ตอนที่ 200 กลุ่มแห่งการทำเงิน
ลุคเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน และทันทีที่เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยผู้คนก็ให้ความสนใจกับมันเป็นอย่างมาก
เพราะยังไงข่าวซุบซิบแบบนี้มันก็ต้องมีคนชอบอยู่แล้ว และหนังสือพิมพ์รายใหญ่เกือบทั้งหมดก็ไม่พลาดที่จะรายงานข่าวนี้
โดยจีน่าได้ฟ้องศาลและเปิดเผยเรื่องราวที่ได้พบเจอไปพร้อมกัน
ซึ่งเธอนั้นถูกข่มขู่และถูกทุบตีในระหว่างการถ่ายทำ แถมหลังจากกลับไปที่โรงแรมเธอก็ถูกคุกคามอีกครั้ง
โดยเขานั้นได้ขู่เธอว่าจะไม่ให้เธอได้แสดงอะไรอีกถ้าหากไม่เชื่อฟัง และถ้าเธอไม่เชื่อฟังเขาก็จะฟ้องร้องเธอจนทำให้เธอไม่มีกำลังที่จะต่อต้านอะไร
เธอก็ถูกบังคับแบบนี้ถึงสี่ครั้ง
และทันทีที่มีรายงานออกมา
ลุคก็ได้รับแรงกดดันเหมือนกัน โดยเมื่อก่อนนั้นเขากำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่ และก็ถ่ายทำเสร็จไปแล้ว 1 ใน 3
แต่โคลัมเบียกลับเรียกเขาไปพบและให้ผู้กำกับคนอื่นมาแทนที่เขา
เพราะเวลานี้โคลัมเบียก็กำลังเดือดร้อนเช่นกัน และสหภาพนักแสดงยังส่งจดหมายมาหาพวกเขาสำหรับการเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด
ไม่อย่างนั้นสมาชิกของสหภาพจะคว่ำบาตรโคลัมเบีย
ซึ่งมันก็ทำให้โคลัมเบียรู้สึกอับอายและอับจนหนทางเป็นอย่างมาก
เพราะถ้ายอมรับชื่อเสียงของพวกเขาก็จะเสียหาย
แต่ถ้าปฏิเสธสหภาพก็จะเข้ามาสร้างปัญหาให้พวกเขา และเดิมทีพวกเขานั้นต้องการหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ให้ได้
แต่วันรุ่งขึ้น
กลุ่มผู้ประท้วงก็มารวมตัวกันที่หน้าบริษัทภาพยนตร์โคลัมเบีย โดยพวกเขาบอกว่าฝ่ายบริหารนั้นไม่มีการจัดการที่เด็ดขาดและโคลัมเบียก็ไม่ยอมรับผิดสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น
นักข่าวจากสถานีโทรทัศน์เอบีซีก็เดินทางมาถ่ายภาพฝูงชนขณะประท้วงกันอยู่ พวกเขานั้นจะนำมันไปออกอากาศข่าวเที่ยงวันที่จะถึงนี้
และหลังจากการรายงาน มันก็ทำให้ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลายคนแสดงความคิดเห็นออกมาหลังจากได้ดูข่าว
ซึ่งพวกเขาก็หวังว่าฮอลลีวูดจะหาวิธีแก้ไขและป้องกันไม่ให้สิ่งเลวร้ายนี้เกิดขึ้นอีก
ผลกระทบดังกล่าวยังทำให้ราคาหุ้นของบริษัทภาพยนตร์โคลัมเบียดิ่งลง จนผู้ถือหุ้นรู้สึกไม่พอใจเลยรีบสั่งให้ประธานจัดการกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
โดยประธานของโคลัมเบียก็เข้าไปขอพบฮาร์ดี้ในทันที
“คุณฮาร์ดี้ครับ ลุคเป็นเพียงแค่ผู้กำกับร่วมสัญญาของโคลัมเบียเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เราได้ยกเลิกสัญญาเขาไปแล้ว และเราก็หวังว่าผู้ที่มาประท้วงจะถอนตัวออกไป”
ฮาร์ดี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “ผมได้ยินมาจากทนายความว่าคุณนั้นได้ลงทุนสร้างภาพยนตร์ในโคลัมเบีย และพนักงานทั้งหมดก็มาจากบริษัทโคลัมเบียของคุณ ซึ่งทนายของเราต้องการเข้าไปหาหลักฐานที่นั่น แต่กลับได้เจอแต่แรงต่อต้านไม่ให้ทนายเข้าไปตรวจสอบ”
ข้อกล่าวหาที่นักแสดงหญิงจีน่าพูดออกมาว่าเธอนั้นถูกทำร้ายและถูกซ้อมในกองถ่ายนั้นลุคได้ปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด แต่ในเวลานั้นก็มีคนของบริษัทโคลัมเบียจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์
แล้วถ้าหากทนายพบหลักฐานหรือมีคนออกมาให้ความเขาก็จะปฏิเสธอะไรไม่ได้อีก
ประธานของโคลัมเบียกัดฟันก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ เมื่อผมกลับไป ผมจะบอกลูกทีมของผมให้ความร่วมมือกับทนายสำหรับการให้ข้อมูลหลักฐานเอง”
ยังไงเพื่อประโยชน์ของบริษัทการที่ต้องสละผู้กำกับหนึ่งคนมันก็ถือว่าดีมากแล้ว
สองวันต่อมา
หลังจากการรวบรวมหลักฐานเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่โคลัมเบียก็ยืนยันว่าไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการข่มขืนในเวลานั้น แต่ผู้กำกับเป็นคนบอกว่ามีฉากนี้เอง ซึ่งจีน่าก็ไม่ยอมรับและต่อต้านมัน
เพราะมันเป็นการถ่ายทำที่มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมากและยังเป็นการดูถูกตัวเธอด้วย
โดยเธอนั้นได้ไปประท้วงกับผู้กำกับลุค แต่ลุคกลับตบจีน่าถึงสองครั้งและทุกคนในทีมทั้งหมดก็เห็นฉากนี้
หลังจากโคลัมเบียให้ความร่วมมือกับสหภาพผู้ประท้วงหน้าบริษัทก็ถอยกลับไป และมันก็ทำให้พวกเขาสามารถหายใจออกมาได้สักที
จากเหตุการณ์นี้แอนดี้ก็กลับมารายงานกับฮาร์ดี้ว่าเขานั้นทำกำไรจากการปั่นหุ้นของโคลัมเบียได้ราวๆ 1.2 ล้านดอลลาร์
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เลย…
…
การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป
แต่เหตุการณ์บีบบังคับและข่มขืนที่เกิดในห้องพักของโรงแรมนั้นไม่มีหลักฐานมาแสดง
มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์แต่แค่หลักฐานที่เขานั้นข่มขู่และทำร้ายจีน่ามันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชื่อเสียงของผู้กำกับลุคเสียหาย
ต่อให้ไม่ถูกตัดสินให้รับโทษชื่อเสียงก็ของเขาก็เหมือนถูกทำลายไปแล้ว และหลังจากโดนสหภาพหมายหัว
มันก็เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าจ้างเขาอีก
ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ยังเป็นเหมือนคำเตือนให้กับคนอื่นๆ และก็คาดว่าพวกเขาจะมีความยับยั้งชั่งใจกันมากขึ้นก่อนที่คิดจะทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ
…
เวลานี้ชื่อเสียงของฮาร์ดี้ในสายตาของนักแสดงนั้นดูดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก และพวกเขาก็รู้สึกชื่นชมฮาร์ดี้จากใจจริง
แล้วเมื่อเรื่องของสหภาพนักแสดงสิ้นสุดลง ฮาร์ดี้ก็กลับมาเริ่มยุ่งกับเรื่องของตัวเอง
โดยหลังจากการเตรียมการมานานกว่าสองเดือนแอนดี้ก็ได้นำทีมไปจัดระเบียบธุรกิจของฮาร์ดี้และการเตรียมจัดตั้งฮาร์ดี้กรุ๊ป
“บอส จากการที่เราคุยกันครั้งก่อน เวลานี้จะมี 8 บริษัทที่จะเข้าร่วมฮาร์ดี้กรุ๊ปคือ เอชดีซีเคียวริตี้ เอชดีฟิล์ม บริษัทนายหน้าเอชดี บริษัทเพลย์บอย เอชดีทอยส์ เอชดีแอร์ไลน์ บริษัทหนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ สุดท้ายคือสถานีโทรทัศน์เอบีซี”
“สำหรับเอสเตลอเดอร์ เหมืองแร่วอลช์ โรงงานผลิตโทรทัศน์มิโบ บริษัทน้ำแร่ร็อคกี้เมาเท่น บริษัทประมูลและโรงผลิตไวน์อีกสองแห่งทั้งหมดนี้เป็นธุรกิจส่วนตัว มันจะไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มฮาร์ดี้ แต่ทั้งหมดนี้จะเป็นทรัพย์สินของคุณ”
“และผมจะจะตั้ง ‘บริษัทจัดการทรัพย์สิน’ ขึ้นมา เพื่อที่จะช่วยคุณจัดการทรัพย์สินของตัวเองได้ง่ายขึ้น”
“นอกจากนี้ยังมีโครงการลงทุนบางอย่างเช่น หุ้นที่เคยซื้อไว้ของโรงงานรถจักรยานยนต์ โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า โรงงานช็อกโกแลต ซึ่งผมก็จะจัดตั้ง ‘บริษัทการลงทุน’ ขึ้นมาเพื่อช่วยบอสจัดการเกี่ยวกับธุรกิจที่ได้ไปลงทุนไว้”
“ยังมีฮาร์ดี้โฮเทลที่บริหารงานโดยอิสระและไม่ได้อยู่ในฮาร์ดี้กรุ๊ป เพราะท้ายที่สุดธุรกิจนี้มันค่อนข้างจะพิเศษ”
“นอกจากนี้ยังมีบริษัทการเงินแอนดี้และบริษัทกฎหมายเบเกอร์แมคเคนซี ที่คุณจะเพียงเจ้าของหุ้นแต่ไม่ได้เข้ามาบริหาร ดังนั้นหุ้นเหล่านี้ก็จะถือว่าเป็นของการลงทุนส่วนตัว”
ด้วยวิธีที่แอนดี้พูดมานี้ธุรกิจและทรัพย์สินของฮาร์ดี้ก็จะดูชัดเจนมากขึ้น
“บอส ผมได้คำนวณเบื้องต้นมาแล้ว สินทรัพย์ทั้งหมดของฮาร์ดี้กรุ๊ปนั้นสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์และสินทรัพย์ส่วนตัวของบอสจะอยู่ที่ 50 ล้านดอลลาร์ และฮาร์ดี้โฮเทลก็จะมีมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์เหมือนกัน แล้วถ้ารวมทั้งหมดสินทรัพย์ของบอสก็จะมีมูลค่าถึง 250 ล้านดอลลาร์ แน่นอนถ้าบอสเลือกที่จะเอาธุรกิจคาสิโน สถานีโทรทัศน์เอบีซี สินทรัพย์ของบอสก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่า”
ฮาร์ดี้ส่ายหัว “ไม่เป็นไร เวลานี้ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงินสักเท่าไหร่ และเราก็ไม่ต้องไปไล่ตามเกมกระดานหุ้นหรอก แล้วจำไว้ว่าสินทรัพย์ของฮาร์ดี้กรุ๊ปจะไม่มีวันถูกจดทะเบียนอย่างแน่นอน แต่ถ้าสินทรัพย์นั้นถูกจดทะเบียนมันก็มีวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือการเก็บเงินเพื่อที่เตรียมพร้อมที่จะทิ้งมันไป”
แอนดี้พยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ
“บอส ผมคิดว่ากลุ่มของเรานั้นควรจดทะเบียนที่ลาสเวกัส เพราะผลประโยชน์ที่เราจะได้ก็คือภาษีที่ต่ำมากและไม่มีภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา ดังนั้นการตั้งสำนักงานใหญ่ไว้ที่เนวาดามันจะเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับบริษัทเรา ถ้าคุณคิดว่าแผนนี้โอเค ผมก็จะรายงานไปยังลาสเวกัสและส่งใบสมัครตามไปทีหลัง”
เนวาดาที่ตั้งอยู่ในลาสเวกัสนั่นถือเป็นหนึ่งในรัฐที่บริษัทเข้ามาลงทุนมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
เพราะมันไม่มีการเรียกเก็บภาษีของนิติบุคคลและภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา และสำหรับธุรกิจก็จะเสียภาษีที่ต่ำมาก
แถมมันยังไม่มีค่าใช้แอบแฝงนอกจากเพียงค่าธรรมเนียมการรักษาบำรุงที่ต้องจ่ายรายปีนิดหน่อย
แน่นอนว่าผู้ถือหุ้นที่อยู่ในรัฐนี้ก็จะไม่ถูกเปิดเผยข้อมูล พร้อมกับไม่ต้องอาศัยอยู่ในเนวาดากับสหรัฐอเมริกาก็ได้
อีกประการหนึ่งคือเนวาดาและกรมสรรพากร (IRS) ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูล
มันก็หมายความว่า IRS ยังไม่มีข้อมูลภาษีจากรัฐเนวาดานั้นเอง
คุณควรทราบว่าภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาที่แคลิฟอร์เนียคือ 20% และเพียงแค่เห็นภาษีจากแคลิฟอร์เนียมันก็เป็นเรื่องปกติที่เนวาดาจะดึงดูดให้บริษัทมาจดทะเบียน
“ส่งไปเลย ฉันคิดว่าลาสเวกัสนั้นดีที่สุดแล้ว แล้วนายเจออาคารสำนักงานใหญ่ที่เหมาะสมสำหรับฮาร์ดี้กรุ๊ปของเราหรือยัง?” ฮาร์ดี้ถาม
“ผมได้ค้นหาสถานที่มาบ้างแล้ว และก็เอามาให้บอสดูว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ถ้ามันไม่เหมาะสมผมจะกลับไปหาเพิ่มอีก” เมื่อแอนดี้พูดจบเขาก็ยืนแฟ้มข้อมูลให้กับฮาร์ดี้
ต้องบอกว่าลอสแอนเจลิสนั้นตั้งอยู่ในเขตที่มีแผ่นดินไหวเยอะที่สุดในโลก มันเลยทำให้ที่นี่ไม่ค่อยจะมีอาคารสูงๆ สักเท่าไหร่
แม้แต่ในศตวรรษที่ 21 ก็ยังมีอาคารสูงน้อยมาก
ฮาร์ดี้นึกภาพอาคารหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางลอสแองเจลิสก่อนจะเปิดหา “ตึกนี้แหละและแค่ 10 ชั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วที่มันจะกลายเป็นสำนักงานใหญ่ของฮาร์ดี้กรุ๊ป แถมมันยังมีแสงไฟจากนีออนดวงใหญ่ประดับอยู่บนหลังคาอีกด้วย”
สำหรับเหตุผลที่เขาเช่าแต่ไม่ซื้อก็เพราะฮาร์ดี้ไม่ชอบที่นี่ เพราะในสายตาของเขาอาคารเหล่านี้น่าเกลียดมาก
เขาปิดแฟ้มส่งต่อให้แอนดี้ ก่อนที่ฮาร์ดี้จะพูดว่า “ในอนาคตเราจะสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ของฮาร์ดี้กรุ๊ปที่ลอสแอนเจลิส เพราะยังไงที่ดินที่นั่นฉันก็มีเหลือเฟือ แต่ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลอะไรเดี๋ยวเรื่องนี้เรามาคุยกันทีหลัง”
เมื่อเขาพูดจบฮาร์ดี้ก็มองไปที่แอนดี้ก่อนจะยิ้มออกมา “แอนดี้จากนี้ไปนายจะต้องรับตำแหน่งประธานของฮาร์ดี้กรุ๊ป และมันก็มีแค่นายเท่านั้นที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุด”
“ขอบคุณมากครับบอส! สำหรับความไว้วางใจและก็ไม่ต้องห่วงผมจะจัดการมันให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”
“ดี! งั้นต่อไปนายก็จัดหาผู้บริหารคนอื่นๆ ของฮาร์ดี้กรุ๊ปด้วยตัวเองได้เลย ยังไงเรื่องนี้นายก็ทำได้ดีกว่าฉัน” ฮาร์ดี้ยิ้มและตบไหล่แอนดี้
…
หลังจากที่ไม่ได้เจอเทย์เลอร์เป็นเวลานาน ฮาร์ดี้ก็เลยโทรหาเธอก่อนจะชวนเธอให้ออกไปเล่นด้วยกัน
ซึ่งเทย์เลอร์ก็มีความสุขมากที่ได้รับสายของเขาและเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อแต่งหน้าหลังจากได้ยินฮาร์ดี้ชวน
ซาร่าห์แม่ของเธอก็ตามไปที่ห้องและช่วยเทย์เลอร์เลือกเสื้อผ้าด้วย
“ลูกจะใส่ชุดไหนดี หืม?”
เทย์เลอร์เลือกกระโปรงยาวและเสื้อสเวตเตอร์แคชเมียร์หลวมๆ พร้อมกับจับคู่กับหมวกขนสัตว์ขนาดเล็ก
ซึ่งมันก็ทำให้เธอกลายเป็นหนูน้อยขี้เล่นและดูน่ารักในเวลาเดียวกัน
ไม่นานรถของฮาร์ดี้ก็มาจอดที่หน้าบ้านของเทย์เลอร์และเทย์เลอร์ก็รีบวิ่งมาหาเขาด้วยท่าทางมีความสุข
ก่อนที่จะเปิดประตูรถรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ซาร่าห์นั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตูมองดูลูกสาวของเธอเข้าไปในรถและเมื่อลูกสาวของเธอเข้าไปในรถแล้ว…
เธอก็ได้เห็นว่าลูกสาวของเธอนั้นกำลังจูบกับฮาร์ดี้
หัวใจของซาร่าห์สั่นไหวเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น
เพราะยังไงอุดมคติดั้งเดิมของเธอก็คือการทำให้ลูกสาวของเธอมีชื่อเสียงและจากนั้นก็แต่งงานกับคนร่ำรวยในชนชั้นสูง ซึ่งฮาร์ดี้ก็ปรากฏตัวและตกเป็นเป้าหมายของซาร่าห์ในเวลานั้น
โดยเธอนั้นก็คิดว่าลูกสาวของเธออาจจะจับฮาร์ดี้ได้
แถมแค่ผ่านไปไม่กี่ปีฮาร์ดี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนเกินความคาดหมายของเธอไปแล้ว
เวลานี้ฮาร์ดี้ได้กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีอำนาจ มีเงินและไกลเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้…
“ฉันคิดถึงคุณมากเลยค่ะ…” เทย์เลอร์พูดออกมา พร้อมกับจับแขนของฮาร์ดี้ไว้
“ฮ่าๆ แล้วเธออ่านบทเป็นยังไงบ้าง? และการถ่ายทำเรื่อง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ก็จะเริ่มถ่ายทำในอีกหนึ่งเดือนที่จะถึงใช่ไหม?” ฮาร์ดี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“บทก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่ค่ะ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากร้องเพลงด้วย หนูก็เลยอยากร้องด้วยตัวเองเลยไปหาครูสอนร้องเพลงมืออาชีพให้มาติวให้หนูด้วย!” เทย์เลอร์กล่าว
“หือ? ถ้าทำไม่ไหวก็พากย์เสียงเอาสิ”
“ไม่เอา! หนูอยากทำมันด้วยตัวเอง” เทย์เลอร์ตอบกลับด้วยท่าทางดื้อดึง
ผ่านไปสักพักทั้งสองก็แวะไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และซื้อของหลายอย่างจากนั้นก็ตรงไปที่คฤหาสน์ของฮาร์ดี้
ซึ่งทั้งสองก็ทำแค่นั่งคุยกันในคฤหาสน์ และเทย์เลอร์ก็สนุกกับการที่ได้พักผ่อนสบายๆ แบบนี้
…
เทย์เลอร์นั้นกลับดึกมาก
เมื่อเธอขึ้นไปชั้นบนซาร่าห์ก็จ้องมองไปที่ลูกสาวของเธอเป็นเวลานาน
‘โชคดีที่ไม่มีอะไรผิดปกติ’
…
วันต่อมาฮาร์ดี้ได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับโนแลน โดยบอกว่าการถ่ายทำภาพยนตร์นั้นเสร็จสิ้นแล้ว และก็อยากเชิญให้มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้
เมื่อเขามาถึงพระเอกชายและหญิงไฮดี้รามากับเรแกนก็อยู่ที่นี้เช่นเดียวกับผู้บริหารระดับสูงของเอชดีพิคเจอร์
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นภาพยนตร์ในเมืองอย่างแท้จริง มันมีความยากในการผลิตที่ต่ำและมีเทคนิคพิเศษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และในเวลานี้เทคโนโลยีก็เติบโตขึ้นมากแล้ว มันก็เลยเป็นเรื่องง่ายขึ้นไปอีก
ภาพยนตร์เริ่มเล่นและทุกคนที่นี่ก็นั่งดูภาพยนตร์ด้วยกัน
เมื่อเพลงประกอบภาพยนตร์ ‘วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก’ เริ่มเล่นมันก็ดึงอารมณ์ความรู้สึกทันที
ถ้าต้องการพูดถึงความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ ฮาร์ดี้ก็จะยกเครดิตครึ่งหนึ่งให้กับเพลงประกอบภาพยนตร์
และมันก็เป็นหนึ่งในไม่กี่เพลงภาษาอังกฤษที่เขาจำได้
โดยเพลงนี้ร้องโดยนักร้องของเอชดีเรคคอร์ด ชื่อบิลเมดเลย์และบ๊อบบี้เฮทฟิลด์ ซึ่งฮาร์ดี้นั้นคิดว่าเสียงของทั้งสองค่อนข้างดี เขาก็เลยให้ทั้งสองมาร้อง
แน่นอนว่าผลที่ได้มันก็ดีมากจริงๆ
หลังจากที่ภาพยนตร์ฉายเสร็จ ฮาร์ดี้ก็ยืนขึ้นและปรบมือ แล้วคนอื่นๆ ก็ทำตาม
“มันเยี่ยมมาก และการแสดงของไฮดี้กับเรแกนก็น่าทึ่งมากจริงๆ ส่วนผู้กำกับโนแลนคุณนี่ฝีมือล้ำลึกเหมือนเคย ซึ่งผมก็เชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน”
หลังจากฟังความคิดเห็นของเจ้านายทุกคนมีความสุขมาก และฮาร์ดี้ก็มองไปที่เอ็ดเวิร์ดหลังจากพูดจบ “เอาไปทำวิดีโอโปรโมทสัก 5 นาที และนำไปโฆษณาที่สถานีโทรทัศน์เอบีซี พร้อมกับเอาเพลงประกอบภาพยนตร์ไปออกอากาศบางช่วงเวลา”
“แล้วในภายหลังให้สถานีวิทยุทำอัลบั้มออกมาด้วย เพราะในอนาคตผู้คนจะนิยมฟังวิทยุกันมากขึ้น และเราก็จะใช้ช่องทางนี้สำหรับการโปรโมท”
“สำหรับการเปิดตัว ให้ไปหาเอ็มจีเอ็มได้เลย เดี๋ยวฉันจะโทรหาเมเยอร์ให้” ฮาร์ดี้จัดการเรื่องต่างๆ อย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาไปถึงสำนักงานของตัวเอง เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเมเยอร์และเมื่อการโทรถูกเชื่อมต่อ ฮาร์ดี้ก็พูดว่า “คุณเมเยอร์ ตอนนี้ภาพยนตร์ ‘วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก (Ghos)’ ถ่ายทำเสร็จแล้ว และก็พร้อมที่จะเปิดตัว ผมเลยอยากให้เอ็มจีเอ็มช่วยเหลือสักหน่อย”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันไปบอกแผนกจัดจำหน่ายให้ติดต่อไปเอชดีพิคเจอร์เอง”
หลังจาก เมเยอร์พูดจบเขาก็เปลี่ยนเรื่องก่อนจะพูดว่า “ฮาร์ดี้ ฉันไปคุยกับเพื่อนมาแล้ว และพวกเขาก็จะขอเพิ่มหุ้นส่วนเข้ามาอีก 2 คน รวมเป็นทั้งหมดเจ็ดคนแล้วเวลานี้ และนายอยากเจอพวกหุ้นส่วนคนอื่นๆ ไหม?” “
ฮาร์ดี้คิดในใจ ‘ถึงเวลาที่จะต้องพบกันแล้วสินะ’
“ไม่มีปัญหา แต่ผมขอรู้ได้ไหมว่าพวกเขาเป็นใครบ้าง?” ฮาร์ดี้ถาม
“ธนาคารแห่งอเมริกา”
‘อืม ตัวใหญ่เลยนะนี้’
ต้องบอกก่อนว่าเวลานี้ธนาคารแห่งอเมริกานั้นเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในชายฝั่งตะวันตก และดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้กลิ่นเงินอันหอมหวานที่ลาสเวกัสสินะ
“เมอร์ซี่ฟาร์มาซูติคอลส์”
ฮาร์ดี้รู้จักบริษัทยานี้ โดยมันเป็นของบริษัทเภสัชกรรมอันดับต้นๆ ของสหรัฐ และบริษัทนี้ก็เป็นบริษัทที่ผลิตเพนิซิลินในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
“บริษัทผลิตภัณฑ์การเกษตรคร็อกเกอร์”
ฮาร์ดี้เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้เช่นกัน
กล่าวกันว่ามันเป็นผู้จัดหาสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดในตะวันตก โดยผูกขาดการจัดหาสินค้าเกษตรหลายชนิด รวมถึงนม ผัก แป้ง น้ำตาล เนื้อวัว ปลา และอื่นๆ
“บริษัทเป๊ปซี่ โคล่า”
เมื่อได้ยินชื่อฮาร์ดี้เขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย เพราะชื่อนี่การันตีได้เลย
แต่ต้องบอกก่อนว่าเป๊ปซี่ในยุคนี้จะไม่เหมือนยุคอนาคต มันเอาไปเทียบกับโคคา-โคล่าไม่ได้เลย และก็แข็งแกร่งแค่หนึ่งในสิบของโคคาโคล่าเท่านั้น
“บริษัทผลิตเครื่องบินล็อกฮีด”
ฮาร์ดี้คิดในใจ ‘บริษัทนี้ก็มาด้วยเหรอ?’
ต้องบอกก่อนว่าล็อกฮีดในปัจจุบันนี้ ยังไม่ใช่ล็อกฮีดมาตินและก็ยังไม่ได้ดำเนินการผลิตเครื่องบิน F22 กับ F35 ซึ่งเวลานี้พวกเขานั้นเป็นแค่ซัพพลายเออร์จำหน่ายอาวุธธรรมดาๆ
แต่หลังจากได้ยินชื่อเหล่านี้ ฮาร์ดี้ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
‘สมาคมแคลิฟอร์เนีย’
‘อย่าบอกนะว่าบริษัทเหล่านี้จะเป็นสมาชิกของสมาคมแคลิฟอร์เนีย?’
ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำเงินโดยเฉพาะ มันจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเรียกว่ากลุ่มบริษัท
อย่างไรก็ตามพวกเขามีจุดประสงค์อื่นหรือไม่?
“ฮาร์ดี้ ตอนนี้เรามีหุ้นส่วนเยอะขึ้นแล้ว และทุกคนก็เสนอความคิดที่จะเพิ่มการลงทุนเข้ามาเพิ่มอีก ดังนั้นถ้าเราต้องการสร้างคาสิโนแห่งใหม่ เราก็วางแผนที่ใช้เงินลงทุนจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างคาสิโนสุดหรูขึ้นมา” เมเยอร์กล่าว
100 ดอล??
ผมน่าจะตกคำว่า ‘ล้าน’ ไปแน่ๆ