ตอนที่ 1 เดียวดายภายใต้ท้องฟ้า
จินมูวอนลืมตาขึ้นและเขาก็รู้สึกผิดปกติทันทีเพราะโลกที่เขามองเห็นตอนนี้มันดูเบลอๆ ไปหมด
นั่นเป็นเพราะดวงตาเล็กๆ ของเขานั้นมีความชื้นอะไรบางอย่างครอบคลุมอยู่
แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลั้นน้ำตาไว้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำมันได้
ราวกับว่าท่อน้ำตาของเขาได้รับความเสียหายบางอย่าง
จินมูวอนเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ และเขาก็คิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะร้องไห้
เด็กน้อยวัยสิบสามปีสาบานกับตัวเองว่าจะไม่หลั่งน้ำตาอีกแล้ว…
ทว่าทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็ยื่นมือใหญ่ออกมาลูบหัวของจินมูวอน
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองชายที่ลูบหัวเขา
เขาก็ได้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของชายคนนั้น แต่ใครๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกและความสิ้นหวังของเขา
ชายคนนั้นคุกเข่าลงและสบตากับจินมูวอน
“ลูกชาย…จากนี้ไปเจ้าต้องอยู่ตามลำพังแล้ว”
“ท่านพ่อ!”
“ข้าขอโทษ…”
“ทำไมท่านถึงต้องพูดขอโทษข้าด้วย…?”
…
ชายคนนี้พยักหน้าให้จินมูวอนและจับไหล่เขา
“ลูกน่าจะเข้าใจดี และพ่อก็ขอโทษ แต่จากนี้ไปเจ้าคือเจ้าแห่งแดนเหนือแล้ว…”
จินมูวอนพยักหน้าตอบขณะที่ชายคนนั้นตบไหล่เขาเบาๆ กลับมา
ซึ่งชายคนนี้ก็รู้ได้ว่าไหล่ของลูกชายเขาสั่นแค่ไหน เพราะไม่ว่าเด็กชายคนนี้จะโตแค่ไหนเขาก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบสามปีที่ต้องการความคุ้มครองจากพ่อแม่
จินมูวอนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและหลีกเลี่ยงการจ้องมองของชายคนนั้น เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ร้องไห้อีก
“ทำไม ทำไม…พ่อที่เป็นหัวหน้าของหัวหน้าครอบครัวถึงต้องโดนอย่างนี้ แล้วมรดกอะไรที่ท่านทิ้งไว้ให้ข้ากันล่ะ?”
“ข้าขอโทษ…”
“ไม่ต้องขอโทษข้า คำขอโทษมันไม่เหมาะกับคนที่ยิ่งใหญ่อย่างพ่อของข้าหรอก”
“ข้าเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าข้าจะลืมไปแล้วว่าข้าเคยเป็นใคร…”
…
ชายคนนั้นลุกขึ้นยืนหลังตรง
ชื่อของเขาคนนี้ก็คือจินควันโฮและเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ ‘กำแพงแห่งทางเหนือ’ สำหรับบางคนเขาเป็นกำแพงแห่งความสิ้นหวัง แต่สำหรับบางคนเขาเป็นโล่ที่พึ่งพาได้มากที่สุด และคำว่า ‘ขอโทษ’ ก็ไม่เหมาะกับชายคนนี้
“ท่านเกลียดข้าไหม? ที่ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า”
“มันไม่เป็นไร อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องถูกกักขังด้วยหน้าที่อีกต่อไป ตอนนี้ข้าจะเป็นอิสระจากความรับผิดชอบทั้งหมดแล้ว”
“ผมดีใจที่ท่านคิดแบบนั้น”
จินควันโฮพยักหน้าแล้วมองออกไปนอกห้องของเขา
มีคนจำนวนมากในลานกว้างข้างหน้า พวกเขากำลังรอให้จินควันโฮออกมา
“ถึงเวลาแล้ว ข้าไม่ควรทำให้คนเหล่านี้ผิดหวัง และถ้าเป็นไปได้ข้าก็หวังว่านี่จะเป็นแค่ภาพลวงตา แต่เฮ้อ…”
เสียงเงียบสงบของจินควันโฮทำให้ดวงตาของจินมูวอนกระตุก
แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เข้าใจยาก โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรให้เยอะเลยด้วยซ้ำ
จิมมูวอนกัดริมฝีปากของเขา ริมฝีปากอันอ่อนโยนของเขาอ้าออกและเลือดก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากแผล แต่เขาก็ยังจ้องมองไปที่จินควันโฮราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย
พ่อของข้า
ขณะที่จินควันโฮเดินออกไปจินมูวอนก็เดินตามหลังเขาไป
เขาก็ได้เห็นว่าหลังของจินควันโฮนั้นกว้างและแข็งแรงกว่าคนอื่นๆ มาก และจินมูวอนก็เก็บประทับภาพของพ่อเขาไว้ในใจ
เมื่อชายคนนี้เดินเข้าไปที่ลานกวางจินมูวอนก็มองไปที่กองทัพที่รวมตัวกันอยู่ข้างหน้า
…
…
มันมีทั้งชายและหญิง ทุกช่วงอายุ การแต่งกายที่แตกต่างกันออกไป สิ่งเดียวที่พวกเขามีเหมือนกันคือความเฉียบคมในดวงตาของพวกเขา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ขัดขวางไม่ให้คนเหล่านี้ก้าวไปข้างหน้าคือนักรบไม่กี่คนที่ยังคงภักดีต่อกำแพงทางเหนือ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นเพียงเทียนในสายลม ต่อหน้ายอดฝีมือเหล่านี้
สายตาแหลมคมของพวกเขาจ้องมองไปที่จินควันโฮ
และจินควันโฮก็จ้องมองกลับไปที่พวกเขาทีละคน ในหมู่พวกเขามีบางคนที่ไปทางอื่นทันที ราวกับว่าได้ทำความผิดบางอย่าง แต่แน่นอนว่ามันก็มีบางคนที่จ้องกลับมาที่จินควันโฮพร้อมกับเจตนาฆ่า พวกเขาเหล่านี้ทั้งหมดมีบางคนที่จินควันโอรู้จักและก็ยังสนิทกับจินมูวอนมาก
จินควันโฮกระซิบกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้เหล่าจอมยุทธ์จากทั่วทุกมุมโลกจะมาร่วมตัวกันที่นี่สินะ แล้วข้าควรจะคิดว่านี่เป็นเกียรติของข้าหรือไม่?”
เป็นความจริงที่ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหมดนั้นมารวมตัวกันที่ลานกว้างแห่งนี้ และก็มีหลายคนที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ
ผู้ฝึกยุทธ์เก้าคนยืนอยู่ที่หน้ากองทัพกลุ่มนี้ แล้วคนที่อายุน้อยที่สุดก็คือนักรบในวัยสามสิบปี ส่วนคนที่อายุมากที่สุดนั้นเป็นนักบวชในวัยเจ็ดสิบ เพราะลมปราณของพวกเขานั้นมากเกินกว่าที่คนๆ อื่นมีอยู่ในร่างกาย
แล้วก็มีเพียงคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเท่านั้นที่มีลมปราณอันน่ากลัวเช่นนี้ จินควันโฮมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “ตามที่คาดไว้ว่าพันธมิตรสวรรค์อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ ข้าอดที่จะประทับใจไม่ได้จริงๆ”
“จินควันโฮ…”
ชายวัยหกสิบก้าวไปข้างหน้า โดยเขามีลักษณะคล้ายกับคนธรรมดาที่เหมือนกับผู้คนทั่วไป แต่ดวงตาของเขานั้นดิ่งลึกยิ่งกว่ามหาสมุทรซะอีก
และคนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา เพราะพวกเขารู้สึกว่าชายคนนี้จะสามารถมองทะลุพวกเขามาได้
…
“ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลซอมุนผู้มีชื่อเสียงฉายา ‘จูเก๋อเหลียง(ข้งเบง)’ งั้นเหรอ”
จินควันโฮจำชายคนนี้ได้ทันที
ชื่อจริงของชายชราก็คือซอมุนฮวา เขาเป็นอัจฉริยะที่นำตระกูลขุนนางอันตกต่ำให้กลับมามีชื่อเสียง ว่ากันว่าเขานั้นรู้ทุกอย่างและเข้าใจกฎของธรรมชาติอย่างถ่องแท้ ภูมิปัญญาทั้งหมดของโลกถูกบรรจุอยู่ในสมองเล็กๆ ของเขา
เขาได้ส่งต่อบทบาทของหัวหน้าครอบครัวให้กับลูกชายของเขาและกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล พร้อมกับเป็นหนึ่งในสำนักพันธมิตรสวรรค์ด้วย วันนี้ซอมุนฮวาและสมาชิกอีกแปดคนของสำนักพันธมิตรสวรรค์ได้มาบดบังดินแดนทางเหนือแห่งนี้แล้ว
“ทำไมเจ้าถึงทรยศเราละจินควันโฮ?”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านหมายถึงอะไรผู้อาวุโสซอมุน”
“เจ้าจะปฏิเสธสิ่งที่เจ้าทำลงไปอย่างนั้นเหรอ? เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูของเรา ราตรีสงัด”
…
“ฮ่าๆๆ ซอมุนท่านภูมิใจกับคำโกหกที่ตัวเองพูดขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ? ท่านถึงกับกล่าวหาว่าข้านั้นสมรู้ร่วมคิดกับราตรีสงัดหรือ? ช่างเป็นเรื่องบ้าบ้อที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมาเลย”
“สี่เสาหลักของกองทัพดินแดนเหนือได้บอกข้าหมดทุกอย่าง แล้วเจ้าจะยังไม่สารภาพอีกงั้นหรือ?”
จินควันโฮมองไปที่ชายทั้งสี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของกองทัพเหล่านี้ เนื่องจากพวกเขาอยู่ข้างหลังกองทัพ เขาก็เลยไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา
“เจ้าทั้งสี่คนละอายใจกับสิ่งที่ทำลงไปจนต้องหลบอยู่ข้างหลังคนอื่นอย่างนั้นหรือ?”
แม่ทัพฝ่ายเหนือ
พวกเขานั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของสี่เสาหลักของดินแดนเหนือ
และครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยเป็นเพื่อนของจินควันโฮ เป็นคนที่เขาเคยไว้วางใจ พร้อมกับที่พวกเขาก็เป็นโล่และหอกของดินแดนเหนือ ในท้ายที่สุดพวกเขาก็เลือกที่จะทรยศต่อจินควันโฮและดินแดนเหนือ ผู้ติดตามหลายคนของดินแดนเหนือก็ได้ทรยศต่อเขาเช่นกัน…
“พวกเจ้าช่างน่าสมเพชจริงๆ…”
…
ทันใดนั้นจินควันโฮก็หันไปมองจินมูวอนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา
ลูกชายของเขายืนนิ่งเงียบและใจเย็นมากกว่าคนอื่นๆ ในลานกว้างนี้ซะอีก อย่างไรก็ตามจินควันโฮก็รู้ดีว่าลูกของเขากำลังอดทนกับมันอยู่ เพราะไหล่ที่สั่นเทาของจินมูวอนเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้ว
และไม่ว่าเขาจะเด็ดเดี่ยวเพียงใด เขาก็ยังอายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น เขายังเด็กเกินไปที่จะต้องมาเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นนี้
จินควันโฮวางมือไปที่ไหล่ของลูกชายของเขา และจินมูวอนก็เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อที่เป็นทุกอย่าง
ซึ่งดวงตาสีดำสนิทของลูกชายก็เป็นคำพูดออกมาแล้วมากกว่าพันคำ
ขอโทษจริงๆ ลูกชายข้า
จินควันโฮปล่อยลูกชายของเขาและก้าวไปข้างหน้าซอมุนฮวา มันทำให้สมาชิกของเก้านภารวมทั้งตัวซอมุนฮวาสะดุ้งทันที
“แล้วไม่ว่าข้าจะดิ้นรนมากแค่ไหน ข้าก็หนีกับดักของเจ้าไม่พ้นสินะ… แต่อย่างไรก็ตามนี่คือดินแดนเหนือ และถ้าข้านั้นยอมแพ้ หนึ่งในสามของพื้นที่รกร้างแห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่ไม่สามารถอยู่ได้อย่างแท้จริง”
“งั้นแสดงว่าเจ้าจะต่อต้านใช่ไหมจินควันโฮ?”
ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซอมุนฮวา คนอื่นๆ ก็รู้สึกกังวลมากพอๆ กัน
เพราะถึงแม้ที่นี่จะใกล้ล่มสลาย แต่ที่นี่ก็ยังเป็นฐานบัญชาการของดินแดนเหนือ มันเป็นป้อมปราการที่ป้องกันราตรีสงัดนานนับร้อยปี มันจึงไม่น่าแปลกใจถ้าแถวนี้จะมีกับดักความตายอยู่ทุกที และเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่มันจะกวาดล้างหนึ่งในสามของกองกำลังของพวกเขา
แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือชายที่ชื่อจินควันโฮอยู่ที่นี่
และหากชายที่รู้จักกันในชื่อดินแดนเหนือพุ่งเข้าใส่พวกเขา มันก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกเขาจะมีชีวิตรอดไปได้
… …
สี่เสาหลักอาจทรยศเขา แต่มันก็ยังมียอดฝีมืออีกมากมายที่ภักดีต่อดินแดนเหนือ เพียงแค่คำพูดหนึ่งๆ ของจินควันโฮพวกเขาก็จะติดตามคนนี้ไปจนตาย
มันก็เลยทำให้ซอมุนฮวาและเก้านภาที่เป็นพันธมิตรสวรรค์รู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม แต่โดยไม่คาดคิดจินควันโฮก็เป็นคนที่ทำลายความตึงเครียดนี้ไป
“ข้าจะยุบดินแดนเหนือ…”
“เจ้าพูดจริงใช่ไหม?”
“ข้าไม่มีเหตุผลที่จะโกหกอยู่แล้ว”
จินควันโฮยิ้มให้ซอมุนฮวาที่กำลังทำหน้าบึ้งด้วยความสงสัย จินควันโฮมองขึ้นไปด้วยสีหน้าที่เหมือนกับว่ารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เก้านภาหน้าแดงด้วยความโกรธและหันไปทางอื่นเพื่อปกปิดความอับอายบนใบหน้า
แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของจินควันโฮก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่แม้จะเป็นแค่เพียงชั่วขณะ มันก็ทำให้เก้านภาถึงกับตกตะลึง
‘วันนี้กองทัพดินแดนเหนือจะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก’
… …
‘ตราบใดที่กองทัพดินแดนเหนือยังคงอยู่ เราก็ไม่สามารถควบคุมที่ราบภาคกลางได้’
เก้านภาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่ไม่รู้ว่าจินควันโฮจะรู้เจตนาที่แท้จริงของพวกเขาหรือไม่
เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกองทัพดินแดนเหนือจะไม่มีอีกแล้ว! นักรบแดนเหนือทุกคนสามารถออกจากกองทัพและใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ! นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายของข้าในฐานะของเจ้านายของพวกเจ้า!”
“ท่าน!”
“อ๊ากกก !”
นักรบของกองทัพแดนเหนือหลายคนที่ปะปนอยู่ในกองทัพเมื่อได้ยินเสียงของจินควันโฮพวกเขาก็เลือกที่จะฆ่าตัวตายทันที! และขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ความตาย น้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
จินควันโฮมองไปที่ซอมุนฮวา
“ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง?”
… …
“……”
“แต่ดูเหมือนว่านี่จะยังไม่เพียงพอสำหรับเจ้าสินะ…”
รอยยิ้มของจินควันโฮกว้างขึ้นขณะที่เขาพูด
เพราะสำหรับคนเหล่านี้มีเพียงผลลัพธ์เดียวที่พวกเขานั้นยอมรับ จินควันโฮตัดสินใจให้ตามที่พวกเขาต้องการทันที
ฮ่า!
จินควันโฮปลดปล่อยลมปราณของเขาขณะที่พายุเริ่มก่อตัวบริเวณนี้ เก้านภาหยิบอาวุธของพวกเขาขึ้นมาเตรียมตัวทันทีเพื่อที่จะต่อสู้กับเขา
ขณะที่ลมปราณของจินควันโฮเดินถึงจุดสูงสุด เขาก็ใช้ความแข็งแกร่งนั้นใส่ตัวเองทันที ร่างกายของเขาสั่นสะเทือนจากแรงกระแทกที่รุนแรง
“ท่านพ่อ!”
จินมูวอนวิ่งไปหาพ่อที่ล้มลงและอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน เสื้อผ้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดของจินควันโฮอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกก!”
เก้านภาถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาทุกคนรู้ว่าจินควันโฮทำอะไรกับตัวเอง เขานั้นได้ย้อนพลังลมปราณใส่ตัวเองทำให้หลอดเลือดทั้งหมดของจินควันโฮได้ระเบิดออก และด้วยหลอดเลือดหัวใจที่เสียแม้แต่เทพเจ้าก็ไม่สามารถช่วยจินควันโฮได้แล้ว
…
จินควันโฮมองไปที่ซอมุนฮวาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดที่แตกออกมา
“เจ้าพอใจหรือยัง…ตอนนี้?”
ทุกคนในกองทัพรวมถึงซอมุนฮวาต่างก็ตกตะลึงและพูดไม่ออกจากการที่ได้เห็นร่างกายของจินควันโฮที่เต็มไปด้วยเลือด
ชายคนนี้ถึงกับเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองแทนที่จะสู้…
การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของจินควันโฮถึงกับทำให้ทหารหลายคนล้มลงด้วยความตกใจ แม้แต่ซอมุนฮวาก็ยังกัดริมฝีปากด้วยความหวาดกลัว
สายตาของซอมุนฮวาจับจ้องไปที่จินมูวอน
“ข้าจะตายอยู่กับครอบครัวของข้าเท่านั้น!”
…
มันยากที่ซอมุนฮวาจะจากไปแบบนี้ แต่ถ้าเขาลงมือทหารที่เหลือก็จะไม่เห็นด้วยกับเขาแน่นอน
“พวกเจ้าทุกคน กลับไปได้แล้ว!” ซอมุนฮวาตะโกน
จินควันโฮยิ้มให้ลูกชายขณะที่เขาอยู่ในอ้อมแขน หัวใจของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และเวลานี้ก็ไม่มีร่องรอยของชีวิตบนใบหน้าซีดเซียวของเขาแล้ว การที่เขายังยืนอยู่ได้ในเวลานี้มันก็เพราะพลังปราณอันทรงพลังของเขานั้นเอง แต่ทุกอย่างมันก็มีขีดจำกัดของมัน…
“ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ ลูกชายของข้า”
“ท่านพ่อ!”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่อิสระ”
…
เมื่อพูดจบเขาก็เสียชีวิตลงพร้อมกับรอยยิ้ม
จินมูวอนจ้องมองไปที่ใบหน้าของพ่อของเขาเป็นเวลานาน แม้ว่าพ่อของเขาจะเสียชีวิตด้วยหัวใจที่เสียหาย แต่ใบหน้าของเขาก็ดูไม่เหมือนคนตายเลย จินมูวอนยื่นมืออันสั่นเทาของเขาไปปิดตาของท่านพ่อ…
และเขาก็อุ้มศพของพ่อขึ้นก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตอนนี้ข้าอยู่ตัวคนเดียวแล้วสินะ… ข้านั้นต้องอยู่เดียวดายภายใต้ท้องฟ้าที่ไม่มีสิ้นสุดนี้…
เหล่าทหารจ้องมองไปที่จินมูวอนอย่างเงียบๆ โดยพวกเขานั้นก็ได้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต
ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก…