อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 123 ล่อลวง

ตอนที่ 123 ล่อลวง

ฮาร์ดี้พาไทเลอร์กลับไปที่โรงแรมและถูกหยุดโดยผู้จัดการล็อบบี้ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในล็อบบี้ “คุณฮาร์ดี้ครับ มีคนฝากข้อความถึงคุณ”

“โอ้ ใครเหรอ?”

ฮาร์ดี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่มีคนตามหาเขา หรือว่าจะเป็นคุณนายลอเดอร์?

“คุณจอห์นนี่ฟอนเทนครับ” ผู้จัดการพูดด้วยความเคารพ

จอห์นนี่ ฟอนเทน?

จอห์นนี่รู้ได้ยังไงว่าเขามานิวยอร์ค

มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้หรอกใช่ไหม? 

ที่เขาคิดก็น่าจะเป็นคุณนายลอเดอร์ที่หาข้อมูลเกี่ยวกับเขา และก็ไปถามจูดี้การ์แลนด์ 

จูดี้การ์แลนด์ก็น่าจะบอกข้อมูลของเขาให้จอห์นนี่ฟอนเทน

เดิมทีฮาร์ดี้ต้องการมาที่นิวยอร์คแค่ 2 วัน เพื่อที่จะเล่นกับเทย์เลอร์ 

เขาไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนคนอื่นแต่บังเอิญคนในนิวยอร์กกลับรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

ฮาร์ดี้โทรกลับไปหาเขาและเสียงของฟอนเทนก็ดังออกมาด้วยความตื่นเต้น และมีความเคารพเล็กน้อยในน้ำเสียง “คุณฮาร์ดี้ ผมรู้สึกแปลกใจจริงๆ ที่คุณมานิวยอร์กและผมก็เพิ่งไปที่โรงแรมมาทางโรงแรมบอกว่าคุณออกไปข้างนอก ผมเลยฝากข้อความไว้”

“จูดี้การ์แลนด์กับผมจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ ในวิลล่า พวกเราเลยอยากเชิญคุณมาร่วมงาน และหวังว่าคุณจะมาด้วย “

ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่งพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ตกลง และผมสามารถพาใครบางคนไปที่นั่นได้หรือไม่?”

“แน่นอน! ไม่เป็นไรเลย อีกสักพักผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้แหละ” จอห์นนี่ฟอนเทนกล่าวด้วยความดีใจ

……

ในบ้านของคุณนายลอเดอร์

สามีและภรรยากำลังคุยเรื่องการซื้อกิจการของฮาร์ดี้อยู่

“โจเซฟคุณคิดว่าเราต้องเห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณฮาร์ดี้ไหม? แล้วเราจะสูญเสียเอสเตลอเดอร์หรือเปล่า? คุณนายลอเดอร์ถามอย่างเป็นกังวล

“ฟังจากน้ำเสียงของคุณแล้ว คุณรู้สึกกังวลใช่ไหม?” สามีถามเธอ

คุณนายลอเดอร์ก้มหน้าลงด้วยความทุกข์ใจ “คุณฮาร์ดี้เป็นมหาเศรษฐี ถ้าเขาลงทุนในธุรกิจของเรา ฉันเชื่อว่าบริษัทจะก้าวกระโดดอย่างมากในเวลาอันสั้น แต่ถ้าอาศัยการสะสมเล็กๆ น้อยๆ ของเรา ฉันก็เกรงว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะดีขึ้น”

“ลองคิดถึงประสบการณ์ของเราในการเข้าสู่ห้างฟิฟธ์อเวนิวในปีนี้สิ เราต้องใช้เส้นสายและจ่ายเงินให้พวกเขามากมายเพื่อที่เราจะได้บูทขายของ ถ้าเราต้องการโปรโมท Estee Lauder หรือทำให้มันเป็นแบรนด์ระดับโลกมันก็จะเป็นเรื่องที่ยากแต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้”

โจเซฟถอนหายใจเล็กน้อย เพื่อที่จะเปิดหน้าร้านในปีนี้ ทั้งคู่ทำงานอย่างหนักมากและก็ประสบความสำเร็จในที่สุด

“แล้วคุณคิดจะยอมขายหุ้นกี่เปอร์เซนต์ล่ะ? เพราะถ้าอีกฝ่ายต้องการลงทุนผมเกรงว่าหุ้นส่วนใหญ่จะต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน” โจเซฟกล่าว

คุณนายลอเดอร์ลังเลอีกครั้ง

เธอนั้นอยากให้เอสเตลอเดอร์เติบโตอย่างรวดเร็วก็จริง แต่เธอก็กลัวที่จะสูญเสียมันไปเหมือนกันหลังจากที่เติบโตแล้ว 

ซึ่งเธอก็ต้องกังวลกับการขาดทุนอีก

“คุณคิดยังไงกับ 30%?” คุณนายลอเดอร์ถามอย่างไม่มั่นใจ

สามีของเธอส่ายหัว

คุณนายลอเดอร์รู้ว่าเธอให้น้อยเกินไป ท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มที่ร่ำรวยเช่นนี้ย่อมดูถูกส่วนแบ่งนี้อย่างแน่นอน

“60 เปอร์เซ็นต์นี่คือขั้นต่ำของฉัน และฉันก็ต้องการอำนาจการตัดสินใจด้วย” คุณนายลอเดอร์กัดฟัน

โจเซฟคิดสักพัก “เราน่าจะไปคุยกับคุณฮาร์ดี้ และดูว่าเขาต้องการอะไรก่อนที่เราจะตัดสินใจดีไหม?”

คุณนายลอเดอร์จึงตัดสินใจที่จะไปพบฮาร์ดี้ทันที

แต่เมื่อพวกเขาขับรถไปที่โรงแรมเซนต์รีจิส

พวกเขาเห็นฮาร์ดี้เดินออกจากโรงแรมพร้อมกับเทย์เลอร์ 

ทั้งสองคนทักทายกันด้วยสายตา

“คุณฮาร์ดี้จำฉันได้ไหมค่ะ?” คุณนายลอเดอร์ถามด้วยรอยยิ้ม

“อ่า แน่นอน แต่ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณลอเดอร์จะมาเร็วขนาดนี้ ผมกำลังจะออกไปงานปาร์ตี้กับพวกเขาอยู่พอดี” หลังจากพูดจบฮาร์ดี้ก็ชี้ไปที่จอห์นนี่ฟอนเทนและจูดี้การ์แลนด์ที่อยู่ข้างๆ เขา

หลังจากคุณนายลอเดอร์เห็นพวกเขาทั้งสองคน เธอก็ชะงักไปแปปหนึ่งเพราะจอห์นนี่ ฟอนเทนและจูดี้ การ์แลนด์ 

ทั้งสองเป็นดาราที่โด่งดังในขณะนี้ เธอจึงไม่สงสัยในตัวตนของฮาร์ดี้อีก

“ฉันขอโทษที่รบกวนคุณนะคะ” คุณนายลอเดอร์ถอยไปสองก้าวเพื่อหลีกทางให้

คุณนายลอร์เดอร์คนปัจจุบันไม่ได้เป็นหัวหน้าของแบรนด์ระดับนานาชาติ แต่เป็นเพียงเจ้าของบริษัทขนาดเล็กที่ผลิตเครื่องสำอางออกมาขายเท่านั้น

ฮาร์ดี้มองไปที่ลอเดอร์และสามีของเธอพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณคิดยังไงถ้าเราจะไปงานปาร์ตี้ด้วยกัน?”

“โอ้…”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา คุณนายลอเดอร์ก็ประหลาดใจมาก เธอไม่เคยเข้าร่วมงานปาร์ตี้ของดาราเหล่านี้มาก่อน 

เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก

“มันจะดีเหรอค่ะ?”  คุณนายลอเดอร์กล่าวอย่างเสแสร้ง

ในตอนนี้จอห์นนี่ฟอนเทนจึงได้เชิญทั้งสองคนมาร่วมงานด้วย เพราะฮาร์ดี้เป็นแขกผู้มีเกียรติในงานปาร์ตี้และบุคคลที่ฮาร์ดี้เชิญมา จอห์นนี่ก็ต้องการเชิญพวกเขาไปด้วยเป็นเรื่องปกติ

กลุ่มของพวกเขาขับรถไปที่วิลล่าของจอห์นนี่

ในวิลล่าเล็กๆ ของจอห์นนี่มีคนอยู่แล้ว 20 หรือ 30 คน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดก็เป็นดารานักแสดงในวงการเดียวกัน 

เมื่อฮาร์ดี้พาเทย์เลอร์เข้าไปในวิลล่า คนเหล่าก็นี้ยืนขึ้นและปรบมือให้เขา

….

งานเลี้ยงเริ่มต้นได้อย่างมีชีวิตชีวามาก ทุกคนพูดคุย หัวเราะ ดื่มและก็คุยกัน 

และแน่นอนทุกคนในวงการบันเทิงมีความคิดเดียวกันอยู่แล้ว 

ซึ่งฮาร์ดี้นั้นเป็นเจ้าของของบริษัทภาพยนตร์ พวกเขาต้องชอบฮาร์ดี้มาก ถ้าพวกเขามีโอกาสพวกเขาจะรีบออกมาคุยกับฮาร์ดี้สักหนึ่งหรือสองประโยคทันที

คุณนายลอเดอร์นั่งอยู่ที่มุนหนึ่งกับสามีของเธอ พร้อมกับมองไปที่คุณฮาร์ดี้ที่เป็นเหมือนดวงดาวและดาราดังคนหนึ่ง 

คุณนายลอเดอร์มองดูดาราดังคนอื่นๆ อีกครั้ง 

ซึ่งเธอก็สงสัยว่าเธอจะสามารถขึ้นไปทำความรู้จักกับพวกเขาได้หรือไม่ เพื่อที่จะขยายเส้นสายของเธอและวางรากฐานสำหรับอนาคต

ในเวลาเดียวกันฮาร์ดี้ก็เดินเข้ามา

“ขออภัย ผมรู้ว่าคุณไม่คุ้นเคยกับพวกเขา แต่ก็ยังพาคุณมาด้วย” ฮาร์ดี้กล่าว

“อ่า…ไม่ ไม่ มันเป็นเกียรติของเราที่ได้มีส่วนร่วมในงานเลี้ยงแบบนี้” คุณนายลอเดอร์พูดอย่างรวดเร็ว

ฮาร์ดี้นั่งลงและกล่าวว่า “คุณลอเดอร์คิดเกี่ยวกับขอเสนอของผมในวันนี้แล้วหรือยัง? คุณสนใจที่จะขายหุ้นให้ผมแล้วใช่ไหม?”

“ฉันไม่รู้ว่าคุณฮาร์ดี้จะซื้อหุ้นของฉันแบบไหนเหรอค่ะ?” คุณนายลอเดอร์ถาม

“ฮ่าๆ ผมแค่จะลงทุนในหุ้นบางส่วนของเอสเตลอเดอร์ แต่การดำเนินงานต่างๆ จะยังเป็นของคุณ” ฮาร์ดี้กล่าว

ได้ยินสิ่งที่ฮาร์ดี้พูดคุณนายลอเดอร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการที่จะกลืนกินมันอย่างสมบูรณ์ 

ซึ่งส่วนที่เหลือก็คงจะเป็นจำนวนหุ้นที่เขาต้องการ

ฮาร์ดี้นั้นมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเอสเตลอเดอร์ 

ซึ่งอันที่จริงคุณนายลอเดอร์ก็มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเขาเหมือนกัน 

เพราะมันมีแบรนด์เครื่องสำอางมากมาย ทำไมในท้ายที่สุดมีเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จ? 

ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายของเขา มันคือความแตกต่างของการดำเนินธุรกิจ

นิตยสารไทม์เคยประเมิน 20 พ่อมดนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษที่ 20 

ในหมู่พวกเขามีเอสเตลอเดอร์ และคุณลอเดอร์เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวใน 20 คนนี้

จากธุรกิจขนาดเล็กที่มีมูลค่าหลายหมื่นดอลลาร์ เติบโตไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ 

ไม่รู้ว่าเธอต้องประสบปัญอะไรมาบ้าง แต่สุดท้ายความสำเร็จของเธอก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงความสามารถของเธอออกมา

“แล้วคุณฮาร์ดี้ตั้งใจจะซื้อจากทางเรากี่เปอร์เซนต์ของหุ้นหรือครับ?” โจเซฟถาม

“ผมหวังว่าจะได้สัก 80% ส่วนการดำเนินงานก็เป็นสิทธิของคุณไป และแน่นอนว่าเราจะทำสัญญากันให้แน่ใจว่าไม่มีใครเสียเปรียบ ตราบใดที่มันไม่ใช่เหตุการณ์สำคัญที่เป็นอันตรายต่อการอยู่รอดของบริษัท ทั้งสองจะต้องรับผิดชอบงานทุกอย่างในบริษัท” ฮาร์ดี้กล่าว

ได้ยินที่ 80% หัวใจของทั้งสองก็วูบหายไป พวกเขาทั้งสองก็คิดไว้แล้วเหมือนกันซึ่งเขาก็ทำอย่างที่คิดจริงๆ

“มันเป็นจำนวนที่มากเกินไป ฉันเกรงว่าจะยอมรับมันไม่ได้!” คุณนายลอเดอร์กล่าว

ฮาร์ดี้ยิ้มและหยุดพูดเกี่ยวกับหุ้น แต่เปลี่ยนเรื่องพูดแทน “ผมอยากได้ยินว่าคุณจะดำเนินงานต่อบริษัทคุณต่อไปอย่างไร?”

นางลอเดอร์เหลือบมองสามีของเธอและกล่าวว่า “ตอนนี้เรามีผลิตภัณฑ์หลักสี่อย่าง ได้แก่ คลีนซิ่งออยล์ ครีม โลชั่น และเอสเซ้นส์ที่ให้ความชุ่มชื้นแบบเต็มที่ เราวางแผนที่จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทั้งสี่นี้อย่างแข็งขันและโฆษณาในหนังสือพิมพ์เพื่อเพิ่มการมองเห็นของผลิตภัณฑ์” “

“และเมื่อฉันมีเงินทุน ฉันก็วางแผนที่จะเปิดเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ในแต่ละเมือง หลังจากยอดขายเพิ่มขึ้นฉันจะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขยายหมวดสินค้าและขยายกำลังการผลิตต่อไป”

“เมื่อมีเงินทุนเหลือเพียงพอในช่วงเวลานั้นๆ ฉันก็จะจ้างดาราดังเพื่อให้โฆษณาสินค้าของเอสเตลอเดอร์ และอุดมคติของฉันก็คือการทำให้เอสเตลอเดอร์เป็นแบรนด์ใหญ่ระดับนานาชาติอย่างลอรีอัล”

ฮาร์ดี้พยักหน้าเป็นครั้งคราวขณะที่ฟังคำอธิบายของคุณนายลอเดอร์

“คุณคิดว่าต้องการดำเนินงานเหล่านี้ด้วยตัวเองถึงเมื่อไหร่? คุณถึงจะทำแนวคิดเหล่านี้ให้สมบูรณ์ได้” ฮาร์ดี้ถามอีกครั้ง

คุณนายลอเดอร์เงียบไป

“เรื่องนี้ฉันก็เกรงว่าจะใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน” คุณนายลอเดอร์กล่าว

ฮาร์ดี้ยิ้ม

“คุณนายลอเดอร์ คุณอยากฟังเรื่องแผนของผมสำหรับเอสเตลอเดอร์ไหม?”

“แน่นอน!” คุณนายลอเดอร์มีกำลังใจขึ้นมาทันที

“วิธีการทางธุรกิจที่คุณเพิ่งพูดไปนั้นก็เป็นทิศทางที่ถูกต้องอยู่แล้ว น่าเสียดายที่มันอาจจะเติบโตได้ช้าเกินไป แล้วทำไมมันถึงช้า? เหตุผลก็คือเส้นสาย การเงิน ธุรกิจพื้นฐานของคุณไม่เพียงพอ คุณจะสามารถพัฒนามันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากคุณต้องการพัฒนาอย่างรวดเร็วคุณต้องมีเงินให้มากกว่านี้”

“ถึงคุณลอเดอร์จะช่วยลูกค้าแต่งหน้าในห้าง การบริการแบบนี้แน่น่อนว่าจะหาลูกค้าให้คุณได้จริงๆ แต่ผมจะเก็บสิ่งนี้ไว้ทำในอนาคต ในอนาคตผมจะเปิดเคาน์เตอร์ในที่ต่างๆ แต่ละเคาน์เตอร์ที่ห้างจะมีช่างแต่งหน้า 1 หรือ 2 คน”

“คุณยังสามารถทำตัวเดโมขึ้นมา เพื่อที่จะมอบให้กับพวกเธอที่เข้ามาใช้บริการสักหนึ่งหรือสองชุดในการนำไปใช้ก่อน และลูกค้าเหล่านี้ที่รับตัวเดโมไป หลังจากกลับบ้านพวกเธอก็จะลองใช้เป็นเรื่องปกติ ถ้าผลลัพธ์มันออกมาดีก็อาจจะพัฒนาเป็นลูกค้าของเราได้”

ตกใจ!

ความคิดนี้ทำให้คุณนายลอเดอร์ตกใจ

เธอมั่นใจว่านี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ

ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบสินค้าขนาดเล็กและราคาถูก หรือเป็นสินค้าทดลองแก่ผู้หญิง 

พวกเธอจะกลับไปใช้มันอย่างแน่นอนและบางทีพวกเธอก็อาจจะกลายเป็นลูกค้าของเอสเตลอเดอร์

“แนวคิดของคุณลอเดอร์เกี่ยวกับการโฆษณาเพื่อเพิ่มมูลค่าของแบรนด์นั้นถูกต้องอยู่แล้ว ผู้คนจะต้องมีการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์สินค้าของเรา ความคิดของผมก็คือการโฆษณาขนาดใหญ่ในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร แม้กระทั่งทีวี หรือภาพยนตร์เพื่อเพิ่มการรับรู้ของผู้คนต่อแบรนด์เอสเตลอเดอร์”

“หนังสือพิมพ์ควรจะเลือกหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่เช่นนิวยอร์กไทมส์ สำหรับนิตยสารผมสามารถใส่เข้าไปในเพลย์บอยได้ เพราะยังไงความสวย ความงาม และเครื่องสำอางจะเติมเต็มกันและกันเสมอ ซึ่งโฆษณาทางโทรทัศน์ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ ผมสามารถเอาภาพยนตร์มาแทรกโฆษณาเข้าไปได้เช่นนางเอก ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเอสเตลอเดอร์เมื่อทาเมคอัพ “

“หรือคุณจะมีโฆษณาของคุณในอนาคตก็ทำได้เช่น ‘ตอนเช้ากับเอสเตลอเดอร์’ หรือ เอสเตลอร์กับนางฟ้าอะไรทำนองนั้น”

คุณนายลอเดอร์กลืนน้ำลายอย่างแรง

การสร้างภาพยนตร์ด้วยแบรนด์ ข้อเสนอนี้ทำให้ลอเดอร์ตกใจอย่างมาก

หากคิดตามการประชาสัมพันธ์ที่คุณฮาร์ดี้กล่าวจริงๆ เอสเตลอเดอร์จะกลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในเวลาอันสั้น

แต่เมื่อคุณคิดเกี่ยวกับมัน คุณจะรู้ว่าด้วยการลงทุนด้านโฆษณาดังกล่าวค่าใช้จ่ายในการโฆษณาจะเป็นตัวเลขที่สูงมาก

ก่อนหน้านี้เธอเคยถามเกี่ยวกับการโฆษณาในหนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์มีราคาหลายพันดอลลาร์ต่อปี หนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์กไทมส์มีราคาหลายหมื่นดอลลาร์ต่อปี 

นี่ก็คือเหตุผลที่เอสเตลอเดอร์ไม่ได้โฆษณาจนถึงตอนนี้ 

ดังนั้นสำนักพิมพ์แท็บลอยด์จึงไม่มีประโยชน์และหนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ ก็มีราคาแพงเกินไป 

ฮาร์ดี้ยังคงหลอกล่อต่อไป

“คุณลอเดอร์พูดถูกที่จะขอให้คนดังหรือดาราเหล่านี้ช่วยโฆษณา ซึ่งมันเป็นแนวคิดที่ถูกต้อง เพราะการโฆษณาโดยดาราเหล่านี้คือเครื่องมือโฆษณาที่ดีที่สุด คุณนายลอเดอร์ลองมองดูคนดังเหล่านี้ในงานเลี้ยงสิ ดูว่าพวกเขาจะนำชื่อเสียงมาสู่เอสเตลอเดอร์มากแค่ไหน “

“เอวา การ์ดเนอร์เป็นศิลปินภายใต้ร่มธงของผม และตอนนี้เธอก็อยู่ในความสนใจของผู้คน ดังนั้นเธอจึงสามารถเป็นโฆษกพิเศษของเอสเตลอเดอร์ได้”

“ในอนาคตตราบใดที่ดาราดัง เราจะเชิญคนไหนก็ได้”

ลอเดอร์พูดในใจของเธอว่า ฉันรู้ดีว่าเราจะเชิญใครก็ได้แต่ค่าตัวของดาราดังเหล่านั้นก็น่าจะเป็นตัวเลขที่สูงมากแน่ๆ

“ตุ๊กตาบาร์บี้ได้เปิดตัวที่เคาน์เตอร์ในเมืองใหญ่ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ผมจำได้ว่ามีร้านค้าทั้งหมด 78 ร้าน ถ้าเอสเตลอเดอร์ต้องการที่จะเปิดเคาน์เตอร์ทั้งหมดในเมืองเหล่านี้ จำนวนเงินที่ต้องใช้อาจจะไม่น้อยกว่าสี่หรือห้าล้านดอลลาร์สหรัฐ”

กลับมาเรื่องเงินอีกแล้ว

ถ้าฉันมีเงินฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน!

คุณนายลอเดอร์แอบบ่นเล็กน้อยในใจ

โชคร้ายที่เธอขาดเงิน

“หลังจากแบรนด์เอสเตลอเดอร์โด่งดัง มันก็จะเริ่มออกสู่ตลาดโลกและครองตลาดยุโรป สิ่งที่คุณพูดที่จะทำให้เอสเตลอเดอร์เทียบได้กับลอรีอัลมันก็จะเป็นจริง”

ก่อนหน้านี้ลอเดอร์จะมองว่านี่เป็นแค่คำกล่าวของเขา แต่ตอนนี้เธอรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะบรรลุเป้าหมายนี้

“เมื่อยอดขายเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะสร้างโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ทันสมัยหรือขนาดใหญ่ขึ้นและมีห้องปฏิบัติการสำหรับเครื่องสำอาง ความคิดของผมคือเอสเตลอเดอร์จะต้องผลิตเครื่องสำอางทุกชนิดที่ผู้หญิงสามารถใช้ได้”

“ครีมแบบน้ำ ครีมทาหน้า ครีมทาตา ลิปสติก น้ำหอม อายแชโดว์ รองพื้น กล่องแต่งหน้า อายไลเนอร์ น้ำมันหอมระเหย และอีกหลายร้อยชนิด”

“แค่นี้ยังไม่พอ เราต้องเข้าซื้อและควบรวมแบรนด์เครื่องสำอางอื่นๆ เพื่อเพิ่มเครือข่ายของแบรนด์ อาจจะเป็นแบรนด์ชั้นสอง และแบรนด์ชั้นนำที่แตกต่างกันออกไป เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายเหล่านี้”

คุณนายลอเดอร์กลืนน้ำลายอีกครั้ง

ตามที่คุณฮาร์ดี้พูดบริษัทของเธออาจจะต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลยิ่งกว่าเดิม เพราะเอสเตลอเดอร์ยังเป็นบริษัทขนาดเล็กจึงไม่สามารถใช้เงินได้ถึงขนาดนั้น

ฮาร์ดี้รู้สึกว่าคุณนายลอเดอร์กำลังสับสนเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาพูด เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณลอเดอร์พูดตามตรงนะ ผมจะไม่เลือกเอสเตลอเดอร์ก็ได้ ถ้าผมไม่ได้เลือกเอสเตลอเดอร์ ผมก็แค่หาบริษัทเครื่องสำอางที่อื่นและทำการขยายบริษัทนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อครองตลาดและกลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง” // เลว 

หลังจากพูดจบเขาก็มองไปที่คุณนายลอเดอร์

คุณนายลอเดอร์ดูตื่นตระหนกเล็กน้อย เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและรู้ดีว่าวิธีการที่ฮาร์ดี้กำลังพูดถึงนั้นเขาสามารถทำได้จริงๆ

มันเป็นแผนการพัฒนาที่สมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เธอได้ยินมาจนถึงขณะนี้

มันสามารถนำไปใช้ได้กับหลายบริษัท

มันจะทำให้ธุรกิจใดๆ ก็ประสบความสำเร็จได้

แล้วเอสเตลอเดอร์มีอะไรบ้าง?

มีเพียงสี่ผลิตภัณฑ์ที่เธอได้ค้นคว้าด้วยตัวเอง และเธอก็รู้สึกว่าตอนนี้มันยังไม่เพียงพอที่จะใช้แค่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เพราะบริษัทเครื่องสำอางใดๆ ก็สามารถค้นคว้ามันขึ้นมาได้

คุณนายลอเดอร์กัดฟัน

“คุณฮาร์ดี้เรายินดีที่จะขายหุ้นให้คุณที่ 75%”

ตามที่เขาคาดไว้คุณนายลอเดอร์เธอช่างเป็นคนที่ใจเด็ดจริงๆ เมื่อเธอพบโอกาสหรือวิกฤตเธอจะตัดสินใจอย่างรวดเร็วทันที

ฮาร์ดี้ยิ้ม

ในความเป็นจริงที่เขาขอหุ้นไป 80% เขาแค่กำลังรอให้คุณนายลอเดอร์ยื่นข้อเสนอเท่านั้น… 

เพราะหากหุ้นที่เขาได้รับน้อยเกินไปและเจ้าของหุ้นมีแรงจูงใจไม่เพียงพอ เงินลงทุนก็จะถูกใช้จ่ายไปเปล่าๆ

จุดต่ำสุดของเขาคือที่ 60% 

เขาไม่ได้คาดหวังที่จะได้ขนาดนี้ แต่ก็ยินดีที่จะรับมันไว้

“เยี่ยม! ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราจะมาประชุมเกี่ยวกับเงินทุนและการโฆษณาในที่ต่างๆ พร้อมกับที่เราจะลงนามในข้อตกลงด้วย ตอนนี้ผมจะพาคุณไปพบกับดาราเหล่านี้ในนิวยอร์ก เพราะบางทีเราอาจจะใช้พวกเขาได้ในอนาคต” ฮาร์ดี้กล่าว

คุณนายลอเดอร์มีความสุขมาก

เธอลุกขึ้นยืนทันทีและเดินตามหลังเขา

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอยินดีที่จะเข้าร่วมกับนายฮาร์ดี้เพราะนายฮาร์ดี้ไม่เพียงแต่มีเงิน 

แต่ยังมีทรัพยากรและเครือข่ายขนาดใหญ่สำหรับเธอด้วย

เธอไม่รู้จักดาราคนไหนเลย และคนเหล่านี้จะพูดด้วยความเคารพต่อหน้าฮาร์ดี้เท่านั้น

ตอนนี้เธอกลายเป็นคู่หูของนายฮาร์ดี้ มันจึงทำให้ตัวตนของเธอก็กระโดดไปสู่ระดับใหม่ทันที

Leave a Comment

ไม่ดี!