ตอนที่ 118 ‘เพลย์บอย’ โด่งดัง!
รูปภาพนางแบบของเพลย์บอยได้ถูกพิมพ์ออกมาวางไว้บนโต๊ะของฮาร์ดี้ แน่นอนว่าหน้าปกเป็นรูปของไฮดี้รามาที่โชว์ใบหน้าอันสวยงามและสง่างาม
แค่หน้าปกนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจับตามองนิตยสารฉบับนี้
ซึ่งมีประโยคเดียวเท่านั้นที่อยู่บนหน้าปก
‘ในชีวิตนี้เราควรจะเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้ เช่นอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์พร้อมกับค็อกเทลสองสามแก้ว เตรียมอาหารสองสามอย่างและเปิดเพลงเพิ่มบรรยากาศเบาๆ เชิญผู้หญิงมาสักคนพูดคุยกันอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับรูปภาพของปิกัสโซ่ คุยเกี่ยวกับปรัชญาของนีทเชอ ฟังเพลงแจซ และตกหลุมรักกัน’
ทั้งนิตยสารมี 48 หน้ารวมทั้ง 16 หน้าของรูปภาพพิมพ์ทองแดงที่โชว์เนื้อหนังของผู้หญิงที่สวยงาม
นอกจากรูปภาพแล้วบทความในนี้ก็ไม่มีเนื้อหาระดับต่ำให้กวนใจ
มันมีบทสัมภาษณ์ของไฮดี้รามาตั้งแต่เกิด แต่งงาน เข้าฮอลลีวูด ถ่ายภาพยนตร์ เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ
ซึ่งมันรวมประสบการณ์ทุกอย่างของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เธอเกิดในครอบครัวของชาวยิวในเวียนนาออสเตรียฮังการี พ่อของเธอเป็นนายธนาคารและแม่ของเธอเป็นนักเปียโน
เธอไปที่เบอร์ลินประเทศเยอรมนีเพื่อไปเรียนศิลปะการแสดง
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เธอถ่ายทำมีชื่อว่า ‘เปลวไฟแห่งความปรารถนา’
ซึ่งทำให้เธอเป็นนักแสดงหญิงคนแรกในโลกที่ปรากฏตัวในสภาพเปลือยเปล่า
ต่อมาเธอแต่งงานกับพ่อค้าอาวุธซึ่งสามีของเธอได้ควบคุมทุกอย่างในชีวิตของเธอ
ในปี 1937 เธอได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่หนึ่งซึ่งเธอนั้นขอตัวออกมาก่อนเนื่องจากรู้สึกไม่สบายตัว และให้สาวใช้ของเธอเอายามาให้ แต่เธอนั้นกระโดดออกจากหน้าต่างห้องน้ำ หลบมาที่ปารีส ไปที่ฝรั่งเศสและออกจากที่นั้นในคืนเดียวกันโดยรถไฟ จากนั้นเธอก็เดินทางไปที่ลอนดอน อังกฤษ สุดท้ายเธอก็ได้เจอกับไมเคิลหัวหน้าของหลุยส์ เมเยอร์
และก็ได้เข้าสู่ฮอลลีวูดภายใต้คำแนะนำของเมเยอร์
……
การกระทำของไฮดี้ถือว่าเป็นตำนานในฮอลลีวู้ด
เรื่องราวของเธอก็เพียงพอที่จะกระตุ้นความสนใจของผู้คนจำนวนมากแล้ว
ส่วนบทความอื่นๆ ประกอบไปด้วยนวนิยาย บทความวิจารณ์ อภิปรายศิลปะ ปรัชญา ดนตรี และเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและเพศ
ซึ่งไม่มีส่วนไหนที่ดูหยาบคายเลยสักนิด
ฮาร์ดี้พอใจมากกับการเปิดตัวของเพลย์บอย
“ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี่เสียไปเท่าไหร่?” ฮาร์ดี้ถาม
“มันแพงมาก ในอดีตราคาการพิมพ์ของนิตยสารของเราจะอยู่ที่ประมาณ 10-15 เซ็นต์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมันเป็นราคาการพิมพ์ของนิตยสารทั้งฉบับแต่เพลย์บอยฉบับนี้มีมูลค่าถึง 1.4 ดอลลาร์ ซึ่งเกือบจะเป็น 10 เท่าของราคาการพิมพ์นิตยสารธรรมดา”
“ผมได้ถามบริษัทการพิมพ์แล้ว หากเราพิมพ์ 20,000 ฉบับ เขาสามารถลดราคาลงเหลือ 1.25 ดอลลาร์และถ้าพิมพ์ 50,000 ฉบับเขาสามารถลดลงเหลือ 1.1 ดอลลาร์ได้”
ฮาร์ดี้พูดในใจว่านี่มันต่ำกว่าราคาที่เขาคิดไว้มาก เดิมทีเขาคิดว่ามันจะมีค่าใช้จ่าย 2 ดอลลาร์ต่อชุดเสียด้วยซ้ำ
“บอส คุณคิดยังไงถ้าเราจะพิมพ์มันออกมาครั้งแรกสักสามพันหรือห้าพันชุด? เพราะราคาที่เราจะขายต่อต้นทุนการพิมพ์ของเรานั้นสูงมาก ราคาต่อฉบับของเราน่าจะอยู่ที่ 3 ดอลลาร์ผมจึงกลัวว่าจะไม่มีใครยินดีที่จะซื้อมัน” เฮฟเนอร์อดเป็นห่วงไม่ได้
เพราะถ้าต้นทุนการพิมพ์สูงราคาขายก็จะสูงและเขาก็กลัวว่ามันจะขายไม่ได้
เงินเดือนปกติของชาวอเมริกันในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 200 ดอลลาร์ซึ่งแค่ 10 เซ็นต์ก็เพียงพอสำหรับเบียร์หนึ่งขวด อีก 10 เซ็นต์สำหรับฮอทดอก 20 -30 เซ็นต์สำหรับตั๋วหนังและนิตยสารธรรมดาอย่างนิตยสารไทม์และรีดเดอร์สไดเจสต์
เห็นไหมว่าราคามันอยู่ที่ประมาณสามสิบหรือสี่สิบเซ็นต์เท่านั้นเอง
ถ้า ‘เพลย์บอย’ ขายในราคา 3 ดอลลาร์ในครั้งเดียว
ราคาของมันก็จะเท่ากับ 10 เท่าของนิตยสารอื่นๆ เขาจึงแน่ใจว่าจะมีไม่กี่คนที่สามารถซื้อได้
ฮาร์ดี้ยิ้มและโบกมือ
“สามพันหรือห้าพันมันไม่เพียงพอหรอก นายสามารถตีพิมพ์ 50,000 ฉบับได้เลย และไม่ต้องเป็นห่วงเพราะในโลกนี้มีคนรวยมากกว่าที่คุณคิด”
“นอกจากนี้ ฉันยังต้องการให้ผู้คนเข้าใจในคอนเซ็ปต์ของ ‘เพลย์บอย’ ที่เราแสวงหาคุณภาพและความสง่างามด้วย เพราะมันจะเป็นหนังสือที่ควรค่าแก่การหวงแหนไม่ใช่หนังสือพิมพ์หรือนิตยสารที่คุณสามารถทิ้งได้หลังจากอ่านมันจบแล้ว”
“ในส่วนของราคานั้นก็ตั้งไว้ที่ 3 ดอลลาร์ มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะลดราคาลง ซึ่งผู้ที่สามารถซื้อได้ก็จะซื้อโดยธรรมชาติ ผู้ที่ไม่สามารถซื้อได้มันก็เป็นเรื่องปกติเพราะถึงแม้เราจะลดราคาลงแต่ต้นทุนของเราก็สูงอยู่แล้ว มันจึงลดลงมากไม่ได้หรอก”
“นอกจากนี้ที่อยู่การสั่งซื้อทางไปรษณีย์จะถูกพิมพ์บนปกหลังของนิตยสาร และฉันก็คิดว่าในอนาคตนิตยสารจะถูกส่งผ่านไปรษณีย์ บางทีจำนวนการสั่งซื้อทางไปรษณีย์อาจจะมากกว่าการที่วางแผงขายเสียอีก”
เฮฟเนอร์ไม่ได้ปฏิเสธการตัดสินใจของฮาร์ดี้
เพราะเขาเป็นคนออกทุนสำหรับนิตยสารเหล่านี้
การตัดสินใจของเขาคือคำสั่ง
เขาหวังเพียงอย่างเดียวคือการตัดสินใจของบอสเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
และยังหวังว่าจะมีคนจำนวนมากที่ยอมจ่ายเงิน 3 ดอลลาร์เพื่อซื้อนิตยสาร
จากนั้นทั้งสองได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นของการกระจายสินค้า
มันมีร้านขายหนังสืออยู่ทุกที่พวกเขาจึงสามารถขายนิตยสารได้ทั่วสหรัฐอเมริกามันจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ทั้งสองจึงคิดเกี่ยวกับราคาขายส่งอีก
ในท้ายที่สุดฮาร์ดี้ก็กำหนดราคาขายส่งไว้ที่ 2.2 ดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับการพิมพ์นิตยสารถึงสองครั้ง
ตัวนิตยสารเขาจะสามารถทำรายได้ต่อฉบับคือ 1.2 ดอลลาร์ และกำไรที่เหลือจะถูกแบ่งไปยังร้านหนังสือและเจ้าของแผงหนังสือ
2 ธันวาคม
นิตยสารเพลยย์บอยได้วางขายอย่างเป็นทางการแล้ว
มันเป็นนิตยสารที่มีรูปถ่ายของไฮดี้รามาอยู่บนปก
ซึ่งนิตยสารเหล่านี้นั้นวางอยู่หน้าร้านหนังสือและแผงขายหนังสือใหญ่ๆ ในเมืองทั่วสหรัฐอเมริกา
…
ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่หน้าแผงหนังสือ และหันไปเห็นรูปของไฮดี้แวบหนึ่ง “ว้าว! ผู้หญิงคนนี้สวยจังเลย”
คนข้างๆ ยิ้ม “เธอไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวแต่เซ็กซี่มากๆ ด้วย ฉันชอบมันจริงๆ ถ้ามันได้ไปอยู่บนหัวเตียงของฉันน่าจะดีมาก”
“เจ้าของร้านรูปนี้ราคาเท่าไหร่?”
เจ้าของร้านวัยกลางคนยิ้มและพูดว่า “นี่ไม่ใช่รูป! แต่เป็นนิตยสารมันไม่ใช่แค่มีที่หน้าปกด้วยนะ มันยังมีรูปแบบนี้อยู่ข้างในอีกเยอะเลย ตอนแรกฉันแค่จะอ่านผ่านๆ แต่หลังจากที่ได้อ่านมัน ฉันก็เต็มไปด้วยความหลงใหลจนอยากกลับไปหาภรรยาของฉันเลย!”
“โอ้! มันน่าทึ่งมาก ขอลองดูหน่อยล่ะกัน” ทั้งสองคนรู้สึกสนใจมากขึ้น
เจ้าของร้านหยิบนิตยสารขึ้นมา แต่ไม่ได้ยื่นส่งให้พวกเขาพร้อมกับพลิกไปมาเบาๆ ในมือของเขา
แต่ชายหนุ่มทั้งสองก็หลงใหลในความงามที่อยู่ข้างในอยู่ดี
บางคนมีเสน่ห์และไร้เดียงสา
บางคนเซ็กซี่และร้อนแรง
ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
เมื่อทั้งสองอยู่ในภวังค์ เจ้าของร้านก็ปิดหนังสือลงทันทีจนทำให้ชายหนุ่มทั้งสองชะงัก “เจ้าของร้านทำไม่คุณไม่เปิดมันต่อล่ะ”
“ฉันเป็นคนขายมันนะ ถ้าพวกคุณเห็นหมดแล้วฉันจะไปขายให้ใครล่ะ?” เจ้าของร้านขดปากของเขา
ทั้งสองคนคิดว่าเจ้าของร้านช่างงกจริงๆ
แต่หนึ่งในนั้นก็ถามว่า “มันราคาเท่าไหร่ ฉันอยากซื้อมัน!”
“สามเหรียญ!”
ชายหนุ่มทั้งสองตกตะลึง
“อะไร! มันราคาเท่าไหร่นะ?”
“ฉบับละ 3 เหรียญ” เจ้าของร้านพูดอีกครั้ง
“สามเหรียญ! นี่จะปล้นกันเหรอ? นิตยสารแค่ฉบับเดียวกลับขายในราคาสามเหรียญเนี่ยนะ!” ชายหนุ่มตะโกนอย่างตกใจ
เจ้าของร้านขายหนังสือยักไหล่ “นี่ไม่ใช่ราคาที่ฉันตั้งไว้ มันเป็นราคาที่ตั้งไว้โดยผู้ผลิตหนังสือนู้น เดี๋ยวพวกนายดูให้ดีๆ ล่ะ”
เมื่อเขาพลิกนิตยสาร ชายหนุ่มทั้งสองก็เห็นราคาที่ถูกพิมพ์ไว้ข้างหลัง
3 ดอลลาร์
“นี่มันแพงเกินไป โดยปกติแล้วนิตยสารจะมีราคาประมาณ 30 เซนต์เท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? ฉบับนี้ราคาตั้ง 3 ดอลลาร์ มันมากกว่านิตยสารทั่วไปตั้ง 10 เท่า!”
“ฉันคิดว่าเจ้าของนิตยสารนี้ คงบ้าไปแล้ว”
เจ้าของร้านขายหนังสือก็แสดงความสิ้นหวังออกมาด้วย “ฉันก็คิดว่ามันแพงไปเหมือนกัน ตอนที่ฉันได้รับนิตยสารเมื่อวานนี้ ฉันก็ตกใจกับราคาอย่างมาก เพราะฉันขายหนังสือพิมพ์และนิตยสารมานานกว่า 10 ปีซึ่งนิตยสารนี่แพงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาแล้ว”
“แต่ก็ต้องบอกว่ามันเป็นนิตยสารที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาด้วย ดูกระดาษที่ใช้พิมพ์สำหรับนิตยสารนี่สิ มันเป็นกระดาษเคลือบทั้งหมด กระดาษนี้มีราคาแพงกว่ากระดาษทั่วไปหลายเท่านัก”
“และลองดูภาพที่สวยงามเหล่านี้อีกครั้งสิ พวกเธอมีความสวยงามและยังมีรูปถ่ายจำนวนแบบนี้อีกจำนวนมากในนั้น พวกนายสามารถจิตนการได้เลยว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการพิมพ์นิตยสารฉบับนี้นั้นแพงแค่ไหน”
“แล้วดูคำที่พิมพ์ไว้ด้านหลังของนิตยสารสิ ‘นี่คือนิตยสารที่ควรค่าแก่การหวงแหน’ คิดง่ายๆ ถ้าอ่านจบแล้วก็สามารถเก็บมันไปได้เลย เพราะหลังจากนั้นหลายปีมันจะกลายเป็นทรัพย์สมบัติสำหรับพวกคุณ”
ชายหนุ่มทั้งสองออกไปจากแผงหนังสือ แต่เดินไปได้ไม่ไกลนักพวกเขาก็หยุดเดินพร้อมกัน
“ไบเดนฉันคิดว่าเราควรซื้อมัน”
“ใช่ เทมฉันต้องการที่จะซื้อมันเหมือนกัน”
“ทำไมเราไม่รวมเงินกันซื้อสักฉบับล่ะ”
“โอเคนายวันที่หนึ่งสามห้า ของฉันวันที่สองสี่หก?”
“แล้ววันอาทิตย์ล่ะ”
“เราทั้งสองคนสามารถเช่ามันได้ในวันอาทิตย์”
ชายหนุ่มสองคนรีบกลับไปที่แผงขายหนังสือพิมพ์กับเงินที่ทั้งสองรวมกันได้ 3 เหรียญ เพื่อซื้อนิตยสาร ‘เพลย์บอย’
พร้อมกับยัดใส่เข้าไปในเสื้อผ้าของพวกเขาและวิ่งไปโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
……
นิวยอร์ก
ชายวัยกลางคนในชุดสูทเดินเข้ามาในร้านหนังสือ
เขามักจะมาที่ร้านหนังสือแห่งนี้บ่อยครั้ง
ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในประตู เขาก็ถูกดึงดูดโดยปกของนิตยสารบนชั้นวางที่อยู่ข้างประตูทันที
‘เพลย์บอย’ นิตยสารสำหรับผู้ชาย
เขานั้นรู้จักผู้หญิงที่อยู่บนปกเป็นอย่างดี เธอคือไฮดี้รามาดาราภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่เคยได้รับการยกย่องจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในศตวรรษนี้
และเขาก็ได้ดูหนังของไฮดี้ลามาแล้ว
เขายังเก็บภาพของไฮดี้รามาไว้ด้วย
และตอนนี้เขาได้มาเห็นไฮดี้รามาบนนิตยสารอีกครั้ง แถมรูปภาพของนิตยสารฉบับนี้ก็น่าสนใจมากเช่นกัน
ชายคนนี้จึงเดินไปที่ชั้นวางนิตยสารและเอื้อมมือไปหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดดู
ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่ามันมีแค่รูปอยู่บนหน้าปกแต่เมื่อเขาได้เปิดมันออก
เขาก็พบว่ารูปข้างในนั้นสวยกว่ามาก
มันมีรูปถ่ายสุดเซ็กซี่ของไฮดี้รามาอยู่ข้างในรวมถึงรูปถ่ายๆ ของนางแบบที่ยังเด็กและสวยงามอยู่อีก
ชายคนนี้จึงเดินไปหาเจ้าของร้านพร้อมกับนิตยสารในมือ
“ฉันอยากได้นิตยสารฉบับนี้”
เจ้าของร้านยิ้ม “สามดอลลาร์ครับ”
เขาชะงักอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็หยิบนิตยสารขึ้นมาพลิกดูราคา
ซึ่งราคาของมันก็สามดอลลาร์จริงๆ
เขาพูดในใจว่ามันแพงมาก
ถ้าเทียบกับราคาของนิตยสารอื่นๆ
แต่เขาก็ไม่ลังเลและเขาก็ยังคงจ่ายเงินสำหรับมัน
……
แผงหนังสือทั่วสหรัฐอเมริกา
คนนับไม่ถ้วนต่างก็เห็น ‘เพลย์บอย’ และถูกดึงดูดโดยมันทันที
และเมื่อถามถึงราคาพวกเขาก็ตกใจกับราคาที่สูงมาก
แต่บางครั้งก็อย่าไปสงสัยในอำนาจการใช้จ่ายของผู้คนเลย
ตามสถิติพบว่า
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวนเศรษฐีในสหรัฐอเมริกามีประมาณ 50,000 คนและมีครอบครัวระดับกลางประมาณหนึ่งล้านครอบครัว
ซึ่งพวกเขามีรายได้ต่อปีเป็นหมื่นๆ ดอลลาร์
แล้วมูลค่าของชิ้นนี้นะหรือ?
ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น
เมื่อมีคนเชื่อว่าของมีค่าควรแก่การเป็นเจ้าของ บางคนก็เห็นด้วยว่าราคาของมันต้องสูง
และก็จะมีคนขอซื้อ ‘เพลย์บอย’ จากคนอื่นอย่างแน่นอน
เพื่อนและเพื่อนร่วมชั้นจะเห็นมัน
พร้อมกับที่จะมีคนรู้จักนิตยสารเพลย์บอยมากขึ้นและไปซื้อนิตยสารเหล่านี้ในภายหลัง
…
ซึ่งผู้คนจำมากต้องการมาซื้อนิตยสารฉบับนี้ แต่เพียงผ่านไปสองสามวันพวกเขาก็พบว่ามันขายหมดแล้ว
พร้อมกับผลตอบรับการขายตามสถานที่ต่างๆ ทำให้เฮฟเนอร์ตกใจและพูดไม่ออกเมื่อเขาเห็นรายงานการขายนิตยสาร เพราะนิตยสารที่เขาเคยทำเมื่อก่อนมันมียอดขายเพียงไม่กี่พันฉบับซึ่งเป็นจุดสูงสุด และลดต่ำลงมาเหลือไม่กี่ร้อยฉบับในเวลาต่อมา
แต่ตอนนี้มันขายได้ถึง 50,000 ฉบับ แถมราคามันยังสูงมากอีก
และเขาไม่ได้ขาดหวังว่ามันจะขายไปได้เร็วขนาดนี้
เขาไม่เคยโดนยอดขายที่ทำให้ตกใจขนาดนี้มาก่อน
“พระเจ้า 50,000 ฉบับถูกขายหมดเกลี้ยง! มันเพิ่งจะผ่านไปสามวันเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ!”
เฮฟเนอร์โทรหาฮาร์ดี้เพื่อรายงานข่าวดี ซึ่งตอนนี้เขาก็ตื่นเต้นกับมันมาก
“คุณฮาร์ดี้นิตยสาร ‘เพลย์บอย’ นั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก นิตยสาร 50,000 ฉบับตอนนี้ได้ถูกขายออกไปหมดแล้ว! และผู้คนจำนวนมากก็เรียกร้องให้พิมม์มันขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วย”
“นายช่วยบอกฉันเกี่ยวกับยอดขายในที่ต่างๆ ได้ไหม?”
“ได้ครับ! นิวยอร์กนั้นมียอดขายสูงที่สุด ลอสแอนเจลิสขายได้ 5000 ฉบับ ชิคาโก ฮุสตัน ฟิลาเดลเฟียยอดขายทั้งหมดที่ 2000 ฉบับ และเมืองอื่นๆ อีก 1000 ฉบับ และผู้ขายหนังสือก็รายงานว่าเกือบทั้งหมดได้ขายหมดแล้ว “
นิวยอร์กเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกามันมีประชากรมากกว่า 3 ล้านคน แต่กลับขายได้แค่เพียง 7,000 ฉบับ ส่วนลอสแองเจลิสที่ตอนนี้มีประชากรหนึ่งล้านคนกลับขายได้ถึง 5,000 ฉบับ
ฮาร์ดี้เข้าใจแล้ว
ในยุคอนาคต ‘รีดเดอร์สไดเจสต์’ ขายได้ 9 ล้านฉบับในการวางขายครั้งแรก 30 ล้านฉบับเมื่อถึงจุดสูงสุดในช่วงเวลาต่อมาแต่เพลย์บอยกลับขายได้แค่ 7 ล้านฉบับของจุดสูงสุด
จะเห็นว่ามีคนซื้อมันไม่มานัก แต่กุญแจสำคัญคือ ‘มีคนชอบมันหรือไม่’ มากกว่า
“พิมพ์มันขึ้นมาอีกได้เลย! อีก 50,000 ฉบับ” ฮาร์ดี้กล่าว