อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 191 วางแผนหลอกล่อ

ตอนที่ 191 วางแผนหลอกล่อ

“หนึ่งร้อยล้าน!”

ตัวเลขนี้ทำให้ทุกคนตกใจ และต้องบอกว่ายุคนี้คงจะเอา 100 ล้านมาเทียบกับปัจจุบันไม่ได้หรอกถูกไหม? 

โดยรายได้ในประเทศของสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้วนั้นมีแค่ 2 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น 

ซึ่งการลงทุนอันนี้ก็มีมูลค่าเทียบเท่าถึงหนึ่งในพันของรายได้ประเทศ…

แต่ในยุคนี้แค่ 1 ล้านดอลลาร์ก็ถือว่าเป็นคนรวยแล้ว และฮาร์ดี้ยังเสนอแผนการลงทุนที่ใช้เงิน 100 ล้านดอลลาร์อีก

แล้วมันจะไม่น่าตกใจได้ยังไง!

ซึ่งอันที่จริงฮาร์ดี้ก็วางแผนใช้เงินไว้แล้วสำหรับจำนวน 100 ล้านดอลลาร์นี้

โดยการก่อสร้างคาสิโนที่ใช้เงินถึง 100 ล้านดอลลาร์นั้นจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่มันจะต้องเป็นศูนย์รวมของความบันเทิง เช่น โรงแรม วิลล่า รีสอร์ต สิ่งอำนวยความสะดวกและสถานบันเทิงต่างๆ

แน่นอนว่ายังมีการบริการอื่นๆ เช่น การเพิ่มเที่ยวบินตรงเข้าลาสเวกัส โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัยก็อยู่ในโครงการนี้ด้วย

ซึ่งโรงพยาบาลกับมหาวิทยาลัยนั้นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก 

ดังนั้นฮาร์ดี้จึงไม่โง่ที่จะออกเงินเองทั้งหมดและให้คนอื่นเข้ามาช่วย แล้วเขาก็คอยควบคุมเอา

นอกจากนั้นการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ผู้ที่ลงทุนกับเขาจะต้องใช้ทรัพย์สมบัติในครอบครัวมาเฟียของตัวเอง 

ดังนั้นพวกเขาก็จะถือว่ามีบ่วงติดตัวและต้องผูกตัวเองไว้กับรถคันนี้

มันก็คือการสร้างแวดวงใหม่และอีกสิ่งหนึ่งคือเกณฑ์ที่ตั้งไว้จะถูกดีดขึ้น 

ในอนาคตใครที่เข้าสู่ลาสเวกัสและไม่สามารถเข้ากับคาสิโนใหม่ได้…พวกเขาก็จะไม่สามารถทำเงินได้เลย

หลังจากพิธีเปิดสิ้นสุดลง หัวหน้าคาสิโนเหล่านี้ก็ออกโทรออกไปรายงานกับครอบครัวของพวกเขาทันที 

เพราะยังไงสิ่งที่ฮาร์ดี้บอกก็เป็นเรื่องใหญ่

เอมิลิโอ บาซินี่ผู้นำของครอบครัวบาซินี่ที่เป็นหนึ่งในห้าแก๊งใหญ่ในนิวยอร์กเวลานี้เขากำลังใช้ความคิดอย่างหนักหลังจากที่ได้ข่าวจากลูกน้องของตัวเอง

เพราะเขานั้นกำลังสนใจความเคลื่อนไหวของฮาร์ดี้อยู่

มันเลยต้องบอกว่าครอบครัวคอร์เลโอเนนั้นเป็นศัตรูกับเขาและฮาร์ดี้ก็เป็นเพื่อนของครอบครัวคอร์เลโอเนที่เข้ายึดดินแดนและแก๊งของซีเกลไป

เขาจึงถือว่าฮาร์ดี้เป็นศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่ง

แถมฮาร์ดี้โฮเทลก็เปิดตัวกลายเป็นคู่แข่งที่ทำกำไรอยู่ทุกวัน 

ซึ่งตามรายการที่เขาได้รับมาคาสิโนของฮาร์ดี้นั้นมีกำไรอยู่ประมาณๆ 20,000 ถึง 30,000 ดอลลาร์ และถ้าคำนวณยอดกำไรในหนึ่งปีมันจะอยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์

แต่นี่ยังไม่ได้รวมเกมลอตเตอรี่ ‘2 ชั่วโมง’ ไปด้วย และมันก็ว่ากันว่าเกมลอตเตอรี่นั้นมีรายได้มากกว่าการเปิดคาสิโนตลอดทั้งวันอีก

โดยรายได้ในหนึ่งปีอาจสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์!

นอกจากนี้ยังมีข่าวลับๆ ว่าบริษัทรับพนันนั้นถูกสร้างขึ้นโดยฮาร์ดี้ และบิลผู้เป็นเจ้าของบริษัทแอลเอเป็นผู้ดูแล 

ซึ่งเวลานี้พวกเขาได้ทำเงินไปได้มากกว่าหลายสิบล้านดอลลาร์!

แน่นอนว่ารายได้ทุกอย่างของพวกเขามันทำให้บาซินี่อิจฉามากจริงๆ และยิ่งฮาร์ดี้ทำเงินได้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น

ทำไมงั้นเหรอ?

เพราะถ้าไม่มีฮาร์ดี้…คาสิโนฟรามิงโก้ในเวลานี้ก็จะเป็นของพวกเขาแทน

และความขัดแย้งระหว่างสี่ครอบครัวใหญ่กับครอบครัวคอร์เลโอเน… เหตุผลที่คอร์เลโอเนยังอยู่และไม่ถูกทำลายโดยพวกเขา มันก็เป็นเพราะฮาร์ดี้คนนี้

ในภายหลังตอนที่ไอ้แก่วีโต้นั้นกำลังถูกลอบสังหาร ฮาร์ดี้ก็ดันพาคนของตัวเองมาแก้วิกฤตให้ครอบครัวคอร์เลโอเน 

ซึ่งบาซินี่ก็สงสัยเรื่องที่ร้านอาหารระเบิดไปเหมือนกัน เพราะมันอาจจะเป็นฝีมือของฮาร์ดี้คนนี้

และในเวลาที่ครอบครัวอื่นๆ กำลังจัดการกับครอบครัวคอร์เลโอเน พวกเขาก็ได้วางแผนฆ่าซีเกลจนตายพร้อมกับยึดทรัพย์สินทั้งหมดของเขา 

แต่ทว่าสุดท้ายมันก็ตกเป็นของฮาร์ดี้…

ยังมีคนของเรย์มอนด์ที่เข้าไปบุกลอสแอนเจลิสก็ถูกฮาร์ดี้คนนี้

ทั้งหมดถูกฆ่าตายในทีเดียว และยังถือโอกาสรวมแก๊งในลอสแอนเจลิสตั้งตนเป็นกองกำลังใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดอีก

ซึ่งคาสิโนฟลามิงโกก็ถูกปล้นไปโดยฮาร์ดี้…

เมื่อนึกย้อนไปเรื่องคาสิโนฟรามิงโก

เดิมเขานั้นมีหุ้นอยู่ 13% แต่ก็ต้องแลกมันให้กับครอบครัวคอร์เลโอเนสำหรับสิทธิ์ในการขายยาเสพติด

ให้ตายเถอะ!

มันถือว่าเขาสูญเสียไปมากจริงๆ สำหรับธุรกิจนี้

เมื่อลองคิด…ถ้าไม่นับบริษัทรับเดิมพัน แค่กำไรของฮาร์ดี้โฮเทลในหนึ่งปีก็น่าจะราวๆ 30 ล้านดอลลาร์

คิดดูถ้าเขายังมีหุ้นอยู่ 13% ในปีนั้นเขาจะมีรายได้ถึง 4 ล้าน!

ถึงธุรกิจยาในตอนนี้จะดำเนินการโดยครอบครัวบาซินี่ แต่รายได้ของเขาทั้งปีก็มีแค่ 2 หรือ 3 ล้านดอลลาร์เท่านั้น 

ยังมาแลกกับการที่ต้องทำงานอย่างหนักกับต้องกังวลรอบตัวอยู่เสมอ

ส่วนครอบครัวคอร์เลโอเนพวกมันมีหุ้นในคาสิโนอยู่ 39% และยังไม่ต้องทำอะไรก็สามารถมีรายได้ 10 ล้านต่อปี

มันยังถือว่าเป็นรายได้ที่ถูกกฎหมายอีกด้วย

ต้องบอกก่อนว่ารายได้ที่ถูกกฎหมายนั้นจะมีมูลค่ามากกว่ารายได้ของพวกอันธพาลกับธุรกิจสีดำ 

เพราะรายได้ของธุรกิจเหล่านี้จะต้องถูกนำไปฟอกเงินและต้องทำให้มันหายไปบางส่วน 

และถ้าตราบใดที่ธุรกิจมีปัญหาพวกเขาก็จะไม่มีรายได้ ขณะที่คาสิโนของพวกมันยังทำเงินได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน

ถึงจะเกิดปัญหาขึ้นภายในครอบครัว แค่จำนวนรายได้นั้น พวกมันก็กลับมาตั้งตัวได้แล้ว

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้บาซินี่ก็อยากจะบ้าตายด้วยความโกรธ

ในตอนแรกเขาวางแผนมาเนิ่นนานและต้องการเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อทำให้ครอบครัวคอร์เลโอเนยอมก้มหัว 

แต่สุดท้าย…เขากลับยกเนื้อแกะตัวอ้วนๆ ให้คนอื่น และตัวเองได้แค่กระดูกกลับมาแทะ

แต่ว่า…

บาซินี่ก็รู้ดีว่าที่ฮาร์ดี้โฮเทลโด่งดังขนาดนี้ก็เพราะมันถูกดำเนินการโดยฮาร์ดี้ 

ซึ่งเขานั้นทำงานอย่างหนักและใช้ปัญญาความฉลาดของตัวเองสร้างมันขึ้นมา และถ้าคาสิโนตกอยู่ในมือของคนอื่น มันอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จแบบนี้ก็ได้…

สำหรับคำเชิญของฮาร์ดี้สำหรับการให้ครอบครัวมาเฟียมีส่วนร่วมลงทุนในคาสิโนใหม่นั้น บาซินี่ที่มีฉายาสุนัขจิ้งจอกเขาก็ได้กลิ่นแปลกๆ บางอย่าง

เพราะหากครอบครัวเหล่านี้ได้ลงนามร่วมมือกับฮาร์ดี้ สถานะของพวกเขาก็อาจจะลดลงอย่างมากในอนาคต…

ยังไงเขาก็รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของครอบครัวมาเฟียเหล่านี้ก็คือ ‘เงิน’ 

ตราบใดที่พวกเขายังสามารถทำเงินได้ พวกเขาก็ยอมทำทุกอย่าง 

แต่เมื่อไหร่ที่มีคนมาหยุดให้พวกเขาทำเงิน พวกเขาก็จะกลายเป็นฝูงหมาป่าที่หิวโหยทันที

เมื่อตอนที่เขาโจมตีครอบครัวคอร์เลโอเน…

ครอบครัวเล็กๆ เหล่านี้ก็มีบทบาทอย่างหนึ่งคือสุนัขล่าเนื้อ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ลงมือเองและเอาแต่ส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างสนาม พวกเขาก็ยังมีบทบาทสำคัญอยู่เหมือนกัน และการที่บาซินี่ยังบังคับพวกเขาอยู่ได้ก็เพราะธุรกิจยาเสพติดนี้ 

แต่เวลานี้…

ฮาร์ดี้ได้โยนเนื้อที่ชิ้นใหญ่กว่าเข้ามา

ไอ้พวกโลภและไร้สติย่อมตกเป็นเหยื่อของฮาร์ดี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อพวกเขากลายเป็นหุ้นส่วน และหากเขาต้องการฆ่าฮาร์ดี้ในอนาคต 

เขาจะทำไม่ได้อย่างแน่นอน และสิทธิ์ในการพูดในคณะกรรมการมาเฟียก็จะอ่อนแอลงอย่างมาก!

ไม่มีทาง!

เขาต้องหยุดมัน!

บาซินี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟิลิปครอบครัวตาร์ตาลยา และเล่าเรื่องเดิมพันให้เขาฟัง

“ฉันจะไม่ลงทุนกับฮาร์ดี้อย่างแน่นอน ถึงฉันจะได้ยินมาว่าฮาร์ดี้โฮเทลนั้นมีกำไร 20 ถึง 30 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ก็ตาม แต่…ถ้าตอนนั้นเราไม่ให้หุ้นฟลามิงโก้กับคอร์เลโอเน เราก็คงจะมีผลกำไรได้แบบนั้นเหมือนกัน ” ฟิลิปกล่าว

บาซินี่นั้นได้ยินคำบ่นของฟิลิป แต่ในตอนแรกก็เป็นเขาที่เสนอให้ตกลงแลกเปลี่ยนหุ้นกับการที่พวกเขาได้ยืมเส้นสายของครอบครัวคอร์เลโอเนในการขายยาไม่ใช่เหรอ?

“แล้วเราจะเอาแต่ยืนดูฮาร์ดี้ทำเงินในลาสเวกัสอย่างนั้นเหรอ?” ฟิลิปถาม

“ฉันมีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง เราลองหาคนมาลงทุนสร้างคาสิโนขนาดใหญ่ในลาสเวกัสบ้างไหม? ยังไงเราก็ยังสามารถทำเงินได้” บาซินี่กล่าว

ฟิลิปเริ่มสนใจเมื่อเขาได้ยิน

“มันก็เป็นความคิดที่ดี แต่ฉันเกรงว่าจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก”

“งั้นเราก็หาคนมาลงทุนเพิ่มเข้าไปอีกสิ” บาซินี่กล่าว

หลังจากวางสายลง บาซินี่ก็โทรหาโคโลบที่เป็นหัวหน้าครอบครัวสตราชีย์ 

ทั้งสองคุยกันอยู่ครึ่งชั่วโมงและโคโลบก็รับปากว่าจะร่วมมือสร้างคาสิโนด้วย

ซึ่งแต่เดิมทั้งสามครอบครัวนี้ก็เคยมีหุ้นอยู่ในคาสิโนฟลามิงโก้ และในวันปกติบาซินี่ก็ออกไปพัฒนาความสัมพันธ์กับคนเหล่านี้เพื่อที่จะได้รักษาพันธมิตรไว้

ท้ายที่สุดบาซินี่ก็ได้โทรหาผู้เฒ่าแห่งครอบครัวคูเนโอชื่อทรีโอ คูเนโอ 

หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักคูเนโอก็พูดว่า “ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจากผู้จัดการคาสิโนที่นั่นแล้ว และฉันไม่รู้ว่านายได้ดู ช่องของลาสเวกัสหรือยัง?”

“ฉันเคยดูมันแล้ว” บาซินี่กล่าว

เขานั้นดูช่องลาสเวกัสเพราะความอยากรู้อยากเห็นและติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม

“ฉันคิดว่าความสำเร็จส่วนใหญ่ของฮาร์ดี้คาสิโนนั้นเป็นเพราะได้รับการโปรโมทผ่านช่องลาสเวกัสกับมีเกมลอตเตอรี่เป็นตัวเสริม ดังนั้นถ้านายไม่มีสถานีโทรทัศน์เป็นของตัวเอง คาสิโนของนายก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จหรอก”

บาซินี่ขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยิน

แต่เมื่อลองคิดดูแล้วมันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง 

โดยการที่ฮาร์ดี้คาสิโนนั้นประสบความสำเร็จได้ส่วนใหญ่ก็มาจากสถานีโทรทัศน์ เพราะยังไงคาสิโนก็เป็นแค่ที่ที่หนึ่ง และหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสถานีโทรทัศน์…คาสิโนแห่งใหม่ก็จะไม่มีทางได้โด่งดัง 

การลงทุนที่ทำไปก็เป็นไปได้ว่าจะสูญเสียเงิน

แต่ฮาร์ดี้สามารถประสบความสำเร็จได้เพราะตอนนี้เขาเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์เอบีซีที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐรัฐอเมริกา 

ซึ่งคนอื่นๆ นั้นไม่มีใครมีสถานีโทรทัศน์ที่ใหญ่ขนาดนี้

แน่นอนว่าเขาสามารถร่วมมือกับอีกสองสถานีโทรทัศน์สำหรับการแทรกแซงเข้าไปในลาสเวกัสและคว้าธุรกิจของฮาร์ดี้มา 

แต่วิธีนั้นมันก็เป็นการปะทะโดยตรงเกินไป

ซึ่งฮาร์ดี้ก็ไม่ใช่คนยอมใครหรือเป็นคนขี้ขลาด 

โดยถึงสถานีของเขาจะถูกสร้างในหนึ่งวัน…วันที่สองมันก็อาจจะระเบิดหายไปหรือตัวอาคารอาจถล่มลงมาทับพวกเขา…

มันจึงถือว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะฮาร์ดี้ได้ถ้าใช้วิธีการโจมตีเช่นนี้

แถมแก๊งแอลเอยังถูกควบคุมโดยฮาร์ดี้และเขาก็แข็งแกร่งกว่าครอบครัวใดๆ ในห้าครอบครัวใหญ่และยังมีเอชดีซีเคียวรีตี้ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในปีนี้

โดยจำนวนสมาชิกทั้งหมดนั้นมีมากกว่า 2500 คน ซึ่งบุคลากรเหล่านี้ก็คือกองทัพส่วนตัวของฮาร์ดี้ และสถานที่ตั้งก็มีลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก ลาสเวกัส ทั้งหมดล้วนมีเอชดีซีเคียวริตี้ตั้งอยู่

ถึงนิวยอร์กจะมีเอชดีซีเคียวริตี้มาเปิด แต่ขนาดมันก็ไม่ได้ใหญ่มากนักและมีจำนวนคนแค่ 200 คน 

โดยจะให้บริการกับธนาคารหลายแห่งที่นี่ และเมื่อบาซินี่ออกไปข้างนอกเขาก็จะเห็นรถที่มีตราเอชดีซีเคียวริตี้คุ้มกันรถขนเงินอยู่

แน่นอนว่าฮาร์ดี้นั้นสามารถส่งกองกำลังมาที่นิวยอร์กได้ตลอดเวลา

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้… 

บาซินี่ก็พบว่าเขาจะลงทุนกับคาสิโนใหม่ไปมากเท่าไหร่…มันก็ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จ

ยังไงถ้าคุณต้องการที่จะทำเงินในลาสเวกัส คุณจะต้องไปทำความร่วมมือกับฮาร์ดี้เท่านั้น

ความรู้สึกนี้ทำให้บาซินี่อึดอัดมาก

บาซีนี่ก็พูดด้วยอารมณ์โกรธว่า “คูเนโอนี่มันไม่ได้เกี่ยวว่าเราจะทำเงินได้แค่ไหน แต่ลองคิดดูถ้าครอบครัวใหญ่ๆ ทั้งหมดไปทำความร่วมมือกับฮาร์ดี้ นายคิดว่าในอนาคตครอบครัวมาเฟียจะยังสามารถกำจัดเขาได้เหรอ? อย่าลืมถ้าฮาร์ดี้ตาย คอร์เลโอเนก็ยังเป็นพันธมิตของเขาอยู่”

ปลายสายเงียบไปสองสามวินาทีก่อนที่คูเนโอจะพูดวา “ฉันคิดมาดีแล้ว…ฉันจะไม่เข้าร่วมด้วยจริงๆ”

เมื่อวางโทรศัพท์ลงคูเนโอก็หรี่ตามองภาพวาดบนผนัง 

นี่คือภาพวาดที่มีชื่อเสียงของจิตรกรชาวฝรั่งเศสชื่อธีโอดอร์กูดิน (Theodor Gudin) ปีค.ศ. 1827 

ซึ่งมันเล่าเกี่ยวกับการมาของคลื่นสึนามิและเรือลำเล็กๆ ในพายุ 

โดยเมื่อมันใกล้จะพลิกคว่ำผู้คนบนเรือบางคนก็จะขึ้นเรือชูชีพเพื่อหลบหนี กับอีกบางส่วนที่ต้องอยู่ดิ้นรนในพายุ

ส่วนเขาและครอบครัวคอร์เลโอเนนั้นก็ไม่มีความแค้นใดๆ แต่ก่อนหน้านี้ที่เขาร่วมมือกับอีกสามครอบครัวใหญ่โจมตีครอบครัวคอร์เลโอเนก็เพื่อยาเสพติดและผลประโยชน์

ในเวลานี้บาซินี่ไม่สามารถให้ผลประโยชน์อะไรกับเขาได้แล้ว และในลาสเกวัสก็มีผลประโยชน์มากมายที่รออยู่

มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเลือกอยู่ข้างใคร

เขาคิดสักพักและก็หยิบโทรศัพท์โทรหาเจ้าพ่อมาเฟียวีโต้คอร์เลโอเน

“วีโต้ นี่คูเนโอ..” คูเนโอทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม

“ฉันได้ยินแล้วคูเนโอ นายไม่ได้โทรหาฉันนานมากเลยนะ และแต่ก่อนนายยังชวนฉันไปดื่มด้วยอยู่เลย” เจ้าพ่อมาเฟียยิ้ม

“ฮ่าๆ เอ่อ สุดสัปดาห์นี้นายมีเวลาว่างไหม? ฉันอยากชวนนายไปล่าสัตว์ที่คฤหาสน์ของฉันแถวชนบทสักหน่อย” คูเนโอพูดเชิญ

“ได้สิ มันก็นานแล้วที่ฉันไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย” เจ้าพ่อมาเฟียตอบตกลง

“วีโต้ฉันได้ยินมาว่าฮาร์ดี้ต้องการสร้างคาสิโนขนาดใหญ่แห่งใหม่ในลาสเวกัสด้วยเงินลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ใช่ไหม? นายคิดยังไงกับเรื่องนี้และครอบครัวคอคอร์เลโอเนจะลงทุนด้วยหรือเปล่า?” คูเนโอถามคำถาม

เจ้าพ่อเฒ่ายิ้ม “แน่นอนว่าฉันจะลงทุนอยู่แล้ว ฉันเชื่อว่านี่จะเป็นธุรกิจที่ทำกำไร และทำไมฉันถึงจะไม่ลงทุน? ทั้งๆ ที่นายก็รู้ว่าฉันมีหุ้นอยู่ในฮาร์ดี้โฮเทลที่เวลานี้มันกำลังทำเงินหลายสิบล้านดอลลาร์มาให้ทุกปี แถมยังเป็นรายได้ที่ถูกต้องตาม ‘กฎหมาย’ ด้วย”

เจ้าพ่อเฒ่าจงใจเพิ่มน้ำเสียงของเขาเมื่อเขาพูดคำว่า ‘ถูกกฎหมาย’

ต้องบอกว่ารายได้ที่ถูกกฎหมายกับรายได้ที่ผิดกฎหมายมูลค่านั้นแตกต่างกันมาก 

โดยเฉพาะประเทศนี้ที่มีการกำกับดูแลการเงินที่เข้มงวด

“แล้วนายจะลงทุนเท่าไหร่?” คูเนโอถาม

“มันขึ้นอยู่กับความต้องการของฮาร์ดี้ แต่ยังไงฉันก็จะลงทุนกับมันให้มากที่สุดอย่างแน่นอน ซึ่งฉันก็กลัวว่าฮาร์ดี้จะไม่ยอมสักเท่าไหร่ เพราะนายต้องรู้ว่าธุรกิจนี้เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นหลายสิบคน หากใครคนหนึ่งมีหุ้นมากเกินไป คนอื่นๆ ก็จะไม่มีหุ้นเหลือ” เจ้าพ่อมาเฟียกล่าว

การลงทุน 100 ล้านดอลลาร์?

ต้องบอกว่าครอบครัวมาเฟียเหล่านี้มีไม่มากเท่าไหร่ที่จะจ่ายเงินได้ถึง 10 ล้านดอลลาร์ 

แม้ว่าพวกเขาจะจ่ายเต็มที่ได้แค่ 5 ล้านดอลลาร์ มันก็ไม่แย่เท่าไหร่เพราะถือว่าเป็น 5% ของหุ้น

คูเอโนหยุดคิดและพูดว่า “วีโต้ บาซีนี่โทรหาฉันเมื่อครู่นี้” 

หลังจากนั้นคูเนโอก็เล่าทุกอย่างจากบาซีนี่ให้เจ้าพ่อมาเฟียฟัง

ต้องบอกเลยว่าในวงการนี้

‘ไม่มีมิตรแท้ถาวร มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่จะยั่งยื่น’

นี่เป็นคำพูดที่มีชื่อเสียงของนายกรัฐมนตรีอังกฤษพาล์มเมอร์สตันในศตวรรษที่สิบเก้าและเขาก็ยังเป็นรากฐานของทูตอังกฤษอีกด้วย

Leave a Comment

ไม่ดี!