ตอนที่ 109 อวดดี!
หลังจากอาบน้ำกันเสร็จ ทั้งสองก็เปลี่ยนเสื้อแล้วออกไปทานอาหารเย็นที่ชั้นล่างด้วยกัน
“รู้สึกยังไงบ้าง ที่ได้ไปแสดงที่นิวยอร์กแกรนด์เธียเตอร์?” ฮาร์ดี้ถามเอวา
“มันเป็นการแสดงที่ฉันเคยฝันเกี่ยวกับมันเพราะ เรนาตา เทบัลดี จูเซปเปดิ สเตฟาโน ลิลลี่ เลห์แมนน์และศิลปินชื่อดังอีกมากมายได้แสดงที่นั่น ซึ่งฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่าวันหนึ่งฉันจะได้มาแสดงที่นี่ นายลองคิดดูสิว่ามันน่าตื่นเต้นแค่ไหน!”
เอวากล่าวด้วยความตื่นเต้น
ทั้งสองคุยกันตลอดแม้กำลังทานข้าวกันอยู่ และฮาร์ดี้ก็ไม่ได้พูดเรื่องโรบินเลย
หลังจากกลับมาที่โรงแรมเอวาก็เข้าไปในห้องนอนเพื่อแต่งหน้า ส่วนฮาร์ดี้ก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาไมค์ “ไมค์ พรุ่งนี้ฉันเกรงว่าคงจะไม่ได้ไปกับนายเพื่อเซ็นต์ชื่อที่ธนาคารแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ไมค์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะฮาร์ดี้ตกลงกับเขาแล้วว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะพากันไปที่ธนาคารเพื่อเซ็นสัญญาเงินกู้ด้วยกัน
“ฉันจะต้องเรียกคนจากลอสแอนเจลิสมาสอนบทเรียนให้ใครสักคนหน่อยนะ” ฮาร์ดี้กล่าว
ไมค์แปลกใจ
“นายจะสั่งสอนใคร? แล้วบอกได้ไหมว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?” ไมค์ถามอย่างรวดเร็ว
ฮาร์ดี้เล่าเรื่องของโรบินอีกครั้ง
“นักร้องรับเชิญคนหนึ่งที่ได้ไปโปรโมทภาพยนตร์ของฉันเมื่อวานนี้ เขาเห็นเอวาจึงอยากเรียกเธอออกไปด้วยกัน แต่เอวาได้ปฏิเสธผู้ชายคนนั้นและมันก็ขู่ว่าจะไม่ขึ้นแสดง นายไม่คิดเหรอ? ว่าฉันต้องให้บทเรียนกับเขาสักหน่อย”
ไมค์รู้สึกพูดไม่ออกนิดหน่อย
เขาคิดว่าฮาร์ดี้กำลังแกล้งเขาอยู่
เรื่องที่ต้องไปลงนามมันไม่ใหญ่กว่าเหรอ?
อันที่จริงฮาร์ดี้ไม่จำเป็นต้องไปเซ็นสัญญาก็ได้ เพราะไมค์นั้นเป็นประธานที่รับผิดชอบบริษัท ส่วนฮาร์ดี้เป็นแค่ผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง
ซึ่งไมค์ก็สามารถเซ็นสัญญาได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
แต่เขาอยากให้ฮาร์ดี้ไปด้วยเฉยๆ เพราะทั้งสองมีความทะเยอทะยานและความสนใจที่คล้ายกัน
และในช่วงเวลานี้พวกเขาได้กลายเป็นเพื่อนรักกันแล้ว
ซึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ ไมค์ก็หวังว่าฮาร์ดี้จะอยู่กับเขา
“ฮาร์ดี้ ลอสแอนเจลิสค่อนข้างไกลจากนิวยอร์กมากเลยนะ ไม่จำเป็นต้องโทรหาใครหรอก เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง ตกลงไหม?” ไมค์กล่าว
“ถ้านายจัดการเอง มันจะไม่ขัดกับหลักการของนายเหรอ?”
ไมค์เคยบอกกับฮาร์ดี้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับธุรกิจของครอบครัว
ไมค์ถอนหายใจ
“ฉันแค่บอกว่าฉันไม่ชอบสไตล์ของแก๊ง แต่ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วยเพื่อนเมื่อพวกเขาถูกรังแกนี่”
“และนี่ก็คือนิวยอร์คฝั่งตะวันออก ฉันเป็นคนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแถวนี้ ถ้ามันอยู่ในลอสแอนเจลิสฝั่งตะวันตก นายจะต้องเป็นคนลุยเองอยู่แล้ว”
“ฮ่าๆ ตกลง! ฉันจะฟังนาย ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวไปนอนก่อนล่ะ” ฮาร์ดี้ยิ้ม
ไมค์วางโทรศัพท์ลงพร้อมกับรอยยิ้มที่ช่วยไม่ได้บนใบหน้าของเขา
เพราะฮาร์ดี้ชายคนนี้ได้เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของเขาไปแล้ว
ซึ่งเขาเปลี่ยนจากการทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว เป็นการได้ทำอะไรร่วมกัน
ไมค์คิดอยู่พักหนึ่งและก็โทรหาคลีเมนซ่า
คลีเมนซ่าเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในครอบครัวของเจ้าพ่อมาเฟียวีโต้ คอร์เลโอเน
ตำแหน่งของเขาในครอบครัวนั้นคือผู้ออกคำสั่งของแก๊งและรับผิดชอบในการออกปฏิบัติงานตามคำสั่งของเจ้าพ่อมาเฟีย และอย่ามองว่าเขาเป็นแค่คนตัวเตี้ยและคนอ้วนคนหนึ่งเชียวล่ะ
เพราะว่าชายคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในครอบครัวคอร์เลโอเนแล้ว
“ลุงคลีเมนซ่า ผมไมค์เอง ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อยได้ไหม?” ไมค์กล่าว
“พูดมาเลยไมค์” คลีเมนซ่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขานั้นเห็นไมค์ตั้งแต่เขาเกิดจนเติบโตขึ้น
ซึ่งในบรรดาลูกๆ สามคนของเจ้าพ่อมาเฟีย เขานั้นชอบไมค์มากที่สุดเพราะเขารู้สึกว่าตัวตนของไมค์นั้นมีลักษณะคล้ายกับเจ้าพ่อมาเฟียคนเก่ามาก
“คู่หูของฉันทอม ฮาร์ดี้ที่คุณได้เจอเมื่อตอนรับประทานอาหารเมื่อไม่นานมานี้ เขามีบริษัทหนังในฮอลลีวู้ด และกำลังโปรโมทในนิวยอร์ค… “
ไมค์พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้คลีเมนซ่าฟัง
ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือแฟนสาวของฮาร์ดี้ได้ถูกนักร้องคนหนึ่งตามรังควาน และยังต้องการทำลายการโปรโมทที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้อีก
เพียงแค่เธอปฏิเสธชายคนนั้นเท่านั้นเอง
“มันก็แค่เรื่องน้อย เดี๋ยวผมไปจัดการให้แล้วพรุ่งนี้ศพของเขาจะนอนอยู่ที่หน้าประตูบ้านเอง” คลีเมนซ่ากล่าว
“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก เพื่อนผมบอกว่าแค่ให้บทเรียนสักเล็กน้อยก็พอ” ซึ่งไมค์ไม่ชอบฆ่าคนเพราะเรื่องเล็กๆ แค่นี่
“แค่สอนบทเรียนให้เขา? เอาแค่ไหนล่ะ แขนหัก ขาหัก หรือเลือดออกในสมองดี?”
“ผมคิดว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพียงแค่ให้เขารู้ว่าทำอะไรลงไปและกลับมาทำในสิ่งที่เขาต้องทำก็พอ”
ครีเมนซ่าวางสายจากไมค์ แตะคางของเขาและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่จะโทรหาเจ้าพ่อมาเฟียเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ไมค์ขอให้เขาทำเรื่องแบบนี้
เขารู้สึกว่ามันจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับเจ้าพ่อมาเฟีย
…
เจ้าพ่อมาเฟียได้ยินว่าไมค์ขอให้ครีเมนซ่าช่วยไปสอนบทเรียนให้คนอื่น ซึ่งตอนแรกเขาก็รู้สึกแปลกใจแต่ความรู้สึกต่อมาของเขาก็คือความพึงพอใจ
เพราะไมค์นั้นโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเคยคุยกับไมค์เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของแล้ว ซึ่งไมค์ก็ต่อต้านมาตลอดและเขาก็ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับครอบครัวทุกอย่าง
ถึงไมค์จะกลับมาจากกองทัพ เขาก็พยายามที่จะอยู่ห่างจากครอบครัวเสมอ
เขาหางานบรรณาธิการด้วยตัวเองและก็แค่กลับมากินข้าวที่บ้านเท่านั้น
เขาไม่ยอมติดต่อกับคนในครอบครัวเลย
วีโต้เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับลูกชายจะดำเนินต่อไปแบบนี้
ทว่ามันกลับมีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้น
ฮาร์ดี้ได้ปรากฏตัว และกลายเป็นเพื่อนกับไมค์
จากนั้นทั้งสองก็เริ่มก่อตั้งบริษัทด้วยกัน
เขาก็พบว่าไมค์ได้เปลี่ยนไปมากในตอนนี้ เพราะอย่างน้อยเขาก็เต็มใจที่จะยอมรับความคิดเห็นของเขา
และพึ่งพาครอบครัว
นี่คือความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
และเมื่อเขาได้ติดต่อกับฮาร์ดี้หลายครั้ง
เขาก็คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความคิดที่รอบคอบมาก
ไม่ดื้อรั้น
เข้าใจในสิ่งต่างๆ ได้ง่าย
มีความชำนาญในการควบคุมคนจากแก๊งใต้ดิน
ไม่หลงไปในทางที่ผิด
แล้วก็มีความเข้าใจในตัวเองสูงมาก
เจ้าพ่อมาเฟียมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของฮาร์ดี้
แล้วตอนนี้ผู้หญิงของฮาร์ดี้ถูกคุกคามโดยนักร้องคนหนึ่ง ซึ่งเขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่สมควรจบแค่การสั่งสอน
“คลีเมนซ่าอย่าใช้กำลังกับนักร้องที่ชื่อโรบิน แต่ให้เขารู้ถึงความร้ายแรงของสิ่งที่เขากำลังทำ และให้ไปเข้าร่วมการแสดงด้วย หลังจากนั้นก็จับเขาเซ็นสัญญาซะ” เจ้าพ่อมาเฟียกล่าว
“ผมเข้าใจแล้ว” ครีเมนซ่าตอบ
เรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว
หลังจากวางหูโทรศัพท์ เจ้าพ่อมาเฟียก็โทรหาคนอื่นอีก
คราวนี้เขาติดต่อเพื่อนเก่าในวงการบันเทิง
หลังจากวางสายอีกครั้ง เขาก็โทรหาลูกชายของเขาจอห์นนี่ ฟอนเทน
หลังจากโทรศัพท์อีกสองสามครั้ง เจ้าพ่อมาเฟียก็รู้สึกว่าแค่นี้น่าจะพอแล้ว
เขาเดินออกจากห้องหนังสือด้วยความพึงพอใจ
เดินไปที่สนามหญ้าเพื่อสูบซีการ์และชื่นชมแสงจันทร์อันงดงาม
……
วันต่อมา
ฮาร์ดี้และเอวาลุกขึ้นเก็บของ เปิดประตูห้องเตรียมออกไป แต่กลับพบผู้อำนวยการโฆษณาของเอ็มจีเอ็มกำลังยืนอยู่หน้าประตู
ดูเหมือนว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนี้มานานแล้ว
เมื่อเขาเห็นฮาร์ดี้และเอวาออกมา
เขาก็ทักทายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาทันที “คุณฮาร์ดี้ คุณเอวา อรุณสวัสดิ์ครับ”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“พอดีผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องมารายงานกับคุณให้ได้นะครับ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก”
“เมื่อเช้านี้ผมได้รับโทรศัพท์สองสามสาย คนแรกมาจากโรบินเขาบอกว่าเขาจะเข้าร่วมการแสดงในคืนนี้ ซึ่งตอนนี้เขาได้ไปโรงละครเพื่อเตรียมซ้อมแล้ว”
เอวามองไปที่เขาอย่างไม่เชื่อเล็กน้อย “มีอะไรผิดปกติกับโรบินหรือเปล่า?”
ผู้อำนวยการคิดว่าเอวาอาจจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เขาจึงเหลือบมองไปที่ฮาร์ดี้ยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไรให้ห่วงเลย แค่โรบินบอกว่าเมื่อวานนี้ เสียงเขาไม่ค่อยดีนิดหน่อยและกลับมาบอกผมว่าดีขึ้นแล้วในวันนี้ ซึ่งมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแสดงในคืนนี้อย่างแน่นอน”
“นอกจากนี้ผมยังได้รับโทรศัพท์จากบริษัทการแสดงอีกสองแห่ง พวกเขาบอกว่าจะมีแขกรับเชิญมาเพิ่มอีกในคืนนี้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ผู้อำนวยการโฆษณาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“หนึ่งคือคุณจูดี้ การ์แลนด์ เธอยินดีที่จะมานิวยอร์กและร้องเพลง ‘Flying Over the Rainbow’ ในงานคืนนี้”
เอวาอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“จริงเหรอ! จูดี้ การ์แลนด์จะมาด้วยเหรอ?!”
“นอกจากนี้ยังมีคุณมัสกุลีนักร้องที่ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ‘Gone with the wind’ จะมาร้องเพลง ‘My True Love’ พร้อมกับเพลงประกอบภาพยนตร์ Gone with the wind ในคืนนี้ด้วย”
“พระเจ้า!” เอวาอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา
มัสกุลีเป็นไอดอลของเธอ และเป็นคนที่เธอชื่นชอบมากๆ
“ยังมีอีกคนหนึ่งชื่อจอห์นนี่ ฟอนเทนนักร้องชื่อดังที่จะมาร้องเพลงในค่ำคืนนี้อีก!”
เอวาแปลกใจและเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก “ทำไมจู่ๆ ถึงมีดาราดังมากมายมาที่นี่? พวกเขาได้รับเชิญจากเอ็มจีเอ็มหรือเปล่าหรือเปล่า? เพราะเรื่องนี่มันเกินจริงมากไปแล้ว!”
ผู้อำนวยการฝ่ายการโฆษณามองไปที่ฮาร์ดี้ “เอ็มจีเอ็มไม่ได้เชิญพวกเขาเลย บางทีคุณเอวาอาจจะลองถามคุณฮาร์ดี้ดูนะครับ”
เอวาหันไปมองฮาร์ดี้
ฮาร์ดี้ยักไหล่ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่าๆ ฉันแค่โทรหาเพื่อนคนหนึ่งเมื่อวาน ซึ่งฉันก็ไม่ทราบวิธีที่เขาจัดการเรื่องนี้”
ผู้อำนวยการโฆษณามองไปที่ฮาร์ดี้และเขาก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้
การโทรศัพท์ของคุณนี่…
เมื่อนึกถึงน้ำเสียงถ่อมตนของโรบินตอนที่เขาโทรมาในตอนเช้า
เขานั้นได้มาขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ซึ่งเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าโรบินไปเจอกับอะไรมา
นอกจากนี้ยังมีดาราและนักร้องรุ่นใหญ่เช่น จูดี การ์แลนด์ มัสกุลี และจอห์นนี่ ฟอนเทนที่มาเป็นแขกรับเชิญอีก
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้อย่างแน่นอน
เขาเคยได้ยินว่าฮาร์ดี้นั้นมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ซึ่งทั้งหมดเขาก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น
เขาไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องจริงขนาดนี้
เขานึกไม่ถึงจริงๆ
“ผมมีธุระที่ต้องไปคุยก่อนในตอนกลางวัน และเดี๋ยวผมจะไปหาคุณที่นั่นเพื่อดูการแสดงในขึ้นคืนนี้นะ” ฮาร์ดี้จูบกับเอวาแล้วก็จากไป
เอวายิ้มและก็โบกมือให้เขา
ผู้อำนวยการโฆษณามองไปที่ฮาดี้จนเขาหายไป
เขาบอกได้เลยว่าเอวานั้นโชคดีมาก ที่สามารถติดตามผู้ชายคนนี้ได้
…
เอวาและทีมโฆษณาไปที่โรงละครแกรนด์เธียเตอร์ในนิวยอร์ก การแสดงคืนนี้จำเป็นต้องมีการซ้อมในช่วงกลางวัน เพราะยังมีดาราอีกสองสามคนที่เป็นแขกรับเชิญมาด้วย
ทำให้เพลงสำหรับคืนนี้มีเยอะขึ้น พร้อมกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเพิ่ม
เอวาเดินเข้ามาในห้องโถง
โรบินหันมามองเธอแวบหนึ่ง
เมื่อโรบินได้เห็นเอวาเป็นครั้งแรกในตอนเมื่อวานนี้ เขาก็รู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาทันที
ซึ่งอารมณ์นั้นก็ครอบงำเขาให้เข้าไปทักทายเธอ
ทว่าในวันนี้เขามีความรู้สึกเพียงอย่างเดียวในหัวใจของเขา
มันก็คือความกลัว
สิ่งที่เขาประสบมาเมื่อคืน ตอนนี้มันยังมองเห็นได้อย่างชัดเจนและอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา
เขายังไม่อยากตาย
นี่คือความคิดที่เรียบง่ายที่สุดของเขา
โรบินมาหาเอวาพร้อมกับรอยยิ้มที่นุ่มนวลที่สุดบนใบหน้าของเขา “คุณเอวา ผมขอโทษสำหรับเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ด้วยนะครับ วันนี้ผมจะฝึกซ้อมและไม่ทำสิ่งใดให้ผิดพลาดเลย!”
“เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ?” เอวากล่าว
“อ๊า!”
“โอ้ ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปซ้อมก่อน!” โรบินรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ตราบใดที่อีกฝ่ายจำไม่ได้
เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปรื้อฟื้นให้มีเรื่องอีก
เขาไม่อยากเข้าโรงพยาบาล และถูกฆ่าตายที่นั่น
แล้วก็ไม่อยากไปทำให้น้ำ มันขุ่นมากกว่าเดิม
ซึ่งเขาไม่อยากสำลักน้ำจนตายจากการดื่มน้ำ และสำลักน้ำโดยที่ไม่ได้คายมันออกมา
…
ไมค์ขับรถไปรับฮาร์ดี้ ฮาร์ดี้ขึ้นไปบนรถและตบไหล่ไมค์เพื่อแสดงความขอบคุณ
ไมค์มองไปที่ฮาร์ดี้และพูดว่า “เรื่องของนายได้รับการแก้ไขยังไง?”
“นี่นายไม่รู้เหรอ?” ฮาร์ดี้มองไปที่ไมค์ด้วยความประหลาดใจ
“ไม่รู้ เพราะเมื่อวานฉันโทรไปแค่สายเดียวเอง” ไมค์กล่าว
หือ?
ไอ้หมอนี้มันแกล้งถ่อมตัวเองชัดๆ
เพราะตอนนี้มันแสดงออกมาบนใบหน้าหมดแล้ว
“ไปกันเถอะ นายไม่ได้บอกฉันเหรอว่าวันนี้มีหลายอย่างที่ต้องทำ แล้วฉันก็อยากรีบไปดูการแสดงคืนนี้ด้วย” ฮาร์ดี้กล่าว