ตอนที่ 111 ยืมเงิน?
ภาพยนตร์เรื่อง ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมในลอสแอนเจลิสเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมในนิวยอร์ก ชิคาโก ฟิลาเดลเฟีย ดีทรอยต์ แอตแลนตา ซึ่งในเมืองเหล่านี้ก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน
หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้รายงานว่า
การเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ นั้นแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร มันไม่เหมือนกับแค่การสร้างถิ่นฐาน ต่อสู้กับชาวอินเดียน หรือแค่เจอเหมืองทองคำ การปล้นและการฆ่าแบบไม่มีเหตุผล
ซึ่งพวกเขาคิดว่าหนังเรื่องนี้ได้สร้างแนวทางใหม่ๆ ขึ้นมา
พวกเขาจึงเรียกมันว่าเวสเทิร์นไครม์ (Western Crime)
“ปืน ม้า ตะวันตก การผิวปาก ด้านหลังของชายที่เดินออกไปอย่างช้าๆ ฉันคิดว่านี่แหละคือหนังตะวันตกในความคิดของฉัน ตัวเอกเป็นนักล่าเงินรางวัล คนเร่รอน และคนที่มีฝีมือ การต่อสู้เพื่อความกล้าหาญ เสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร นี่แหละคือภาพยนตร์คาวบอย”
“แถมนักแสดงผู้หญิงก็สวยมาก เธอร้องเพลงได้ไพเราะจริงๆ และเพลง Scarborugh Fair ก็เป็นเพลงที่ฟังยังไงก็ไม่เบื่อ ถึงแม้จะมันจะมีแค่ตอนท้ายของช่วงเครดิตภาพยนตร์แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเข้ามาฟังในโรงหนัง ซึ่งฉันก็หวังว่าเอวา การ์ดเนอร์จะบันทึกเสียงออกมาขาย ฉันจะซื้อมันอย่างแน่นอน”
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์เหล่าผู้ชมหลังจากชมภาพยนตร์เสร็จแล้ว
การประเมินของภาพยนตร์ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ณ ตอนนี้มีความชื่นชมสูงมาก
“ผมชอบหนังเรื่องนี้”
“หนังเรื่องนี้สนุกมากและก็ยังอบอุ่นใจมากด้วย จอนเขาได้ลงมือฆ่ากองกำลังทั้งสองเพียงลำพัง เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ”
“เมริซาก็สวยมาก การร้องเพลงของเธอก็ไพเราะมากๆ มันรู้สึกดีที่ได้ดูเธอร้องเพลงในจอภาพยนตร์ มากกว่าที่จะฟังจากแผ่นเสียงอีก แม้ฉันจะดูเธอร้องเพลงแค่ไม่กี่นาที ฉันก็ยังอยากจะกลับไปซื้อตั๋วและเข้าไปดูภาพยนตร์อีกครั้ง”
ภาพสุดท้ายที่เอวาเดินออกมาร้องเพลง พวกเขาไม่เคยเห็นมากันจึงไม่มีภูมิต้านทานกับฉากๆ นี้
ด้วยการโฆษณาของหนังสือพิมพ์และจากคำชมของผู้เข้าไปดูมาแล้ว
ทำให้ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ยังคงมีอัตราการเข้าชมที่สูงอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
คฤหาสน์เมเยอร์
มีการจัดปาร์ตี้ในคืนนี้ และดาราดังมากมายก็กำลังมาที่นี่
เอวา การ์ดเนอร์สวมชุดราตรีบางๆ เป็นชุดเดรสที่สง่างามสำหรับค่ำคืนนี้
ซึ่งตอนนี้เธอกำลังถูกล้อมรอบด้วยผู้คนมากมาย
เธอคิดถึงครั้งสุดท้ายที่เธอมาเข้าร่วมปาร์ตี้ของเมเยอร์ ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร
พวกเขาคงคิดว่าเธอเป็นแค่หญิงสาวที่เพื่อนๆ พามาเท่านั้น
ทว่าตอนนี้เธอกลายมาเป็นจุดสนใจแล้ว
ความสำเร็จของ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ทำให้เธอเป็นหนึ่งในดาวเด่น และยังกลายเป็นคนที่ทุกคนต้องการตัวอีกด้วย
เมเยอร์มองไปที่เอวาในระยะไกล เขาหันมายิ้มและพูดกับฮาร์ดี้ว่า “ฮาร์ดี้คุณได้พบกับสมบัติแล้ว ด้วยความสวยของเอวา ทักษะการแสดงของเธอ ฉันเชื่อเลยว่าเธอจะกลายเป็นดาราดังในอนาคต”
“ฮ่าๆ ใครๆ ก็รู้ว่าคุณเมเยอร์เป็นยักษ์ใหญ่ที่สร้างดาราดังมากมายในฮอลลีวูด และเหล่าดาราที่มาจากเอ็มจีเอ็มก็มี เกเบิล ครอว์ฟอร์ด วีเวียน การ์โบ ซึ่งในรายชื่อเหล่านี้มีใครบ้างที่ไม่ใช่ดาราดัง?” ฮาร์ดี้กล่าว
เมเยอร์หัวเราะ
สิ่งนั้นก็คือความสำเร็จของเขาอย่างแท้จริง
“ฮาร์ดี้ภาพยนตร์เรื่อง ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ทำเงินได้ดีมาก ฉันคิดว่าถ้ายังโด่งดังแบบนี้อยู่ มันน่าจะมีผู้เข้าชมถึง 8 ล้านแน่ๆ เพราะตอนนี้พึ่งจะเป็นเดือนพฤศจิกายน ฉันคิดว่าภาพยนตร์นักฆ่าเพชรตัดเพชรมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแชมป์ของบ็อกซ์ออฟฟิศในปีนี้อย่างแน่นอน”
“แต่เราก็ได้ด้วยกันทั้งคู่ใช่ไหม?” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
“เมเยอร์ผมได้ขอให้บริษัทของผมส่งภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเข้าประกวดรายการ Golden Globe Awards และออสการ์ของปีนี้แล้ว ซึ่งผมก็หวังว่าคุณจะช่วยผมได้ในเวลานั้น” ฮาร์ดี้กล่าว
เพราะในอนาคตเมเยอร์จะมีผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากมาย และเขาก็ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘บิดาแห่งรางวัลออสการ์’
ในปี 1926 เมเยอร์เสนอให้ผู้สร้างภาพยนตร์รวมตัวกันและเรียกร้องให้มีการจัดตั้งสหภาพแรงงานขึ้น เพื่อที่พวกเขาจะได้มีการจัดเรตติ้งของภาพยนตร์ได้
ด้วยวิธีนี้เมเยอร์จึงได้เป็นประธานคณะกรรมการของ ‘สถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์ภาพยนตร์ ในสหรัฐอเมริกา’ และต่อมาเขาก็ได้ออสการ์
เมเยอร์นั่งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการนาน 30 ปี เขาไม่ได้ลงจากตำแหน่งคณะกรรมการจนถึงปี 1950 และตอนนี้ที่ฮาร์ดี้ส่งภาพยนตร์ของเขาเข้าประกวด
เขาก็เลยต้องมาทักทายเมเยอร์ซะหน่อย
“การคัดเลือกของคณะกรรมการต้องมีความยุติธรรมเสมอ นี่คือส่วนที่น่าสนใจที่สุดของออสการ์ใช่ไหมล่ะ?” เมเยอร์พูดเบาๆ
“มันก็ใช่” ฮาร์ดี้ยิ้มและพยักหน้า
บางครั้งการเจรจาระหว่างคนที่มีความยิ่งใหญ่กว่ามันก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ดังนั้นฮาร์ดี้จึงพูดกับเขาตรงๆ และเมเยอร์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“นายมีแผนที่จะสร้างภาพยนตร์เพิ่มอีกไหม? ที่เอ็มจีเอ็มและเอชดีฟิล์มจะร่วมมือกันได้” เมเยอร์ถาม
“มันก็มีอยู่ตอนนี้ผมมีบทภาพยนตร์อยู่สองอัน เรื่องหนึ่งจะเป็นละครเพลงชื่อ ‘singin in the rain’ ที่จะออกแนวดราม่า และค่าใช้จ่ายที่คิดไว้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์”
“อีกเรื่องจะเรียกว่า ‘Across the world’ มันเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับโจร และค่าใช้จ่ายที่คิดไว้น่าจะประมาณ 2 ล้านเหรียญ”
เมเยอร์เริ่มสนใจทันที
“ฮาดี้เล่าเรื่องภาพยนตร์ สองเรื่องนี้ให้ฟังหน่อยสิ”
ฮาร์ดี้เล่าเรื่องของภาพยนตร์ singin in the rain ออกมาก่อน
“หนังเรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของนักแสดงสองคนที่เป็นดาราดังของภาพยนตร์แบบเงียบ และนักแสดงหญิงที่มีเสียงดีแต่หน้าตากลับไม่ได้ดีมากนัก”
“ในขณะที่เทคโนโลยีเจริญเติบโตและภาพยนตร์ที่มีเสียงได้ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งดาราดังหลายคนที่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามแต่เสียงของพวกเธอกลับไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ และบริษัทภาพยนตร์ก็ได้มาพบเธอ ซึ่งเสียงของเธอเป็นเสียงที่ไพเราะ และเธอก็ร้องเพลงได้ดี แต่เรื่องราวของเธอมีคนรู้ไม่กี่คนในช่วงนั้น”
ฮาร์ดี้เล่าเกี่ยวกับโครงเรื่องของภาพยนตร์อีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของตัวเอกที่ไม่ได้หลงรักหญิงสาวที่สวยงามเหล่านั้น แต่กลับมาตกหลุมรักหญิงสาวที่มีหน้าตาธรรมดาแต่มีเสียงที่ไพเราะ
ในที่ทำงาน ดอน และเคซี่เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายมาก ส่วนลีน่าเป็นคนขี้อิจฉาและคอยสะกดรอยตามพวกเขา
ซึ่งโครงเรื่องมันก็คล้ายกับซินเดอเรลล่าจริงๆ
หลังจากได้ยินเมเยอร์ก็พยักหน้า “เป็นเรื่องที่ดีเลย ฉันคิดว่ามันต้องเป็นหนังที่ออกมาดีแน่ๆ และอีกเรื่องชื่ออะไรนะ?”
“มันเป็นหนังที่เกี่ยวกับโจรกรรมชื่อ ‘Across the World’ มีโจรคนหนึ่งได้รับเลี้ยงเด็กกำพร้าสามคน หนึ่งชาย หญิงสองคนและฝึกให้พวกเขาเป็นโจรปล้นศิลปะ”
“จุดเริ่มต้นคือฉากการโจรกรรมที่ชาญฉลาดซึ่งมันจะทำให้สิ่งนี้ดูน่าตื่นเต้นมาก ซึ่งต่อมาพวกเขาก็ได้เข้าไปขโมยภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่ปราสาทเก่าแห่งหนึ่ง ทว่าพวกเขากลับโดนพบและถูกแยกออกจากกัน…”
โดยพื้นฐานแล้วฮาร์ดี้อยากจะปฏิบัตตามเรื่องราวของฟากึฮงกูที่โด่งดังไปทั่วโลกด้วยภาพยนตร์
เมเยอร์ฟังแล้วก็ครุ่นคิดถึงฉากการโจรกรรมที่น่าตื่นเต้น กลไกป้องกันการโจรกรรมและเทคนิคการปลดล็อกที่ออกแบบโดยฮาร์ดี้
เขาคิดว่าฉากพวกนี้น่าจะดึงดูดผู้ชมได้มากแน่ๆ
หลังจากที่ฮาร์ดี้พูดจบ เมเยอร์มองไปที่ฮาร์ดี้และพูดว่า “ฮาร์ดี้ฉันมองโลกในแง่ดีมากเกี่ยวกับหนังสองเรื่องที่นายพูด ถ้าอย่างนั้นเรามาทำด้วยกันดีไหม?”
“แน่นอน!” ฮาร์ดี้ตกลงอย่างเรียบง่าย
“นายมีนักแสดงที่อยู่ในใจสำหรับภาพยนตร์สองเรื่องนี้หรือเปล่า?” เมเยอร์ถาม
“นักแสดงของ singin in the rain ฉันคิดว่าฉันสามารถขอให้จอห์นนี่ ฟอนเทนเล่นได้ เขาเป็นนักร้องที่รู้จักกันดีในสหรัฐอเมริกา ในส่วนของนักแสดงนำหญิงที่เสียงดีผมคิดว่าจูดี้ การ์แลนด์สามารถรับบทนี้ไปได้ “
การสนับสนุนของฮาร์ดี้ในครั้งนี้ ไม่ใช่ต้องการที่จะสร้างความโปรดปรานกับจูดี้ การ์แลนด์ หรือจอห์นนี่ ฟอนเทน
แต่เขานั้นต้องการตอบแทนเจ้าพ่อมาเฟียคนนั้นมากกว่า
เมเยอร์ยิ้ม “ฮ่าๆ นักแสดงหญิงเสียงดีที่ดูธรรมดาคนหนึ่ง บทบาทนี้ช่างเหมาะกับจูดี้การ์ แลนด์ มันเหมาะมากจริงๆ”
“ส่วนนักแสดงของภาพยนตร์เรื่อง Across the world ผมคิดว่าให้เอวาเป็นนางเอกก็น่าจะดี”
เมื่อได้ยินฮาร์ดี้พูดถึงเอวา
เมเยอร์ก็เหลือบมองไปที่หญิงสาวท่ามกลางฝูงชนจากระยะไกล
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับฮาร์ดี้ที่จะส่งเสริมผู้หญิงของเขาเอง
“สำหรับผู้ชายหมายเลขหนึ่งผมคิดว่าเกรกอรี่ พาร์คเกอร์เป็นคนที่เหมาะสมมาก ส่วนชายหมายเลขสองผมยังไม่มีใครในใจตอนนี้ คุณสามารถหานักแสดงคนอื่นๆ มาได้เลย แต่ต้องเป็นชายหนุ่มที่ดูดีหน่อย” ฮาร์ดี้กล่าว
เกรกอรี่ พาร์กเกอร์อายุ 30 ปีแล้วในปีนี้ เมื่อปีที่แล้วเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทบาทของเขาในเรื่อง ‘Doctor Edward’ จึงทำให้เขาเพิ่งจะโด่งดังเมื่อไม่นานมานี้
เมเยอร์รู้สึกว่าบทบาทของเกรกอรี่ พาร์คเกอร์ที่เป็นผู้ชายหมายเลขหนึ่งนั้นเหมาะสมมาก
“ฉันคิดว่ามันโอเครหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราก็มาทำงานร่วมกันอีกครั้งในภาพยนตร์สองเรื่องนี้ ส่วนรายละเอียดก็ให้พนักงานของเราไปเจรจากันอีกที” เมเยอร์กล่าว
“ไม่มีปัญหา”
ฮาร์ดียิ้มและยกแก้วของเขาขึ้นไปชนกับเมเยอร์ เพราะทั้งสองได้บรรลุข้อตกลงจากการคุยกันแล้ว
และปาร์ตี้ก็จบลงแล้ว
ฮาร์ดี้กับเอวาขับรถออกไป เอวานั่งอยู่ที่ข้างคนขับและมองไปที่เขา “ฉันเห็นคุณคุยกับเมเยอร์ทั้งคืน พวกคุณคุยอะไรกันเหรอ?”
“ก็แค่พูดคุยเกี่ยวกับหนังเรื่องใหม่” ฮาร์ดี้กล่าว
“นี่คุณพร้อมที่จะสร้างหนังเรื่องใหม่อีกครั้งแล้วเหรอ?” เอวาถามอย่างรวดเร็ว
“ใช่”
“แล้ว…”
เอวาหยุดพูด
ฮาร์ดี้ยิ้ม
“มีหนังเรื่องหนึ่งชื่อ ‘Across the world’ มีนางเอกอยู่คนหนึ่ง เธอนั้นฉลาด มีความคล่องแคล่วและทำได้หลายอย่าง ซึ่งฉากนี้มีอะไรมากกว่าการแสดงปกติของผู้หญิง เธอเป็นผู้หญิงที่สมูบรณ์แบบและเป็นนางเอกของเรื่อง ซึ่งฉันอยากจะถามเธอว่า…เธอสนใจจะรับบทนี้ไหม?” ฮาร์ดี้ถาม
“เอาสิ!”
เอวารีบตอบด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณมากนะ…ฮาร์ดี้”
เอวากอดเขาและจูบอย่างรุนแรง
ซึ่งฮาร์ดี้กำลังขับรถอยู่และโชคดีที่เขาขับช้า แถมมีรถไม่กี่คันบนถนน ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว
ฮาร์ดี้รีบหักพวงมาลัย
เหยียบเบรกและรีบหยุดรถเข้าข้างทาง
เอวารีบกอดไปที่ฮาร์ดี้อย่างตื่นเต้น จูบเขาอย่างรุนแรงอีกครั้ง พร้อมกับที่รถเริ่มแกว่งไปแกว่งมาไม่นานหลังจากนั้น…
……
บริษัทภาพยนตร์ของฮาร์ดี้ได้ส่งภาพยนตร์เข้าประกวดที่ ‘เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส’ ‘Golden Globes’ และออสการ์เรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับที่ได้มีทีมงานไปพูดคุยกับเอ็มจีเอ็มเพื่อทำความร่วมมือเกี่ยวกับการสร้างหนังด้วยกัน
ฮาร์ดี้คิดในใจ
อาจจะต้องใช้การลงทุนประมาณ 2 ล้านดออลาร์สำหรับ 2 เรื่องนี้
ซึ่งก่อนที่จะราคาหุ้นของเหมืองแร่วอลช์จะเพิ่มขึ้น ฮาร์ดี้ได้ขอยืมเงินจากแอนดี้มา 1 ล้านเหรียญ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงพอแล้ว
ถึงตอนนี้เขาจะมีอุตสาหกรรมมากมาย
แต่พวกมันทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนการลงทุนและยังไม่มีกำไรออกมา
โรงผลิตน้ำแร่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
บริษัทประมูลก็มีแต่ใช้เงินและยังไม่ได้ทำเงินสักที
บริษัทเหมืองแร่วอลช์ก็ยังไม่ทำกำไรใดๆ และยังกู้เงินจากธนาคารโดยใช้หุ้นไปจำนองไว้อีก
โรงงานทีวียังติดหนี้แบงก์อยู่ 6 ล้านดอลลาร์
เอชดีโบร์กเกอร์ เอชดีฟิล์ม และภาพยนตร์ ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ก็ทำเงินได้ดี แต่กว่าเขาจะได้เงินก็ต้องรอถึงปีหน้า
ซึ่งมันก็เร็วที่สุดแล้ว
และบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้เป็นบริษัทที่ทำเงินอยู่ในตอนนี้อย่างแท้จริง
ขณะนี้บริษัทของเขาได้ลงนามข้อตกลงร่วมมือกับธนาคารได้ถึง 5 แห่งแล้ว ซึ่งรวมธนาคารแห่งอเมริกาไปด้วย
พนักงานของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ทั้งหมดตอนนี้มีมากถึง 900 คน และพวกเขาก็เป็นทหารผ่านศึกที่เคยผ่านสนามรบมาแล้ว
บริษัทรักษาความปลอดภัยได้ทำเงินให้เขา เพื่อที่จะเอาไปถลุงใช้จ่ายในอีกหลายที่…
แต่ฮาร์ดี้ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้เงินของพวกเขา
เขาสัญญาณกับแลนสเตอร์ว่าเงินทั้งหมดที่ได้รับหลังจากนี้จะถูกนำไปใช้พัฒนาบริษัทรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นอน
ซึ่งบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้พร้อมแล้วที่จะไปสู่ขั้นตอนต่อไป
ไปที่ซานฟรานซิสโกและเมืองอื่นๆ ในชายฝั่งตะวันตก
แต่ตอนนี้เขาขาดเงิน…
ฮาร์ดี้ถอนหายใจ
เขาโทรหาแอนดี้และพูดว่า “แอนดี้นายช่วยคุยกับธนาคารให้หน่อย ว่าเราจะสามารถใช้ภาพยนตร์เรื่อง ‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร’ ที่กำลังติดชาร์จอยู่บนบ็อกซ์ออฟฟิศและกู้เงินมาอีก 2 ล้านดอลลาร์ได้ไหม”
“เดี๋ยวผมจะไปถามธนาคารให้” แอนดี้ตอบรับและออกไป
ซึ่งแอนดี้ที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัท ฮาร์ดี้จึงไม่ต้องไปทำด้วยตัวเองเพราะแอนดี้นั้นทำได้ดีกว่าตัวเขา
ในเวลาเดียวกัน
โทรศัพท์ในห้องทำงานของฮาร์ดี้ก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบมันขึ้นมาเพื่อรับสาย และเสียงของซีเกลก็ดังออกมาจากโทรศัพท์
“ฉันเองฮาร์ดี้”
“คุณซีเกลเหรอ? ช่วงนี้คุณอยู่ที่ลาสเวกัสเป็นไงบ้าง?” ฮาร์ดี้ถามด้วยความเป็นห่วง
เสียงของซีเกลในโทรศัพท์ค่อยๆ เบาลง “คาสิโน ที่จอดรถ ร้านอาหาร โรงแรม หรือส่วนอื่นๆ ตอนนี้มันก็โอเครแล้ว แต่สิ่งอำนวยความสะดวก ความบันเทิง มันยังไม่เสร็จในตอนนี้อย่างแน่นอน และฉันก็เจอปัญหาใหญ่ระหว่างรีสอร์ทที่ฉันไปสำรวจไว้ด้วย”
ฮาร์ดี้รู้ว่าซีเกลต้องรีบทำขนาดนี้เพราะเขานั้นได้รับแรงกดดันมาจากคนในแก๊ง เดิมทีซีเกลคาดเดาไว้ว่ามันจะต้องเสร็จในช่วงกลางปีหน้า แต่คนเหล่านั้นกลับไม่อยากรอเพราะมันช้าเกินไป
“ฮาร์ดี้ฉันกลับมาที่ลอสแอนเจลิส และตอนนี้ฉันก็อยู่ที่บ้านแล้ว นายมาที่บ้านของฉันที ฉันมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องคุยกับนายหน่อย” ซีเกลกล่าว
“เอาล่ะ! ผมจะไปตอนนี้” ฮาร์ดี้ตอบ
เขาขับรถไปที่เบเวอร์ลี่ฮิลส์
ขับเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่ของซีเกล
ซึ่งบ้านของซีเกลนั้นใกล้เคียงกับเมเยอร์ที่เป็นหัวหน้าของเอ็มจีเอ็มเลยทีเดียว
ฮาร์ดี้เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
ซึ่งเป็นห้องนั่งเล่นที่ขนาดใหญ่ ว่างเปล่า และมีซีเกลที่นั่งอยู่คนเดียว
เมื่อซีเกลเห็นฮาร์ดี้ เขาก็พูดประโยคแรกว่า “ฮาร์ดี้ ฉันต้องการยืมเงินจากนาย!”