อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 124 ฉันคือจักรพรรดิในการหาเงิน!

ตอนที่ 124 ฉันคือจักรพรรดิในการหาเงิน!

ในช่วงสุดท้ายของงานปาร์ตี้

จอห์นนี่ขับรถส่วนตัวของเขาพาฮาร์ดี้และเทย์เลอร์กลับไปโรงแรมของแต่ละคน ซึ่งเทย์เลอร์ก็ไม่เต็มใจที่จะบอกลาฮาร์ดี้ 

ทันทีที่ฮาร์ดี้กลับไปที่ห้องโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที เขาหยิบมันขึ้นมารับสายและก็รู้ว่าไมค์โทรมา

“ฉันเพิ่งรู้ว่านายมาที่นิวยอร์ค ทำไมนายไม่โทรหาฉันหรือว่าจะไม่สนใจงานของนายแล้ว?” ไมค์หยอกฮาร์ดี้

“ฉันเคยสัญญากับเทย์เลอร์ไว้ว่าฉันจะมาหาเธอ ฉันเลยจะไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก และวางแผนที่จะกลับไปในวันพรุ่งนี้” ฮาร์ดี้อธิบายด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมนายถึงรีบกลับนักล่ะ?” ไมค์ถาม

“มีบางสิ่งบางอย่างที่ฉันต้องทำ ฉันเลยมีเวลาแค่สองวัน” ฮาร์ดี้กล่าว

“ถ้าอย่างนั้นนายมีเวลาพอที่จะเจอกันไหม? ตาเฒ่าชวนไปกินข้าวที่บ้าน” ไมค์กล่าว

เมื่อได้ยินว่าเจ้าพ่อมาเฟียชวน ฮาร์ดี้ก็ไม่กล้าปฏิเสธ “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะไปหาคุณวีโต้ ในพรุ่งนี้ตอนบ่าย”

……

วันต่อมา

สามีและคุณนายลอเดอร์มาถึงก่อนเวลา 

พวกเขาทั้งสามพูดคุยเกี่ยวกับข้อตกลงในห้องพักโรงแรม

ซึ่งฮาร์ดี้จะลงทุนที่ 750,000 ดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้น 75% ของเอสเตลอเดอร์ ส่วนพวกเขาทั้งสองจะเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานต่อไป

พร้อมกับที่บริษัทจะจ้างเอวา การ์ดเนอร์เป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัท และค่าใช้จ่ายในการจ้างคือ 200,000 ดอลลาร์ต่อปี 

แต่บริษัทไม่มีเงินเลยต้องติดหนี้เธอไว้ก่อน

และเอสเตลอเดอร์ก็ได้ลงโฆษณาในนิตยสาร ‘เพลย์บอย’ อีก

ซึ่งมันก็ถือเป็นการก้าวกระโดดของสถานะแบรนด์ไปสู่ระดับไฮเอนด์อย่างแท้จริง 

ส่วนค่าธรรมเนียมการโฆษณาต่อปีคือ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะต้องจ่ายในส่วนนี้ก่อน

ฮาร์ดี้จะยังช่วยให้พวกเขาตั้งบูทในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งจะเป็นที่ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์จำนวน 20 บูท และเป็นห้างที่อยู่ในเมืองหลักของสหรัฐอเมริกาก่อน

ในภาพยนตร์เรื่องต่อไปที่เขาจะผลิตจะมีโฆษณาของเอสเตลอเดอร์อยู่ด้วย ในความคิดของฮาร์ดี้คือในภาพยนต์เรื่อง ‘วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก (Ghost)’  ของขวัญจากพระเอกที่จะให้กับนางเอกจะต้องเป็นเอสเตลอเดอร์ 

ส่วนค่าใช้จ่ายในการโฆษณาครั้งนี้คือ 50,000 ดอลลาร์ แน่นอนว่ายังคงเป็นหนี้ก่อน

เงินที่ลงทุนส่วนที่เหลือจะถูกนำไปใช้ในการขยายการผลิตการดำเนินงานของบริษัทและการลงทุนในการทดลองวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

ทั้งสองฝ่ายรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากและได้รับทนายความที่จะลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จึงทำให้ฮาร์ดี้ได้เป็นเจ้าของ 75% ของ เอสเตลอเดอร์ตั้งแต่นั้นมา

คู่สามีภรรยาถือหุ้นที่ 25 % และยังมีสิทธิในการดำเนินงานต่อบริษัทเพื่อให้ลอเดอร์เติบโตขึ้นไปอีก พวกเขาออกจากห้องฮาร์ดี้อย่างมีความสุข และเตรียมพร้อมกับงานที่จะต้องทำต่อไป

หลังจากสี่โมงเย็นไมค์ก็ขับรถไปที่โรงแรมเพื่อไปรับฮาร์ดี้

ทั้งสองคุยกันเรื่องบริษัทโทรทัศน์ในรถ ตอนนี้ยอดขายของโรงงานที่แรกยังถือว่าทำได้ดี การใช้กลยุทธ์การขายแบบผ่อนชำระช่วยให้โรงงานโทรทัศน์ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับยอดขายอีกต่อไปและอัตรากำไรก็สูงขึ้นด้วย

สำหรับโรงงานใหม่ทั้งสองแห่งในนิวยอร์กและลอสแอนเจลิสอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าน่ายังจะไม่เสร็จจนถึงเดือนตุลาคมปีหน้า

….

รถได้ไปจอดที่คฤหาสน์คอร์เลโอเน ซึ่งฮาร์ดี้ก็มาที่นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว

เจ้าพ่อมาเฟียยืนอยู่ที่ลานบ้านและเห็นฮาร์ดี้เดินเข้ามา เขาก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความยินดี 

ฮาร์ดี้เดินไปทักทายเจ้าพ่อมาเฟียด้วยความเคารพ 

เจ้าพ่อมาเฟียกอดเขาและตีหลังเขาเบาๆ

หลังจากเหตุการณ์ไม่กี่ครั้งเหล่านี้เจ้าพ่อมาเฟียก็พอใจกับฮาร์ดี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาเป็นคนฉลาด เด็ดเดี่ยว รู้วิธีตอบแทนผู้อื่น

ครั้งล่าสุดที่มีการโปรโมทหนังเรื่อง ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ก็มีเอวาที่ถูกรังแก เขาจึงได้ส่งคนไปเตือนอีกฝ่าย พร้อมกับให้ฟอนเทนไปช่วยโปรโมท หลังจากนั้นไม่นานฮาร์ดี้จัดภาพยนตร์ให้จอห์นนี่ฟอนเทนเป็นนักแสดงนำ 

มันจึงแสดงให้เห็นว่าฮาร์ดี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักและรู้วิธีที่จะขอบคุณ

อาหารเย็นมื้อนี้นั้นเรียบง่ายมาก มันดูเหมือนเป็นแค่มื้อค่ำของครอบครัวตามปกติ 

หลังอาหารเย็นมีคนไม่กี่คนไปที่สวนหลังบ้านเพื่อสูบซิการ์ และทันใดนั้นเจ้าพ่อมาเฟียก็ถามว่า “เธอได้ไปงานเปิดคาสิโนของซีเกลมาหรือไม่?”

“ผมไปมาแล้วครับ ไปล่วงหน้าก่อน 1 วัน” ฮาร์ดี้กล่าว

เจ้าพ่อมาเฟียเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าในช่วงสองวันที่เปิดคาสิโนก็พบปัญหาทีละอย่างใช่ไหม? และทุกวันนี้ก็มีนักพนันน้อยมากและเสียเงินทุกวัน”

“มันเป็นเช่นนั้น”

เจ้าพ่อมาเฟียถอนหายใจ “ซีเกลฉลาดมากแต่บางครั้งเขาก็หยิ่งผยองและดื้อรั้นเกินไป เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้ว แต่มันจะเป็นอันตรายต่อเขาถ้าเขายังคงทำเช่นนั้นในระยะยาว”

ฮาร์ดี้ออกไปหลังสามทุ่มและไมค์ก็ส่งเขากลับไปที่โรงแรม

“นายจะกลับพรุ่งนี้เหรอ?” ไมค์ถาม

“ฉันไม่มีอะไรที่นี่แล้ว ตั๋วก็ถูกจองเรียบร้อยและเครื่องบินจะขึ้นพรุ่งนี้ตอนบ่าย” ฮาร์ดี้กล่าว

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่ไปส่งนาย และอย่าลืมโทรหาฉันถ้ามีปัญหาอะไร”

ทั้งสองยิ้มให้กัน

ยังคงมีเวลาอยู่ในวันรุ่งขึ้น ฮาร์ดี้จึงไปที่ทีมถ่ายทำพร้อมกับเทย์เลอร์ ซึ่งเจ้าตัวน้อยรู้ว่าฮาร์ดี้จะกลับไปในวันนี้ 

เธอเลยรู้สึกเศร้ามากเป็นพิเศษ

ฮาร์ดี้ตบหน้าเธอเบาๆ “ไม่ต้องห่วง พวกเขาประเมินกันแล้วว่าเธอจะได้กลับไปที่ลอสแอนเจลิสในอีก 20 วัน เพราะผู้กำกับฮิตช์ค็อกบอกว่าการถ่ายทำใกล้เสร็จแล้ว”

เทย์เลอร์มองไปที่ฮาร์ดี้และพูดว่า “คุณฮาร์ดี้ปีนี้หนูอายุ 15 แล้วนะคะ”

ฮาร์ดี้ชะงักไปแบบหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าเธอหมายความว่ายังไง

“หนูจะโตเป็นผู้ใหญ่ในอีกสามปี”

”แล้วยังไงต่อ?”

เทย์เลอร์กัดฟันของเธอและพูดขึ้นด้วยความกล้าว่า “หนูหวังว่าคุณฮาร์ดี้จะไม่ได้แต่งงานภายในสามปีนี้นะคะ ตกลงไหม?”

ในที่สุดฮาร์ดี้ก็เข้าใจความหมายของเจ้าตัวน้อย

“ฮ่าๆ ไม่ต้องกังวล อย่าพูดแค่สามปีเลย ในชีวิตนี้ฉันอาจจะไม่แต่งงานเลยก็ได้” ฮาร์ดี้ยิ้ม

// เหมา เหมา 

“ทำไมล่ะค่ะ?” เทย์เลอร์ถามด้วยความประหลาดใจ

ฮาร์ดี้ลูบหัวเทย์เลอร์เบาๆ “เพราะฉันไม่ชอบการผูกมัดกับใคร และก็คิดว่าชีวิตของฉันอาจจะมีแฟนหลายคนถึงจะมีแต่ก็จะไม่แต่งงานหรอก”

เทย์เลอร์รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของฮาร์ดี้

เดิมทีเธอคิดว่าเมื่อโตขึ้นเธอสามารถแต่งงานกับคุณฮาร์ดี้ได้ 

แต่คุณฮาร์ดี้กลับกลายเป็นว่าจะไม่แต่งงาน

ทันใดนั้นเธอก็ตัดสินใจอีกครั้ง

เธอเงยหน้าขึ้นและพูดกับฮาร์ดี้ “คุณฮาร์ดี้ คุณจะรอจนกว่าหนูจะได้เป็นแฟนคุณเมื่อหนูได้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วไหม?”

ฮาร์ดี้ยิ้ม

“ไม่มีปัญหา”

ในช่วงบ่าย

ฮาร์ดี้กลับไปลอสแอนเจลิสด้วยเครื่องบิน

เมื่อเขามาที่บริษัทในวันถัดมา แอนดี้ที่เห็นว่าเจ้านายกลับมาแล้ว เขาจึงเข้ามารายงานว่า “บอสตุ๊กตาบาร์บี้ตอนนี้ขายดีสุดๆ หุ้นบริษัทของเล่นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอนนี้มูลค่ามันมากกว่า 3 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งมันทำเงินให้บอสเยอะเลย”

ฮาร์ดี้ตอบรับและส่งข้อตกลงกับลอเดอร์ให้แอนดี้ไปดู “ฉันได้ลงทุนในบริษัทเครื่องสำอางที่นิวยอร์ก และนายช่วยเข้าไปดูแลกับมันหน่อยล่ะกัน”

แอนดี้รับข้อตกลงและมองไปที่มัน “บอสมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับบริษัทนี้เหรอ?”

“ใช่ ฉันมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทนี้”

แอนดี้บอกว่าเขาเข้าใจแล้วจากนั้นเขาก็ติดต่อคุณนายลอเดอร์เพื่อทำตามเงื่อนไขข้อตกลงต่อไป

……

วันนี้ฮาร์ดี้ต้องพูดคุยกับบิล

เพราะแก๊งของบิลนั้นพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และมีคนมากกว่า 500 รวมถึงมีทหารผ่านศึกอยู่ในนั้น 

มันทำให้พลังการต่อสู้ของแก๊งยิว แก๊งไอริช และแก๊งเม็กซิโกเทียบกับแก๊งบิลไม่ได้อีกต่อไป

“ชาวไอริชมาพบฉันเมื่อไม่กี่วันก่อนและบอกว่าเขาต้องการขายยาในพื้นที่ของเรา นายคิดยังไง?” บิลถาม

แต่ก่อนจะเป็นแก๊งสเปนที่ควบคุมครึ่งหนึ่งของตลาดยาเสพติดที่ลอสแอนเจลิส หลังจากหัวหน้าแก๊งสเปนถูกฆ่าโดยฮาร์ดี้ ตลาดยาเสพติดที่ว่างเปล่าก็ถูกยึดโดยชาวไอริชและแก๊งเม็กซิกันทันที

และพวกไอริชโลภมาก ตอนนี้พวกเขาต้องการเอาผลประโยชน์ของตัวเองเข้ามาอีกครั้ง

“นายคิดว่าไง?” ฮาร์ดี้ถามอย่างช้าๆ ขณะสูบซิการ์

บิลยักไหล่ “ฉันไม่สนอยู่แล้ว ธุรกิจสล็อตแมชชีนและพินบอลแมชชีนสามารถทำเงินได้มากกว่า 2 ล้านดอลลาร์ต่อปีและธุรกิจอื่นๆก็มาถูกทางเช่นกัน ถึงชาวไอริชจะต้องต้องการขายสินค้าในพื้นที่ของเราและค่าคุ้มครองที่พวกเขาจ่ายจะสูงถึงสองหรือสามล้านดอลลาร์ ฉันก็ไม่ชอบอยู่ดี”

“นอกจากนี้ถ้ามีผู้ใช้ยาเสพติดมากขึ้นในพื้นที่ของเรา ปัญหาอื่นๆ ก็จะตามมาอีกมากมาย การเพิ่มขึ้นของคนไร้บ้าน การโจรกรรม และโจรจะส่งผลกระทบบางอย่างต่อคำสั่งในพื้นที่ของเราด้วย “

บางครั้งแก๊งก็สนใจเรื่องความเรียบร้อยของสถานที่มากกว่าตำรวจ

หากสถานที่แห่งนี้อยู่ในเกณฑ์ดีและมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นก็จะมีคนไปที่บาร์เพื่อนั่งเล่นหรือเล่นเครื่องปาจิงโกะ 

ซึ่งมันจะทำกำไรมากกว่าค่าส่วยที่ชาวไอริชให้

“แล้วแก๊งยิวล่ะ? ” ฮาร์ดี้ถาม

“ตอนนี้อลันเพย์นเป็นหัวหน้าแก๊งชาวยิว ฉันได้ยินว่าเขาได้รับอนุญาตให้ชาวไอริชขายสินค้าบนพื้นที่ของเขา” บิลกล่าว

ฮาร์ดี้ขมวดคิ้ว

แก๊งยิวและแก๊งไอริชมักจะต่อสู้กันอยู่เสมอ ในอดีตชาวสเปนเคยใช้พื้นที่ของแก๊งยิวในการขายของ 

แต่ตอนนี้พวกเขากลับไปคบกับชาวไอริชเหรอ?

มันอาจจะเป็นคำสั่งจากซีเกลหรือเฟร็ด หรือไม่ก็เป็นคำสั่งของอลัน เพนน์คนเดียวก็ได้

ฮาร์ดี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวกับบิลว่า “ไม่ต้องคำนึงถึงคนอื่น บิลนายอย่าให้พวกชาวไอริชเข้ามาขายสินค้าในพื้นที่เราดีกว่า ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถควบคุมลูกค้าที่เข้าไปซื้อยาในพื้นที่ของชาวไอริชได้”

“นอกจากนี้นายลองคิดหาวิธีที่จะส่งคนเข้าไปในแก๊งยิวเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของพวกเขาด้วย แค่ซื้อใจใครสักคนของแก๊งยิวก็พอ” ฮาร์ดี้กล่าว

บิลประหลาดใจเล็กน้อย “บอส คุณคิดว่าแก๊งยิวจะเปลี่ยนไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่มีใครรับประกันได้หรอก”

บิลพยักหน้า “ฉันเคยอยู่ในแก๊งยิว ฉันรู้จักผู้นำบางคนที่นั้นดังนั้นฉันน่าจะสามารถพยายามติดต่อพวกเขาได้”

ฮาร์ดี้กับบิลแยกออกไปทำหน้าที่ และทันทีที่เขากลับไปที่บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ พนักงานก็บอกว่าคุณฮันจากบริษัทโทรมาและน้ำเสียงของเธอก็ดูกังวลมาก

ฮาร์ดี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาฮันเยจิน 

ฮันเยจินได้ยินเสียงของฮาร์ดี้และพูดอย่างกังวลทางโทรศัพท์ “คุณฮาร์ดี้ ดูเหมือนฉันจะถูกโกง คนคนนั้นโกงเช็คจำนวน 100,000 ดอลลาร์ของเราไป”

ฮาร์ดี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ต้องกังวล ผมจะไปตอนนี้”

เขาขับรถไปที่บริษัทประมูลอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปในสำนักงาน 

ซึ่งฮาร์ดี้ก็พบว่าฮันเยจิน อิริน่า ผู้อำนวยการแผนก และผู้ประเมินราคาหลายคนก็อยู่ที่นี่ด้วย 

และสีหน้าทุกคนก็ดูแย่มาก

ฮาร์ดี้เดินไปหาฮันเยจิน “บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น”

ฮันเยจินเลียริมฝีปากของเธอและเริ่มเล่าจากจุดเริ่มต้น

เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ลูกค้าวัยกลางคนมาที่บริษัทเพื่อขายภาพเขียนสีน้ำมันสมัยศตวรรษที่ 18 ในราคา 2,300 ดอลลาร์

ซึ่งบุคคลนี้ก็ออกไปหลังจากทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์

สองวันต่อมาชายวัยกลางคนนี้ก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้แทนที่จะขายภาพวาดเขากลับกำลังมองหาคนดูแลบริษัทประมูล เขาบอกว่ามีธุรกิจที่จะหารือกับผู้รับผิดชอบที่นี่ 

ฮันเยจินและ อิริน่าจึงไปพบกับชายวัยกลางคนด้วยกัน

คนนี้อ้างว่าเป็นชาวยิวในฝรั่งเศสและชื่อของเขาคือลีโอ ก่อนที่จะพูดคุยเรื่องธุรกิจเขาขอให้ ฮันเยจินและอิริน่าตรวจสอบให้แน่ใจว่าข่าวที่พวกเธอได้ยินต่อไปจะไม่รั่วไหล มิฉะนั้นเขาจะไม่พูดอะไรเลย

สิ่งนี้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้หญิงสองคน ซึ่งทั้งสองคนบอกว่าจะไม่พูดอะไรอย่างแน่นอนกับชายวัยกลางคน

“หญิงสาวสองคนที่น่ารัก ฉันขอให้คุณเก็บเป็นความลับเพราะเรื่องนี้เองก็ผิดกฎหมายเล็กน้อย ฉันมีเพื่อนชื่อหลุยส์ครอบครัวของพวกเขาเคยมีแกลเลอรี่ที่มีชื่อเสียงมากๆ เพื่อที่จะรวบรวมผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียงและเอาไว้ขายในเวลาเดียวกัน และภาพวาดสีน้ำมันในแกลเลอรีของพวกเขาก็มีแม้กระทั่งภาพวาดที่มีชื่อเสียงของโมเนต์และปิกัสโซ”

“ต่อมาสงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดขึ้น เยอรมนีได้บุกเข้าสู่ฝรั่งเศส ซึ่งบ้านหลุยส์เป็นยิว พวกเขาไม่มีเวลาที่จะย้ายภาพวาดสีน้ำมันเหล่านี้ พวกเขามีเวลาเพียงเล็กน้อยในการเก็บเงินเพื่อที่จะเริ่มหลบหนี แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขา และญาติๆ ของเขาก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ทั้งหมดโดนจับไปหรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย”

“ส่วนภาพวาดสีน้ำมันในแกลเลอรี่ของพวกเขาก็ถูกเอาไปโดยชาวเยอรมัน”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ก็เกิดความคิดขึ้นในใจของฮาร์ดี้

เขาคิดว่าน่าจะเป็นการหลอกให้คนเข้าใจว่ามีของจริงๆ และก็จ่ายเงินก่อนใช่ไหม?

ฉันเป็นลูกหลานของหลุยส์ที่ 13 

ฉันมีสินทรัพย์อยู่ในมือแต่โชคร้ายที่มันถูกยึดโดยธนาคาร 

ถ้าคุณจ่ายเงินเราจะปลดล็อกตราประทับและฉันจะให้ทรัพย์สินจำนวนมากแก่คุณ

ฉันเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ชิง 

ฉันมีสมบัติของราชวงศ์ชิงที่ถูกยึดโดยธนาคาร มูลค่าทั้งหมดถึงหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ 

มีเครื่องประดับและของเก่านับไม่ถ้วน และตอนนี้ฉันต้องการที่จะเอามันออกมา 

ตราบใดที่คุณลงทุนในกลุ่มแค่ 39,000 ดอลลาร์ก็รอรับของได้เลย 

คิดดูถ้าได้คนละ 39,000 ต่อคน

มันจะได้เงินมาง่ายแค่ไหน?

Leave a Comment

ไม่ดี!