องนิยาย ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ให้หนูฟัง และบอกว่าเรื่องนี้มีโอกาสที่จะได้เอามาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งหนูก็จะได้เป็นนางเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้ มันเลยทำให้เราคุยกันจนดึกดื่นขนาดนี้”
เฮ้อ!
ซาร่ารู้สึกโล่ง เพราะทั้งสองแค่นั่งคุยกันที่สวนหลังบ้าน
จากนั้นเธอก็คิดถึงอะไรบางอย่างและตื่นเต้นอีกครั้ง “ไอชา ลูกบอกว่าคุณฮาร์ดี้จะลงทุนในภาพยนตร์เพิ่มและลูกได้เป็นนางเอกใช่หรือเปล่า?”
เทย์เลอร์ส่ายหน้า
“เราเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นและไม่ได้พูดถึงการลงทุนในการถ่ายทำ แม่ก็รู้ว่าการลงทุนกับภาพยนตร์มันไม่ง่ายขนาดนั้น ” เทย์เลอร์กล่าว
“โอ้ แม่รู้ ดังนั้นในอนาคตลูกต้องเข้าหาคุณฮาร์ดี้เพื่อพบปะพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เยอะๆ บางทีเขาอาจจะทำก็ได้ ใช่ไหม?” คุณนายซาร่ากระตุ้นลูกสาวของเธอว่าให้ออกไปกับฮาร์ดี้ได้เลย
ทว่าเมื่อนึกถึงคำสอนของคุณฮาร์ดี้ที่สอนเธอในตอนกลางคืน…
เทย์เลอร์ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยจากนั้นก็พยักหน้า
“ได้ค่ะ”