อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 114 ตุ๊กตาบาร์บี้ (Barbie)

ตอนที่ 114 ตุ๊กตาบาร์บี้ (Barbie)

ฮาร์ดี้ขับรถไปที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียเพื่อไปรับฮันเยจิน 

เพราะเมื่อ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ออกฉาย ฮาร์ดี้ได้บอกกับฮันเยจินไว้ว่าจะเชิญเธอมาดูภาพยนตร์ด้วยกัน

แต่ช่วงเวลานั้นเขายุ่งมากและเพิ่งจะมีเวลาก็ตอนนี้ 

เขาจึงโทรหาฮันเยจินและนัดกับเธอว่าจะไปรับที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียและไปดูภาพยนตร์แถวๆ นั้น

รถจอดรออยู่ข้างล่าง

พร้อมกับที่สาวสวยสองคนเดินออกมาจากทางเดิน 

คนหนึ่งเป็นหญิงสาวชาวเอเชียที่ดูอ่อนโยนและสง่างาม 

คนหนึ่งเป็นหญิงสาวผมบลอนด์ที่ดูสูงและสดใส

นักศึกษาชายที่เดินผ่านประตูของหอพักอดไม่ได้ที่จะมองไปที่สาวสวยทั้งสอง

“สวัสดี เยจิน!”

“สวัสดีอิริน่า เธอก็จะออกไปข้างนอกด้วยเหมือนกันเหรอ?” ฮาร์ดี้ทักทายสาวงามทั้งสองด้วยรอยยิ้ม

อิริน่าขมวดคิ้วขึ้นและเอามือปิดหน้าอกของเธอ “ฉันเสียใจจริงๆ ที่คุณพาเยจินไปดูภาพยนตร์ด้วย แต่กลับไม่ได้ชวนฉันไปด้วย!”

“อิริน่าอย่าทำแบบนี้สิ” ฮันเยจินกล่าวกับเธอและมองไปที่ฮาร์ดี้ “ฉันขอพาเธอไปด้วยได้ไหม?”

แล้วเขาจะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ยังไง?

มันก็ต้องได้สิ!

จากไปกันแค่สองคนกลายเป็นสามคนซะแล้ว

ทั้งสามขับรถออกจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียเพื่อไปทานอาหารเย็นกันก่อน 

ซึ่งมีการพูดคุยเกี่ยวกับบริษัทประมูลระหว่างมื้ออาหารนิดหน่อย และพวกเขาก็เดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์เมื่อตอน 1 ทุ่มพร้อมกับที่นั่งติดกันสามคน

“เยจินฉันขอไปห้องน้ำก่อน ทั้งสองคนเข้าไปก่อนก็ได้นะ” อิริน่ากล่าว

ฮาร์ดี้และฮันเยจินไม่ได้คิดอะไรมาก ทั้งสองจึงเดินหาที่นั่งและก็นั่งลง 

ไม่นานหลังจากนั้นอิริน่าก็กลับมา พร้อมกับที่เธอยืนอยู่อีกด้านของฮาร์ดี้และพูดว่า “ให้ฉันนั่งตรงนี้นะ”

ทันใดนั้นเธอก็เข้าประชิดตัวฮาร์ดี้ตรงที่นั่งตรงกลาง

ตอนนี้เลยกลายเป็นเด็กผู้หญิงสองคนได้นั่งขนาบข้างฮาร์ดี้เสียแล้ว

หลังจากที่อิริน่านั่งลง เธอก็คล้องแขนของฮาร์ดี้อย่างเป็นธรรมชาติ 

ฮันเยจินก็มองไปที่เพื่อนร่วมห้องของเธอพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเธอ

ก่อนที่ภาพยนตร์จะเริ่ม อิริน่าก็ถามว่า “บอส ตอนนี้รายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เท่าไหร่แล้ว?”

“ตอนนี้มันก็ 11 วันแล้วที่ภาพยนตร์ฉายอยู่ในโรงหนัง ทำให้มันทำเงินได้ถึง 4.3 ล้านดอลลาร์ และเอ็มจีเอ็มก็ประเมินว่ามันอาจจะทำงานเงินได้ถึง 7 หรือ 8 ล้านดอลลาร์” ฮาร์ดี้กล่าว

“ว้าว! ด้วยรายได้ที่สูงขนาดนี้แสดงว่ามันอาจจะกลายเป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้สูงสุดของปีนี้หรือเปล่า?”

“ก็หวังว่านะ…”

“แล้วบอสได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่?”

“มากกว่า 2 ล้าน”

“ได้กำไรจำนวนมากขนาดนี้ คุณลงทุนไปเท่าไหร่?”

“ลงทุนไปแค่ 200,000 ดอลลาร์…”

“ว้าว! ได้กำไรตั้งสิบเท่า การทำภาพยนตร์มันได้กำไรขนาดนี้เลยเหรอ!” อิริน่าอุทานออกมา

ฮาร์ดี้ส่ายหัว “ถ้าถ่ายทำภาพยนตร์สิบเรื่อง เจ็ดเรื่องก็จะไม่ได้อะไรเลย และอาจจะมีแค่หนึ่งเรื่องที่เท่าทุนหรือหนึ่งเรื่องทำกำไรเท่านั้น ซึ่งถ้ามองการถ่ายทำภาพยนตร์ดีๆ มันจะไม่ได้ทำกำไรอะไรมากนัก”

เอริน่ากลอกตาและพูดด้วยรอยยิ้ม “บอส ถ้าคุณทำเงินได้มาก คุณจะเอาเงินมาให้บริษัทประมูลมากขึ้นไหม? มันจะช่วยให้เราตัดสินใจซื้อของโบราณได้เยอะขึ้นจริงๆ นะ”

เมื่ออิริน่าพูดอยู่แขนเธอก็ถูไถฮาร์ดี้อย่างต่อเนื่อง 

นี่เธอวางแผนที่จะขอเงินจากเขาหรือ?

“ตอนนี้ฉันยังไม่มีเงินอีกสักพักใหญ่เลยๆ และคาดการณ์ว่าน่าจะประมาณปีหน้าฉันอาจจะทำเงินกับบริษัทของฉันได้สักที่หนึ่ง แต่ฉันก็จะให้เธอก่อน 100,000 ดอลลาร์ในเดือนหน้า” ฮาร์ดี้กล่าว

“ขอบคุณค่ะ บอส” อิริน่าขอบคุณเขาเบาๆ

คุณจะรู้สึกอย่างไรที่หัวหน้าให้รางวัลและพนักงานก็ขอบคุณหลังจากทำตัวน่ารักแบบนี้…

มันก็เหมือนกับภาพมายา

ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยใส่ใจมันเหมือนกัน

แม้ฮาร์ดี้จะบ่นว่าไม่ค่อยมีเงินแต่เงินแค่หนึ่งแสนหรือสองแสนดอลลาร์นั้นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว 

ซึ่งเงินที่มอบให้กับบริษัทประมูลก็ใช้เงินสดได้เหมือนกัน

ซึ่งเงินสดก็สามารถนำมาจากแก๊งค์ได้

และวิธีการฟอกเงินที่เขาสามารถทำได้ก็มีสามวิธีคือการสร้างภาพยนตร์ คาสิโน และวัตถุโบราณ 

ตอนนี้ฮาร์ดี้ก็ทำมันทั้งหมดแล้ว

ส่วนการฟอกเงินที่ดีที่สุดก็คือคาสิโน เพราะมันเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาที่การการพนันนั้นถูกต้องตามกฎหมาย 

ไม่ว่าเงินจะมาจากแหล่งไหนคุณก็แค่ไปเดินรอบๆ คาสิโนในลาสเวกัส 

มันก็จะออกมาเป็นเงินถูกกฎหมายให้คุณเอง

การสร้างภาพยนตร์ก็มีข้อดีมากเช่นกัน 

มันไม่มีทางรู้อยู่แล้วว่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่มีบิลกี่ใบที่มีปัญหา 

แม้แต่เจ้าหน้าที่ทำงานเกี่ยวกับภาษีและมีอำนาจมากที่สุดก็ไม่สามารถหาคำตอบได้

ส่วนของโบราณก็ไม่มีใครรู้มูลค่าของมันเหมือนกัน 

ชามหนึ่งอาจขายได้สิบล้านหรือยี่สิบล้านล้านดอลลาร์ 

ส่วนต้นทุนของชามนั้นก็ไม่มีใครรู้!

ภาพยนตร์ได้เริ่มฉาย

ในที่สุดอิริน่าก็สงบลงเมื่อเสียงผิวปากดังขึ้น พร้อมกับฉากภาพยนตร์ของนักฆ่าเพชรตัดเพชรที่มีคนกำลังหันหลังและขี่ม้าอยู่

ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าตื่นเต้นมาก เพราะในตอนท้ายสุดที่เอวา การ์ดเนอร์ร้องเพลงสการ์โบโรห์แฟร์ก็มีคนเริ่มร้องตามด้วย เมื่อเดินออกจากโรงภาพยนตร์ ฮันเยจินก็ถามขึ้นมาทันทีว่า “คุณเอวาการ์ดเนอร์สวยมากจริงๆ เธอเป็นนักแสดงของบริษัทคุณใช่หรือไม่?”

“ใช่!”

“เพลงที่เธอร้องมันเพราะมากเลย คุณช่วยขอลายเซ็นให้ฉันหน่อยได้ไหม…” ฮันเยจินกล่าว

“ไม่มีปัญหา และก็จะมีของที่ดีกว่าให้ด้วย เพราะเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทของฉันกำลังสร้างอัลบั้มเพลงให้กับเอวา เมื่ออัลบั้มของเธอออกมาฉันจะขอให้เอวาเซ็นและนำมามอบให้กับคุณ” ฮาร์ดี้กล่าว

“จริงเหรอ?”

“คุณฮาร์ดี้ ฉันก็อยากได้เหมือนกัน!” อิริน่าโน้มตัวมาและพูดกับเขา

“ไม่มีปัญหา”

……

สองวันต่อมา

ข่าวดีก็มาจากแอนดี้ ก็คือเขาได้ซื้อโรงงานของเล่นแล้ว

ซึ่งขั้นตอนการซื้อโรงงานของเล่นนั้นก็ค่อนข้างง่าย 

มันมีแค่หัวหน้าที่เป็นเจ้าของโรงงานเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้ถือหุ้นรายย่อยก็มีแค่ 5 % เท่านั้น 

ซึ่งตอนนี้โรงงานก็ขาดทุนอยู่ และไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ 

ทั้งสองจึงมีความคิดที่จะขายโรงงานอยู่แล้ว…และแอนดี้ก็ให้ราคาที่สมเหตุสมผล

ด้วยเงินแค่ 68,000 ดอลลาร์ 

เขาก็เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดได้

ถึงแม้หัวหน้าโรงงานจะไปหารือกับผู้ถือหุ้นรายย่อย

แต่พวกเขาก็ขายอยู่ดี

ศูนย์ตลาดหลักทรัพย์ลอสแองเจลิส

ที่ห้องพักของเจ้าหน้าที่อาวุโส

หน้าต่างที่ตรงนี้นั้นสามารถมองเห็นล็อบบี้ที่อยู่ข้างล่างได้ทุกอย่าง 

ซึ่งตอนนี้กำลังมีคนห้าหรือหกคนนั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะ 

บนโต๊ะตรงหน้ามีโทรศัพท์เป็นโหลและหนังสือหนาๆ สองสามเล่ม

คนเหล่านี้เป็นเทรดเดอร์มือฉมังที่ได้รับการว่าจ้างจากแอนดี้ 

พวกเขาทุกคนล้วนมีประสบการณ์มากกว่าห้าปีสำหรับวงการนี้

ฮาร์ดี้เปิดประตูและเดินเข้ามา

เขาเห็นเทรดเดอร์ทุกคนกำลังถือโทรศัพท์และทำการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง 

บางคนถึงกับถืออันหนึ่งไว้ในมือขณะที่อีกอันหนีบไว้ที่คอ

แอนดี้เห็นบอสเดินเข้ามา เขาจึงเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม

“เป็นยังไงบ้าง?” ฮาร์ดี้ถาม

“ผมกำลังล้างตลาดหุ้นอยู่ในตอนนี้ ด้วยการซื้อเข้าและขายออกไปแบบซ้ำๆ เพราะผมกำลังดึงหุ้นจากนักลงทุนที่เหลืออยู่และจากที่ผมคิดเราอาจจะได้คืนมาถึง 50% แล้วก็จะดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้” แอนดี้อธิบาย

ฮาร์ดี้คิดออกได้อย่างหนึ่ง เขาจึงคำถามนี้ไป “แล้วถ้าคู่แข่งของเราที่ทำแบบเรามาสร้างปัญหาล่ะ?”

แอนดี้ยิ้มและพูดว่า “ฮ่าๆ กระดานทั้งหมดตอนนี้มีไว้สำหรับนักล่า เมื่อมีคนอื่นเห็นว่าเรากำลังล่าอยู่ พวกเขาก็จะไม่เข้ามาสร้างปัญหาเพราะเรานั้นสามารถโยกย้ายไปที่อื่นได้ตลอดเวลา”

“คิดดูสิ ถ้าคนสองคนกำลังมองหาเหยื่อในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการเดินมาข้างหน้าและเจรจาดำเนินงานร่วมกัน เพราะถ้าต้องเผชิญหน้ากันมันไม่มีทางทำเงินไปด้วยได้แน่ๆ ตัวอย่างเช่นถ้ามีใครมาซื้อหุ้นในโรงงานของเล่นกับเรา เขาจะต้องเพิ่มราคาหุ้นเพื่อที่จะได้หุ้นเราไป และผมก็จะขายมันทั้งหมดให้กับเขา เพราะเราได้กำไรกับมันแล้วและก็ออกจากตลาดหุ้นไป ทำให้เขาจะติดดอยอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าทำงานร่วมกัน…มันก็จะเป็นนักลงทุนรายย่อยที่รับกรรมไปแทน”

//(เม่า) 

ฮาร์ดี้เข้าใจแล้ว

“ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยจึงเป็นเหยื่อของทุกคนใช่ไหม?”

“ใช่ โบรกเกอร์ บริษัทการเงิน บริษัทหุ้น และสถาบันกองทุนเหยื่อของคนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นนักลงทุนรายย่อย”

“บางครั้งผมก็ได้ข่าวการดวลกันระหว่างสถาบันขนาดใหญ่และบริษัททางการเงิน มันก็อาจจะมีเหตุผลอื่นๆ ที่พวกเขาทำแบบนั้น เพราะมันก็เหมือนจระเข้ในบ่อน้ำ ซึ่งอาหารของจระเข้จะไม่มีทางเป็นจระเข้ตัวอื่นได้นอกจากปลาพวกนั้น”

ในความเป็นจริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพรามันก็แค่การซื้อและขายอย่างต่อเนื่องเท่านั้นเอง

ไม่ใช่ว่าไม่มีใครในตลาดจะมองไม่เห็นสถานการณ์นี้ คนที่มีความรู้เพียงเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นบางแง่มุมได้ 

ซึ่งคนเหล่านี้จะมองดูหุ้นโรงงานของเล่นที่เกือบจะไม่มีศักยภาพและไม่มีใครให้ความสนใจ

ท้ายที่สุดเขาก็มีเส้นทางเอาตัวรอดได้ ถึงแม้จะเส้นทางที่หอมหวานแค่ไหน แต่มันก็อาจจะทำร้ายเราได้เมื่อเราเผชิญหน้ากับคนอื่น

ในที่สุด

แอนดี้ใช้เวลาเพียงสามวันในการล้างกระดานหุ้น และดูดหุ้นมาได้ 75.5% ของหุ้นที่ค้างชำระอยู่ 

ในราคาเพียง 0.22 ดอลลาร์ต่อหุ้น

และก็ถึงเวลาดำเนินการขั้นตอนต่อไป

ฮาร์ดี้และแอนดี้จึงไปที่โรงงานของเล่นพร้อมกับกลุ่มผู้บริหารโรงงานที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว 

ซึ่งเหล่าคนงานได้ถูกยุบไปก่อนหน้านี้ และของเล่นก็ยังไม่สามารถขายได้ 

ซึ่งก็มีคนที่อยู่ในโรงงานเหมือนกันก็คือช่างเทคนิค 2 คน

และมันก็คือความหวังของเขา

หลายคนที่นำโดยแอนดี้จะต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินงานในอนาคต 

ฮาร์ดี้จึงเรียกคนงานที่มีทักษะสองคนนั้นมาพบและหยิบกระดาษในกระเป๋าออกมา

“สิ่งนี่สามารถผลิตออกมาได้ด้วยเหรอ?”

คนงานหยิบภาพวาดขึ้นมาและวิจารณ์มัน 

ในภาพนั้นมีตุ๊กตาตัวหนึ่งที่สวยงามมาก มันมีผมสีน้ำตาล รูปร่างเพรียวบางพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงาม 

ซึ่งมันจะคล้ายกับเอวา การ์ดเนอร์อยู่นิดหน่อย

นอกจากนี้ยังมีคำนวณความสูงและการขนาดของตุ๊กตาไว้ด้านล่าง

เธอสูงขนาด 24 เซนติเมตร สัดส่วนที่คำนวณออกมาคือ 39-18-33 และมีตามีฟ้า

ชื่อของมันคือ ‘เจ้าหญิงเอวา’

อายุ 24 ปี

คุณสมบัติ โตเต็มวัยและสวยงดงาม

ภาพที่สองแสดงให้เห็นตุ๊กตาที่มีผมสีดำเห็นได้ชัดว่าตุ๊กตาตัวนี้ดูเล็กไปหน่อย 

แต่โดยรวมก็ทำให้มันน่ารักมากขึ้นไปอีก 

ซึ่งมันก็ดูเหมือนเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ถึงเจ็ดส่วน

มันสูง 21 เซนติเมตร สัดสวนคำนวณได้คือ 35-16-31 และมีดวงตาสีม่วง

ชื่อคือ ‘เจ้าหญิงเทย์เลอร์’

อายุ 16 ปี

คุณสมบัติ นุ่มฟู่และน่ารัก

ภาพที่สามเป็นตุ๊กตาที่มีใบหน้าตรงผมสีดำ 

ลักษณะใบหน้าของมันดูเหมือนคนเอเชียผิวมีความละเอียดอ่อน อ่อนโยนและมีศักดิ์ศรี 

ซึ่งรูปลักษณ์ของมันก็ค่อนข้างคล้ายกับฮันเยจิน

ความสูง 23 เซนติเมตร สัดสวนวัดได้ 36-17-31 และดวงตาก็เป็นสีดำพลอย

ชื่อ ‘เจ้าหญิงจีน’

อายุ 20 ปี

คุณสมบัติ งดงามและน่าสัมผัส

“พวกคุณสามารถสร้างตุ๊กตาพวกนี้ได้ไหม?” ฮาร์ดี้ถาม

พนักงานกล่าวว่า ” มันสามารถทำได้ตราบใดที่เครื่องมือบดได้รับการแก้ไข เพราะมันก็ไม่ต่างจากของเล่นก่อนหน้านี้มากนัก เพียงแต่ว่าสิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ เส้นผม ดวงตา และขนตาพวกนี้มากกว่า มันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาอีกอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าและเครื่องประดับเหล่านี้ ที่เป็นงานยากถ้าทำคนเดียว”

ฮาร์ดี้โบกมือ “ไม่สำคัญว่าจะเป็นปัญหาอะไร สิ่งที่ผมต้องการคือตุ๊กตาทุกตัวจะต้องทำอย่างประณีตและเสื้อผ้าก็ต้องดูสวยงาม”

คนงานที่มีทักษะทั้งสองคนถามด้วยความประหลาดใจ “ถ้าทำแบบนั้นกับตุ๊กตาตัวนี้ ผมกลัวว่าค่าใช้จ่ายจะมากกว่า 2 ดอลลาร์ ซึ่งตุ๊กตาราคาแพงแบบนี้จะขายได้ยังไง?”

ตุ๊กตาหมีของเล่นที่พวกเขาเคยทำมาก่อน มันยังไม่สามารถขายออกไปได้เลยและก็มีของอยู่เต็มโกดังไปหมด

แล้วถ้าทุนมันมากกว่า 2 ดอลลาร์ล่ะ?

ความคิดของฮาร์ดี้คือตุ๊กตาบาร์บี้ดังกล่าวจะต้องขายในราคาชุดละ 15.8 ดอลลาร์ 

เพราะในอนาคต

พวกเขาสามารถผลิตเสื้อผ้าและเครื่องประดับได้นับไม่ถ้วน

แม้แต่สัตว์เลี้ยงทั้งหมดนี้ก็สามารถขายแยกได้อีก

มันเหมือนกับโรงงานขายกระเป๋าหนังสัตว์

จะแพงแค่ไหนมันก็ไม่สำคัญหรอก 

เพราะในโลกนี้บางคนก็กำลังแสวงหาสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้อยู่ 

และจากนี้ไปตุ๊กตาบาร์บี้จะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยในอุตสาหกรรมของเล่น

เขาจึงสั่งให้ทีมบริหารลงทะเบียนลิขสิทธิ์เต็มรูปแบบสำหรับตุ๊กตาบาร์บี้เหล่านี้

นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีทีมเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ช่างตัดเสื้อมืออาชีพก็จำเป็น และยังต้องนำเครื่องจักรมาจากโรงงานของเล่นเดิม พร้อมกับหาผู้ผลิตรายอื่นเพื่อซ่อมเครื่องมือขัดแล้วก็รับสมัครคนงานฝ่ายผลิตและอื่นๆ

“เอาล่ะ! แอนดี้ตอนนี้ได้เวลากระจายข่าวของเราออกไปแล้ว” ฮาร์ดี้กล่าว

Leave a Comment

ไม่ดี!