อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 106 มาเฟียคืออะไร?

ตอนที่ 106 มาเฟียคืออะไร?

เมเยอร์วางโทรศัพท์ลง คิดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อกี้ และเขาก็โทรหาฮาร์ดี้ทันที “ฮาร์ดี้ คุณแก้ปัญหาได้ดีมากจริงๆ”

“ปัญหาอะไร?” ฮาร์ดี้ถาม

“นี่คุณไม่รู้เหรอ?” เมเยอร์ถามด้วยความประหลาดใจ

“ฮ่าๆ ก็ฉันเพิ่งโทรไปเลยไม่รู้ว่าปัญหานี้แก้ไขได้ยังไง…”

เมเยอร์เล่าให้ฮาร์ดี้ฟังว่าปัญหานี้ได้รับการแก้ไขยังไง ฮาร์ดี้ยิ้มขึ้นมาหลังจากที่ได้ยิน “ดูเหมือนว่าฉันจะต้องไปนิวยอร์กในเร็วๆ นี้แล้ว ไปขอบคุณชายชราคนหนึ่งที่ช่วยฉัน”

เมเยอร์ไม่ได้ถามว่าชายชราที่ฮาร์ดี้พูดถึงคือใคร เขาเดาได้ว่ามันต้องเป็นคนใหญ่คนโตอย่างแน่นอน 

ซึ่งเมเยอร์นั้นเคยมองฮาร์ดี้เป็นแค่ลูกน้องของซีเกล แต่หลังจากเหตุการณ์นี้เขาคงต้องคิดใหม่

ฮาร์ดี้มีพลังมากกว่าที่เขาคิด

ตอนนี้ฮาร์ดี้กลายเป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาแล้ว และเขาจะต้องขึ้นไปสูงกว่านี้แน่นอน 

เมเยอร์ยิ้มและพูดว่า “ฮาร์ดี้ การได้ทำงานกับคุณตอนนี้มันเป็นทางเลือกที่ดีจริงๆ”

“ไม่ต้องห่วง ในอนาคตเรายังร่วมมือกันได้อีก” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม

หลังจากวางสายฮาร์ดี้ก็โทรหาไมค์ 

ไมค์ไม่รู้เรื่องการถ่ายทำ เพราะฮาร์ดี้ไม่จำเป็นต้องบอกเขา

“ไมค์พรุ่งนี้ฉันจะไปนิวยอร์ค และฉันก็ทำการจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว” ฮาร์ดี้กล่าว

“ในที่สุดคุณชายก็เต็มใจที่จะมาเยี่ยมกันสักที! ตอนนี้โรงงานผลิตโทรทัศน์กำลังไปด้วยดีเหมือนกัน แต่ก็มาช่วยดูหน่อยสิ ว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้าง” ไมค์ยิ้ม

“ฉันเชื่อในความสามารถของนายอยู่แล้วไมค์” ฮาร์ดี้ตอบ

“ขอบใจสำหรับความไว้วางใจของนาย ฉันจะไปรับนายที่สนามบินพรุ่งนี้” ไมค์กล่าว

……

ฮาร์ดี้ไปที่ห้องเก็บของเก่า

เจ้าพ่อมาเฟียได้ช่วยเขาแก้ปัญหาในครั้งนี้ 

เขาจึงต้องนำของขวัญบางอย่างไปตอบแทนบ้าง 

และตอนนี้เขาก็กำลังเลือกของขวัญที่เหมาะสมจากห้องสมบัติอยู่

แล้วดูของโบราณของจีนพวกนี้สิ!

แต่ก็ลืมมันไปเถอะ 

เพราะเขาตั้งใจจะเก็บของพวกนี้ไว้เป็นของสะสมของตัวเอง

ท่ามกลางกองงานศิลปะตะวันตก 

เขาก็พบกับภาพวาดชิ้นหนึ่ง ซึ่งจิตรกรที่วาดภาพนี้เป็นจิตรกรชาวอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 18 

ฮันเยจินเคยแนะนำเขาให้รู้จักกับงานคานาเล็ตโต้อยู่เหมือนกัน 

เขาเก่งในการวาดภาพทิวทัศน์และมีสไตล์การวาดภาพที่ดีมาก

ราคาของภาพนี้คือ 2,500 ดอลลาร์

มันก็น่าจะโอเคอยู่มั้ง…

วันต่อมา

ฮาร์ดี้นั่งเครื่องบินไปนิวยอร์ก

หลังจากบินมาสิบกว่าชั่วโมง ในที่สุดเขาก็มาถึงนิวยอร์ก 

และตอนนี้ก็เป็นเวลา 4 ทุ่มแล้ว ซึ่งทันทีที่เขาเดินออกจากสนามบินฮาร์ดี้ก็เห็นไมค์ยืนรออยู่ข้างนอก

“ฮาร์ดี้!”

“ไมค์!”

ทั้งสองกอดกันอย่างอบอุ่น

คนขับเอากระเป๋าและภาพวาดของฮาร์ดี้ใส่ลงไปในท้ายรถและขับรถไปที่โรงแรม เมื่อเขามาถึงโรงแรม 

ไมค์ก็ไม่ได้ออกไปไหน เขาอยู่ในโรงแรมกับฮาร์ดี้ในคืนนี้

เพราะกว่าทั้งสองจะได้คุยกันมันก็ดึกมากแล้ว

“ปัจจุบันสายการผลิตของโรงงานผลิตโทรทัศน์ของเราสามารถผลิตโทรทัศน์ได้ 120 ชุดต่อวันด้วยความเร็วเต็มสปีด ซึ่งมันจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 ชุดต่อปี”

“และลุงวอร์ดยังได้ออกแบบรูปแบบการผลิตใหม่ ทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับผลิตโทรทัศน์หนึ่งชุดจะเหลือแค่ 58 ดอลลาร์ต่อชุด ซึ่งราคาขายส่งของเราคือ 85 ดอลลาร์และราคาขายในห้างคือ 127 ดอลลาร์”

ฮาร์ดี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยผลผลิตต่อปีที่ 40,000 ชุด และกำไรต่อเครื่องที่ 27 ดอลลาร์ ถ้าคิดคร่าวๆ กำไรสำหรับปีนั้นก็คือ 1.08 ล้านดอลลาร์ 

ซึ่งในตอนเริ่มต้นพวกเขาลงทุนไป 2 ล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าจะใช้เวลาสองปีในการคืนทุน

ในกรณีที่ยอดขายโทรทัศน์อยู่ในสภาพปกติและการส่งมาซ่อมแซมมีไม่มากนัก ในส่วนค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็อาจจะไม่เยอะ

นอกจากนี้จะมีการติดตั้งสายการผลิตใหม่ในอนาคตเพื่อผลิตโทรทัศน์ขนาด 17 นิ้ว 19 นิ้ว 21 นิ้ว 

ซึ่งจะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่อีกครั้งในเวลานั้น

แต่ก็ยังไม่จบ

ในอนาคตจะมีการเปิดตัวโทรทัศน์สีอีกด้วย

ในปัจจุบันบางประเทศก็ได้พัฒนาโทรทัศน์สีบ้างแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้มาตรฐานสำหรับการผลิตจำนวนมาก 

ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น 

ทว่าฮาร์ดี้รู้ดีว่าชุดโทรทัศน์สีจะปรากฏขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ดังนั้นถ้าเขาต้องการที่จะได้รับเงินคืนจากโรงงานผลิตโทรทัศน์ให้เร็วที่สุด 

เขากลัวว่าจะไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ 

หรือก็คือเราจะต้องหาวิธีให้ดีกว่านี้

ถึงแม้คุณจะมีรายรับหรือกำไรเท่าไหร่ก็ตาม แต่อย่าลืมว่ามันก็ต้องลงทุนอีกครั้งเพื่อให้วงจรการทำงานยังคงดำเนินต่อไปได้

“แล้วยอดขายโทรทัศน์ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” ฮาร์ดี้ถาม

ความตื่นเต้นบนใบหน้าของไมค์หมองลงเล็กน้อย “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ขายได้แค่ 12 เครื่องทุกวัน”

“และทุกวันนี้งานของฉัน ก็เน้นไปที่การขายเป็นหลัก ฉันไปถามลูกค้าหลายๆ คนมาแล้ว พวกเขาก็ต้องการโทรทัศน์สักเครื่องเหมือนกัน แต่ด้วยราคา 127 ดอลลาร์มันจึงทำให้หลายคนลังเล เพราะสงครามเพิ่งจะจบลงและพวกเขาก็ยังมีเงินน้อยเกินไป”

“ตอนนี้เราผลิตได้มากขึ้นแต่กลับขายได้น้อยลง ซึ่งมันสร้างความกดดันให้กับเงินทุนของโรงงานเป็นอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ฉันกลัวว่าจะไม่มีเงินทุนในการซื้อวัตถุดิบอิเล็กทรอนิกส์ในอีกสองเดือนข้างหน้า” ไมค์พูดด้วยความเขินอาย

ชุดโทรทัศน์ราคา 127 ดอลลาร์

ริชาร์ดเคยทำงานล้างจานในร้านอาหารและได้เพียงแค่ 120 ดอลลาร์ต่อเดือน

เฮนรี่เก็บขี้วัวในคอกวัวและได้รับเดือนละ 160 เหรียญ

แมทธิวทำเงินได้มากจากการขับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งเขาได้ประมาณ 300 ดอลลาร์ต่อเดือน

เมื่อมาริลีน มอนโรเข้าร่วมบริษัทภาพยนตร์ เงินเดือนที่เธอได้รับประจำสัปดาห์ของเธอก็คือ 45 ดอลลาร์ และมันก็แค่เพียง 180 ดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้นเอง

ซึ่งคนอเมริกันโดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่ค่อยเก็บเงินกันเท่าไหร่นัก

และการควักเงินสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ได้ในหนึ่งเดือน เพื่อที่จะซื้อโทรทัศน์มันยังเป็นสิ่งที่หรูหราสำหรับพวกเขา

“แล้วนายจะแก้ปัญหานี้ยังไง?” ฮาร์ดี้ถาม

“ด้วยการโฆษณายังไงล่ะ มันน่าจะช่วยให้ผู้คนสนใจในโทรทัศน์มากยิ่งขึ้น และเราสามารถมีส่วนร่วมในการโฆษณาครั้งนี้โดยการลดราคาเพื่อดึงดูดผู้คนให้ซื้อสินค้าได้อีก”

ไมค์กำลังพูดถึงเรื่องปกติของการขาย

“ฮาร์ดี้ นายมีความคิดอะไรดีๆ ไหม?” ไมค์ถาม

ฮาร์ดี้คิดสักพัก “ฉันไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้สำหรับเวลานี้ ขอเวลาให้ฉันหน่อยบางทีพรุ่งนี้ฉันอาจจะคิดออกก็ได้”

ไมค์ยิ้มหลังจากฟังจบ

วันต่อมา

ไมค์พาฮาร์ดี้ไปที่โรงงานโทรทัศน์ 

โรงงานผลิตโทรทัศน์ตอนนี้กำลังผลิตเต็มอัตรา ซึ่งโทรทัศน์ในปัจจุบันจะไม่เหมือนกับของยุคอนาคต เพราะมันอยู่ในกล่องไม้ซึ่งมันจะถูกสร้างเป็นกล่องโทรทัศน์ที่ดูคล้ายตู้และเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ

เมื่อเปิดโทรทัศน์เพื่อรับชมรายการต่างๆ มันจะยังคงมีเส้นๆ ที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย 

สำหรับฮาร์ดี้ที่เคยได้ดูโทรทัศน์แบบ LCD มาแล้ว ทำให้เขาทำใจยอมรับกับภาพของโทรทัศน์ตอนนี้ไม่ได้จริงๆ 

แถมพนักงานยังบอกอีกว่าโทรทัศน์ตอนนี้ของพวกเราถือว่าดีที่สุดในตลาดแล้วด้วย! 

เอาล่ะ!

โอเค…

ตอนนี้คือปีค.ศ. 1946 

ฉันจะขออะไรได้ล่ะ?

ฮาร์ดี้ไปหาเจ้าพ่อมาเฟียในตอนเที่ยง ในชีวิตนี้เขาได้พบกับเจ้าพ่อมาเฟียอีกเป็นครั้งที่สอง 

เจ้าพ่อมาเฟียมองไปที่ฮาร์ดี้และยิ้มให้

ฮาร์ดี้ให้ของขวัญ

เมื่อทุกคนมองไปที่ของขวัญของฮาร์ดี้ ซึ่งเป็นภาพวาดภูมิทัศน์ของอิตาลี 

เจ้าพ่อมาเฟียก็กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คือจัตุรัสเซนต์มาร์คไม่ใช่เหรอ? ฉันเคยอยู่ที่นั่นตอนที่ฉันยังเด็กอยู่ มันเป็นสถานที่ที่ฉันจำได้ดี”

“แล้วคุณชอบภาพนี้หรือเปล่า?”

“แน่นอน! ขอบคุณสำหรับของขวัญที่ช่วยเตือนความจำของฉัน ฮาร์ดี้” เจ้าพ่อมาเฟียกล่าว

ทุกคนนั่งลงเพื่อทานอาหาร 

เจ้าพ่อมาเฟียมองไปที่ลูกชายตัวน้อยของเขาและถามเกี่ยวกับธุรกิจในปัจจุบัน 

ไมค์ที่กำลังกัดบาร์บีคิวอยู่ได้พูดว่า “การผลิตโทรทัศน์ได้มาถูกทางแล้ว แต่ยังมีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับยอดขายอยู่ ซึ่งผมกำลังแก้ปัญหานี้”

เจ้าพ่อมาเฟียมองไปที่ ฮาร์ดี้และถามว่า “ฮาร์ดี้ นายก็เป็นหุ้นส่วนอยู่ใช่ไหม? นายมีความคิดอะไรเกี่ยวกับการกระตุ้นยอดขายหรือไม่?”

ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ผมได้คุยกับไมค์แล้ว เกี่ยวกับปัญหานี้ เขาบอกว่าให้ลงทุนด้านโฆษณาเพิ่มและลดราคาลง มันก็เป็นวิธีที่ดีแต่ผมมีความคิดที่ดีกว่านี้และก็ยังไม่ได้คุยกับไมค์เหมือนกัน”

“โอ้ วิธีไหนเหรอ? พูดมาเลยฉันรอฟังอยู่!” ไมค์กล่าว

เจ้าพ่อมาเฟียก็มองไปที่ฮาร์ดี้ด้วย

ฮาร์ดี้จัดลำดับความคิดของเขาและกล่าวว่า “ไมค์ได้ออกไปสำรวจเกี่ยวกับสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบันแล้ว ทำให้ฉันรู้ว่ามีคนต้องการจะซื้อแต่มันเป็นเรื่องยากที่จะจ่ายเงินในครั้งเดียว และถ้าเราต้องการลดราคาลงอย่างนั้นเราก็อาจจะขายแบบผ่อนชำระได้เช่นกัน”

“และการขายแบบลดราคาไม่เพียงแต่ลดผลกำไรของเราแต่ยังลดคุณค่าของแบรนด์ด้วย แค่เราต้องหาธนาคารที่จะให้ความร่วมมือกับเราได้ส่วนราคาขายก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งยังคงอยู่ที่ 127 ดอลลาร์ แล้วใครก็ตามที่ต้องการซื้อโทรทัศน์จะสามารถชำระแบบสินเชื่อที่ไม่มีดอกเบี้ยได้ก็คือการผ่อนจ่ายโทรทัศน์และไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยในแต่ละงวด ซึ่งมันเป็นการแก้สถานการณ์ในตอนนี้ได้ดีและเสียกำไรน้อยกว่าการขายแบบลดราคาด้วย”

“บอกวิธีนี้ให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม?” ไมค์วางส้อมลงแล้วถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็ง่ายๆ คือให้คนที่มาซื้อโทรทัศน์ชำระเงินแบบเงินดาวน์เช่นจ่ายก่อน 30% ซึ่งจะเท่ากับ 38 ดอลลาร์ และส่วนที่เหลือให้ชำระภายใน 9 งวด แค่ 10 ดอลลาร์ต่องวดก็เพียงพอที่จะจ่ายกันอย่างแน่นอน”

“ฉันเชื่อว่าด้วยวิธีนี้ผู้คนจำนวนมากจะสามารถจ่ายเงินดาวน์ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยที่พวกเขาไม่ต้องจ่ายราคาเต็มที่ 127 ดอลลาร์”

“ในระหว่างนี้ แม้ว่าเราจะต้องจ่ายดอกเบี้ยบางส่วนให้ธนาคาร แต่กำไรของเรายังเพิ่มขึ้นอยู่ดี ซึ่งจะเทียบเท่ากับการขายโดยตรงที่ราคา 56 ดอลลาร์ ซึ่งมันจะได้กำไรมากกว่าที่เราวางขายในห้างสรรพสินค้าอย่างแน่นอน”

“และเรายังสามารถสร้างนโยบายพิเศษขึ้นมาได้อีกด้วยตัวอย่างเช่น สำหรับทหารพวกเขาจะไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์ และไม่มีดอกเบี้ยโดยจะสามารถผ่อนชำระได้ถึง 12 งวด”

“แล้วที่นี่ก็มีธนาคารหลายแห่งในเมืองนี้ เราสามารถเรียกพวกเขาว่าเป็นพันธมิตรของเราได้เลย และฉันก็เชื่อว่ารูปแบบการขายแบบนนี้จะดีกว่าการขายในห้างสรรพสินค้าอย่างแน่นอน”

ไมค์คิดเกี่ยวกับคำพูดของฮาร์ดี้อย่างรอบคอบ และก็พบว่าข้อเสนอนี้สามารถทำได้ 

แถมเขาก็คิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีอีกด้วย

“แต่เราจะทำอย่างไร? ถ้ามีคนล้มเหลวในการชำระหนี้คืน เราอาจจำเป็นต้องแบกรับความสูญเสียจำนวนมากเลยใช่ไหม?” ไมค์กล่าว

ฮาร์ดี้ยิ้ม “ใช่แล้ว มันต้องมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมจ่ายเงินอย่างแน่นอน แต่อย่าลืมสิตัวตนของพวกเขาและหน้าที่การงานจะต้องได้รับการตรวจสอบโดยธนาคาร ซึ่งจะมีแค่คนที่มีงานทำเท่านั้นที่จะสามารถกู้ยืมได้ และจะเป็นการรับรองอยู่แล้วว่าสามารถผ่อนชำระเงินกู้ส่วนใหญ่ได้”

“แม้ว่าจะมีคนที่ไม่จ่ายบ้างก็ตาม แต่กำไรของเราก็จะเพิ่มขึ้นอยู่ดี และมันจะไปชดเชยในส่วนนั้นได้อย่างแน่นอน”

“ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเราร่วมมือกับธนาคาร เราก็สามารถกู้เงินจากเขาได้และไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเพิ่มการผลิตขึ้นไปอีก ซึ่งในอนาคตตลาดจะขยายตัว ฉันเชื่อว่าตอนนั้นเราจะทำเงินได้มากขึ้นมากกว่าเดิม”

เจ้าพ่อมาเฟียพยักหน้าอย่างพอใจหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์ดี้

“ฉันคิดว่าข้อเสนอของฮาร์ดี้เป็นสิ่งที่ดีมาก มันคุ้มค่าที่จะลองดู และฮาร์ดี้นายก็เป็นคนที่ทำธุรกิจเก่งจริงๆ”

อาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยความยินดี

แถมฮาร์ดี้ยังได้ใกล้ชิดกับครอบครัวของคอร์เลโอเนอีกครั้ง

และยังได้รับการยอมรับจากเจ้าพ่อมาเฟียอีก

……

วันนี้ท้องฟ้าในนิวยอร์คมีแสงแดดที่แรงมากๆ

ทว่ากลับมีทีมถ่ายทำกำลังทำงานกันอยู่

เพราะวันนี้มีงานเหลือเยอะมาก 

มาทิลด้ากลับมาจากการซื้ออาหารที่ข้างนอก 

ในตอนนี้เธอมีความสุขมาก เพราะด้วยอาหารเหล่านี้ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องหิวอีกต่อไป 

แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปในทางเดินของอพาร์ทเม้นท์พร้อมกับถุงกระดาษในอ้อมแขนของเธอ 

เธอก็เหมือนจะได้กลิ่นเลือด 

เมื่อเธอเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน 

เธอก็พบว่าประตูมีรอยแตกอยู่และเมื่อมองเข้าไปผ่านรอยแตก 

เธอก็เห็นศพนอนอยู่ในห้องนั่งเล่น 

เธอมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขา แต่เธอจำรองเท้าที่ศพนั้นสวมอยู่ได้

เธอจำได้ว่ามันเป็นรองเท้าของพี่ชายเธอ

พี่ชายของเธอตายแล้ว

เธอกลัวว่าพ่อ แม่ พี่สาวของเธอก็คงจะถูกฆ่าไปแล้ว

เธอหนาวเหน็บไปทั่วร่างกาย

ในขณะเดียวกัน

คนในห้องก็มองออกมาที่เทย์เลอร์ มันทำให้เธอตกใจอย่างมาก 

เธอจึงหันหลังแล้วรีบวิ่งออกไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินออกจากห้องพร้อมกับปืนในมือตามเทย์เลอร์ไป

เทย์เลอร์วิ่งไปที่ประตูห้องของลีออง กดกริ่งหน้าประตูด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดผสมกับความโศกเศร้าและความหวาดกลัว 

พร้อมกับกระซิบไปที่ประตูว่า “ได้โปรด…ได้โปรด ช่วยเปิดประตูด้วย”

“คัต!”

“ดีมาก! ช็อตนี้เสร็จแล้ว” ฮิตช์ค็อกพูดอย่างมีความสุข

ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำเทย์เลอร์ได้สร้างความประหลาดใจให้กับฮิตช์ค็อกเยอะมาก 

เธอเข้าใจในบทบาทของมาทิลดาได้เป็นอย่างดี

เมื่อเทย์เลอร์หันกลับไปเธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคย

“อ๊า คุณฮาร์ดี้!”

เทย์เลอร์ตื่นเต้นมากๆ เธอกระโดดและวิ่งไปข้างหน้าของฮาร์ดี้ และจับเขาไว้อย่างรวดเร็ว

เทย์เลอร์กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของฮาร์ดี้อย่างไว!

ผู้กำกับฮิตช์ค็อกและโปรดิวเซอร์ต่างก็ยิ้ม เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้

ปัญหาก่อนหน้านี้ที่ได้รับการแก้ในเมื่อคืน 

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นหัวหน้าเมเยอร์ที่ขอให้ใครบางคนช่วย 

ทว่าพวกเขากลับได้รับโทรศัพท์จากทางเมเยอร์มาบอกพวกเขาว่าเป็นฮาร์ดี้ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ 

ฮิตช์ค็อกและโปรดิวเซอร์จึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังของฮาร์ดี้ในเวลานั้น

เมื่อฮาร์ดี้เดินเข้ามา พวกเขาทั้งสองก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม

ทีมถ่ายทำได้หยุดพักในตอนเย็น

ฮาร์ดี้พาเทย์เลอร์ไปทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารฝรั่งเศสในนิวยอร์ค

เทย์เลอร์มองไปที่ฮาร์ดี้ และในระหว่างมื้ออาหารเธอก็ถามด้วยเสียงต่ำว่า “คุณฮาร์ดี้ ฉันได้ยินข่าวลือมาจากทีมถ่ายทำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีอันธพาลอยู่เบื้องหลัง เพื่อที่จะไถ่เงินกับทางเรา”

“และฉันก็ได้ยินมาอีกว่า คุณฮาร์ดี้เป็นคนแก้ปัญหานี้ได้ ขนาดที่เมเยอร์ยังทำไม่ได้เลย!”

“นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออีก พวกเขาคิดว่าคุณฮาร์ดี้นั้นเป็นญาติกับมาเฟีย และพวกเขาก็บอกว่าคุณเป็นคนที่มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก ว่าแต่คุณฮาร์ดี้คะ…แล้วมาเฟียหน้าตาเป็นยังไง?”

เทย์เลอร์มองไปที่ฮาร์ดี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!

ฮาร์ดี้อดขำไม่ได้

Leave a Comment

ไม่ดี!