ตอนที่ 174 มูลค่าทวีคูณขึ้นสิบเท่า
ก่อนหน้านี้ ฮาร์ดี้เคยสั่งให้บิลพาคนไปซานฟรานซิสโกเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของครอบครัวเซลตันมาแล้ว
ซึ่งในเวลานี้หัวหน้าสูงสุดของครอบครัวเซลตันกำลังถูกสอบสวนโดยเอฟบีไอเลยทำให้ภายในครอบครัวเซลตันกำลังวุ่นวายมาก
ฮาร์ดี้เลยโทรเรียกบิลอีกครั้งโดยบอกว่าให้ส่งคนไปที่ซานฟรานซิสโกเพิ่มอีกเพื่อจะได้ตรวจสอบธุรกิจของครอบครัวเซลตันว่าเหลืออะไรบ้าง
“บางครั้งเวลาทำธุรกิจเราไม่จำเป็นต้องสร้างความรุนแรงกับอีกฝ่ายก็ได้ เราสามารถใช้ข้อได้เปรียบหลายอย่างที่เรามีเช่น หนังสือพิมพ์ ตำรวจ หน่วยลาดตระเวนหรือแม้กระทั่งเอฟบีไอ”
“แถมธุรกิจของครอบครัวเซลตันก็เกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายเกือบทั้งหมด นายก็แค่ไปสืบหาเบาะแสธุรกิจเหล่านี้ให้กับตำรวจ และใช้ตำรวจโจมตีพวกเขาหรือจะหาหลักฐานเกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีส่งไปให้สำนักงานภาษีมันก็ได้เหมือนกัน ส่วนอีกอย่างก็คือหลักฐานเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมของครอบครัวเซลตัน…หาแล้วส่งไปให้เอฟบีไอ แค่นั้นเราก็สามารถเรียกร้องอะไรกับพวกเขาก็ได้” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
บิลหยุดพยักหน้าไม่ได้ แต่ถ้าเขาลองนึกถึงธุรกิจของตัวเอง…
“แล้วถ้าคนอื่นใช้วิธีเดี๋ยวกันโจมตีบริษัทแอลเอของเราล่ะ? เราจะจัดการกับมันยังไง?” บิลถามด้วยความเป็นห่วง
“นั่นคือเหตุผลที่ฉันบอกให้นายระวังเรื่องการทำธุรกิจต่างๆ ก่อนหน้านี้ยังไงละ เพราะธุรกิจสีดำคือธุรกิจสีดำมันจะต้องไม่ออกมาด้านสว่างและตอนนี้แอลเอก็เป็นบริษัทแล้ว หากเราเจอการสืบสวนเรื่องธุรกิจส่วนไหนส่วนหนึ่ง เราก็สามารถตัดส่วนนั้นออกไปได้ถึงแม้จะต้องเสียบุคลากรไปบ้างก็เถอะ แต่เราต้องไม่ให้ใครมาสืบหารากฐานของบริษัทแอลเอเด็ดขาด”
“ในซานฟรานซิสโกนายส่งคนไปตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นและรายงานให้เฮนรี่ทันที เดี๋ยวบริษัทรักษาความปลอดภัยจะรับช่วงต่อจัดการครอบครัวเซลตันให้เอง ยังไงเราแค่โจมตีครอบครัวเซลตันไม่กี่ครั้งพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปเพิ่มให้”
……
หลังจากบิลออกไป โทรศัพท์ของฮาร์ดี้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“คุณฮาร์ดี้ค่ะ ฉันกลับมาที่ลอนแอนเจลิสแล้วนะ” เสียงหวานๆ ของเอลิซาเบธเทย์เลอร์ดังออกมาจากโทรศัพท์
‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ’ ใกล้จะออกฉายแล้วทำให้ตอนนี้เทย์เลอร์ต้องออกเดินสายโปรโมท
ซึ่งเธอก็ไม่ได้เจอกับฮาร์ดี้มานานแล้ว พอได้กลับมาเลยอดห้ามใจที่จะติดต่อคุณฮาร์ดี้ไม่ได้
“เหนื่อยไหม?” ฮาร์ดี้ถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็เหนื่อยอยู่ค่ะ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นและกังวลเมื่อคิดว่าหนังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้เหมือนกัน” เทย์เลอร์กล่าว
“เรื่องที่ฉันเขียนจะล้มเหลวได้ยังไง ฮ่าฮ่าไม่ต้องห่วง” ฮาร์ดี้ยิ้ม
ทั้งสองคนพูดคุยกันสักพักและเทย์เลอร์ก็พูดว่า “คุณฮาร์ดี้ วันมะรืนนี้ภาพยนตร์จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการ เรา…เราไปดูด้วยกันไหมคะ?”
“ฮ่าๆ ได้สิ เราแอบไปดูกันเถอะ” ฮาร์ดี้ตอบ
หลังจากออกโปรโมทมาสักระยะหนึ่ง ภาพยนตร์ ‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ’ ก็ใกล้จะเข้าฉายแล้ว
ซึ่งนักแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้คือแครี แกรนต์และอาจกล่าวได้ว่าผู้ชมส่วนใหญ่นั้นเข้าโรงภาพยนตร์เพื่อไปดูเขา
แต่มันก็มีบางคนที่มาดูเทย์เลอร์ด้วย เช่นในระหว่างการโปรโมทภาพยนตร์ ทีมงานโปรโมทของเอ็มจีเอ็มได้ประกาศว่าเทย์เลอร์เป็นต้นแบบของบาร์บี้ ‘เจ้าหญิงเทย์เลอร์’ ทำให้เธอถูกเด็กๆ เรียกว่าเจ้าหญิงเทย์เลอร์ตั้งแต่นั้นมา
หลังจากภาพยนตร์เริ่มออกฉาย ผู้ชมก็เต็มภาพยนตร์ตั้งแต่วันแรก
แน่นอนว่ามีเด็กผู้หญิงมาดูเป็นจำนวนมากด้วย
ซึ่งตอนนี้มันยังไม่มีระบบจัดเรทของภาพยนตร์ และภาพยนตร์อย่างลีออง เพชฌฆาตมหากาฬก็มีฉากนอกเลือดหลายฉากเหมือนกัน ปกติมันต้องถูกจัดเรทว่าเป็นหนังพิเศษโดยที่เด็กอายุต่ำกว่าสิบสามปีควรเข้าชมพร้อมกับผู้ปกครอง
และเมื่อภาพยนตร์เริ่มฉายก็ชมก็ค่อยๆ ดื่มด่ำไปกับโครงเรื่อง
ในตอนเริ่มต้นชีวิตของครอบครัวมาทิลด้าก็ลำบากมากแล้วต่อมาครอบครัวยังถูกฆ่าตายอีก หลังจากเธอได้พบกับลีอองชีวิตของเธอก็ค่อยๆ มีสีสันขึ้น
จิตใจที่เข้มแข็งของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
การดูแลเอาใจใส่ของลุงนักฆ่า
มันทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น
และฉากการแก้แค้นที่มีการดวลปืนก็ผลักดันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้พุ่งสู่จุดไคลแมกซ์
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างแตกต่างจากนักฆ่าที่ฮาร์ดี้เคยดูในชีวิตก่อน แต่มันก็เป็นภาพยนตร์ที่ดีที่หายากเรื่องหนึ่ง
แล้วทักษะการแสดงของเทย์เลอร์ก็ดีมากเช่นกัน
…
ภาพยนตร์สิ้นสุดลง…
หลายคนเดินออกไปพร้อมกับพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของภาพยนตร์
“ฉันชอบคนแบบแครี แกรนต์มากเลย เขาหล่อมาก มันคงจะดีถ้าฉันได้เจอกับลุงหล่อๆ เหมือนเขา” เด็กหญิงอายุห้าหรือหกขวบพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เทย์เลอร์สวยมากทักษะการแสดงของเธอดีมากตอนที่ฉันดูภาพยนตร์อยู่ ฉันลืมภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ของเธอไปเลยฉันรู้สึกว่าเธอคือมาทิลด้าจริงๆ” ชายคนหนึ่งกล่าว
เทย์เลอร์คล้องแขนฮาร์ดี้เดินออกไป เธอมีความสุขมากที่ได้ยินความคิดเห็นของผู้ชม เพราะอย่างน้อยความพยายามของเธอมันก็ได้รับการยอมรับแล้ว
หลังจากดูภาพยนตร์จบ ฮาร์ดี้ก็กำลังไปส่งเทย์เลอร์กลับบ้าน แต่เทย์เลอร์มองฮาร์ดี้ด้วยดวงตาสีม่วงของเธอและพูดว่า “คุณฮาร์ดี้ค่ะ ฉันไปเล่นที่คฤหาสน์ของคุณได้ไหม?”
“ได้สิ”
ตอนห้าทุ่มฮาร์ดี้ก็ไปส่งเทย์เลอร์ที่บ้าน และเมื่อเธอลงจากรถ ริมฝีปากของเธอก็แดงเล็กน้อย
เทย์เลอร์วิ่งไปที่ประตูและหันไปมองที่ฮาร์ดี้ โบกมือลาเขาก่อนจะเข้าไปในบ้าน
เมื่อซาร่าห์เห็นลูกสาวของเธอกลับมาเธอก็ถามว่า “ภาพยนตร์ที่ลูกแสดงเข้าฉายวันนี้ใช่ไหม? มันเป็นยังไงบ้าง?”
“โรงภาพยนตร์เต็มไปด้วยผู้คนเลยค่ะ! และหลังจากภาพยนตร์จบแล้ว พวกเขาก็พูดว่าหนูแสดงได้ดีมาก” เทย์เลอร์พูดอย่างมีความสุข
“เปิดตัวได้ดีนะ แล้วหลังจากดูภาพยนตร์เสร็จแล้ว หนูกับฮาร์ดี้ไปทำอะไรกันจ้ะ?” ซาร่าห์ถาม
ฮาร์ดี้มารับเทย์เลอร์เมื่อช่วงบ่าย และหลังจากภาพยนตร์จบเธอก็ยังไม่กลับบ้านจนเวลาผ่านไปถึงห้าทุ่ม
ความตื่นตระหนกแวบเข้ามาในดวงตาของเทย์เลอร์
“หนูไปที่คฤหาสน์ของคุณฮาร์ดี้และทานอาหารค่ำที่นั่น หลังจากทานอาหารเสร็จคุณฮาร์ดี้ก็พูดว่าถ้าเธอชอบบทภาพยนตร์ของ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ เขาจะบอกให้บริษัทภาพยนตร์รีบทำบทให้” เทย์เลอร์กล่าว
“อ๊ะ จะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่อีกเหรอ?” ซาร่าห์รู้สึกประหลาดใจ
แน่นอนว่านักแสดงส่วนใหญ่จะกลัวว่าตัวเองไม่มีภาพยนตร์ให้เล่น แต่เทย์เลอร์รู้จักฮาร์ดี้ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ทำให้ตอนนี้ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีบทภาพยนตร์หรือเปล่า
ซาร่าห์แตะหน้าลูกสาวของเธอและคิดว่าลูกสาวของเธอช่างโชคดีจริงๆ
“ยังมีอีกอย่างที่คุณฮาร์ดี้บอกหนูไว้ เขาบอกว่าถ้าอยากทำงานให้ไปที่สถานีเอบีซีเพื่อที่จะออกรายการได้ ที่นั่นมีรายการสำหรับเด็กอยู่ชื่อ ‘เซซามีสตรีท’ หนูสามารถไปเป็นหนึ่งในตัวละครในรายการนี้ได้ เพราะทุกคนจะสวมชุดมาสคอส แต่หนูไม่ต้องสวมมันและได้เล่นบทของเจ้าหญิงเทย์เลอร์แทน”
เทย์เลอร์พูดอย่างมีความสุข
ซาร่าห์ก็มีความสุขมากเพราะตอนนี้ลูกสาวของเธอไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะมีบทบาทให้แสดงหรือเปล่า
วันต่อมา
หนังสือพิมพ์หลายฉบับก็เริ่มลงบทความวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ
‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ เป็นภาพยนตร์ที่มีชื่อแปลกมาก ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันหมายถึงอะไร แต่เมื่อผมได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ผมก็รู้ที่มาของชื่อในที่สุด เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ไม่มีความรู้สึกเลยถึงแม้เดิมทีเขาจะเป็นนักฆ่าที่เย็นชา แต่ต่อมาเมื่อได้พบกับเด็กสาวคนนี้ เขาก็ช่วยดูแลเธอและเติบโตไปพร้อมกับเธอ จนกระทั่งเด็กสาวค่อยๆ ตกหลุมรักลุงนักฆ่า มันเป็นความรักที่เธอรู้สึกว่าเขาไว้ใจได้เหมือนกับความรักที่ลูกรักพ่อประมาณนั้น…’
‘ฉากที่น่าจดจำที่สุดก็คือตอนที่เด็กสาวตกอยู่ในอันตรายตอนช่วงแรก โดยเด็กสาววิ่งไปเคาะประตูบ้านของนักฆ่า ซึ่งในตอนแรกนักฆ่าก็ไม่อยากเปิดประตูและต้องต่อสู้กับความคิดของตัวเองอย่างดุเดือด สุดท้ายเขาก็เปิดประตูให้เธอ…เมื่อประตูเปิดออกเด็กสาวก็เหมือนเห็นแสงสว่างในชีวิตของเธอ มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดจริงๆ’
‘ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มันคุ้มค่ากับเวลาของคุณอย่างแน่นอน และผมก็เชื่อว่าหลังจากดูภาพยนตร์เรื่องแล้วคุณจะจดจำมันไปตลอดชีวิต’
นักวิจารณ์ภาพยนตร์คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ประเมินให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ควรค่าแก่การดู และหลายคนแสดงความเห็นต่อการแสดงของเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ว่ามันดีมากจริงๆ
เธอเทียบได้กับแครี แกรนต์ที่ได้รับรางวัลนักแสดงออสการ์เลยทีเดียว
แน่นอนว่ามันก็มีบางคนที่อคติด้วยเหมือนกัน
นักวิจารณ์ภาพยนตร์บางคนกล่าวว่าการปล่อยให้เด็กสาวอายุ 14 ปีและลุงอายุ 40 ปีตกหลุมรักกันนั้นไม่มีจริยธรรมและไม่ควรนำมาแสดงออก
ซึ่งมันก็โชคดีที่ไม่มีฉากอย่างว่า ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะเรียกร้องไม่ให้ฉายภาพยนตร์อีก…
ฮาร์ดี้ได้รับข้อมูลการเข้าชมของภาพยนตร์ที่เข้าฉายวันนี้ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นเข้าฉายมากถึง 900 แห่งทั่วประเทศและทำเงินได้มากถึง 950,000 ดอลลาร์
มันเป็นตัวเลขที่สูงมาก
จากการวิเคราะห์ของเอ็มจีเอ็มรายได้ทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้อาจมากถึง 8 ล้านหรือ 10 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
แน่นอนว่าคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดก็คือแครี แกรนต์ แต่บางคนก็คิดว่าเทย์เลอร์นั้นไม่ด้อยกว่าแครี แกรนต์เลย แถมยังได้การส่งเสริมจากเจ้าหญิงบาร์บี้อีก
เมเยอร์โทรหาฮาร์ดี้เป็นการส่วนตัวเพื่อที่จะได้แสดงความยินดีกับเขา ซึ่งฮาร์ดี้ก็ยิ้มและตอบกลับไปว่า “ฮ่าๆ เราสองคนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกัน แต่ยังไงหัวหน้าเมเยอร์ก็รับเงินมากกว่าผมอยู่แล้ว”
เมเยอร์หยุดพูดชั่วคราวและพูดว่า
“ฮาร์ดี้ คนจากบริษัทเอบีซีของนายติดต่อมาที่เอ็มจีเอ็มเพื่อขอซื้อภาพยนตร์ของฉันใช่ไหม? ฉันอยากรู้ว่านายมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการออกอากาศทางโทรทัศน์อย่างนั้นเหรอ?” เมเยอร์ถาม
“ต้องบอกว่ามันจะสำเร็จแน่นอน” ฮาร์ดี้กล่าวอย่างหนักแน่น
เมเยอร์คิดอยู่พักหนึ่ง
“แล้วนายคิดว่าการออกอากาศทางโทรทัศน์จะเป็นภัยต่อโรงภาพยนตร์มากน้อยแค่ไหน?” เมเยอร์ถามอีกครั้ง
“ฮ่าๆ ผมจะบอกคุณก็ได้ว่ามันร้ายแรงกว่าสิ่งที่คุณคิดอยู่ตอนนี้มาก มันไม่ใช่แค่ภัยคุกคามธรรมดาแต่มันคือการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยตรง” ฮาร์ดี้กล่าว
เมเยอร์รู้สึกว่าคำพูดของฮาร์ดี้นั้นดูเกินจริงเล็กน้อย
“อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งหมดมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละปี และมีคนเข้าโรงภาพยนตร์มากกว่า 30 ล้านคนทุกปี อีกทั้งยังมีรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศ ค่าลิขสิทธิ์ และสวนสนุก ซึ่งการออกอากาศนั้นมีรายได้จากโฆษณาเท่านั้น แล้วมันจะแซงหน้าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้ยังไงกัน? “เมเยอร์ถามกลับ
“ฟรี สะดวก ดูได้ทั้งครอบครัว ฉายได้ต่อเนื่อง นี่คือข้อดีของการออกอากาศทางโทรทัศน์” ฮาร์ดี้กล่าว
“คิดดูสิถ้าเราซื้อโทรทัศน์หนึ่งเครื่อง เราสามารถดูรายการต่างๆ ได้ตลอดเวลา แต่การไปดูภาพยนตร์นั้นเราต้องเสียเงินทุกครั้ง ใช่ไหม? แถมเรายังสามารถดูกับคนในครอบครัวได้อีก โดยหลังจากทานอาหารเย็นแล้ว ทุกๆ ครอบครัวก็แค่ไปนั่งในห้องนั่งเล่นและเพลิดเพลินไปกับการดูโทรทัศน์ ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย”
“และภาพยนตร์นั้นยาวแค่สองหรือสามชั่วโมง ในขณะที่โทรทัศน์นั้นสามารถรับชมได้ทั้งวัน ถึงสถานีโทรทัศน์ของบริษัทอื่นจะออกอากาศแค่ห้าชั่วโมงต่อวัน แต่บริษัทเอบีซีของผมจะทำการปรับเวลาเป็นแปดนาฬิกาถึงเที่ยงคืน”
เมเยอร์แปลกใจ “นายมีรายการโชว์เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ฮ่าๆ ผมมีเยอะมากกว่าที่คุณคิดแน่นอน” ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
เมเยอร์เงียบไป
ในความเป็นจริงเขาก็รู้ดีว่าโทรทัศน์นั้นมีข้อดีแค่ไหน และเขาก็รู้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบ้างแล้ว
เพราะบริษัทภาพยนตร์อื่นๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวกันอย่างเงียบๆ
ถ้าจะยกตัวอย่างก็พาราเมาท์ที่ต้องการซื้อเอบีซีนี้แหละ
เพียงแต่มันอาจจะไม่น่ากลัวเหมือนที่ฮาร์ดี้พูดอยู่ตอนนี้ เพราะเขารู้สึกว่าโทรทัศน์ไม่สามารถแทนที่โรงภาพยนตร์ได้
แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่ฮาร์ดี้พูดอีกครั้ง เขาก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่เหมือนกัน “ฮาร์ดี้ นายขายหุ้นของบริษัทเอบีซีไหม?”
ฮาร์ดี้รู้ว่าเมเยอร์กำลังหลงทางอยู่
“ขาย!”
เมเยอร์รู้สึกดีมากที่ได้ยินคำนี้
“ขายยังไง?”
“หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ต่อสิบล้านดอลลาร์ และผมขายให้คุณได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
เมเยอร์ที่ได้ยินก็เกือบตายเพราะความโกรธ
เพราะเขาได้ยินมาว่าฮาร์ดี้ซื้อหุ้นของบริษัทเอบีซีทั้งหมดแค่ราคาสิบสองล้านดอลลาร์เท่านั้น
แต่ตอนนี้หุ้นแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็มีราคามากถึงสิบล้านดอลลาร์แล้ว
///ฮาร์ดี้คนเหลี่ยม