ตอนที่ 122 เป็นที่เคารพนับถือ
หลังจากทาครีมบนหน้าของเธอ และทาครีมบำรุงผิวเสริมเข้าไปอีก ใบหน้าของเทย์เลอร์ก็ดูเหมือนจะชุ่มชื้นและเรียบเนียนขึ้น
เทย์เลอร์มองไปที่กระจกอย่างมีความสุข
“คุณฮาร์ดี้ เป็นยังไงบ้างคะ?”
“เทย์เลอร์เป็นนางฟ้าตัวน้อยที่สวยเสมออยู่แล้ว” ฮาร์ดี้ชมเทย์เลอร์ด้วยคำที่สองแง่สองง่าม
เทย์เลอร์หลบตาจากเขาเมื่อได้ฟังคำพูดของฮาร์ดี้
“ช่วยแพ็คให้หนูหนึ่งชุดนะคะ หนูอยากเอาไปให้แม่เป็นของขวัญเมื่อหนูได้กลับไปลอสแอนเจลิส” เทย์เลอร์กล่าว
คุณนายลอเดอร์มีความสุขมากที่ได้ทำธุรกิจและขอให้พนักงานห่อของขวัญให้เทย์เลอร์
ฮาร์ดี้มองไปที่เธอและกล่าวว่า “คุณผู้หญิง พอจะมีเวลาว่างให้คุยกันสักหน่อยไหม?”
“คุณต้องการอะไรหรือค่ะ?” คุณนายลอเดอร์มองไปที่ชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้
ฮาร์ดี้หยิบขวดโลชั่นขึ้นมาและถามว่า “คุณบอกว่าคุณค้นคว้าสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวคุณเองใช่ไหม?”
คุณลอเดอร์พยักหน้าจากนั้นส่ายหัวอีกครั้ง “ก็ไม่ใช่ทั้งหมด มันเป็นคุณลุงของฉันที่ค้นคว้ามาตั้งแต่ต้นซึ่งลุงของฉันเป็นแพทย์ผิวภาพยนตร์ เขาเห็นว่าผิวภาพยนตร์ของผู้ป่วยบางรายมีแนวโน้มที่จะขาดน้ำ แตก แห้งและสูญเสียความเปล่งปลั่ง ดังนั้นเขาจึงพัฒนามันขึ้นมา เป็นครีมบำรุงผิว”
“ฉันก็มีผิวแห้งเหมือนกัน ซึ่งลุงของฉันได้ลองใช้แล้วมันเห็นผลดีมาก จากนั้นฉันก็มีความคิดที่จะทำมอยส์เจอไรเซอร์ออกมา ฉันจึงเลือกที่จะเรียนเคมีและโรคผิวหนังตอนที่ฉันเข้ามหาวิทยาลัย”
“ประมาณปี 1930 ฉันก็เริ่มทำครีมบำรุงผิวแบบเต็มตัว ตอนแรกฉันขายมันให้กับเพื่อนๆ รอบๆ ตัวของฉันหรือเอามันไปที่งานปาตี้ในร้านเสริมสวย ซึ่งเพื่อนๆ ก็รู้สึกว่ามันได้ผลดี ฉันจึงทำกำไรได้บางส่วน ดังนั้นฉันจึงเริ่มลงทุนในการวิจัยใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มขึ้น”
“เมื่อปีที่แล้วฉันได้ก่อตั้งบริษัทเครื่องสำอางของตัวเองก่อนวันคริสมาสปีนี้และตั้งชื่อมันว่า ‘Estee Lauder’ ด้วยชื่อของตัวเอง และเราก็เริ่มออกร้านโดยตั้งในห้างฟิฟธ์อเวนิว ซึ่งอุดมคติของฉันคือการทำให้ Estee Lauder เป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีในวงการเครื่องสำอาง”
เมื่อคุณนายลอเดอร์แนะนำบริษัทของเธอ เธอก็รู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อยเพราะเธอทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
ในสังคมที่ถูกครอบงำโดยผู้ชายมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้หญิงที่จะทำอาชีพอะไรสักอย่าง
“กว่าสิบปีเพื่อความฝัน ผมชื่นชมความเพียรพยายามและการทำงานอย่างหนักของคุณจริงๆ” ฮาร์ดี้ชื่นชม
“ให้ผมแนะนำตัวเองสักหน่อย ผมชื่อทอม ฮาร์ดี้”
เขายื่นนามบัตรไปให้อีกฝ่าย
คุณนายลอเดอร์เอานามบัตรไปและมองไปที่มันด้วยสีหน้าประหลาดใจของเธอ
ประธานเอชดีซีเคียวริตี้ ผู้บริหารเอชดีพิคเจอร์ ผู้อำนวยการมิโบทีวี เจ้าของเพลย์บอย ผู้จัดการบริษัทเอชดีทอย
ชื่อเหล่านี้ทำให้คุณนายลอเดอร์ตกใจเล็กน้อย
ซึ่งบริษัทรักษาความปลอดภัยเอชดีได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อไม่นานมานี้ มีทั้งภาพยนตร์สือพิมพ์ช่วยโปรโมทข่าวและผลิตสารคดีเรื่อง ‘การปล้นธนาคารในลอสแองเจลิส’ ออกมาช่วย
มันจึงทำให้ตอนนี้เอชดีซีเคียวริตี้จึงเป็นที่รู้จักกันดีในสหรัฐอเมริกา.
เอชดีพิคเจอร์สยังได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเร็วๆ นี้ ภาพยนตร์ ‘‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุดในปีนี้ ซึ่งหากคำนวณบ็อกซ์ออฟฟิศที่ 7.86 ล้านดอลลาร์ และราคาตั๋วของภาพยนตร์แต่ละเรื่องในตอนนี้อยู่ที่ 0.25 ดอลลาร์หมายความว่ามีคนดูภาพยนตร์เรื่องนี้เกือบ 30 ล้านคน
นี่เป็นผลของการโฆษณาที่ยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ยังมีบริษัทผลิตโทรทัศน์ ไม่นานมานี้พวกเขาได้มีส่วนรวมในการเปิดผ่อนชำระสินค้ากับธนาคาร
มันได้ทำให้ทั่วทั้งนิวยอร์กตื่นเต้นกันไปหมด และชุดทีวี 3000 ชุดก็ถูกขายในไม่กี่วัน
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามิโบทีวีวางแผนที่จะลงทุน 10 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างองค์กรขนาดใหญ่ที่มีผลผลิตต่อปี 400,000 ชุด ยังมีบริษัทของเล่นที่พึ่งจะผลิตตุ๊กตาบาร์บี้สุดหรูออกไปทั่วสหรัฐ
เธอยังไปที่เคาน์เตอร์ตุ๊กตาบาร์บี้เพื่อดูว่าทำไมของเล่นเหล่านั้นถึงสามารถขายได้ราคาที่สูงเช่นนี้
หลังจากที่เธอเห็นมันก็มีเพียงความคิดเดียวในใจของเธอ
ความประณีต
สุดยอดแห่งความปราณีต
แต่เธออยู่ในวัยสามสิบแล้ว ซึ่งเธอก็คิดว่าซื้อไปให้ลูกสาวสักชุดน่าจะดี
เพราะตุ๊กตาบาร์บี้คุณนายลอเดอร์จึงกลับไปคิดว่าจะทำให้เครื่องสำอางของเธอไปในเส้นทางระดับไฮเอนด์ดีหรือไม่
ในที่สุดนิตยสาร ‘เพลย์บอย’ ก็ออกมา และบังเอิญว่าคุณนายลอเดอร์ได้อ่านมันไม่นานมานี้
พร้อมกับพวกอนุรักษ์นิยมและคนจากนิตยสารได้ทะเลาะกันลงหนังสือพิมพ์จนนิตยสารได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะบรรณาธิการบริหารของ ‘เพลย์บอย’ ที่ได้เขียนประโยคหนึ่งไว้ในหนังสือพิมพ์ว่า
‘ผู้หญิงทั้งหมดต้องได้รับอิสระ’
ซึ่งสิ่งนี้มันกินใจของลอเดอร์มากจริงๆ เธอจึงขอให้สามีเธอซื้อมาอีกเล่ม
ต้องบอกว่า
ภาพถ่ายเรือนร่างในนิตยสาร แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแต่เธอก็รู้สึกอบอุ่น
เธอชื่นชอบบทความในนิตยสารอย่างมาก นิตยสารนี้เป็นอย่างที่บรรณาธิการใหญ่บอกจริงๆ ว่ามันจะไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศทั้งหมด แต่ยังมีบทความที่สื่อความหมายได้ดีมาก
เธออ่านบทความเกี่ยวกับไฮดี้รามา และก็รู้สึกชื่นชมไฮดี้มากขึ้น
เธอรู้สึกว่าไฮดี้รามาสามารถถูกมองว่าเป็นตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ได้อย่างแน่นอน
เธอเป็นคนแน่วแน่ทำตามความคิดของตัวเองอย่างสุดหัวใจและมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สุดยอด
ความสำเร็จตอนนี้ของไฮดี้รามาจึงได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ลอเดอร์
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้คุณนายลอเดอร์จึงมองไปที่ฮาร์ดี้ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอยังหนุ่มและหล่อเหลามากไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง
แต่คุณนายลอเดอร์รู้สึกว่าเขายังเด็กเกินไปและเธอก็สงสัยว่าฮาร์ดี้เป็นหัวหน้าของบริษัทเหล่านี้จริงๆ เหรอ?
ฮาร์ดี้เห็นความสงสัยในดวงตาของคุณนายลอร์เดอร์เขาจึงชี้ไปที่เทย์เลอร์ “ผมไม่รู้ว่าคุณนายลอเดอร์ได้ดู ‘The Jade Goddess Horse’ และ ‘Lassie Come Home’ หรือเปล่า เธอเป็นนางเอกของภาพยนตร์สองเรื่องนั้นและเธอคือเอลิซาเบธ เทย์เลอร์” // ภาพยนตร์มันเก่ามากผมขอไม่แปลงเป็นชื่อไทยเน้อ
คุณนายลอเดอร์มองไปที่เทย์เลอร์และพูดด้วยความประหลาดใจ “ฉันแค่รู้สึกว่าเด็กคนนี้ดูคุ้นเคยเหมือนเห็นที่ไหนมาเหมือนกัน ตอนนี้เมื่อคุณบอกในที่สุดฉันก็รู้ว่าเธอคือเอลิซาเบธ เทย์เลอร์จริงๆ”
เทย์เลอร์ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นดาราฮอลลีวูดที่มีชื่อเสียงแล้วเหมือนกัน คุณนายลอเดอร์จึงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้แต่งหน้าให้กับดาราฮอลลีวูด
เธอคิดในใจว่าถ้าในอนาคตมีลูกค้าเข้ามา เธอสามารถพูดได้เลยว่าดาราฮอลลีวูดได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเธอแล้ว
“คุณนายลอเดอร์ ‘เอสเตลอเดอร์’ ของคุณเคยคิดที่จะเร่งการพัฒนาไหม? คุณต้องการนักลงทุนหรือเปล่า?” ฮาร์ดี้ถาม
“โอ้…”
คุณนายลอเดอร์ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเพราะคำถามนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของธุรกิจของเธอ
ฮาร์ดี้ยิ้มและโบกมือของเขา “ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตอบรับ ผมพักอยู่ที่โรงแรมเซนต์รีจิสในสองวันนี้ หากคุณสนใจที่จะทำความร่วมมือ คุณสามารถมาที่โรงแรมเพื่อหาผมได้เลย”
หลังจากฮาร์ดี้พูดจบเขาก็จับมือเทย์เลอร์และจากไป
ทันใดนั้นหัวใจของเทย์เลอร์ก็ตื่นเต้นเล็กน้อย พร้อมกับใบหน้าของเธอที่เริ่มแดง
มันรู้สึกดีเกินไปที่ได้จับมือกับคุณฮาร์ดี้…
คุณนายลอเดอร์รู้สึกงุนงงเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ด้านหลังของฮาร์ดี้
แต่เธอกลับรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นเล็กน้อยมากกว่า
เธอปรารถนาที่จะเติบโตในอาชีพของเธอมาโดยตลอด เพราะมันคือความฝันของเธอ
ทว่าโอกาสนี้ก็เข้ามาปรากฎที่ด้านหน้าของเธอเร็วมาก
ซึ่งมันทำให้เธอตื่นเต้นมากๆ และก็ไม่แน่ใจว่าฮาร์ดี้จะมาหลอกเธอหรือเปล่า…
เธอบีบนามบัตรในมือ และก็ตัดสินใจเดินไปบอกพนักงานให้อยู่ดูบูธ และเธอก็รีบกลับไปทีบริษัท
สามีของเธอรับผิดชอบกิจการภายในของบริษัทเช่นการบัญชีและการผลิต
ในขณะที่เธอรับผิดชอบการส่งเสริมการขายและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
ทำให้ทั้งสองเป็นคู่สามีภรรยาที่เติมเต็มกันและกัน
“โจเซฟฉันเพิ่งเจอผู้ชายคนหนึ่งในห้าง เขาอ้างว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยเอชดีและตั้งใจที่จะลงทุนในบริษัทของเรา”
คุณนายลอเดอร์เล่าเรื่องทั้งหมดให้สามีฟังอย่างละเอียดจากนั้นก็ส่งนามบัตรให้ “โจเซฟคุณคิดว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนโกหกหรือเปล่า ?”
ปีนี้โจเซฟอายุสี่สิบปีแล้ว ซึ่งเขาดูสุขุมมาก เขาผลักแว่นตาและพูดว่า “โรงแรมเซนต์รีจิสเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในนิวยอร์ก ไม่ว่าคนที่อยู่ที่นั่นจะรวยหรือแพงก็ไม่น่าสนใจเท่าเขามากับเอลิซาเบธ เทย์เลอร์”
“และข้อมูลของเขาไม่ยากที่จะหา เจ้าของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ ผู้ถือหุ้นของมิโบทีวี และเจ้าของเอชดีพิคเจอร์ ทั้งหมดนี้สามารถยืนยันตัวตนเขาได้แน่นอน แค่ขอให้คนที่เคยพบเขายืนยันก็น่าจะพอแล้ว และการใช้ตัวตนดังกล่าวเพื่อหลอกลวงผู้อื่น มันหมายความว่าคนคนนั้นต้องเป็นคนโง่มากแน่ๆ”
“และที่ฉันจำได้เมื่อไม่กี่วันก่อน ทีมงานของภาพยนตร์ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ได้มาที่นิวยอร์กเพื่อโปรโมท พวกเขาเชิญจูดี้การ์แลนด์มาเป็นนักร้องรับเชิญ แสดงว่าคุณจูดี้การ์แลนด์ต้องได้เห็นเจ้าของเอชดีพิคเจอร์สแน่ๆ ผมคิดว่าเพื่อนคุณน่าจะรู้จักกับจู้ดี้การ์แลนด์ใช่ไหม? คุณสามารถถามเธอได้ว่า ฮาร์ดี้ที่คุณเจอเหมือนกับที่เพื่อนคุณเห็นมาก่อนหรือเปล่า”
เมื่อคุณนายลอเดอร์ได้ยินที่สามีพูด เธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่สามีของเธอพูดนั้นสมเหตุสมผล เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเพื่อนของเธอทันที
หลังจากการพูดคุยทางโทรศัพท์เป็นเวลานานในที่สุดคุณนายลอเดอร์ก็บอกรายละเอียดให้เพื่อนเธอฟัง และเพื่อนสนิทของเธอก็ตกลงที่จะช่วยถามจูดี้ การ์แลนด์ให้
จูดี้ การ์แลนด์อยู่ที่บ้านในนิวยอร์ก เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่ง เธอก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“จูดี้ เธอทำอะไรอยู่เหรอ?” เพื่อนเธอถาม
“ฉันกำลังอ่านบทภาพยนตร์อยู่”
“ยังมีละครเรื่องใหม่ที่จะถ่ายทำอีกเพิ่มเหรอ? มันเป็นเรื่องราวแบบไหน?” เพื่อนคนนี้ถามด้วยความประหลาดใจ
“มันเกี่ยวกับเพลงและการเต้นรำ ฉันเพิ่งได้บทมาไม่นานเหมือนกัน และได้ลองอ่านแล้วก็ชอบมันมากๆ ซึ่งฉันไม่สามารถบอกเนื้อหาของเรื่องนี้ได้หรอกนะ” จูดี้การ์แลนด์พูดอย่างมีความสุข
เธอไม่ได้แสดงในภาพยนตร์มาหลายปี ตอนนี้เธอเพิ่งได้เจอกับภาพยนตร์เรื่องนี้และก็ตกหลุมรักมันเข้าแล้ว
เรื่องราวของซินเดอเรลล่าที่ได้พบกับดาราดังนั้นเหมือนจะสร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
หลังจากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องพ่อมดแห่งออซ เธอก็กลายเป็นหนึ่งในดารายอดนิยมของฮอลลีวูดทันทีและได้รับรางวัลออสการ์มาครอง
อย่างไรก็ตามไม่กี่ปีข้างหน้าเธอก็ไม่ได้พบกับบทบาทที่เหมาะสมอีกเลย เมื่อเธอเป็นผู้ใหญ่รูปร่างของเธอก็ดูธรรมดา บริษัทภาพยนตร์ขอให้เธอแสดงบทที่ผูกมิตรต่อผู้คน โดยให้เธอใส่แว่น ดัดฟัน เสริมจมูก เพิ่มน้ำหนักและค่อยๆ อ้วนขึ้น
พร้อมกับตั้งชื่อเล่นให้เธอว่า ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’
ภาพดังกล่าวทำให้จูดี้การ์แลนด์ตกใจอย่างมาก
ซึ่งในประวัติศาสตร์จูดี้การ์แลนด์มีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรงและไม่สามารถถ่ายทำภาพยนตร์ได้เลยในช่วงเวลาต่อมา
และตอนอายุ 47 เธอจึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย
จูดี้การ์แลนด์ในช่วงเวลานี้ช่างโชคดีมาก เพราะเธอนั้นได้พบกับฮาร์ดี้
“ยินดีด้วยจริงๆ จูดี้ ในที่สุดเธอก็ได้ภาพยนตร์ที่เธอชอบ แต่จูดี้ฉันอยากถามเกี่ยวกับใครสักคนหน่อยได้ไหม?” เพื่อนคนนั้นกล่าว
“ใครเหรอ?”
“เจ้าของของเอชดีพิคเจอร์ส เธอเคยได้เจอคุณทอม ฮาร์ดี้มั้งไหม? ฉันต้องการที่จะสอบถามเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเขา”
จูดี้การ์แลนด์ชะงักไปแปปหนึ่ง
“เจ้าของเอชดีพิคเจอร์? แน่นอนฉันได้เห็นเขาแล้ว นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ก็ผลิตโดยเอชดีพิคเจอร์ด้วย ครั้งสุดท้ายพวกเขามาที่นิวยอร์คเพื่อโปรโมทภาพยนตร์ พวกเขาขอให้ฉันไปร้องเพลงที่โรงละคร และฉันก็เจอ คุณฮาร์ดี้ที่นั่น”
“อีกอย่างที่ฉันอยากบอกก็คือภาพยนตร์ที่ฉันได้แสดงเป็นการร่วมมือระหว่างเอ็มจีเอ็มและเอชดีพิคเจอร์ ว่ากันว่าบทบาทของฉันได้รับเลือกโดยคุณฮาร์ดี้เอง ฉันคิดว่าเขาน่าจะช่วยพูดให้ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นการตอบแทนที่ฉันไปร้องเพลงให้เขา”
จูดี้การ์แลนด์กล่าวถึงฮาร์ดี้อย่างตื่นเต้นมากๆ เพราะคนจากแผนกศิลปะการแสดงของเอ็มจีเอ็มได้มาพบเธอ
ซึ่งเธอก็รู้สึกประหลาดใจมากที่บทบาทดีๆ แบบนี้ถึงมาตกอยู่กับเธอ
เธอไม่อยากจะเชื่อเลย
ผู้อำนวยการเอ็มจีเอ็มบอกเธอว่าบทบาทของเธอได้รับการแต่งตั้งเป็นการส่วนตัวจากคุณฮาร์ดี้และนักแสดงนำอีกคนคือจอห์นนี่ฟอนเทน
จูดี้การ์แลนด์จำได้ว่าเมื่อเธอร้องเพลงครั้งที่แล้วให้ฮาร์ดี้
เธอได้ขอให้ฮาร์ดี้ช่วยหาบทบาทให้ไม่ว่าจะเป็นบทบาทสมทบก็ตาม
ในตอนนั้นเธอก็รู้สึกมีความหวังว่าอยู่เล็กน้อย แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะสร้างความประหลาดใจให้ตัวเธอเร็วขนาดนี้
ภายในใจของเธอรู้สึกขอบคุณฮาร์ดี้อย่างมาก
“ทำไมจู่ๆ เธอถึงถามฉันเกี่ยวกับคุณฮาร์ดี้?” จูดี้การ์แลนด์ถามเพื่อนของเธออย่างสงสัย
เพื่อนของเธอไม่ได้ซ่อนอะไรและบอกเรื่องราวของฮาร์ดี้เกี่ยวกับเอสเตลอเดอร์ ที่เขายินดีจะร่วมลงทุนเมื่อเขากำลังช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าฟิฟธ์เอเวนิว
“จูดี้ คุณนายลอเดอร์บอกว่าคุณฮาร์ดี้เป็นหนุ่มหล่ออายุยี่สิบกว่าๆ เธอไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไหร่เพราะคนที่ลอเดอร์เจอนั้นยังเด็กมาก เธอเลยอยากถามใครซักคนให้แน่ใจ” เพื่อนคนนั้นกล่าว
“หลุ่มหล่อ…ฮ่าๆ ใช่แล้ว! คุณฮาร์ดี้ยังหนุ่มและหล่อมากจริงๆ ราวกับว่าเขาอายุแค่ 26 เองในปีนี้”
ณ จุดนี้จูดี้การ์แลนด์ก็ตกตะลึงทันที
“อ่า! เธอกำลังพูดถึงอะไร? คุณฮาร์ดี้อยู่ที่นิวยอร์คอย่างนั้นเหรอ?” จูดี้การ์แลนด์อุทานออกมา
“ถ้าเรากับพูดถึงฮาร์ดี้คนเดียวกันก็แสดงว่าใช่! แต่เธอเป็นอะไรหรือเปล่าจูดี้?” เพื่อนคนนั้นถาม
“ถ้าคุณฮาร์ดี้มาที่นิวยอร์กแล้ว ฉันก็ต้องไปหาเขา! บทบาทในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของฉันเป็นคุณฮาร์ดี้ที่ขอให้ และเธอรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน ?” จูดี้การ์แลนด์ถามอย่างใจจดจ่อ
“ฉันจะถามลอเดอร์ให้ ดูเหมือนเธอบอกฉันว่าคุณฮาร์ดี้ให้ที่อยู่ไว้เหมือนกัน”
“เร็วเข้า ถามให้ฉันหน่อย!” จูดี้กล่าวอย่างตื่นเต้น
เพื่อนคนนั้นวางสายและโทรหาลอเดอร์อีกครั้ง เธอบอกคุณนายลอเดอร์เกี่ยวกับรายละเอียดที่พูดคุยกับจูดี้การ์แลนด์เมื่อกี้ และยืนยันกับเธอว่าคุณฮาร์ดี้เป็นหนุ่มหล่ออายุยี่สิบต้นๆ ที่ลอเดอร์เจอจริงๆ
“และจูดี้ต้องการที่อยู่ของคุณฮาร์ดี้ เธอเคยบอกว่าเขาทิ้งที่อยู่ไว้ให้ใช่ไหม?”
“คุณฮาร์ดี้บอกว่าเขาพักอยู่ที่เซนต์รีจิส”
เพื่อนสนิทวางโทรศัพท์และรีบโทรหาจูดี้การ์แลนด์เพื่อบอกชื่อโรงแรมของนายฮาร์ดี้ทันที
จูดี้การ์แลนด์วางโทรศัพท์ลงและก็โทรหาจอห์นนี่ฟอนเทน “จอห์นนี่ฉันได้ยินมาว่าคุณฮาร์ดี้อยู่ที่นิวยอร์กด้วยล่ะ”
“จริงเหรอ?” เดิมทีจอห์นนี่ ฟอนเทนกำลังนอนอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้เขารีบลุกขึ้นมาทันที
“เธอรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“เขาอยู่ที่โรงแรมเซนต์รีจิส และจอห์นนี่ฉันคิดว่าเราต้องไปเยี่ยมคุณฮาร์ดี้ดีไหม?” จูดี้ การ์แลนด์กล่าว
“แน่นอน!” จอห์นนี่ตอบทันที
อย่างไรก็ตามจอห์นนี่รู้สึกว่าเรื่องนี้ยังไม่จริงจังพอ เขาคิดเกี่ยวกับมันและก็กล่าวว่า “จูดี้ ฉันคิดว่าเราควรจะมีงานเลี้ยงต้อนรับคุณฮาร์ดี้ที่นิวยอร์กมันจะโอเคไหม? แต่ถ้าเวลาเร่งรีบเกินไป เราก็ทำให้มันเล็กลง ซึ่งฉันคิดว่าจะจัดในวิลล่าของฉันดีไหม?”
“ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีมาก!” จูดี้ การ์แลนด์กล่าว
ดารารุ่นใหญ่สองคนกำลังคิดหาวิธีประจบฮาร์ดี้
ตอนนี้ฮาร์ดี้กลายเป็นคนที่ได้รับความเคารพนับถือจากทั้งสองแล้ว
จอห์นนี่วางสายและโทรหาพ่อทูนหัวของเขาหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ครั้งนี้เขาได้รับบทนักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง ‘ซิงกิ้งอินเดอะเรน’ จอห์นนี่รู้ดีว่าทั้งหมดเป็นเพราะฮาร์ดี้
ซึ่งตอนนั้นเขาได้รับคำขอจากพ่อทูนหัวของเขาที่บอกให้ไปช่วยนายฮาร์ดี้ และนายฮาร์ดี้ก็จัดบทบาทในภาพยนตร์ให้เขาทันที
ภาพยนตร์เพลงนี้ก็เหมาะกับเขามาก มันเหมือนกับสร้างมาเพื่อตัวเขาเลย
เขารู้ดีว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่นายฮาร์ดี้ได้ไปคุยกับพ่อทูนหัวของเขา และยังมีความสัมพันธ์ของฮาร์ดี้กับไมค์ด้วย
เขาจึงต้องแจ้งพ่อทูนหัวทันทีเมื่อรู้ว่าฮาร์ดี้มาที่นิวยอร์กแล้ว
//จอร์นนี่ ฟอนเทนเป็นลูกชายของเจ้าพ่อมาเฟีย และเรียกเขาว่าพ่อทูนหัว